2010–2019
มีวิสัยทัศน์ที่จะทำ
เมษายน 2012


มีวิสัยทัศน์ที่จะทำ

ถ้าเราจะรุ่งเรืองมากกว่าพินาศ เราต้องมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับตนเองดังที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงเห็นเรา

เฉกเช่นบิดามารดาที่ประเสริฐทั้งปวง คุณพ่อคุณแม่ข้าพเจ้าปรารถนาให้ลูกมีอนาคตอันสดใส คุณพ่อข้าพเจ้าไม่ได้เป็นสมาชิก และเพราะว่าสถานการณ์ที่ไม่ปกติเกิดขึ้นในเวลานั้น คุณพ่อคุณแม่จึงตัดสินใจให้ข้าพเจ้ากับพี่น้องออกจากเกาะบ้านเกิดของเรา อเมริกันซามัวในแปซิฟิกตอนใต้ และเดินทางไปสหรัฐเพื่อไปเรียนหนังสือ

การตัดสินใจแยกจากเราเป็นเรื่องยากสำหรับคุณพ่อคุณแม่ โดยเฉพาะคุณแม่ พวกท่านรู้ว่าจะมีการท้าทายที่ไม่สามารถบอกได้รออยู่ขณะที่เราไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ อย่างไรก็ตาม ด้วยศรัทธาและปณิธาน พวกท่านดำเนินการตามแผน

เนื่องจากได้รับการเลี้ยงดูแบบวิสุทธิชนยุคสุดท้าย คุณแม่จึงคุ้นเคยกับหลักธรรมของการอดอาหารและการสวดอ้อนวอน ทั้งคุณพ่อและคุณแม่รู้สึกว่าต้องการพรจากสวรรค์เพื่อช่วยลูกๆ ของพวกท่าน ด้วยเจตนารมณ์ดังกล่าว พวกท่านจึงกำหนดวันหนึ่งในสัปดาห์เพื่ออดอาหารและสวดอ้อนวอนให้เรา วิสัยทัศน์ของพวกท่านคือเพื่อเตรียมลูกๆ ให้มีอนาคตอันสดใส พวกท่านทำตามวิสัยทัศน์ขณะใช้ศรัทธาของพวกท่านโดยแสวงหาพรของพระเจ้า โดยผ่านการอดอาหารและการสวดอ้อนวอนพวกท่านได้รับความมั่นใจ การปลอบโยน และสันติสุขว่าทุกอย่างจะดี

ท่ามกลางการท้าทายในชีวิต เราจะได้รับวิสัยทัศน์ที่จำเป็นต่อการทำสิ่งเหล่านี้ที่จะทำให้เราเข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอดได้อย่างไร พูดถึงวิสัยทัศน์ หนังสือสุภาษิตสอนเราถึงความจริงนี้ “ที่ใดๆ ที่ไม่มีการเผยธรรม ประชาชนก็ละทิ้งความยับยั้งชั่งใจเสีย” (สุภาษิต 29:18) ถ้าเราจะรุ่งเรืองมากกว่าพินาศ เราต้องมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับตนเองดังที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงเห็นเรา

พระผู้ช่วยให้รอดทรงเห็นศักยภาพในชาวประมงผู้นอบน้อม ผู้ที่พระองค์ทรงเรียกให้ตามพระองค์ มากกว่าที่ตัวพวกเขาเองจะมองเห็น พระองค์ทรงเห็นนิมิตของคนที่พวกเขาสามารถเป็นได้ พระองค์ทรงรู้ถึงคุณความดีและศักยภาพของพวกเขา พระองค์ทรงเรียกพวกเขา ในตอนแรกพวกเขาไม่มีประสบการณ์ แต่ขณะที่พวกเขาติดตาม พวกเขาเห็นแบบอย่างของพระองค์ สัมผัสถึงคำสอนของพระองค์ และกลายเป็นสานุศิษย์ของพระองค์ มีครั้งหนึ่งที่สานุศิษย์ของพระองค์ไปจากพระองค์เพราะสิ่งที่พวกเขาฟังนั้นยากสำหรับพวกเขา โดยที่พระองค์ทรงตระหนักว่าคนอื่นอาจจะไปด้วย พระเยซูทรงสอบถามอัครสาวกสิบสอง “ท่านทั้งหลายก็จะจากเราไปด้วยหรือ” (ยอห์น 6:67) คำตอบของเปโตรสะท้อนให้เห็นว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปและมีวิสัยทัศน์ว่าพระผู้ช่วยให้รอดคือใคร “พวกข้าพระองค์จะจากไปหาผู้ใดเล่า พระองค์มีถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์” (ยอห์น 6:68) เขาตอบ

ด้วยวิสัยทัศน์นี้ สานุศิษย์ที่ซื่อสัตย์และอุทิศตนเหล่านี้จึงสามารถทำสิ่งที่ยากได้ ขณะที่พวกเขาเดินทางไปสั่งสอนพระกิตติคุณและสถาปนาศาสนจักรหลังจากที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงจากไป ในที่สุด พวกเขาบางคนเสียสละอย่างสูงสุดเพื่อประจักษ์พยานของพวกเขา

มีแบบอย่างอื่นๆ ในพระคัมภีร์ของผู้ที่มีวิสัยทัศน์เรื่องพระกิตติคุณและจากนั้นดำเนินตามวิสัยทัศน์นั้น ศาสดาพยากรณ์แอลมามีวิสัยทัศน์เมื่อเขาฟังคำสอนและการเป็นพยานที่องอาจของอบินาไดต่อหน้ากษัตริย์โนอาห์ แอลมาทำตามคำสอนของอบินาไดและออกไปสอนในสิ่งที่เขาเรียนรู้ บัพติศมาผู้คนจำนวนมากที่เชื่อในถ้อยคำของเขา (ดู โมไซยาห์ 17:1–4; 18:1–6) ขณะที่ข่มเหงวิสุทธิชนในยุคแรกๆ อัครสาวกเปาโลเปลี่ยนใจเลื่อมใสบนถนนสู่ดามัสกัสและจากนั้นกระทำโดยการสอนและเป็นพยานถึงพระคริสต์ (ดู กิจการ 9:1–6, 20–22, 29)

ในสมัยของเรา ชายหนุ่ม หญิงสาว และคู่สามีภรรยาจำนวนมากได้ตอบรับการเรียกจากศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าให้รับใช้งานเผยแผ่ ด้วยศรัทธาและความกล้าหาญพวกเขาละทิ้งบ้านเรือนและทุกสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคยเพราะศรัทธาในความดีอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาสามารถทำได้ในฐานะผู้สอนศาสนา ขณะที่พวกเขากระทำตามวิสัยทัศน์ของพวกเขาที่จะรับใช้ พวกเขาเป็นพรให้แก่ชีวิตผู้คนจำนวนมาก และในกระบวนการนี้ ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนแปลง ในการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ผ่านมา ประธานโธมัส เอส. มอนสันขอบคุณเราสำหรับการรับใช้ที่เราทำให้กันและเตือนเราถึงความรับผิดชอบของเราที่จะเป็นพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าในการเป็นพรให้บุตรธิดาของพระองค์บนแผ่นดินโลกนี้ (ดู “จนเราเจอกันอีก” เลียโฮนา พ.ย. 2011 หน้า 139) สัมฤทธิผลของหน้าที่นี้เป็นที่น่าพอใจ ขณะที่สมาชิกของศาสนจักรกระทำตามวิสัยทัศน์นี้

ก่อนที่พระผู้ช่วยให้รอดจะจากไป พระองค์ทรงเข้าใจว่าเราจะต้องการความช่วยเหลือ พระองค์ตรัสว่า “เราจะไม่ละทิ้งท่านทั้งหลายไว้ให้เปล่าเปลี่ยว” (ยอห์น 14:18) พระองค์ทรงสอนสานุศิษย์ของพระองค์ว่า “องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว” (ยอห์น 14:26) นี่คือพระวิญญาณบริสุทธิ์องค์เดียวกันผู้ที่สามารถให้พลังอำนาจและกระตุ้นให้เราทำสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอด ศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกในยุคปัจจุบันของเราสอน

เช่นเดียวกับที่เรานำคำสอนของผู้นำเรามาปฏิบัติ เรามีความเข้าใจลึกซึ้งขึ้นถึงวิสัยทัศน์ของพระผู้ช่วยให้รอดที่มีให้เรา ตลอดการประชุมใหญ่ครั้งนี้ เราได้รับคำแนะนำที่ดลใจจากศาสดาพยากรณ์และอัครสาวก จงศึกษาคำสอนและไตร่ตรองสิ่งเหล่านี้ในใจของท่านขณะที่แสวงหาพระวิญญาณของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อช่วยให้ท่านมีวิสัยทัศน์ของคำสอนเหล่านี้ในชีวิตของท่าน ด้วยวิสัยทัศน์นั้น จงใช้ศรัทธาในการปฏิบัติตามคำแนะนำของพวกท่าน

จงค้นคว้าและศึกษาพระคัมภีร์ด้วยใจพร้อมรับความสว่างและความรู้ของข่าวสารของพวกท่าน จงไตร่ตรองในใจและปล่อยให้ข่าวสารเหล่านี้ดลใจท่าน จากนั้นทำตามการดลใจของท่าน

เช่นเดียวกับที่เราเรียนรู้เป็นครอบครัว เรากระทำเมื่อเราอดอาหารและสวดอ้อนวอน แอลมาพูดถึงการอดอาหารและการสวดอ้อนวอนว่าเป็นวิธีที่จะได้รับความมั่นใจเมื่อเขากล่าวว่า “ข้าพเจ้า​อดอาหาร​และ​สวด​อ้อนวอน​มา​หลาย​วัน​เพื่อ​ข้าพเจ้า​จะ​รู้​เรื่อง​เหล่า​นี้​ด้วย​ตน​เอง.” (แอลมา 5:46) เช่นเดียวกันเรารู้ถึงวิธีที่จะรับมือกับการท้าทายในชีวิตเราผ่านการอดอาหารและสวดอ้อนวอน

เราประสบกับเรื่องยากๆ ในชีวิตที่บางครั้งอาจบดบังวิสัยทัศน์และศรัทธาของเราในการทำสิ่งที่เราควรทำ เรากลับยุ่งจนเรามักรู้สึกท่วมท้นและทำไม่ไหว ขณะที่เราแต่ละคนแตกต่างกันไป ข้าพเจ้าแนะนำอย่างนอบน้อมว่าเราจะต้องเน้นวิสัยทัศน์ของเราไปที่พระผู้ช่วยให้รอดและคำสอนของพระองค์ พระองค์ทรงเห็นอะไรในตัวเปโตร ยากอบ และยอห์น และอัครสาวกคนอื่นๆ ที่กระตุ้นเตือนพระองค์ให้ทรงทำโดยเชื้อเชิญพวกเขาให้ติดตามพระองค์ เช่นเดียวกับวิสัยทัศน์ของพระองค์ต่อพวกเขา พระผู้ช่วยให้รอดทรงมีวิสัยทัศน์กว้างไกลของคนที่เราสามารถเป็นได้ สิ่งนี้จะใช้ศรัทธาและความกล้าหาญเดียวกันกับอัครสาวกรุ่นแรกๆ เพื่อให้เรามุ่งเน้นอีกครั้งถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในการนำความสุขอันเป็นนิจและปีติอันยิ่งใหญ่มาให้

เมื่อเราศึกษาพระชนม์ชีพของพระผู้ช่วยให้รอดของเราและคำสอนของพระองค์ เราเห็นพระองค์ทรงสั่งสอน สวดอ้อนวอน หนุนใจ และเยียวยาอยู่ท่ามกลางผู้คน เมื่อเราทำตามพระองค์และทำสิ่งที่เราเห็นพระองค์ทรงทำ เราเริ่มเห็นวิสัยทัศน์ของคนที่เราจะเป็น ท่านจะได้รับพรด้วยความเข้าใจผ่านทางความช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ทำความดีมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงจะเริ่มเกิดขึ้นและท่านจะจัดลำดับความสำคัญในชีวิตที่ต่างไปที่จะนำพรมาให้ท่านและครอบครัว ระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์ท่ามกลางชาวนีไฟ พระผู้ช่วยให้รอดทรงถามว่า “เจ้า​ควร​เป็นคน​อย่างไร​เล่า ?” พระองค์ทรงตอบ “แม้​ดัง​ที่​เราเป็น” (3 นีไฟ 27:27) เราต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์เพื่อเป็นเหมือนพระองค์ และพระองค์ทรงให้เราเห็นวิธีดังนี้ “ฉะนั้น, ขอ, และ​เจ้า​จะ​ได้​รับ; เคาะ, และ​จะ​เปิด​มัน​ให้​เจ้า; เพราะ​คน​ที่​ขอ, ย่อม​ได้​รับ; และ​กับ​ผู้​ที่​เคาะ, มัน​จะ​เปิด​ให้.” (3 นีไฟ 27:29)

ข้าพเจ้ารู้ว่าขณะที่เราได้รับวิสัยทัศน์ของตนเองดังที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงเห็นเรา และขณะที่เรากระทำตามวิสัยทัศน์นั้น ชีวิตของเราจะได้รับพรในวิธีที่คาดไม่ถึง เพราะวิสัยทัศน์ของคุณพ่อคุณแม่ข้าพเจ้า ไม่เพียงชีวิตข้าพเจ้าได้รับพรโดยประสบการณ์ทางการศึกษา แต่ข้าพเจ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ข้าพเจ้าพบและเปิดรับพระกิตติคุณ ที่สำคัญไปกว่านั้น ข้าพเจ้าเรียนรู้ถึงความสำคัญของการเป็นบิดามารดาที่ดีและซื่อสัตย์ พูดง่ายๆ ก็คือชีวิตของข้าพเจ้าเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

เหมือนกับที่วิสัยทัศน์นำให้คุณพ่อคุณแม่ของข้าพเจ้าอดอาหารและสวดอ้อนวอนเพื่อความผาสุกของลูกๆ ท่านและเหมือนกับวิสัยทัศน์ของอัครสาวกในยุคแรกๆ ที่นำพวกเขาติดตามพระผู้ช่วยให้รอด วิสัยทัศน์เดียวกันนั้นมีไว้เพื่อดลใจและช่วยให้เรากระทำ พี่น้องทั้งหลาย เราคือผู้คนที่มีประวัติศาสตร์แห่งวิสัยทัศน์ ศรัทธา และความกล้าหาญที่จะทำ มองดูว่ามาไกลเพียงไรและเราได้รับพรมากเพียงไร จงเชื่อว่าพระองค์จะประทานพรท่านด้วยวิสัยทัศน์ในชีวิตและความกล้าหาญที่จะทำ

ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานของข้าพเจ้าถึงพระผู้ช่วยให้รอดและความปรารถนาของพระองค์ที่จะให้เรากลับไปหาพระองค์ เพื่อจะทำสิ่งนั้น เราจะต้องมีศรัทธาที่จะทำ--- ในการติดตามพระองค์และเป็นเหมือนพระองค์ ตลอดช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตของเรา พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์และทรงเชื้อเชิญเรา

“จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก”

“ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา” (มัทธิว 11:29–30)

ดังที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงเห็นศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในสานุศิษย์ในยุคแรกของพระองค์ พระองค์ทรงเห็นสิ่งเดียวกันในเรา ขอให้เรามองตนเองดังที่พระองค์ทรงมองเรา ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนว่าเราจะมีวิสัยทัศน์นั้นด้วยศรัทธาและความกล้าหาญที่จะทำ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน