2010–2019
สอดคล้องกับท่วงทำนองแห่งศรัทธา
เมษายน 2012


สอดคล้องกับท่วงทำนองแห่งศรัทธา

พระผู้เป็นเจ้าทรงรักบุตรธิดาทุกคนของพระองค์ ทรงต้องการให้พวกเขากลับไปหาพระองค์ ทรงปรารถนาให้ทุกคนดำเนินชีวิตสอดคล้องกับท่วงทำนองอันศักดิ์สิทธิ์แห่งศรัทธา

เมื่อเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของศาสนจักรพบปะกับสมาชิกทั่วโลก เราประสบด้วยตนเองว่าวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเป็นพลังเพื่อความดีอย่างไร เรายกย่องท่านสำหรับทุกสิ่งที่ท่านทำเพื่อเป็นพรแก่ชีวิตคนทั้งปวง

เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ที่ดูแลงานประชาสัมพันธ์ตระหนักดีว่าผู้นำทางความคิดหลายท่านรวมทั้งนักข่าวในสหรัฐและทั่วโลกพูดถึงศาสนจักรและสมาชิกศาสนจักรมากขึ้นในระดับสาธารณะ ปัจจัยเฉพาะหลายอย่างประกอบกันทำให้ศาสนจักรเป็นที่รู้จักมากขึ้น1

หลายคนที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนจักรพยายามอย่างแท้จริงที่จะเข้าใจผู้คนและหลักคำสอนของเรา พวกเขารักษามารยาทและพยายามไม่มีอคติ ซึ่งเราขอบคุณอย่างยิ่ง

เราตระหนักเช่นกันว่าคนจำนวนมากไม่สามารถเข้าใจเรื่องศักดิ์สิทธิ์ ลอร์ด แซคส์ ประมุขแห่งศาสนายูดายในอังกฤษปราศรัยต่อผู้นำนิกายโรมันคาทอลิกเมื่อเดือนธันวาคมที่มหาวิทยาลัยพอนทีฟิคอลเกรโกเรียน ระบุถึงการที่โลกบางส่วนมีความเป็นฝ่ายโลกมากขึ้น ท่านกล่าวว่าตัวการฉกาจอย่างหนึ่งคือ “อเทวนิยมหลักเกณฑ์แข็งกร้าวซึ่งฟังท่วงทำนองแห่งศรัทธาไม่ออก”2

นิมิตเกริ่นนำเรื่องสำคัญในพระคัมภีร์มอรมอนคือความฝันเชิงพยากรณ์ของลีไฮเกี่ยวกับต้นไม้แห่งชีวิต3 นิมิตนี้บรรยายชัดเจนถึงสิ่งท้าทายศรัทธาซึ่งมีอยู่ในสมัยของเราและการแบ่งแยกอันสำคัญยิ่งระหว่างผู้ที่รัก นมัสการ และรู้สึกรับผิดชอบต่อพระผู้เป็นเจ้ากับผู้ที่ไม่เป็นเช่นนั้น ลีไฮอธิบายถึงความประพฤติบางอย่างที่ทำลายศรัทธา บางคนหยิ่งจองหอง ทะนงตน และโง่เขลา พวกเขาสนใจแต่สิ่งที่บางคนเรียกว่าปัญญาของโลก4 บางคนสนใจในพระผู้เป็นเจ้าบ้างแต่พลัดหลงไปในหมอกแห่งความมืดทางโลกและบาป5 บางคนได้ชิมรสความรักของพระผู้เป็นเจ้าและพระคำของพระองค์แต่รู้สึกละอายเพราะถูกคนล้อเลียนและตกลงไปใน “ทางที่ต้องห้าม”6

สุดท้าย มีกลุ่มคนที่สอดคล้องกับท่วงทำนองแห่งศรัทธา ท่านรู้ว่าท่านเป็นใคร ท่านรักพระเจ้าและพระกิตติคุณของพระองค์ พยายามอยู่เสมอที่จะดำเนินชีวิตและแบ่งปันข่าวสารของพระองค์ โดยเฉพาะกับครอบครัวของท่าน7 ท่านดำเนินชีวิตสอดคล้องกับการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณ ตื่นตัวต่ออำนาจแห่งพระคำของพระผู้เป็นเจ้า ประพฤติตนตามศาสนาเมื่ออยู่ที่บ้าน และมุ่งมั่นดำเนินชีวิตเหมือนพระคริสต์ในฐานะสานุศิษย์ของพระองค์

เราทราบดีว่าท่านยุ่งมากเพียงใด เมื่อไม่มีคณะปฏิบัติศาสนกิจมืออาชีพที่ได้รับค่าจ้าง หน้าที่รับผิดชอบของการปฏิบัติศาสนกิจในศาสนจักรจึงต้องอาศัยสมาชิกผู้อุทิศตนอย่างท่าน เราทราบว่าเป็นเรื่องปกติที่สมาชิกในฝ่ายอธิการ ฝ่ายประธานสเตค และอีกหลายท่านสละเวลาเป็นอันมากเพื่อทุ่มเทให้งานรับใช้ ฝ่ายประธานองค์การช่วยและฝ่ายประธานโควรัมเป็นแบบอย่างของการเสียสละโดยไม่คำนึงถึงตนเอง การรับใช้และการเสียสละนี้แผ่ขยายออกไปยังบรรดาสมาชิก พนักงานเก็บบันทึก ผู้สอนประจำบ้านและผู้เยี่ยมสอนที่ซื่อสัตย์ ตลอดจนผู้สอนชั้นเรียน เราขอบคุณผู้กำกับลูกเสือหรือผู้นำในชั้นบริบาลที่รับใช้อย่างกล้าหาญเช่นกัน เรารักท่านและซาบซึ้งใจสำหรับสิ่งที่ท่านทำและสิ่งที่ท่านเป็น!

เรายอมรับว่ามีสมาชิกที่ไม่ค่อยสนใจและไม่ค่อยซื่อสัตย์ต่อคำสอนบางอย่างของพระผู้ช่วยให้รอด เราปรารถนาให้สมาชิกเหล่านี้ตื่นตัวเต็มที่ต่อศรัทธา แข็งขันและผูกมัดตนมากขึ้น พระผู้เป็นเจ้าทรงรักบุตรธิดาทุกคนของพระองค์ ทรงต้องการให้พวกเขากลับไปหาพระองค์ ทรงปรารถนาให้ทุกคนดำเนินชีวิตสอดคล้องกับท่วงทำนองอันศักดิ์สิทธิ์แห่งศรัทธา การชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดเป็นของประทานสำหรับทุกคน

ต้องมีการสอนให้เข้าใจว่าเรารักและเคารพคนทุกรูปแบบที่ลีไฮอธิบายไว้8 พึงระลึกว่าไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะตัดสิน การพิพากษาเป็นของพระเจ้า9 ประธานโธมัส เอส. มอนสันขอเราเป็นพิเศษให้ “กล้าเลิกตัดสินผู้อื่น”10 นอกจากนี้ท่านยังขอให้สมาชิกที่ซื่อสัตย์ทุกคน ช่วยชีวิต ผู้ที่เคยชิมรสผลพระกิตติคุณมาแล้วแต่ตกไปและผู้ที่ยังไม่พบทางคับแคบและแคบ เราสวดอ้อนวอนขอให้พวกเขายึดราวให้มั่นและรับส่วนความรักของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งจะเติมเต็ม “จิตวิญญาณ [ของพวกเขา] ด้วยความปรีดียิ่งนัก”11

ถึงแม้นิมิตของลีไฮจะกล่าวถึงทุกคน แต่แนวคิดที่เป็นหลักคำสอนสูงสุดคือความสำคัญนิรันดร์ของครอบครัว “ครอบครัวได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า และเป็นหน่วยสำคัญที่สุดในกาลเวลาและในนิรันดร”12 ขณะที่ลีไฮรับส่วนผลของต้นไม้แห่งชีวิต (ความรักของพระผู้เป็นเจ้า) ท่านปรารถนาให้ “ครอบครัว [ของท่าน] ได้รับส่วนของผลนั้นด้วย”13

เราปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเลี้ยงดูบุตรธิดาในความจริงและความชอบธรรม หลักข้อหนึ่งที่จะช่วยเราบรรลุผลเรื่องนี้คือหลีกเลี่ยงการตำหนิติเตียนที่มากจนเกินไปเกี่ยวกับความประพฤติโง่เขลาหรือขาดปฏิภาณไหวพริบแต่ไม่ใช่บาป หลายปีก่อน สมัยที่ข้าพเจ้ากับภรรยามีลูกๆ ที่บ้าน เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์สอนว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะแยกแยะระหว่างความผิดพลาดของวัยเยาว์ซึ่งต้องแก้ไข กับบาปที่ต้องมีการตีสอนและการกลับใจ14 เมื่อขาดปัญญา ลูกของเราต้องได้รับคำแนะนำ เมื่อมีบาป การกลับใจจำเป็นอย่างยิ่ง15 เราพบว่าคำสอนนี้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวเรา

การถือปฏิบัติตามศาสนาเมื่ออยู่ที่บ้านเป็นพรแก่ครอบครัว แบบอย่างสำคัญเป็นพิเศษ สิ่งที่เราเป็น มีอิทธิพลมากกว่าสิ่งที่เราพูด เมื่อข้าพเจ้าอายุเกือบห้าขวบ คุณแม่ทราบข่าวน้องชายของท่านเสียชีวิตเมื่อเรือรบประจำการถูกระเบิดห่างจากชายฝั่งประเทศญี่ปุ่นช่วงใกล้สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง16 ข่าวนี้ทำร้ายความรู้สึกท่าน ท่านสะเทือนใจมากและเข้าไปในห้องนอน สักพักข้าพเจ้าแอบมองเข้าไปในห้องเพื่อดูว่าท่านเป็นอย่างไร ท่านคุกเข่าสวดอ้อนวอนข้างเตียง ข้าพเจ้ารู้สึกสงบอย่างยิ่งเพราะท่านสอนข้าพเจ้าเสมอมาให้สวดอ้อนวอนและรักพระผู้ช่วยให้รอด นี่คือแบบอย่างตามแบบฉบับทั่วไปที่ท่านสอนข้าพเจ้า การที่บิดาและมารดาสวดอ้อนวอนกับลูกๆ อาจสำคัญยิ่งกว่าแบบอย่างอื่นใด

ข่าวสาร การปฏิบัติศาสนกิจ และการชดใช้ของพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา คือหลักสูตรสำคัญที่สุดในครอบครัวเรา ไม่มีพระคัมภีร์ข้อใดบรรยายลักษณะศรัทธาของเราได้ดีเท่า 2 นีไฟ 25:26 “และเราพูดถึงพระคริสต์, เราชื่นชมยินดีในพระคริสต์, เราสั่งสอนเรื่องพระคริสต์, เราพยากรณ์ถึงพระคริสต์, และเราเขียนตามคำพยากรณ์ของเรา, เพื่อลูกหลานของเราจะรู้ว่าพวกเขาจะมองหาแหล่งใดเพื่อการปลดบาปของพวกเขา.”

หลักธรรมรากฐานประการหนึ่งในนิมิตของลีไฮคือสมาชิกที่ซื่อสัตย์ต้องยึดราวเหล็กให้มั่นเพื่อรักษาตนเองให้อยู่ในทางคับแคบและแคบซึ่งนำไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิต จำเป็นอย่างยิ่งที่สมาชิกต้องอ่าน ไตร่ตรอง และศึกษาพระคัมภีร์17

พระคัมภีร์มอรมอนมีความสำคัญสูงสุด18 แน่นอนว่าจะมีผู้ที่ดูถูกความสำคัญหรือแม้กระทั่งดูหมิ่นหนังสือศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ บางคนทำให้เป็นเรื่องขบขัน ก่อนข้าพเจ้ารับใช้งานเผยแผ่ ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งอ้างคำพูดของมาร์ก ทเวนว่า หากลบวลีที่ว่า “และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้น” ออกจากพระคัมภีร์มอรมอน หนังสือเล่มนี้ “คงเป็นแค่จุลสาร”19

ไม่กี่เดือนต่อมา ขณะข้าพเจ้ารับใช้งานเผยแผ่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ อาจารย์จบออกซ์ฟอร์ดผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่งที่มหาวิทยาลัยลอนดอน เป็นผู้เชี่ยวชาญภาษาอียิปต์ในกลุ่มภาษาเซมิติก ท่านอ่านพระคัมภีร์มอรมอน เขียนจดหมายโต้ตอบกับประธานเดวิด โอ. แมคเคย์ และได้พบกับผู้สอนศาสนา ท่านบอกผู้สอนศาสนาว่าท่านแน่ใจว่าพระคัมภีร์มอรมอนแปลจาก “สิ่งเรียนรู้ของชาวยิวและภาษาของชาวอียิปต์” ในช่วงเวลาตามที่พระคัมภีร์มอรมอนบอกไว้20 ตัวอย่างหนึ่งที่ท่านยกมาอ้างคือวลีเชื่อมประโยคให้เกี่ยวเนื่องกัน “และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้น” ซึ่งท่านกล่าวว่าตรงกับวลีที่ท่านจะใช้แปลสำนวนงานเขียนภาษาเซมิติกโบราณ21 ศาสตราจารย์ท่านนั้นได้ทราบว่าวิธีการทางเหตุและผลตามงานอาชีพช่วยท่าน แต่ยังจำเป็นอยู่ดีที่ท่านต้องมีประจักษ์พยานทางวิญญาณ โดยการศึกษาและสวดอ้อนวอนท่านได้รับพยานทางวิญญาณและรับบัพติศมา สิ่งที่นักเขียนอารมณ์ขันผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งเห็นเป็นเรื่องตลก แต่นักวิชาการคนหนึ่งกลับตระหนักว่านั่นเป็นพยานหลักฐานสำคัญยิ่งถึงความจริงของพระคัมภีร์มอรมอน ท่านได้รับการยืนยันจากพระวิญญาณ

