2010–2019
ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน
เมษายน 2014


ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน

ถ้าเราไม่ระวัง เราจะเริ่มตามล่าสิ่งที่เป็นฝ่ายโลกมากกว่าฝ่ายวิญญาณ

ไม่นานหลังจากการประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม ปี 2007 พี่น้องชายคนหนึ่งบอกข้าพเจ้าว่าคงจะประมาณเจ็ดปีก่อนที่ข้าพเจ้าจะมีประสบการณ์หลอนอย่างนี้อีก ข้าพเจ้าโล่งอกและบอกเขาว่า ข้าพเจ้าจะพิจารณาว่ามันเป็น “เจ็ดปีแห่งความบริบูรณ์” ของข้าพเจ้า ณ เวลานี้ เจ็ดปีแห่งความบริบูรณ์นั้นสิ้นสุดแล้ว

เดือนมกราคมที่ผ่านมา ข้าพเจ้ากับเกรซ หวานใจของข้าพเจ้า ได้รับมอบหมายให้ไปเยี่ยมสมาชิกในฟิลิปปินส์ผู้ที่สูญเสียจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่และพายุไต้ฝุ่น เรายินดีมากเพราะงานมอบหมายนี้เป็นคำตอบการสวดอ้อนวอนของเราและเป็นพยานหลักฐานต่อพระเมตตาและพระคุณความดีของพระบิดาในสวรรค์ผู้ทรงรักเรา ทำให้เราบรรลุผลสำเร็จในการแสดงความรักความห่วงใยของเราเป็นการส่วนตัว

สมาชิกส่วนใหญ่ที่เราพบยังคงอาศัยอยู่ในที่พักพิงชั่วคราวเช่นเต็นท์ ศูนย์ชุมชน และอาคารประชุมของศาสนจักร บ้านเรือนที่เราไปเยี่ยมถ้าไม่มีหลังคาเพียงบางส่วนก็ไม่มีเลย ข้าวของที่ผู้คนไม่ได้มีมากมายอยู่แล้วก่อนหน้านั้น และที่มีอยู่เล็กน้อยก็สูญหายไปหมด ทุกหนแห่งมีแต่โคลนและซากปรักหักพัง อย่างไรก็ตาม พวกเขายังเปี่ยมด้วยความขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือเล็กน้อยที่ได้รับ และยังมีวิญญาณที่ดีแม้จะอยู่ในสภาวการณ์ที่ลำบากมาก เมื่อเราถามว่าพวกเขาจะรับมือกับความยากลำบากนี้อย่างไร ทุกคนตอบชัดเจนว่า “เราสบายดี” เห็นได้ชัดว่า ศรัทธาในพระเยซูคริสต์ทำให้พวกเขามีความหวังว่าในที่สุดทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดี บ้านแล้วบ้านเล่า เต็นท์แล้วเต็นท์เล่า ที่ซิสเตอร์เทห์กับข้าพเจ้าเรียนรู้จากวิสุทธิชนผู้ซื่อสัตย์เหล่านี้

ในยามเกิดภัยพิบัติหรือเหตุสลดใจ พระเจ้าทรงมีวิธีที่จะให้เรามุ่งเน้นและจัดลำดับความสำคัญใหม่ ในฉับพลัน บรรดาข้าวของเครื่องใช้ที่เราแลกมาด้วยงานหนักก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือครอบครัวของเราและสัมพันธภาพของเรากับผู้อื่น พี่น้องสตรีที่แสนดีคนหนึ่งพูดทำนองนี้ “หลังจากน้ำลดและถึงเวลาเริ่มทำความสะอาด ดิฉันมองไปรอบบ้านและคิดว่า ‘โอ้โฮ ฉันสะสมขยะไว้เยอะเหลือเกินในหลายปีนี้’”

ข้าพเจ้าคิดว่าพี่น้องสตรีท่านนี้ได้เพิ่มมุมมองที่ดีขึ้นและจากนี้ไปคงจะระมัดระวังยิ่งขึ้นในการตัดสินใจว่าสิ่งไหนจำเป็นและสิ่งไหนที่เธออยู่ได้โดยไม่ต้องมี

ในการทำงานกับสมาชิกมากมายเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เราชื่นชมที่ได้เห็นความพร้อมพรั่งของความเข้มแข็งทางวิญญาณ เราได้เห็นเช่นกันทั้งความมั่งคั่งและการขาดแคลนทรัพย์สมบัติทางโลกท่ามกลางสมาชิกผู้ซื่อสัตย์เหล่านี้

เนื่องจากความจำเป็น เราส่วนใหญ่จึงทุ่มเทกับการหารายได้และแสวงหาสิ่งของทางโลกเพื่อให้สามารถเลี้ยงดูครอบครัว การทำเช่นนี้เรียกร้องส่วนดีของเวลาและความเอาใจใส่ของเรา สิ่งที่โลกเสนอให้จะไม่มีวันจบสิ้น ดังนั้นจึงยากมากที่เราจะรู้ว่าเมื่อไรที่เรามีพอ ถ้าเราไม่ระวัง เราจะเริ่มตามล่าสิ่งที่เป็นฝ่ายโลกมากกว่าฝ่ายวิญญาณ การแสวงหาฝ่ายวิญญาณและนิรันดรจึงถูกจัดไว้ในลำดับหลัง แทนที่จะเป็นลำดับแรก น่าเศร้า ที่ปรากฏว่าความโน้มเอียงในการแสวงหาฝ่ายโลกกำลังเพิ่มมากขึ้นทุกทีและยังพยายามครอบครองสิ่งที่เป็นลำดับหลังและสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน

เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกดึงลงไปสู่เส้นทางนี้ เจคอบให้คำแนะนำดังนี้ “ดังนั้น, อย่าใช้เงินตราเพื่อสิ่งที่ไม่มีค่า, หรือใช้แรงงานของท่านเพื่อสิ่งที่ทำความพอใจให้ไม่ได้. จงสดับฟังข้าพเจ้าอย่างขยันหมั่นเพียร, และจำคำที่ข้าพเจ้าพูดไว้; และจงมาเฝ้าพระผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล, และดื่มด่ำสิ่งที่ไม่เสื่อมถอย, ทั้งเน่าเปื่อยไม่ได้, และจงให้จิตวิญญาณท่านเบิกบานในความอิ่มเอม.”1

ข้าพเจ้าหวังว่าจะไม่มีใครในพวกเราใช้เงินเพื่อสิ่งที่ไม่มีค่าหรือใช้แรงงานเพื่อสิ่งที่ทำความพอใจให้ไม่ได้

พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนทั้งชาวยิวและชาวนีไฟดังนี้

“อย่าสะสมทรัพย์ไว้เพื่อตนบนแผ่นดินโลก, ที่ซึ่งแมลงกินผ้าและสนิมจะทำลาย, และขโมยจะบุกเข้ามาลักไป;

“แต่จงสะสมทรัพย์ไว้เพื่อตนในสวรรค์, ที่ซึ่งแมลงกินผ้าและสนิมจะไม่ทำลาย, และที่ซึ่งขโมยจะไม่บุกเข้ามาลักไป.

“เพราะทรัพย์ของเจ้าอยู่ที่ไหน, ใจของเจ้าจะอยู่ที่นั่นด้วย.”2

พระผู้ช่วยให้รอดประทานอุปมานี้ไว้อีกที่หนึ่งเช่นกัน

“ไร่นาของเศรษฐีคนหนึ่งเกิดผลบริบูรณ์มาก

“เศรษฐีคนนั้นจึงคิดในใจว่า ข้าจะทำอย่างไรดี เพราะว่าข้าไม่มีที่ที่จะเก็บพืชผลของข้า

“เขาจึงคิดว่า ข้าจะทำอย่างนี้ คือจะรื้อยุ้งฉางของข้า และจะสร้างใหม่ให้ใหญ่โตขึ้น แล้วข้าจะรวบรวมข้าวและสมบัติทั้งหมดของข้าไว้ที่นั่น

“แล้วจะบอกกับจิตใจของข้าว่า จิตใจเอ๋ย เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากเก็บไว้พอหลายปี จงอยู่สบาย กิน ดื่ม และรื่นเริงเถิด

“แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า โอ คนโง่ ในคืนวันนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องเรียกเอาไปจากเจ้า แล้วของที่เจ้ารวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใคร

“คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัว และไม่ได้มั่งมีฝ่ายพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ”3

ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ ให้คำแนะนำต่อไปนี้เมื่อไม่นานมานี้

“พระบิดาบนสวรรค์ทรงเห็นศักยภาพที่แท้ จริงของเรา พระองค์ทรงทราบสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับเราซึ่งเราไม่รู้จักตนเอง พระองค์ทรงกระตุ้นเตือนให้เราเติมเต็มระดับการสร้างของเรา ดำเนินชีวิตที่ดี และกลับไปที่ประทับของพระองค์

“แล้วเหตุใด เราจึงอุทิศเวลาและพลังงานมากมายไปกับสิ่งชั่วคราว ไม่สำคัญ และ ฉาบฉวยเช่นนั้น เราไม่ยอมมองเห็นความโง่ เขลาของการไล่ตามสิ่งไร้สาระอันไม่จีรังยั่งยืนหรือไม่”4

เราทุกคนรู้ว่ารายการทรัพย์สมบัติทางโลกของเราประกอบด้วยความจองหอง ความมั่งคั่ง สิ่งของทางโลก อำนาจ และเกียรติของมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ไม่คู่ควรแก่การให้เวลาและความเอาใจใส่มากขึ้น ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอมุ่งเน้นสิ่งที่จะก่อเกิดเป็นทรัพย์สมบัติในสวรรค์ของเรา

มีทรัพย์สมบัติอะไรบ้างในสวรรค์ที่เราควรสะสมไว้เพื่อตัวเราเอง ขอเริ่มด้วย สิ่งที่เราต้องมีคือคุณลักษณะเหมือนพระคริสต์อันได้แก่ ศรัทธา ความหวัง ความอ่อนน้อมถ่อมตน และจิตกุศล เราได้รับคำแนะนำซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ “[ทิ้ง] ความเป็นมนุษย์ปุถุชนและ…กลายเป็นดังเด็ก”5 พระดำรัสเตือนของพระผู้ช่วยให้รอดคือให้เราพยายามดีพร้อมเหมือนพระองค์และพระบิดาบนสวรรค์ของเรา6

สอง เราต้องให้เวลาที่มีประสิทธิภาพและพยายามมากขึ้นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว สรุปคือ “ครอบครัวได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า และเป็นหน่วยสำคัญที่สุดในกาลเวลาและในนิรันดร”7

สาม การรับใช้ผู้อื่นเป็นจุดเด่นของผู้ติดตามที่แท้จริงของพระคริสต์ พระองค์ตรัสว่า “ซึ่งพวกท่านได้ทำกับคนใดคนหนึ่งที่เล็กน้อยที่สุดในพี่น้องของเรานี้ ก็เหมือนทำกับเราด้วย”8

สี่ การเข้าใจหลักคำสอนของพระคริสต์และการเสริมสร้างประจักษ์พยานของเราเป็นงานที่จะนำมาซึ่งปีติและความพึงพอใจที่แท้จริง เราต้องศึกษาพระวจนะของพระคริสต์ดังที่พบในพระคัมภีร์และถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอย่างสม่ำเสมอ “เพราะดูเถิด, พระวจนะของพระคริสต์จะบอกท่านทุกสิ่งที่ท่านควรทำ.”9

ข้าพเจ้าขอทิ้งท้ายด้วยเรื่องราวของหญิงม่ายอายุ 73 ปีที่เราพบระหว่างการเดินทางไปฟิลิปปินส์

เมื่อแผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่เกาะโบโฮล บ้านที่เธอกับสามีผู้ล่วงลับทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างมันขึ้นมาได้พังทลายลงกับพื้นดิน ทำให้ลูกสาวและหลานชายเสียชีวิต เวลานี้เธออยู่คนเดียว ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง เธอรับจ้างซักเสื้อผ้า (ซึ่งซักด้วยมือ) และต้องขึ้นลงเนินเขาวันละหลายครั้งเพื่อไปหาแหล่งน้ำ ตอนที่เราไปเยี่ยมเธอ เธอยังคงอาศัยอยู่ในเต็นท์

นี่คือถ้อยคำของเธอ “เอ็ลเดอร์ ดิฉันยอมรับทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงขอให้ดิฉันเผชิญกับมัน ดิฉันไม่รู้สึกเดือดร้อน ดิฉันสะสมใบรับรองพระวิหารและเก็บไว้ใต้หมอน ดิฉันเรียนท่านว่าดิฉันจ่ายส่วนสิบเต็มด้วยรายได้เพียงน้อยนิดจากการรับจ้างซักผ้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ดิฉันจะจ่ายส่วนสิบเสมอ”

ข้าพเจ้าขอเป็นพยานว่าลำดับความสำคัญของเรา ความโน้มเอียง นิสัย ความปรารถนา ความอยาก และกิเลสของเราจะมีผลโดยตรงต่อชีวิตในโลกหน้า ขอให้เราระลึกถึงพระวจนะของพระผู้ช่วยให้รอดอยู่เสมอ “เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย.” ขอให้เราพบใจเราในสถานที่อันถูกต้อง นี่คือคำสวดอ้อนวอนของข้าพเจ้า ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน