2010–2019
ท่านสามารถทำได้!
ตุลาคม 2013


ท่านสามารถทำได้!

ตราบเท่าที่เราเต็มใจลุกขึ้นและเดินต่อไปบนเส้นทาง…เราสามารถเรียนรู้บางสิ่งจากความล้มเหลวและทำได้ดีขึ้นและมีความสุขขึ้น

เมื่อข้าพเจ้ายังอายุน้อย การล้มและการลุกขึ้นดูเหมือนจะทำได้ในทันที อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีข้าพเจ้าได้ข้อสรุปที่ยังไม่เป็นที่ยอมรับว่ากฎของฟิสิกส์ได้เปลี่ยนไป—และไม่ได้อยู่ฝ่ายข้าพเจ้าอีกต่อไป

เมื่อไม่นานมานี้ข้าพเจ้าไปเล่นสกีกับหลานชายอายุ 12 ปี เรามีความสุขกับเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันเมื่อข้าพเจ้าสะดุดตรงจุดที่เป็นน้ำแข็งและนั่นทำให้กลิ้งลงมาอย่างไม่เป็นท่า

ข้าพเจ้าพยายามใช้ทุกกลยุทธ์เพื่อจะลุกขึ้นแต่ข้าพเจ้าทำไม่ได้—ข้าพเจ้าล้มและลุกไม่ขึ้น

ร่างกายข้าพเจ้าปกติ แต่ศักดิ์ศรีข้าพเจ้าฟกช้ำเล็กน้อย ดังนั้นข้าพเจ้าจึงให้แน่ใจว่ายังใส่หมวกนิรภัยและแว่นตาอยู่เพราะข้าพเจ้าไม่อยากให้นักสกีคนอื่นจำข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้าจินตนาการได้ว่าตัวข้าพเจ้านั่งอยู่ที่นั่นอย่างสิ้นหวังขณะที่พวกเขาสกีผ่านข้าพเจ้าอย่างสง่างาม ตะโกนอย่างรื่นเริงว่า “สวัสดี บราเดอร์อุคท์ดอร์ฟ”

ข้าพเจ้าเริ่มสงสัยว่าจะต้องทำอะไรที่ช่วยข้าพเจ้าได้ นั่นเป็นเวลาที่หลานชายมาอยู่ข้างๆ ข้าพเจ้าบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาดูเหมือนไม่สนใจในคำอธิบายว่าทำไมข้าพเจ้าลุกไม่ขึ้น เขามองตาข้าพเจ้า ยื่นแขนมาจับมือข้าพเจ้า และพูดด้วยเสียงที่หนักแน่น “โอ คุณปู่ทำได้”

ทันใดนั้นเอง ข้าพเจ้ายืนขึ้น

ข้าพเจ้ายังคงไม่เข้าใจกับเรื่องนี้ สิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้เมื่อวินาทีก่อนทันใดนั้นกลับเป็นไปได้ เพราะเด็กชายอายุ 12 ปี ยื่นแขนมาหาข้าพเจ้าและพูดว่า “คุณปู่ทำได้” สำหรับข้าพเจ้าแล้ว นั่นทำให้ความมั่นใจ ความกระตือรือร้น และพละกำลังเพิ่มขึ้น

พี่น้องชาย อาจมีหลายครั้งในชีวิตของเราที่การลุกขึ้นและก้าวต่อไปอาจดูเหมือนเกินความสามารถของเรา วันนั้นบนทางลาดที่ปกคลุมด้วยหิมะข้าพเจ้าเรียนรู้บางสิ่ง ถึงแม้ว่าเราจะคิดว่าอาจลุกขึ้นไม่ได้ แต่ก็ยังมีความหวัง บางครั้งในชีวิต เราเพียงแต่ต้องการบางคนที่จะมองตาเรา จับมือเรา และพูดว่า “คุณสามารถทำได้”

การเข้าใจผิดในเรื่องความแข็งแกร่ง

เราอาจคิดว่าผู้หญิงรู้สึกมากกว่าผู้ชายในเรื่องของความบกพร่องและความล้มเหลว—ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้มีผลต่อพวกเขามากกว่าเรา ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้จริง ผู้ชายก็ประสบกับความรู้สึกผิด ซึมเศร้า และล้มเหลว เราอาจเสแสร้งว่าความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้รบกวนเรา แต่สิ่งนี้รบกวน เราสามารถรู้สึกหนักใจจากความล้มเหลวและความไม่ดีพร้อมซึ่งเราเริ่มคิดว่าเราจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ เราอาจทึกทักว่าเพราะเราล้มมาก่อน การล้มจึงเป็นจุดหมายปลายทางของเรา เหมือนกับที่นักเขียนคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า “เราพยายามฟันผ่าเหมือนเรือทวนกระแสน้ำที่มักพัดกลับไปยังที่เดิม”1

