2010–2019
อำนาจฐานะปุโรหิต
เมษายน 2011


อำนาจฐานะปุโรหิต

ขอให้เราเป็นผู้รับที่มีค่าควรต่ออำนาจศักดิ์สิทธิ์ของฐานะปุโรหิตที่เราดำรงอยู่ … ขอให้อำนาจนี้เป็นพรแก่ชีวิตเราและขอให้เราใช้อำนาจนี้เป็นพรแก่ชีวิตผู้อื่น

ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนและศึกษาเป็นเวลานานเกี่ยวกับสิ่งที่จะพูดในค่ำคืนนี้ ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาทำให้ผู้ใดขุ่นเคือง ข้าพเจ้าคิดว่า “เรามีการท้าทายอะไรบ้าง สิ่งใดที่ข้าพเจ้ารับมือทุกวันซึ่งทำให้ข้าพเจ้าร้องไห้จนดึกในบางครั้ง” ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะลองพูดถึงปัญหาเหล่านั้นสักสองสามเรื่องในค่ำคืนนี้ บางเรื่องจะเกี่ยวข้องกับชายหนุ่ม บางเรื่องจะเกี่ยวข้องกับวัยกลางคน บางเรื่องจะเกี่ยวข้องกับผู้ที่เลยวัยกลางคนไปเล็กน้อย แต่เราจะไม่พูดถึงวัยสูงอายุ

ข้าพเจ้าจึงต้องการเริ่มด้วยการบอกกับท่านว่า นับเป็นเรื่องดีที่เราได้อยู่ด้วยกันในค่ำวันนี้ เราได้ฟังข่าวสารอันยอดเยี่ยมและเหมาะกับช่วงเวลาเกี่ยวกับฐานะปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ากับท่านต่างรู้สึกอิ่มเอมใจและได้รับแรงบันดาลใจ

ค่ำคืนนี้ข้าพเจ้าต้องการพูดเรื่องที่เปี่ยมล้นอยู่ในใจข้าพเจ้าในช่วงไม่นานมานี้และเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าต้องแบ่งปันกับท่าน เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับความมีค่าควรส่วนตัวซึ่งต้องมีเพื่อจะได้รับและใช้อำนาจศักดิ์สิทธิ์ของฐานะปุโรหิตที่เราดำรงอยู่

ข้าพเจ้าขอเริ่มด้วยการอ่านจากภาค 121 ในพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญา

“สิทธิของฐานะปุโรหิตเกี่ยวข้องกับอำนาจแห่งสวรรค์อย่างแยกจากกันไม่ได้, และ … อำนาจแห่งสวรรค์จะถูกบังคับหรือควบคุมไม่ได้นอกจากตามหลักธรรมแห่งความชอบธรรมเท่านั้น.

“ว่าสิทธิเหล่านั้นจะประสาทบนเราทั้งหลายก็จริงอยู่; แต่เมื่อเราพยายามปกปิดบาปของเรา, หรือสนองความพอใจให้แก่ความจองหองของเรา, ความทะเยอทะยานอันถือดีของเรา, หรือใช้การควบคุมหรืออำนาจการปกครองหรือการบังคับจิตวิญญาณของลูกหลานมนุษย์, ในความไม่ชอบธรรมระดับใดก็ตาม, ดูเถิด, สวรรค์ย่อมถอนตัว; พระวิญญาณของพระเจ้าเศร้าโศก; และเมื่อถอนตัว, ย่อมเอเมนกับฐานะปุโรหิตหรือสิทธิอำนาจของชายผู้นั้น”1

พี่น้องทั้งหลาย นั่นคือคำขาดจากพระเจ้าเกี่ยวกับสิทธิอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าพันธะผูกพันจากข้อความนี้อยู่บนเราแต่ละคนผู้ดำรงฐานะปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า

เรามาอยู่บนแผ่นดินโลกในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยปัญหา เข็มทิศทางศีลธรรมของคนหมู่มากค่อยๆ เบนไปชี้ในตำแหน่ง “ทำได้แทบทุกสิ่งทุกอย่าง”

ข้าพเจ้ามีชีวิตมานานพอที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของศีลธรรมในสังคมมามาก ครั้งหนึ่งมาตรฐานของศาสนจักรกับมาตรฐานของสังคมสอดคล้องกันแทบทุกอย่าง แต่บัดนี้มีช่องกว้างระหว่างเรา ซึ่งกำลังกว้างออกไปเรื่อยๆ

ภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์จำนวนมากสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมซึ่งตรงข้ามกับกฎของพระผู้เป็นเจ้าอย่างสิ้นเชิง อย่าปล่อยให้ตนเองตกอยู่ภายใต้ความสกปรกซึ่งมักจะแอบแฝงอยู่และเห็นได้ชัดในสิ่งเหล่านั้น เนื้อเพลงในบทเพลงยุคปัจจุบันส่วนใหญ่จัดอยู่ในประเภทเดียวกัน การลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ดาษดื่นรอบตัวเราทุกวันนี้คงไม่เป็นที่ทนรับในอดีตที่ผ่านมาไม่นาน น่าเศร้าที่มีการออกพระนามของพระเจ้าอย่างไม่สมควรครั้งแล้วครั้งเล่า ฟื้นความจำกับข้าพเจ้าอีกครั้งกับพระบัญญัติ—หนึ่งในสิบข้อ—ซึ่งพระเจ้าทรงเปิดเผยต่อโมเสสบนภูเขาซีนาย “อย่าออกพระนามพระเจ้าของเจ้าอย่างไม่สมควร เพราะผู้ที่ออกพระนามพระองค์อย่างไม่สมควรนั้น พระเจ้าจะทรงถือว่าไม่มีโทษก็หามิได้”2 ข้าพเจ้าเสียใจที่เราหลายคนยังคงพูดจาลบหลู่ ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านเลิกใช้คำพูดเหล่านั้น ข้าพเจ้าวิงวอนท่านไม่ให้พูดหรือทำสิ่งใดก็ตามที่ท่านไม่อาจภาคภูมิใจได้

จงอยู่ห่างจากสื่อลามกโดยสิ้นเชิง อย่าปล่อยให้ตนเองดูแม้แต่ครั้งเดียว เพราะมีการพิสูจน์แล้วว่านี่เป็นการเสพติดซึ่งยากยิ่งนักที่จะเอาชนะได้ จงหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบหรือยาเสพติดอื่นๆ ทุกชนิด รวมทั้งการเสพติดทั้งหลายซึ่งท่านคงเลิกได้ยาก

สิ่งใดเล่าที่จะปกป้องท่านจากบาปและความชั่วร้ายรอบตัวท่าน ข้าพเจ้ายังยืนยันว่าประจักษ์พยานที่เข้มแข็งในพระผู้ช่วยให้รอดของเราและพระกิตติคุณของพระองค์จะช่วยนำท่านไปสู่ความปลอดภัย หากท่านยังไม่ได้อ่านพระคัมภีร์มอรมอน จงอ่านเถิด ข้าพเจ้าจะไม่ขอให้ท่านยกมือ หากท่านอ่านร่วมกับการสวดอ้อนวอนและด้วยความปรารถนาอย่างแท้จริงที่จะรู้ความจริง พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงแสดงความจริงนั้นต่อท่าน หากพระคัมภีร์เป็นความจริง—ซึ่งก็ เป็นเช่นนั้น—โจเซฟ สมิธย่อมเป็นศาสดาพยากรณ์ ซึ่งเห็นพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ศาสนจักรย่อมเป็นความจริง หากท่านยังไม่มีประจักษ์พยานถึงสิ่งเหล่านี้ จงทำสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ได้รับประจักษ์พยานนี้ เป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่ท่านจะมีประจักษ์พยานของตนเอง เพราะประจักษ์พยานของผู้อื่นจะพยุงท่านไปได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น เมื่อได้รับมาแล้ว ต้องรักษาประจักษ์พยานนั้นให้มีชีวิตคงอยู่ต่อไปโดยผ่านการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าและการสวดอ้อนวอนตลอดจนการศึกษาพระคัมภีร์เป็นประจำ จงไปโบสถ์ ท่านที่เป็นเยาวชนชายจงเข้าร่วมเซมินารีหรือสถาบันหากมีชั้นเรียนเปิดให้ท่าน

หากมีสิ่งใดไม่ถูกต้องเหมาะสมในชีวิตท่าน มีทางออกเปิดให้ท่านเสมอ จงยุติความไม่ชอบธรรมทั้งปวง พูดคุยกับอธิการของท่าน ไม่ว่าปัญหานั้นคืออะไรย่อมแก้ไขได้โดยผ่านการกลับใจที่ถูกต้อง ท่านสามารถกลับมาสะอาดได้อีกครั้ง พระเจ้าตรัสเกี่ยวกับผู้ที่กลับใจว่า “ถึงบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้ม ก็จะขาวอย่างหิมะ”3 “และเรา, พระเจ้า, ไม่จำมันอีก”4

