2010–2019
มรดกแห่งความหวังอันหาค่ามิได้
เมษายน 2014


มรดกแห่งความหวังอันหาค่ามิได้

การที่ท่านเลือกว่าจะทำหรือรักษาพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าหรือไม่นั้น ท่านกำลังเลือกว่าจะทิ้งมรดกแห่งความหวังให้คนที่อาจทำตามแบบอย่างของท่านหรือไม่เช่นกัน

พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า บางท่านอาจได้รับคำเชิญให้มาร่วมการประชุมนี้จากผู้สอนศาสนาของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ผู้สอนศาสนาเหล่านั้นอาจเคยเชื้อเชิญท่านให้เลือกทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าด้วยการรับบัพติศมา

บางท่านกำลังฟังอยู่เพราะท่านยอมรับคำเชื้อเชิญจากบิดามารดา ภรรยา หรืออาจเป็นบุตร ที่เชื้อเชิญท่านด้วยความหวังว่าท่านจะเลือกนำพันธสัญญาที่เคยทำไว้กับพระผู้เป็นเจ้ากลับมาอยู่ในศูนย์กลางชีวิตท่านอีกครั้ง บางท่านที่กำลังฟังอยู่ได้เลือกกลับมาทำตามพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว และกำลังรู้สึกถึงปีติของการต้อนรับจากพระองค์ในวันนี้

ไม่ว่าท่านเป็นใครและไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด ท่านกุมความสุขของผู้คนไว้ในมือมากกว่าที่ท่านจะจินตนาการได้ในเวลานี้ ท่านสามารถเลือกทำหรือเลือกรักษาพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าได้ทุกวันทุกเวลา

ไม่ว่าท่านจะอยู่ตรงจุดใดของเส้นทางสู่การรับมรดกของประทานแห่งชีวิตนิรันดร์ ท่านมีโอกาสแสดงให้คนมากมายเห็นหนทางไปสู่ความสุขที่ดีกว่า การที่ท่านเลือกว่าจะทำหรือรักษาพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าหรือไม่นั้น ท่านกำลังเลือกว่าจะทิ้งมรดกแห่งความหวังให้คนที่อาจทำตามแบบอย่างของท่านหรือไม่เช่นกัน

ท่านกับข้าพเจ้าได้รับพรด้วยคำสัญญาถึงมรดกนั้น ข้าพเจ้าเป็นหนี้ความสุขมากมายในชีวิตต่อชายคนหนึ่งที่ข้าพเจ้าไม่เคยพบในชีวิตมรรตัย เขาเป็นกำพร้าที่กลายเป็นคุณทวดคนหนึ่งของข้าพเจ้า เขาทิ้งมรดกแห่งความหวังอันหาค่ามิได้ไว้ให้อย่างหนึ่ง ข้าพเจ้าขอเล่าบทบาทบางส่วนของเขาในการสร้างมรดกนั้นให้ข้าพเจ้า

ชื่อของเขาคือไฮน์ริค อายริงก์ เขาเกิดในครอบครัวร่ำรวย เอ็ดเวิร์ดบิดาของเขามีที่ดินขนาดใหญ่ในโคเบิร์ก ในดินแดนที่เวลานี้คือประเทศเยอรมนี มารดาของเขาคือไวเคานต์เตสชาร์ลอตต์ วอน บลอมเบิร์ก บิดาของเธอเป็นผู้ดูแลที่ดินของกษัตริย์แห่งปรัสเซีย

ไฮน์ริคเป็นบุตรชายคนแรกของชาร์ลอตต์และเอ็ดเวิร์ด ชาร์ลอตต์เสียชีวิตเมื่ออายุ 31 ปี หลังจากคลอดบุตรคนที่สาม เอ็ดเวิร์ดเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน โดยสูญเสียทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่งทุกอย่างจากการลงทุนล้มเหลว ด้วยอายุเพียง 40 ปี เขาทิ้งบุตรสามคนให้เป็นกำพร้า

ไฮน์ริค คุณทวดของข้าพเจ้า สูญเสียบิดามารดาและมรดกทางโลกจำนวนมหาศาลจนสิ้นเนื้อประดาตัว เขาบันทึกในประวัติส่วนตัวว่าความหวังที่ดีที่สุดของเขาน่าจะอยู่ที่การไปอเมริกา แม้ว่าจะไม่มีครอบครัวหรือมิตรสหายที่นั่น แต่เขารู้สึกมีความหวังเกี่ยวกับการไปอเมริกา เขาไปที่นิวยอร์กซิตี้เป็นแห่งแรก ต่อมาจึงย้ายไปเมืองเซนต์ลูอิส รัฐมิสซูรี

ในเซนต์ลูอิส เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของเขาเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เขาได้รับจุลสารฉบับหนึ่งจากเพื่อนคนนั้นซึ่งเขียนโดยเอ็ลเดอร์พาร์ลีย์ พี. แพรทท์ เขาอ่านและศึกษาทุกถ้อยคำที่เขาหาได้เกี่ยวกับวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เขาสวดอ้อนวอนเพื่อให้รู้ว่ามีทูตสวรรค์มาปรากฏต่อมนุษย์จริงหรือไม่ มีศาสดาพยากรณ์ที่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และเขาได้พบศาสนาที่แท้จริงซึ่งได้รับการเปิดเผยจากพระเจ้าหรือไม่

หลังจากศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนและสวดอ้อนวอนมาสองเดือน ไฮน์ริคฝันว่ามีคนมาบอกว่าเขาต้องรับบัพติศมา ชายที่ข้าพเจ้าจดจำชื่อและฐานะปุโรหิตของเขาไว้ด้วยความเคารพ เอ็ลเดอร์วิลเลียม บราวน์ จะเป็นผู้ประกอบศาสนพิธี ไฮน์ริครับบัพติศมาในสระน้ำฝน เช้าวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1855 เวลา 7.30 น.

ข้าพเจ้าเชื่อว่าไฮน์ริค อายริงก์รู้ในเวลานั้นว่าสิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังสอนท่านวันนี้เป็นความจริง เขารู้ว่าความสุขแห่งชีวิตนิรันดร์เกิดจากสัมพันธภาพครอบครัวที่ดำเนินต่อไปชั่วนิรันดร์ แม้ในช่วงที่พบแผนแห่งความสุขของพระเจ้าได้ไม่นาน เขาก็รู้ว่าความหวังที่เขาจะได้รับปีตินิรันดร์ขึ้นอยู่กับการเลือกโดยเสรีของผู้อื่นที่จะทำตามแบบอย่างของเขา ความหวังของเขาที่จะได้รับความสุขนิรันดร์ขึ้นอยู่กับผู้คนที่ยังไม่เกิด

ในมรดกแห่งความหวังของครอบครัวเรา เขาได้ทิ้งบันทึกเรื่องราวไว้ให้ลูกหลาน

ในบันทึกนั้นข้าพเจ้ารู้สึกถึงความรักที่เขามีต่อเราที่จะตามเขามา จากถ้อยคำของเขา ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเขาหวังให้ลูกหลานเลือกเดินตามเขาไปบนเส้นทางกลับสู่บ้านบนสวรรค์ของเรา เขารู้ว่านั่นไม่ได้เกิดจากการเลือกสำคัญครั้งเดียว แต่จากการเลือกเล็กๆ น้อยๆ มากมายที่เราทำ ข้าพเจ้ายกข้อความจากบันทึกมาดังนี้

“นับจากครั้งแรกที่ผมได้ยินเอ็ลเดอร์แอนดรัสพูด …ผมก็ไปการประชุมของวิสุทธิชนยุคสุดท้ายมาโดยตลอด และน้อยครั้งมากที่ผมจะขาดการประชุม เพราะนั่นถือเป็นหน้าที่ของผมไปแล้วในเวลาเดียวกัน