ข้าพเจ้าเฝ้าดูชายที่เปี่ยมด้วยศักยภาพและสง่างามไม่มีส่วนร่วมในงานอันท้าทายของการสร้างอาณาจักรพระผู้เป็นเจ้าเพราะพวกเขาล้มเหลวครั้งหรือสองครั้ง ชายแห่งคำสัญญาเหล่านี้ผู้สามารถเป็นผู้ดำรงฐานะปุโรหิตที่ยอดเยี่ยมและผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า แต่เพราะพวกเขาสะดุดล้มและท้อแท้ พวกเขาถอนตัวจากคำมั่นสัญญาฐานะปุโรหิตของพวกเขาและดำเนินตามสิ่งอื่นๆ ที่มีคุณค่าน้อยกว่า

ดังนั้นพวกเขาดำเนินชีวิตต่อไป อาศัยอยู่ในเงาของชีวิตที่พวกเขาสามารถทำได้ ไม่เคยขึ้นไปถึงศักยภาพที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ดังกวีรำพันว่าคนเหล่านี้อยู่ท่ามกลางจิตวิญญาณที่โชคร้ายที่ “เสียชีวิตโดยมีเสียงร่ำร้อง [ส่วนใหญ่] [ยังคง] อยู่กับพวกเขา”2

ไม่มีใครชอบความล้มเหลว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ชอบสิ่งนี้เมื่อคนอื่น—โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เรารัก—เห็นเราล้มเหลว เราทุกคนต้องการความเคารพและยกย่อง เราต้องการเป็นผู้ชนะ แต่เราผู้ที่เป็นมรรตัยไม่ได้เป็นผู้ชนะโดยไม่มีความพยายาม วินัย หรือปราศจากความผิดพลาด

พี่น้องชาย จุดหมายปลายทางของเราไม่ได้กำหนดไว้จากจำนวนครั้งที่เราสะดุดล้มแต่จากจำนวนครั้งที่เราลุกขึ้น ปัดฝุ่นออก และรุดหน้าไป

ความเสียใจตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า

เรารู้ว่าชีวิตมรรตัยนี้เป็นการทดสอบ แต่เพราะพระบิดาบนสวรรรค์ของเราทรงรักเราด้วยความรักที่ดีพร้อม พระองค์แสดงให้เราเห็นว่าจะหาคำตอบได้ที่ใด พระองค์ประทานแผนที่ ซึ่งช่วยให้เราหาหนทางจัดการกับภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงและการทดสอบที่ไม่คาดคิดซึ่งเราทุกคนเผชิญ ถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่นี้

เมื่อเราออกนอกลู่นอกทาง—เมื่อเราล้มหรือออกไปจากเส้นทางของพระบิดาบนสวรรค์—ถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์บอกให้เราลุกขึ้นและกลับไปอยู่บนเส้นทาง

จากหลักธรรมทั้งหมดที่สอนโดยศาสดาพยากรณ์มาหลายศตวรรษ สิ่งหนึ่งที่เน้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าคือข่าวสารที่เปี่ยมด้วยความหวังและอุ่นใจที่มนุษย์สามารถกลับใจ เปลี่ยนเส้นทาง และกลับไปสู่เส้นทางแห่งความจริงของการเป็นสานุศิษย์

นั่นไม่ได้หมายความว่าเราควรสบายใจกับความอ่อนแอ ความผิดพลาด หรือบาป แต่มีความแตกต่างระหว่างความเสียใจจากบาปที่นำไปสู่การกลับใจและความเสียใจที่นำไปสู่ความสิ้นหวัง

อัครสาวกเปาโลสอนว่า “ความเสียใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า ทำให้เกิดการกลับใจ … แต่ความเสียใจอย่างโลก นั้นย่อมนำสู่ความตาย”3 ความเสียใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและความหวังผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ ความเสียใจอย่างโลก ดึงเราลง ทำลายความหวัง และชักจูงให้เรายอมแพ้ต่อการล่อลวงที่จะเข้ามา

ความเสียใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า นำไปสู่การเปลี่ยนใจเลื่อมใส4 และการเปลี่ยนแปลงของใจ5 สิ่งนี้ทำให้เราเกลียดชังบาปและรักความดี6 อีกทั้งกระตุ้นให้เรายืนขึ้นและเดินในแสงสว่างแห่งความรักของพระคริสต์ การกลับใจที่แท้จริงเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงไม่ไช่ความเจ็บปวดและความทรมาน ใช่ ความเสียใจอย่างจริงใจและการสำนึกผิดอย่างแท้จริงต่อการไม่เชื่อฟังมักเป็นสิ่งที่เจ็บปวดและเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการอันศักดิ์สิทธิ์ของการกลับใจ แต่เมื่อความผิดนำเราไปสู่การเกลียดชังตนเองหรือเป็นอุปสรรคแก่เราในการลุกขึ้นอีกครั้ง สิ่งนี้เป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งมากกว่าจะเป็นการกระตุ้นให้เรากลับใจ

พี่น้องทั้งหลาย มีหนทางที่ดีกว่า ขอให้เราลุกขึ้นและเป็นบุรุษของพระผู้เป็นเจ้า เรามีผู้ชนะเลิศ พระผู้ช่วยให้รอด ผู้ดำเนินผ่านหุบเขาแห่งเงามรณะแทนเรา พระองค์ทรงสละพระองค์เองเป็นค่าไถ่บาปของเรา ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่เท่านี้—พระเยซูคริสต์ ลูกแกะที่ไม่มีตำหนิ เต็มใจที่จะวางตนเองบนแท่นบูชาและจ่ายราคาบาปของเราโดย “ใช้หนี้หมด”7 พระองค์รับเอาทุกข์ทรมาน พระองค์ทรงแบกรับภาระ ความผิดไว้บนบ่าของพระองค์ เพื่อนที่รักของข้าพเจ้า เมื่อเราตัดสินใจมาหาพระองค์ เมื่อเรารับพระนามของพระองค์ และเดินอย่างกล้าหาญในเส้นทางแห่งการเป็นสานุศิษย์ จากนั้นโดยผ่านการชดใช้ เราได้รับสัญญาไม่เฉพาะความสุขและ “สันติสุขในโลกนี้” แต่ “ชีวิตนิรันดร์ในโลกที่จะมาถึง”8 ด้วย

เมื่อเราทำผิด เมื่อเราทำบาปและตก ขอให้เรานึกว่าการกลับใจอย่างแท้จริงหมายความว่าอะไร นั่นหมายถึงการหันใจและความปรารถนาของเราไปหาพระผู้เป็นเจ้าและละทิ้งบาป การกลับใจอย่างแท้จริงนำความเชื่อมั่นจากสวรรค์ว่า “เราสามารถทำได้”

ท่านคือใคร

วิธีหนึ่งของปฏิปักษ์ที่ขัดขวางเราจากการเจริญก้าวหน้าคือทำให้เราสับสนว่าเราคือใครและเราปรารถนาสิ่งใดอย่างแท้จริง

เราต้องการใช้เวลากับลูกของเรา แต่เราต้องการทำงานอดิเรกที่เราชื่นชอบสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะด้วย เราต้องการลดน้ำหนัก แต่เราต้องการกินอาหารอร่อยๆ เราต้องการเป็นเหมือนพระคริสต์ แต่เรายังโกรธคนที่ขับรถตัดหน้าเรา

จุดประสงค์ของซาตานคือล่อลวงให้เราแลกไข่มุกอันประเมินค่าไม่ได้ของความสุขที่แท้จริงและคุณค่านิรันดร์กับเครื่องประดับพลาสติกปลอมๆ ที่เป็นเพียงภาพลวงตาและเป็นการปลอมแปลงของความสุขและปีติ

วิธีอื่นที่ปฏิปักษ์ใช้เพื่อทำให้เราท้อแท้จากการลุกขึ้นคือทำให้เรามองว่าพระบัญญัติเป็นสิ่งที่บังคับเรา ข้าพเจ้าคิดว่านั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะต่อต้านอะไรก็ตามที่ดูเหมือนว่าไม่ได้เป็นความคิดของเราตั้งแต่แรก

ถ้าเรามองว่าการรับประทานอาหารอย่างมีประโยชน์และการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่แพทย์ของเราเท่านั้นที่คาดหวังให้เราทำ เรามีแนวโน้มที่จะล้มเหลว ถ้าเรามองการเลือกเหล่านี้ว่าเราเป็นใครและต้องการเป็นใคร เราจะมีโอกาสมากกว่าที่จะยังอยู่บนเส้นทางและประสบความสำเร็จ

ถ้าเราเห็นว่าการสอนประจำบ้านเป็นเพียงเป้าหมายของประธานสเตค เราอาจจะให้ความสำคัญที่จะทำสิ่งนี้น้อยลง ถ้าเราเห็นว่านี่คือเป้าหมายของเรา—บางสิ่งที่เราปรารถนาที่จะทำเพื่อเป็นเหมือนพระเยซูและดูแลผู้อื่น—เราจะไม่ทำให้คำมั่นสัญญาของเราเกิดสัมฤทธิผลเท่านั้นแต่จะทำให้สำเร็จในวิธีที่เป็นพรแก่ครอบครัวที่เราเยี่ยมและครอบครัวเราเองด้วยเช่นกัน

บ่อยครั้ง เราคือผู้ที่เพื่อนหรือครอบครัวช่วยให้ลุกขึ้น แต่ถ้าเราคอยสังเกตรอบตัวเราและมีใจที่ห่วงใย เราจะเห็นโอกาสที่พระเจ้าทรงวางไว้หน้าเราเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้ลุกขึ้นอีกครั้งและรุดไปสู่ศักยภาพที่แท้จริงของพวกเขา พระคัมภีร์แนะนำว่า “ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า”9

นี่เป็นแหล่งอันยอดเยี่ยมของพลังทางวิญญาณเพื่อดำเนินชีวิตด้วยความสุจริตและความชอบธรรม และมุ่งเน้นไปสถานที่ที่เราต้องการอยู่ในนิรันดร์ ถึงแม้ว่าเราจะมองเห็นจุดหมายปลายทางอันสูงส่งนี้ด้วยดวงตาแห่งศรัทธา สิ่งนี้จะช่วยให้เราอยู่บนเส้นทาง

เมื่อความสนใจของเราในแต่ละวันอยู่ที่ความสำเร็จหรือความล้มเหลว เราอาจหลงทาง ไม่มีจุดหมาย และล้มลง การมองไปยังเป้าหมายที่สูงกว่าจะช่วยให้เราจะสามารถอยู่บนเส้นทางและเป็นบุตรและพี่ชายที่ดีขึ้น เป็นบิดาที่อ่อนโยนขึ้นและเป็นสามีที่มีความรักมากขึ้น

แม้ผู้ที่ให้ใจของเขามุ่งมั่นอยู่กับเป้าหมายนิรันดร์อาจสะดุดล้มเป็นครั้งคราว แต่พวกเขาจะไม่พ่ายแพ้ พวกเขาวางใจและพึ่งพาคำสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาจะลุกขึ้นด้วยความหวังอันสว่างไสวในพระผู้เป็นเจ้าที่ชอบธรรมและวิสัยทัศน์ที่ดลใจของอนาคตอันรุ่งโรจน์ พวกเขารู้ว่าพวกเขาสามารถทำได้

ท่านสามารถทำได้

ทุกคน ไม่ว่าเด็กหรือคนสูงอายุได้มีประสบการณ์ส่วนตัวกับการล้ม การล้มเป็นสิ่งที่มนุษย์เราทำ แต่ตราบเท่าที่เราเต็มใจลุกขึ้นและเดินต่อไปบนเส้นทางสู่เป้าหมายทางวิญญาณที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ เราสามารถเรียนรู้บางสิ่งจากความล้มเหลวและผลก็คือจะทำได้ดีขึ้นและมีความสุขขึ้น

พี่น้องชายที่รัก สหายที่รักของข้าพเจ้า จะมีเวลาเมื่อท่าน คิด ว่าท่านไม่สามารถเดินต่อไปได้ จงวางใจในพระผู้ช่วยให้รอดและความรักของพระองค์ ด้วยศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ และอำนาจแห่งความหวังของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู ท่าน จะ สามารถเดินอย่างภาคภูมิต่อไปได้

พี่น้องชาย เรารักท่าน เราสวดอ้อนวอนให้ท่าน ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะสามารถได้ยินที่ประธานมอนสวดอ้อนวอนให้ท่าน ไม่ว่าท่านเป็นบิดาหนุ่ม หรือผู้ดำรงฐานปุโรหิตสูงวัย หรือมัคนายกที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่ เราห่วงใยท่าน พระเจ้าทรงห่วงใยท่าน

เราทราบว่าหนทางของท่านจะยากลำบากในบางครั้ง แต่ข้าพเจ้าจะให้สัญญาแก่ท่านในพระนามของพระเจ้า จงลุกขึ้นและเดินตามรอยพระบาทของพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ และวันหนึ่งท่านจะมองย้อนกลับไปและเต็มไปด้วยความสำนึกคุณที่ท่านเลือกไว้ใจการชดใช้และพลังอำนาจของการชดใช้ที่จะยกท่านขึ้นและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ท่าน

เพื่อนและพี่น้องชายที่รักของข้าพเจ้า ไม่ว่าจะท่านลื่นหรือล้มกี่ครั้ง จงลุกขึ้น จุดหมายปลายทางของท่านนั้นรุ่งโรจน์ จงยืนอย่างสง่างามและเดินไปสู่ความสว่างของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ ท่านเข้มแข็งเกินกว่าที่ท่านรู้ ท่านมีความสามารถมากกว่าที่ท่านจิตนาการ ท่านสามารถทำได้! ข้าพเจ้าแสดงประจักษ์พยานถึงสิ่งนี้ในพระนามอันศักดิ์สิทธ์ของพระอาจารย์และพระผู้ไถ่ของเรา พระเยซูคริสต์ เอเมน