พระผู้ช่วยให้รอดของมนุษยชาติทรงอธิบายพระองค์เองว่าทรงอยู่ในโลกแต่ทรงมิใช่ของโลก5 เราสามารถอยู่ในโลกแต่ไม่เป็นของโลกได้เช่นกันเมื่อเราปฏิเสธแนวคิดและคำสอนผิดๆ และแน่วแน่ต่อสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา

ระยะนี้ข้าพเจ้าคิดหนักเกี่ยวกับท่านที่เป็นชายหนุ่มในวัยแต่งงานแต่ยังไม่อยากแต่งงาน ข้าพเจ้าเห็นหญิงสาวที่สวยงามผู้ปรารถนาจะแต่งงานและเลี้ยงดูครอบครัว แต่โอกาสของพวกเธอมีจำกัดเพราะชายหนุ่มจำนวนมากยืดเวลาการแต่งงานออกไป

นี่ไม่ใช่สถานการณ์ใหม่ เรื่องนี้เคยพูดกันมาหลายต่อหลายครั้งโดยประธานศาสนจักรในอดีต ข้าพเจ้าจะแบ่งปันคำแนะนำจากท่านเหล่านั้นสักหนึ่งหรือสองตัวอย่าง

ประธานฮาโรลด์ บี. ลี กล่าวว่า “เรากำลังละเลยหน้าที่ของเราในฐานะผู้ดำรงฐานะปุโรหิตเมื่อเราปล่อยชีวิตให้ล่วงเลยวัยที่แต่งงานได้และยับยั้งตนเองจากการแต่งงานอันมีเกียรติกับสตรีที่สวยงามเหล่านี้”6

ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ กล่าวดังนี้ “ข้าพเจ้าเห็นใจ … พี่น้องสตรีโสดที่ปรารถนาจะแต่งงาน แต่ดูเหมือนจะไม่สมปรารถนา … ข้าพเจ้าเห็นใจชายหนุ่มน้อยกว่านั้นมาก พวกเขามีข้อได้เปรียบภายใต้ประเพณีสังคมที่จะเป็นฝ่ายเริ่มต้นในเรื่องเหล่านี้ แต่หลายคนกลับไม่ทำเช่นนั้น”7

ข้าพเจ้าทราบดีว่ามีเหตุผลหลายประการที่ทำให้ท่านอาจลังเลที่จะก้าวไปสู่การแต่งงาน หากท่านกังวลเรื่องการจัดหาด้านการเงินเพื่อเลี้ยงดูภรรยาและครอบครัว ข้าพเจ้ารับรองกับท่านว่าไม่ใช่เรื่องน่าละอายเลยที่จะต้องประหยัดอดออมในชีวิตคู่ โดยทั่วไประหว่างช่วงเวลาท้าทายนี้เองที่ท่านจะใกล้ชิดกันมากขึ้นขณะเรียนรู้การเสียสละและการตัดสินใจในเรื่องยากๆ บางทีท่านอาจจะกลัวการเลือกผิด ข้าพเจ้าบอกท่านเรื่องนี้ว่าท่านต้องใช้ศรัทธา หาใครสักคนที่เข้ากันได้ จงตระหนักว่าท่านจะไม่สามารถคาดการณ์ปัญหาทุกอย่างที่อาจเกิดขึ้น แต่จงมั่นใจว่าปัญหาแทบทุกอย่างแก้ไขได้หากท่านรู้วิธีหาทางออกและมุ่งมั่นที่จะทำให้ชีวิตแต่งงานของท่านดำเนินไปได้

ท่านอาจจะค่อนข้างสนุกมากเกินไปกับชีวิตโสด ใช้จ่ายวันหยุดพักร้อนอย่างฟุ่มเฟือย ซื้อรถยนต์และของเล่นราคาแพง โดยรวมแล้วแค่มีความสุขกับชีวิตไร้กังวลกับเพื่อนๆ ข้าพเจ้าพบพวกท่านหลายกลุ่มไปไหนมาไหนด้วยกัน ข้าพเจ้ายอมรับว่าข้าพเจ้าสงสัยว่าเหตุใดท่านจึงไม่ไปกับหญิงสาว