“ผมเขียนเรื่องนี้ลงในบันทึกเพื่อให้ลูกหลานทำตามแบบอย่างของผมและไม่ละเลย…หน้าที่สำคัญนี้ [ในการประชุมร่วมกัน] กับเหล่าวิสุทธิชน”1

ไฮน์ริครู้ว่าในการประชุมศีลระลึกเราสามารถต่อสัญญาของเราที่จะระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดตลอดเวลาและมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับเรา

พระวิญญาณนั้นเองที่ค้ำจุนในงานเผยแผ่ที่เขาได้รับเรียกหลังจากรับพันธสัญญาบัพติศมาได้เพียงไม่กี่เดือน เขาทิ้งมรดกไว้ด้วยแบบอย่างของการซื่อสัตย์ต่องานเผยแผ่ตลอดหกปีในเขตที่เวลานั้นเรียกว่าอาณาเขตอินเดียนแดง เพื่อรับการปลดจากงานเผยแผ่ เขาต้องเดินและสมทบกับขบวนเกวียนจากโอคลาโฮมาไปยังซอลท์เลคซิตี้เป็นระยะทางราว 1,100 ไมล์ (1,770 กม.)

ไม่นานหลังจากนั้น เขาได้รับเรียกจากศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าให้ย้ายไปทางตอนใต้ของรัฐยูทาห์ จากที่นั่นเขาขานรับอีกการเรียกหนึ่งให้ไปรับใช้งานเผยแผ่ในเยอรมนีบ้านเกิด จากนั้นเขายอมรับคำเชื้อเชิญจากอัครสาวกของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ให้ไปช่วยสร้างอาณานิคมวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในตอนเหนือของเม็กซิโก จากที่นั่นเขาได้รับเรียกไปยังเม็กซิโกซิตี้เพื่อเป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลาอีกครั้ง เขาให้เกียรติการเรียกเหล่านั้น เขานอนฝังอยู่ในสุสานเล็กๆ แห่งหนึ่งที่โคโลเนียฮัวเรซ ชิวาวา เม็กซิโก

ข้าพเจ้าเล่าข้อเท็จจริงเหล่านี้มิใช่เพื่อยกย่องความสำคัญให้เขา ให้สิ่งที่เขาทำ หรือลูกหลานของเขาแต่อย่างใด ข้าพเจ้าเล่าข้อเท็จจริงเหล่านั้นเพื่อยกย่องแบบอย่างของศรัทธาและความหวังในใจเขา

เขายอมรับการเรียกเหล่านั้นเนื่องจากเขามีศรัทธาว่าพระคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์และพระบิดาบนสวรรค์ของเราทรงปรากฏต่อโจเซฟ สมิธที่ป่าในรัฐนิวยอร์ก เขายอมรับการเรียกเพราะเขามีศรัทธาว่ากุญแจฐานะปุโรหิตในศาสนจักรของพระเจ้าได้รับการฟื้นฟูพร้อมกับอำนาจในการผนึกครอบครัวนิรันดร์ หากคนในครอบครัวมีศรัทธาเพียงพอที่จะรักษาพันธสัญญาของพวกเขา

เช่นเดียวกับไฮน์ริค อายริงก์บรรพบุรุษของข้าพเจ้า ท่านอาจเป็นคนแรกในครอบครัวที่จะนำทางไปสู่ชีวิตนิรันดร์ตามเส้นทางของการทำและรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ด้วยความขยันหมั่นเพียรและศรัทธา พันธสัญญาแต่ละอย่างมาพร้อมกับหน้าที่และคำสัญญา เราทุกคนต้องเจอไม่ต่างจากไฮน์ริค บางครั้งหน้าที่เหล่านั้นง่ายแต่บ่อยครั้งจะยาก แต่พึงระลึกว่า บางครั้งหน้าที่ดังกล่าวจำเป็นต้องยากเพราะมีจุดประสงค์เพื่อขับเคลื่อนเราไปตามเส้นทางสู่การมีชีวิตอยู่ในครอบครัวกับพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ พระบุตรที่รักของพระองค์ชั่วนิรันดร์

ท่านคงจำได้ถึงถ้อยคำจากหนังสืออับราฮัมที่ว่า

“และมีวิญญาณหนึ่งที่เหมือนกับพระผู้เป็นเจ้ายืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา, และเขากล่าวแก่วิญญาณเหล่านั้นผู้ที่อยู่กับเขา: พวกเราจะลงไป, เพราะมีที่ว่างที่นั่น, และเราจะนำสารเหล่านี้ไปส่วนหนึ่ง, และเราจะรังสรรค์แผ่นดินโลกแห่งหนึ่งซึ่งบนนั้นวิญญาณเหล่านี้จะพำนัก;

“และพวกเราจะพิสูจน์พวกเขาโดยวิธีนี้, เพื่อดูว่าพวกเขาจะทำสิ่งทั้งปวงไม่ว่าอะไรก็ตามที่พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาจะทรงบัญชาพวกเขาหรือไม่;

“และวิญญาณเหล่านั้นที่รักษาสถานะแรกของพวกเขาจะได้รับเพิ่มเติม; และวิญญาณเหล่านั้นที่หารักษาสถานะแรกของพวกเขาไม่จะไม่มีรัศมีภาพในอาณาจักรเดียวกับวิญญาณเหล่านั้นที่รักษาสถานะแรกของพวกเขา; และวิญญาณเหล่านั้นที่รักษาสถานะที่สองของพวกเขาจะมีรัศมีภาพเพิ่มเติมบนศีรษะพวกเขาตลอดกาลและตลอดไป.”2

การรักษาสถานะที่สองของเราขึ้นอยู่กับการที่เราทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าและซื่อสัตย์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามที่พันธสัญญาเรียกร้อง เราต้องใช้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดของเราเพื่อจะรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ตลอดชีวิต

เพราะอาดัมและเอวาตก เราจึงมีการล่อลวง การทดลอง และความตายเป็นมรดกสากล แต่พระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักประทานของขวัญคือพระบุตรที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ของประทานและพรอันยิ่งใหญ่จากการชดใช้ของพระเยซูคริสต์จึงนำมาซึ่งมรดกสากลอย่างหนึ่ง นั่นคือ คำสัญญาถึงการฟื้นคืนชีวิตและโอกาสรับชีวิตนิรันดร์สำหรับทุกคนที่เกิดมา

พรยิ่งใหญ่ที่สุดเหนือพรทั้งปวงของพระผู้เป็นเจ้าหรือชีวิตนิรันดร์ จะมาสู่เราก็ต่อเมื่อเราทำพันธสัญญาที่มีอยู่ในศาสนจักรที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์โดยผู้รับใช้ที่มีสิทธิอำนาจของพระองค์เท่านั้น เนื่องจากการตก เราทุกคนจึงต้องได้รับการชำระล้างให้สะอาดด้วยบัพติศมาและการวางมือเพื่อรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ศาสนพิธีเหล่านี้ต้องประกอบโดยผู้ที่ครอบครองสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตที่ถูกต้อง จากนั้น ด้วยความช่วยเหลือจากแสงสว่างของพระคริสต์และพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะรักษาพันธสัญญาที่เราทำกับพระผู้เป็นเจ้าได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะพันธสัญญาที่เราทำในพระวิหารของพระองค์ ด้วยวิธีนี้เท่านั้น และด้วยความช่วยเหลือนี้เท่านั้น ที่ทุกคนจะอ้างสิทธิ์ในมรดกของตนเองได้โดยชอบในฐานะบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าในครอบครัวตลอดกาล

สำหรับบางคนที่ฟังข้าพเจ้าอยู่ นั่นอาจดูเหมือนความฝันที่ไร้ซึ่งความหวัง

ท่านเคยเห็นบิดามารดาผู้ซื่อสัตย์เศร้าโศกเรื่องบุตรธิดาที่ปฏิเสธหรือเลือกฝ่าฝืนพันธสัญญาที่ทำไว้กับพระผู้เป็นเจ้า แต่บิดามารดาเหล่านี้จะพบการปลอบโยนและความหวังได้จากประสบการณ์อื่นๆ ในการเป็นบิดามารดา

บุตรของแอลมาและบรรดาบุตรของกษัตริย์โมไซยาห์กลับตัวจากที่เคยกบฎต่อต้านพันธสัญญาและพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า แอลมาผู้บุตรเห็นโคริแอนทอนหันจากบาปต่ำช้ามารับใช้อย่างซื่อสัตย์ พระคัมภีร์มอรมอนบันทึกไว้เช่นกันเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ของการที่ชาวเลมันละทิ้งประเพณีแห่งการเกลียดชังความชอบธรรม มาทำพันธสัญญาที่จะพลีชีพเพื่อผดุงสันติสุข

ทูตสวรรค์องค์หนึ่งถูกส่งมายังแอลมาหนุ่มและบรรดาบุตรของโมไซยาห์ ทูตสวรรค์องค์นั้นมาเพราะศรัทธาและคำสวดอ้อนวอนของบิดาพวกเขาและผู้คนของพระผู้เป็นเจ้า จากตัวอย่างเหล่านี้ซึ่งแสดงถึงอำนาจการชดใช้ที่ทำงานในจิตใจมนุษย์ ท่านจะได้รับความกล้าหาญและการปลอบโยน

พระเจ้าประทานบ่อเกิดแห่งความหวังแก่เราทุกคนขณะที่เราดิ้นรนช่วยเหลือคนที่เรารักให้ยอมรับมรดกนิรันดร์ของพวกเขา พระองค์ทรงทำสัญญากับเราเมื่อเราพยายามรวบรวมผู้คนมาหาพระองค์อยู่เสมอ แม้ในยามที่พวกเขาต่อต้านคำเชื้อเชิญเหล่านั้น การต่อต้านของพวกเขาทำให้พระองค์เศร้าพระทัย แต่พระองค์ทรงไม่ล้มเลิก เราก็ไม่ควรล้มเลิกเช่นกัน พระองค์ทรงวางแบบอย่างสมบูรณ์แบบไว้ให้เราพร้อมด้วยความรักที่มั่นคงของพระองค์ดังนี้ “และอนึ่ง, กี่ครั้งกี่หนเล่าที่เราอาจรวมพวกเจ้าดังแม่ไก่รวมลูกเจี๊ยบมาไว้ใต้ปีกของมัน, แท้จริงแล้ว, โอ้เจ้าผู้คนของเชื้อสายแห่งอิสราเอล, ผู้ล้มตายไปแล้ว; แท้จริงแล้ว, โอ้เจ้าผู้คนของเชื้อสายแห่งอิสราเอล, เจ้าที่พำนักอยู่ในเยรูซาเล็ม, เหมือนกับเจ้าที่ล้มตายไปแล้ว; แท้จริงแล้ว, กี่ครั้งกี่หนเล่าที่เราอาจรวมพวกเจ้าดังแม่ไก่รวมลูกของมัน, และเจ้าหายอมไม่.”3

เราสามารถมั่นใจได้ในความปรารถนาอันมั่นคงของพระผู้ช่วยให้รอดที่จะทรงนำบุตรธิดาทางวิญญาณทุกคนของพระบิดาบนสวรรค์กลับบ้านไปกับพระองค์ บิดามารดา ปู่ย่าตายาย และบรรพชนผู้ซื่อสัตย์ทุกคนมีความปรารถนาเดียวกันนั้น พระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นแบบอย่างที่ดีพร้อมให้แก่เราถึงสิ่งที่เราทำได้และต้องทำ พระองค์ทรงไม่เคยยัดเยียดความชอบธรรมให้ใครเพราะเราต้องเลือกความชอบธรรมด้วยตนเอง แต่พระองค์ทรงทำให้เราแยกแยะความชอบธรรมได้ และทรงทำให้เราเห็นผลกับความหอมหวานของมัน

ทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้ได้รับแสงสว่างของพระคริสต์ ซึ่งช่วยให้เราเห็นและรู้สึกว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งมนุษย์ผู้รับใช้ที่สามารถช่วยเราให้รับรู้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าสิ่งใดที่ทรงต้องการให้เราทำและสิ่งใดที่ทรงห้าม พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้การเลือกสิ่งถูกต้องเป็นที่น่าดึงดูดใจโดยให้เรารู้สึกถึงผลจากการเลือกของเรา หากเราเลือกสิ่งถูกต้อง เราจะพบความสุข—ในที่สุด หากเราเลือกความชั่วร้าย ย่อมมีความโศกเศร้าเสียใจตามมา—ในที่สุด ผลเหล่านั้นเกิดขึ้นแน่นอน แต่มักจะเกิดขึ้นล่าช้าด้วยจุดประสงค์บางอย่าง หากพรเกิดขึ้นทันที การเลือกสิ่งถูกต้องย่อมไม่สร้างศรัทธา และเนื่องจากบางครั้งความโศกเศร้าเกิดขึ้นล่าช้ามากเช่นกัน จึงต้องใช้ศรัทธาในการที่จะรู้สึกว่าเราจำเป็นต้องแสวงหาการให้อภัยบาปแต่เนิ่นๆ มิใช่หลังจากที่เรารู้สึกโศกเศร้าและเจ็บปวดจากบาปนั้น

ท่านบิดาลีไฮโศกเศร้ากับการเลือกของบุตรชายบางคนและครอบครัวของพวกเขา ท่านเป็นชายที่ดีและชอบธรรม—เป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า ท่านมักจะเป็นพยานต่อพวกเขาถึงพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์ ท่านเป็นแบบอย่างของการเชื่อฟังและการรับใช้เมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้ท่านทิ้งทรัพย์สมบัติทางโลกทั้งหมดเพื่อช่วยครอบครัวให้รอดพ้นจากการถูกทำลาย ช่วงบั้นปลายชีวิต ท่านยังคงเป็นพยานต่อบุตรธิดาของท่าน เฉกเช่นพระผู้ช่วยให้รอด—ทั้งๆ ที่มีอำนาจในการหยั่งรู้จิตใจพวกเขาและมองเห็นอนาคตทั้งดีและร้าย—ลีไฮก็ยังยื่นแขนออกไปเพื่อดึงครอบครัวของท่านมาสู่ความรอด

วันนี้ลูกหลานของท่านบิดาลีไฮหลายล้านคนแสดงให้เห็นว่าความหวังที่ลีไฮมีต่อพวกเขาเป็นสิ่งสมควร

ท่านกับข้าพเจ้าจะทำอะไรได้บ้างเพื่อเรียนรู้จากแบบอย่างของลีไฮ เราสามารถดึงแบบอย่างมาใช้โดยการศึกษาพระคัมภีร์ร่วมกับการสวดอ้อนวอนและโดยการถือปฏิบัติ

ข้าพเจ้าแนะนำให้ท่านมองทั้งระยะสั้นและระยะยาวขณะพยายามส่งมอบมรดกแห่งความหวังไปสู่ครอบครัวของท่าน ในระยะสั้น ท่านจะพบปัญหาและซาตานจะแผดเสียงคำราม มีหลายสิ่งต้องรอด้วยความอดทน ด้วยศรัทธา โดยรู้ว่าพระเจ้าทรงกระทำในเวลาของพระองค์เองและในวิธีของพระองค์เอง

มีสิ่งที่ท่านทำได้แต่เนิ่นๆ เมื่อคนที่ท่านรักยังอยู่ในวัยเยาว์ พึงระลึกว่าการสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว การศึกษาพระคัมภีร์เป็นครอบครัว และการแบ่งปันประจักษ์พยานของเราในการประชุมศีลระลึกเป็นเรื่องง่ายกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อบุตรธิดาของเรายังเล็ก เด็กเล็กมักจะละเอียดอ่อนต่อพระวิญญาณมากกว่าที่เราเข้าใจ

เมื่อโตขึ้น พวกเขาจะจำเพลงสวดที่ร้องกับท่านได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาจะจดจำถ้อยคำในพระคัมภีร์และในประจักษ์พยาน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำทุกอย่างมาสู่ความทรงจำของพวกเขา แต่ถ้อยคำในพระคัมภีร์และเพลงสวดจะคงอยู่ยาวนานที่สุด ความทรงจำเหล่านั้นเป็นอิทธิพลที่อาจดึงพวกเขากลับมาเมื่อพวกเขาออกนอกทางไปชั่วขณะ หรืออาจจะหลายปี จากเส้นทางกลับบ้านไปสู่ชีวิตนิรันดร์

เราจะต้องมองระยะยาวเมื่อคนที่เรารักรู้สึกถึงแรงดึงของโลกและดูเหมือนว่าเมฆหมอกแห่งความสงสัยจะปกคลุมศรัทธาของพวกเขา เรามีศรัทธา ความหวัง และจิตกุศลเพื่อนำทางเราและเสริมสร้างพวกเขา

ข้าพเจ้าเคยเห็นเช่นนั้นมาแล้วในการเป็นที่ปรึกษาให้แก่ศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตสองคนของพระผู้เป็นเจ้า ทั้งสองท่านเป็นบุคคลที่มีบุคลิกพิเศษเฉพาะตัว แต่ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมองโลกในแง่ดีเหมือนกันทุกเรื่อง เมื่อมีคนยกข้อกังวลบางเรื่องขึ้นมาในศาสนจักร คำตอบที่ได้ยินจากพวกท่านบ่อยที่สุดคือ “โอ ทุกอย่างจะราบรื่น” โดยปกติแล้ว พวกท่านจะทราบเกี่ยวกับปัญหานั้นมากกว่าคนที่ยกข้อกังวลขึ้นมาเสียอีก

นอกจากนี้พวกท่านยังรู้วิธีของพระเจ้า จึงเต็มไปด้วยความหวังเสมอเกี่ยวกับอาณาจักรของพระองค์ พวกท่านรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระประมุข ทรงมีเดชานุภาพทั้งปวง และทรงห่วงใย หากท่านยอมให้พระองค์ทรงเป็นผู้นำครอบครัว ทุกอย่างจะราบรื่น

ลูกหลานบางคนของไฮน์ริค อายริงก์ออกนอกเส้นทางไป แต่หลานรุ่นหลังๆ หลายคนของเขาไปพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้าเวลาหกโมงเช้าเพื่อประกอบศาสนพิธีแทนบรรพชนที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อน พวกเขาไปเพราะมรดกแห่งความหวังที่เขาทิ้งไว้ เขาทิ้งมรดกซึ่งลูกหลานหลายคนกำลังอ้างสิทธิ์ในเวลานี้

หลังจากเราทำทุกสิ่งจนสุดความสามารถด้วยศรัทธา พระเจ้าจะทรงทำให้ความหวังที่เราต้องการให้ครอบครัวได้รับพรมากขึ้นมีเหตุสมควรกว่าที่เราจะจินตนาการได้ พระองค์ทรงต้องการให้เราและครอบครัวได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในฐานะบุตรธิดาของพระองค์

เราทุกคนเป็นบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์ พระเยซูแห่งนาซาเร็ธทรงเป็นพระบุตรที่รักของพระองค์และพระผู้ช่วยให้รอดผู้ฟื้นคืนพระชนม์ของเรา นี่คือศาสนจักรของพระองค์ ในศาสนจักรนี้มีกุญแจฐานะปุโรหิต ด้วยเหตุนี้ครอบครัวจึงสามารถอยู่ด้วยกันชั่วนิรันดร์ นี่คือมรดกแห่งความหวังอันหาค่ามิได้ของเรา ข้าพเจ้าเป็นพยานว่านี่คือความจริง ในพระนามของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ดู เฮนรีย์ อายริงก์, บันทึกความทรงจำ, 1896, เอกสารพิมพ์, หอสมุดประวัติศาสนจักร, 16–21.

  2. อับราฮัม 3:24–26.

  3. 3 นีไฟ 10:5.