2010–2019
มุมมองนิรันดร์ของพระกิตติคุณ
เมษายน 2015


มุมมองนิรันดร์ของพระกิตติคุณ

สำหรับการตัดสินใจที่มีผลต่อนิรันดร การมีมุมมองทางพระกิตติคุณนั้นเป็นสิ่งจำเป็น

ในการเปิดเผยที่ประทานแก่โมเสส เราทราบถึงพระประสงค์ของพระบิดาบนสวรรค์ซึ่งเปิดเผยว่า “เพราะดูเถิด, นี่คืองานของเราและรัศมีภาพของเรา—คือการทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของมนุษย์”1 ตามพระดำรัสนั้น พระบิดาทรงปรารถนาจะให้โอกาสทุกคนได้รับความบริบูรณ์แห่งปีติ การเปิดเผยยุคสุดท้ายแสดงให้เห็นว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงสร้างแผนแห่งความสุขอันยิ่งใหญ่สำหรับบุตรธิดาทุกคนของพระองค์ เป็นแผนพิเศษมากเพื่อเราจะกลับไปอยู่กับพระองค์ได้

การเข้าใจแผนแห่งความสุขนี้ช่วยให้เรามีมุมมองนิรันดร์และเห็นคุณค่าของพระบัญญัติ ศาสนพิธี พันธสัญญา และการทดลองและความยากลำบากอย่างแท้จริง

หลักธรรมสำคัญประการหนึ่งมาจากแอลมา “ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงประทานบัญญัติให้พวกเขา, หลังจากที่ทรงทำให้พวกเขารู้ถึงแผนแห่งการไถ่”2

เป็นเรื่องน่าสนใจที่จะสังเกตลำดับในกระบวนการการสอน ทีแรกพระบิดาบนสวรรค์ของเราทรงสอนอาดัมกับเอวาถึงแผนแห่งการไถ่ แล้วพระองค์จึงประทานพระบัญญัติให้พวกเขา

นี่เป็นความจริงอันสำคัญยิ่ง การเข้าใจแผนจะช่วยให้ผู้คนรักษาพระบัญญัติ ตัดสินใจได้ดีขึ้น และมีแรงจูงใจที่ถูกต้อง

ในช่วงเวลาที่ข้าพเจ้ารับใช้ในศาสนจักร ข้าพเจ้าประจักษ์ถึงการอุทิศตนและความซื่อสัตย์ของสมาชิกศาสนจักรในหลายประเทศ บางแห่งมีความขัดแย้งทางการเมือง ทางสังคม หรือทางเศรษฐกิจ ปัจจัยหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าพบเห็นอยู่ทั่วไปบ่อยครั้งในสมาชิกที่ซื่อสัตย์เหล่านี้คือมุมมองนิรันดร์ที่พวกเขามี มุมมองนิรันดร์ของพระกิตติคุณทำให้เราเข้าใจถึงตำแหน่งของเราในแผนของพระผู้เป็นเจ้า ที่จะยอมรับความยากลำบากและก้าวหน้าผ่านสิ่งเหล่านั้น ที่จะตัดสินใจ และทำให้ศักยภาพแห่งสวรรค์ของเราเป็นศูนย์กลางในชีวิตเรา

มุมมองคือวิธีซึ่งเรามองเห็นสิ่งต่างๆ เมื่อเรามองจากระยะห่างระดับหนึ่ง และช่วยให้เราเห็นคุณค่าที่แท้จริงของสิ่งเหล่านั้น

เหมือนกับว่าเราอยู่ในป่าและมีต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่ข้างหน้า เว้นแต่เราจะก้าวถอยหลังนิดหน่อย เราจะไม่สามารถเห็นคุณค่าป่าไม้ที่แท้จริงได้ ข้าพเจ้าเคยไปเยี่ยมป่าแอมะซอนในเมืองเลติเซีย ประเทศโคลอมเบีย ใกล้ชายแดนบราซิลและเปรู ข้าพเจ้าไม่สามารถชื่นชมความใหญ่โตของป่าได้จนกระทั่งข้าพเจ้าบินผ่านและได้รับมุมมองใหม่