หลักคำสอนสำคัญเรื่องสิทธิ์เสรีกำหนดว่าประจักษ์พยานเกี่ยวกับพระกิตติคุณที่รับการฟื้นฟูอยู่บนพื้นฐานของศรัทธาไม่ใช่เพียงข้อพิสูจน์ภายนอกหรือทางวิทยาศาสตร์ การหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ยังไม่เปิดเผยอย่างสมบูรณ์ เช่น การกำเนิดจากหญิงพรหมจารีย์หรือการฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอดเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือโจเซฟ สมิธแปลพระคัมภีร์ของเราด้วยวิธีใดกันแน่ จะไม่ส่งผลดีหรือทำให้เกิดความก้าวหน้าทางวิญญาณ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของศรัทธา ที่สุดแล้วคำตอบนั้นคือคำแนะนำของโมโรไนที่ให้อ่านและไตร่ตรองแล้วทูลถามพระผู้เป็นเจ้าด้วยความจริงใจที่สุด ด้วยเจตนาแท้จริง ให้ทรงยืนยันความจริงของพระคัมภีร์โดยพยานจากพระวิญญาณ22 นอกจากนี้ เมื่อเราซึมซับกฎเกณฑ์จากพระคัมภีร์เข้าไปในชีวิตเราและดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ เราจะได้รับพรด้วยพระวิญญาณและชิมรสพระคุณความดีของพระองค์ด้วยความรู้สึกปีติ ความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งสันติสุข23

เห็นได้ชัดว่าข้อแตกต่างระหว่างผู้ได้ยินท่วงทำนองแห่งศรัทธากับผู้ฟังทำนองไม่ออกหรือทำนองเพี้ยนคือการศึกษาพระคัมภีร์อย่างขะมักเขม้น ข้าพเจ้าประทับใจอย่างยิ่งเมื่อหลายปีก่อนที่สเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ ศาสดาพยากรณ์ที่รักของเราเน้นความจำเป็นของการอ่านและศึกษาพระคัมภีร์อย่างต่อเนื่อง ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าพบว่าเมื่อข้าพเจ้ามีความสัมพันธ์เพียงผิวเผินกับพระผู้เป็นเจ้าและเมื่อดูเหมือนว่าไม่มีพระกรรณคอยสดับฟังและไม่มีสุรเสียงรับสั่ง ข้าพเจ้าก็กำลังห่างไกลออกไปทุกที ถ้าข้าพเจ้าใฝ่ใจศึกษาพระคัมภีร์ ระยะทางจะแคบเข้าและความเข้มแข็งทางวิญญาณจะกลับคืนมา”24

ข้าพเจ้าหวังว่าเรากำลังอ่านพระคัมภีร์มอรมอนกับบุตรธิดาอยู่เป็นประจำ ข้าพเจ้าสนทนาเรื่องนี้กับลูกๆ พวกเขาให้ข้อสังเกตสองข้อ ข้อแรก การอ่านพระคัมภีร์อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวันกับครอบครัวคือกุญแจ บุตรสาวข้าพเจ้าอธิบายอย่างเบิกบานใจถึงความพยายามในช่วงเช้าเพื่อให้ลูกๆ วัยรุ่นอ่านพระคัมภีร์อย่างสม่ำเสมอ เธอกับสามีตื่นแต่เช้าและงัวเงียคว้าราวบันไดไปยังที่ซึ่งครอบครัวมานั่งอ่านพระคำของพระผู้เป็นเจ้าด้วยกัน ความไม่ย่อท้อคือคำตอบ และอารมณ์ขันช่วยได้ การทำเช่นนี้ต้องใช้ความพยายามมากทุกๆ วันจากสมาชิกทุกคนในครอบครัว แต่จะคุ้มค่าความพยายาม อุปสรรคชั่วคราวเอาชนะได้ด้วยความไม่ย่อท้อ

ข้อสองคือวิธีที่บุตรชายคนเล็กของเราและภรรยาอ่านพระคัมภีร์เป็นครอบครัวกับลูกเล็กๆ ของพวกเขา ลูกสองคนในบรรดาสี่คนยังไม่โตพอจะอ่านได้ สำหรับลูกวัยห้าขวบพวกเขาใช้สัญญาณห้านิ้วให้ลูกโต้ตอบเพื่อจะมีส่วนร่วมเต็มที่ในการอ่านพระคัมภีร์กับครอบครัว สัญญาณนิ้ว 1 คือให้เขาท่องคำว่า “และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้น” เมื่อคำนี้ปรากฏในพระคัมภีร์มอรมอน ข้าพเจ้าต้องยอมรับว่าข้าพเจ้าชอบที่วลีนี้ปรากฏบ่อยมาก และเผื่อครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ จะสนใจ สัญญาณนิ้ว 2 คือคำว่า “และเราจึงเห็นดังนี้ว่า” ส่วนนิ้ว 3, 4 และ 5 แล้วแต่บิดามารดาจะเลือกตามคำในบทที่กำลังอ่าน

เรารู้ว่าการศึกษาพระคัมภีร์เป็นครอบครัวและการสังสรรค์ในครอบครัวไม่ได้สมบูรณ์แบบเสมอไป แต่ไม่ว่าท่านจะเผชิญการท้าทายใด จงอย่าท้อถอย

ขอให้เข้าใจว่าการมีศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์และการรักษาพระบัญญัติของพระองค์เป็นบททดสอบที่กล่อมเกลาเราในความเป็นมรรตัยและจะยังเป็นเช่นนั้นเสมอ เหนือสิ่งอื่นใด เราแต่ละคนต้องตระหนักว่าเมื่อคนหนึ่งฟังท่วงทำนองแห่งศรัทธาไม่ออก เขาย่อมไม่สอดคล้องกับพระวิญญาณ ดังที่ศาสดาพยากรณ์นีไฟสอนว่า “[ท่าน] ได้ยินเสียง [พระองค์] … ; และเมื่อ [พระองค์ตรัส] กับท่านด้วยเสียงสงบแผ่วเบา, แต่ใจ [ท่าน] เกินกว่าจะรู้สึก, [ท่าน] จึงสัมผัสพระวจนะของพระองค์ไม่ได้”25

หลักคำสอนของเราชัดเจน เราต้องมองในแง่ดีและมีใจรื่นเริง เราเน้นศรัทธาของเรามิใช่ความกลัว เราชื่นชมยินดีในคำรับรองจากพระเจ้าที่ว่าพระองค์จะทรงยืนเคียงข้างเราคอยให้คำแนะนำและแนวทางแก่เรา26 พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานต่อใจเราว่าเรามีพระบิดาในสวรรค์ผู้ทรงรักเรา แผนอันเมตตาของพระองค์เพื่อการไถ่เราจะเกิดสัมฤทธิผลในทุกด้านเพราะการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระเยซูคริสต์

ดังที่นาโอมิ ดับเบิลยู. แรนดัลล์ ผู้ประพันธ์เพลง “ฉันลูกพระผู้เป็นเจ้า” เขียนไว้ว่า “พระวิญญาณทรงนำ และความรักบอกว่าเมื่อศรัทธาคงมั่น ความหวั่นมลาย”27

ดังนั้น ขอให้เราดำเนินอยู่ในเส้นทางของสานุศิษย์ในนิมิตของลีไฮ ตั้งปณิธานที่จะกระตุ้นตัวเราและครอบครัวเราให้ปรารถนามากขึ้นที่จะได้รับของประทานแห่งชีวิตนิรันดร์อันไม่อาจเข้าใจได้ของพระผู้ช่วยให้รอด ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอให้เราดำเนินชีวิตสอดคล้องกับท่วงทำนองแห่งศรัทธา ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงความเป็นพระผู้เป็นเจ้าของพระเยซูคริสต์และความเป็นจริงแห่งการชดใช้ของพระองค์ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:30

  2. โจนาธาน แซคส์, “Has Europe Lost Its Soul?” (คำปราศรัยเมื่อ 12 ธ.ค. 2011 ที่มหาวิทยาลัยพอนทีฟิคอลเกรโกเรียน), chiefrabbi.org/ReadArtical.aspx?id=1843

  3. ดู 1 นีไฟ 8

  4. ดู 1 นีไฟ 8:27; 11:35

  5. ดู 1 นีไฟ 8:23; 12:17

  6. 1 นีไฟ 8:28

  7. ดู 1 นีไฟ 8:12

  8. คำแนะนำของพระผู้ช่วยให้รอดคือให้ตามหาแกะที่หายไป; ดู มัทธิว 18:12–14

  9. ดู ยอห์น 5:22; ดู มัทธิว 7:1–2 ด้วย

  10. โธมัส เอส. มอนสัน, “ขอให้ท่านกล้าหาญ,” เลียโฮนา พ.ค. 2009, หน้า 150

  11. 1 นีไฟ 8:12

  12. คู่มือเล่ม 2: การบริหารงานศาสนจักร (2010), 1.1.1

  13. 1 นีไฟ 8:12

  14. ดู ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “Sins and Mistakes,” Ensign, ต.ค. 1996, 62 เอ็ลเดอร์โอ๊คส์สอนแนวคิดนี้สมัยท่านเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยบริคัมยังก์ประมาณปี 1980

  15. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:25–27

  16. ดู มาร์วา จีนน์ คิมบัลล์ พีเดอร์เซ็น, Vaughn Roberts Kimball: A Memorial (1995) วอห์นเล่นฟุตบอลตำแหน่งกองหลังให้มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์ในฤดูใบไม้ร่วงปี 1941 วันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 1941 หลังจากวันถล่มเพิร์ลฮาร์เบอร์ เขาถูกเกณฑ์ไปประจำการกองทัพเรือสหรัฐ เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 จากการทิ้งระเบิดโจมตีของฝ่ายตรงข้ามที่ USS Bunker Hill ร่างของเขาฝังอยู่ใต้ทะเล

  17. ดู ยอห์น 5:39

  18. ดู เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน, “The Book of Mormon—Keystone of Our Religion,” Ensign, พ.ย. 1986, 4; หรือ เลียโฮนา ต.ค. 2011, หน้า 52

  19. มาร์ก ทเวน, Roughing It (1891), 127–128 คนรุ่นใหม่แต่ละรุ่นจะต้องได้รู้จักคำพูดของทเวนราวกับว่าเป็นการค้นพบครั้งใหม่ที่สำคัญมาก มักจะมีข้ออ้างอิงเล็กน้อยถึงข้อเท็จจริงที่ว่า มาร์ก ทเวน เมินเฉยต่อคริสต์ศาสนาและศาสนาโดยทั่วไป

  20. 1 นีไฟ 1:2

  21. ข้าพเจ้าพบ ดร. เอเบียด ซาโรฟิม ในลอนดอนเมื่อเอ็ลเดอร์กำลังสอนเขา ดู เอ็น. เอลดอน แทนเนอร์, ใน Conference Report, เม.ย. 1962, 53 นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญงานเขียนภาษาเซมิติกและอียิปต์โบราณสังเกตว่ามีการใช้วลีสันธาน “และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้น” ซ้ำๆ ในตอนต้นประโยค; ดู ฮิวจ์ นิบลีย์, Since Cumorah, 2nd ed. (1988), 150 ด้วย

  22. ดู โมโรไน 10:3–4; นักวิจารณ์ไม่กี่คนเท่านั้นที่ทดสอบข้อความนี้ด้วยเจตนาแท้จริง

  23. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 59:23

  24. คำสอนของประธานศาสนาจักร: สเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ (2006), 73

  25. 1 นีไฟ 17:45; ดู เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน, “Seek the Spirit of the Lord,” Tambuli, ก.ย. 1988, 5; Ensign, เม.ย. 1988, 4: “ส่วนใหญ่เราได้ยินพระวจนะของพระเจ้าด้วยความรู้สึก หากเราอ่อนน้อมถ่อมตนและมีความรู้สึกละเอียดอ่อน พระเจ้าจะทรงกระตุ้นเตือนเราผ่านความรู้สึกของเรา”

  26. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 68:6

  27. “เมื่อศรัทธาคงมั่น,” เพลงสวด บทเพลงที่ 53