พี่น้องทั้งหลาย มีช่วงเวลาที่ท่านต้องคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับการแต่งงานและแสวงหาคู่ครองที่ท่านต้องการใช้ชีวิตด้วยกันชั่วนิรันดร์ หากท่านเลือกอย่างฉลาด และมุ่งมั่นที่จะทำให้ชีวิตแต่งงานประสบความสำเร็จ ย่อมไม่มีสิ่งใดในชีวิตนี้ที่จะนำความสุขมาให้ท่านได้มากกว่า

พี่น้องชายทั้งหลาย เมื่อท่านแต่งงาน ท่านจะปรารถนาที่จะแต่งงานในพระนิเวศน์ของพระเจ้า สำหรับท่านที่ดำรงฐานะปุโรหิต ท่านไม่ควรมีทางเลือกอื่น จงระวัง เกลือก ว่าท่านจะทำลายคุณสมบัติที่จะทำให้ท่านแต่งงานเช่นนั้นได้ ท่านสามารถรักษาระดับการคบหาให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมขณะยังคงมีช่วงเวลาที่มีความสุข

บัดนี้พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าจะพูดอีกเรื่องที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าต้องพูดกับท่าน ในช่วงเวลาสามปีที่ข้าพเจ้าได้รับการสนับสนุนให้เป็นประธานศาสนจักร ข้าพเจ้าคิดว่าหน้าที่รับผิดชอบที่เศร้าที่สุดและเหนื่อยใจที่สุดซึ่งได้รับมาทุกสัปดาห์คือจัดการเรื่องยกเลิกการผนึก แต่ละคนผ่านขั้นตอนการแต่งงานที่ปีติยินดีในพระนิเวศน์ของพระเจ้า ที่ซึ่งคู่สมรสที่เต็มไปด้วยความรักเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันและเฝ้าคอยที่จะใช้ชีวิตนิรันดร์ที่เหลือด้วยกัน และแล้ว เวลาก็ผ่านไปจากหลายเดือนเป็นหลายปี ด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง ความรักได้สิ้นสุดลง อาจเป็นผลจากปัญหาด้านการเงิน การขาดการสื่อสาร การไม่ควบคุมอารมณ์ การแทรกแซงจากญาติของอีกฝ่าย การพัวพันกับบาป มีเหตุผลนานัปการที่เป็นไปได้ ในกรณีส่วนใหญ่ การหย่าร้างไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้น

คำขอยกเลิกการผนึกส่วนใหญ่มาจากสตรีผู้พยายามด้วยความปรารถนาอย่างยิ่งให้ชีวิตแต่งงานประสบความสำเร็จ แต่สุดท้ายก็พบความจริงว่าไม่สามารถเอาชนะปัญหาเหล่านั้นได้

จงเลือกคู่ครองอย่างพิถีพิถันร่วมกับการสวดอ้อนวอน เมื่อท่านแต่งงาน ขอให้จงรักภักดีต่อกันมากๆ คำแนะนำล้ำค่าจากคำปฏิญาณในกรอบเล็กๆ ที่ข้าพเจ้าเห็นในบ้านคุณลุงคุณป้า มีข้อความว่า “เลือกคนที่รัก รักคนที่เลือก” มีคติสำคัญในคำไม่กี่คำเหล่านั้น การผูกมัดตนในชีวิตแต่งงานมีความสำคัญอย่างแท้จริง

ภรรยาของท่านเสมอภาคกับท่าน ในชีวิตแต่งงานไม่มีใครเหนือกว่าหรือด้อยกว่าอีกฝ่าย ท่านเดินเคียงคู่กันในฐานะบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า เธอไม่ควรถูกข่มหรือดูถูกแต่ควรได้รับความเคารพรัก ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ กล่าวว่า “ชายใดในศาสนจักรที่ … ใช้อำนาจปกครอง [ภรรยา] อย่างไม่ชอบธรรม ย่อมไม่มีค่าควรต่อการดำรงฐานะปุโรหิต แม้ว่าจะได้รับแต่งตั้งแล้วก็ตาม สวรรค์ย่อมถอนตัว พระวิญญาณของพระเจ้าจะโศกเศร้า และย่อมเอเมนกับสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตของชายผู้นั้น”8

ประธานฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์ กล่าวเกี่ยวกับการแต่งงานไว้ดังนี้ “โดยทั่วไปการแต่งงานอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จเป็นเรื่องของ การเป็นคนที่ถูกต้อง มากกว่าการแต่งงานกับคนที่ถูกต้อง” ข้าพเจ้าชอบคำพูดนั้น “ความพยายามอย่างตั้งใจที่จะทำส่วนของตนเองอย่างเต็มที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จ”9

หลายปีมาแล้วในวอร์ดที่ข้าพเจ้าควบคุมดูแลในฐานะอธิการ มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งที่มักจะขัดแย้งกันอย่างรุนแรงบ่อยๆ ข้าพเจ้าหมายถึงความขัดแย้งกันจริงๆ ต่างฝ่ายต่างมั่นใจในจุดยืนของตนเอง ไม่มีใครยอมใคร ในยามไม่ทะเลาะกัน พวกเขามีลักษณะที่ข้าพเจ้าเรียกว่าช่วงพักรบที่แสนอึดอัด

เช้าวันหนึ่งเวลาตีสอง ข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์จากสามีภรรยาคู่นี้ พวกเขาต้องการคุยกับข้าพเจ้า และต้องการคุยเดี๋ยวนั้น ข้าพเจ้าลากตนเองลงจากเตียงเพื่อแต่งตัวแล้วไปที่บ้านพวกเขา พวกเขานั่งอยู่กันคนละด้านของห้อง ไม่พูดจากัน ภรรยาสื่อสารกับสามีโดยพูดผ่านข้าพเจ้า เขาตอบเธอโดยผ่านข้าพเจ้าเช่นกัน ข้าพเจ้าคิดว่า “จะมีวิธีใดหนอที่ทำให้สามีภรรยาคู่นี้คุยกันได้”

ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอการดลใจ ความคิดเข้ามาในใจข้าพเจ้าให้ถามคำถามหนึ่งกับพวกเขา ข้าพเจ้าพูดว่า “นานเท่าไรแล้วที่คุณไปพระวิหารและเป็นพยานการผนึกในพระวิหาร” ทั้งคู่ยอมรับว่านานมากแล้ว แต่พวกเขามีค่าควรถือใบรับรองพระวิหารและไปพระวิหารเพื่อประกอบศาสนพิธีแทนคนอื่น

ข้าพเจ้าบอกพวกเขาว่า “คุณจะไปพระวิหารกับผมได้ไหม วันพุธเวลาแปดโมงเช้า เราจะไปเป็นพยานพิธีผนึกที่นั่น”

พวกเขาถามเป็นเสียงเดียวกันว่า “พิธีของใคร”

ข้าพเจ้าตอบว่า “ผมไม่รู้ พิธีของใครก็ได้ที่จะแต่งงานกันในเช้าวันนั้น”

ในวันพุธต่อมาตามเวลานัดหมาย เราพบกันที่พระวิหารซอลท์เลค เราสามคนเข้าไปในห้องผนึกที่สวยงามห้องหนึ่ง โดยที่ไม่รู้จักใครสักคนในห้องนั้นนอกจากเอ็ลเดอร์เอลเรย์ แอล. คริสเตียนเซ็น ผู้ช่วยโควรัมอัครสาวกสิบสองซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีอยู่ในเวลานั้น เอ็ลเดอร์คริสเตียนเซ็นมีกำหนดการประกอบพิธีผนึกให้คู่บ่าวสาวคู่หนึ่งในห้องดังกล่าวเช้าวันนั้น ข้าพเจ้ามั่นใจว่าเจ้าสาวกับครอบครัวต้องคิดว่า “สามคนนี้เป็นเพื่อนของเจ้าบ่าวแน่ๆ” และครอบครัวเจ้าบ่าวคงคิดว่า “สามคนนี้เป็นเพื่อนของเจ้าสาวแน่ๆ” คู่สามีภรรยาที่มากับข้าพเจ้านั่งห่างกันประมาณสองฟุต (0.6 ม.) บนม้านั่งยาวขนาดเล็ก

เอ็ลเดอร์คริสเตียนเซ็นเริ่มโดยให้คำแนะนำแก่คู่บ่าวสาวที่กำลังแต่งงาน ท่านทำได้อย่างงดงาม ท่านพูดถึงสามีว่าควรรักภรรยาของตน ควรปฏิบัติต่อเธอด้วยความเคารพและความสุภาพอ่อนโยน ให้เกียรติเธอในฐานะหัวใจของบ้าน จากนั้นจึงพูดกับเจ้าสาวว่าเธอควรให้เกียรติสามีในฐานะศีรษะของบ้านและเป็นแรงสนับสนุนเขาในทุกๆ ด้าน

ข้าพเจ้าสังเกตว่าขณะเอ็ลเดอร์คริสเตียนเซ็นพูดกับคู่บ่าวสาว คู่สามีภรรยาของข้าพเจ้าขยับเข้ามาใกล้กันเล็กน้อย ไม่นานพวกเขาก็นั่งติดกัน สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าดีใจคือทั้งคู่ขยับเข้ามาในระยะเท่าๆ กัน ก่อนพิธีจบ สามีภรรยาคู่นี้ก็นั่งชิดกันราวกับว่า พวกเขา เป็นคู่แต่งงานใหม่เสียเอง พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

เราออกจากพระวิหารในวันนั้นโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใครหรือมาทำไม แต่เพื่อนสองคนของข้าพเจ้าเดินจูงมือกันออกจากประตูหน้า ความแตกต่างของพวกเขาถูกพักเอาไว้ ข้าพเจ้าไม่ต้องพูดแม้แต่คำเดียว ท่านเห็นหรือไม่ พวกเขาจำได้ถึงวันแต่งงานของตนเองและพันธสัญญาที่ทำไว้ด้วยกันในพระนิเวศน์ของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งและพยายามมากขึ้นนับตั้งแต่วันนั้น

หากท่านคนใดกำลังประสบความยากลำบากในชีวิตแต่งงาน ข้าพเจ้าขอให้ท่านทำสุดความสามารถเพื่อแก้ไขเรื่องจำเป็นทุกอย่าง เพื่อที่ท่านจะมีความสุขเหมือนวันที่ชีวิตแต่งงานของท่านเริ่มต้น เราทั้งหลายที่แต่งงานในพระนิเวศน์ของพระเจ้าล้วนแต่งงานเพื่อกาลเวลาและชั่วนิรันดร เราจึงต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้เป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าทราบดีว่ามีสถานการณ์ที่ไม่อาจรักษาชีวิตแต่งงานไว้ได้ แต่ข้าพเจ้ารู้สึกอย่างยิ่งว่าการแต่งงานส่วนใหญ่รักษาไว้ได้และพึงรักษาไว้ อย่าปล่อยให้ชีวิตแต่งงานของท่านไปอยู่ในจุดที่อันตราย

ประธานฮิงค์ลีย์สอนว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเราแต่ละคนผู้ดำรงฐานะปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้าที่จะฝึกวินัยตนเองเพื่อให้เรายืนอยู่เหนือวิถีของโลก เป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่เราจะเป็นชายที่ดีและน่ายกย่อง การกระทำของเราต้องไม่มีใครมาตำหนิได้

คำพูดที่เราพูด วิธีที่เราปฏิบัติต่อผู้อื่น และวิธีที่เราดำเนินชีวิตล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อประสิทธิผลของเราในฐานะชายหรือเด็กชายที่ดำรงฐานะปุโรหิต

ของประทานแห่งฐานะปุโรหิตนั้นหาค่ามิได้ ของประทานนี้มีสิทธิอำนาจที่จะกระทำในฐานะผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า ให้พรคนป่วย ให้พรครอบครัวเราและให้พรผู้อื่น สิทธิอำนาจดังกล่าวสามารถมีผลต่อไปถึงหลังม่านแห่งความตาย เรื่อยไปจนถึงนิรันดร ไม่มีอะไรในโลกนี้เทียบได้กับฐานะปุโรหิต จงรักษา หวงแหน และดำเนินชีวิตให้มีค่าควรกับฐานะปุโรหิต10

พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า ขอให้ความชอบธรรมนำทางเราทุกย่างก้าวขณะเราเดินทางผ่านชีวิต ขอให้เราเป็นผู้รับที่มีค่าควรต่ออำนาจศักดิ์สิทธิ์ของฐานะปุโรหิตที่เราดำรงอยู่ ในวันนี้และตลอดไป ขอให้อำนาจนี้เป็นพรแก่ชีวิตเรา และขอให้เราใช้อำนาจนี้เป็นพรแก่ชีวิตผู้อื่น เฉกเช่นพระองค์ผู้ดำเนินพระชนม์ชีพและสิ้นพระชนม์เพื่อเรา—แม้พระเยซูคริสต์ พระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา นี่คือคำสวดอ้อนวอนของข้าพเจ้า ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ เอเมน