เมื่อลูกๆ ของเรายังเล็ก พวกเขาเคยดูรายการโทรทัศน์ชื่อว่า What Do You See? (คุณเห็นอะไร) จอภาพจะซูมเข้าไปที่บางสิ่งแบบใกล้มากๆ และเด็กๆ ต้องเดาว่าสิ่งนั้นคืออะไร ขณะที่ภาพค่อยๆ ซูมออกและเห็นมากขึ้น เมื่อมองเห็นสิ่งนั้นได้ทั้งหมด ก็บอกได้อย่างงายดายว่านั่นคือแมว ต้นไม้ ผลไม้ชิ้นหนึ่ง และอื่นๆ

ข้าพเจ้าจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งพวกเขากำลังดูรายการนั้นซึ่งได้แสดงภาพบางสิ่งแบบใกล้มากๆ ซึ่งดูน่าเกลียดมาก แม้น่าขยะแขยง แต่ขณะที่ภาพซูมออกมา พวกเขาตระหนักได้ว่านั่นคือพิซซ่าที่ดูน่ากินมาก แล้วพวกเขาบอกข้าพเจ้าว่า “พ่อครับ ซื้อให้เราหน่อย เอาแบบนั้น!” หลังจากพวกเขาเข้าใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร บางสิ่งซึ่งทีแรกดูน่าเกลียดกลับกลายเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดมาก

ข้าพเจ้าขอแบ่งปันอีกประสบการณ์หนึ่ง ในบ้านของเราลูกๆ ชอบเล่นต่อภาพจิ๊กซอว์ เราทุกคนคงเคยมีโอกาสได้เล่นจิ๊กซอว์ บางภาพประกอบด้วยชิ้นเล็กๆ หลายชิ้น ข้าพเจ้าจำได้ว่าลูกของเราคนหนึ่ง (ไม่ขอเอ่ยชื่อเพื่อปกปิดตัวตนของเขา) เคยมุ่งความสำคัญไปที่ชิ้นส่วนแต่ละชิ้น และเมื่อชิ้นหนึ่งไม่เข้ากับที่ซึ่งเขาคิดว่าถูกต้องแล้ว เขาก็โกรธมากและคิดว่าไม่มีประโยชน์และอยากโยนทิ้งไป ในที่สุดเขาเรียนรู้ที่จะเล่นจิ๊กซอว์เมื่อเขาเข้าใจว่าชิ้นส่วนเล็กๆ แต่ละชิ้นมีที่ของมันในภาพรวม แม้เมื่อเขาไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนในขณะนั้น

นี่คือวิธีหนึ่งของการคำนึงถึงแผนของพระเจ้า เราไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลมากมายกับชิ้นส่วนย่อยต่างๆ แต่เราควรพยายามมุ่งเน้นที่ภาพรวม โดยคิดเสมอว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร พระเจ้าทรงรู้ว่าแต่ละชิ้นส่วนควรอยู่ที่ไหนเพื่อจะเข้ากับแผนนั้นได้พอดี พระบัญญัติทุกข้อมีความสำคัญนิรันดร์ในบริบทของแผนแห่งความสุขอันยิ่งใหญ่

เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ตัดสินใจเรื่องที่มีผลอันเป็นนิรันดร์ด้วยมุมมองแบบมรรตัย สำหรับการตัดสินใจที่มีผลต่อนิรันดร การมีมุมมองทางพระกิตติคุณนั้นเป็นสิ่งจำเป็น

เอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์สอนว่า “แม้จะ ‘ยึดมั่น’ ในความหวังที่ยิ่งใหญ่และสูงสุดแล้วก็ตาม บางสิ่งที่เราหวังไว้ในชีวิตนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราอาจหวังที่จะให้เงินเดือนขึ้น มีการออกเดทที่พิเศษ มีชัยชนะจากการเลือกตั้ง หรือมีบ้านใหญ่ขึ้น—สิ่งต่างๆ ที่อาจเป็นจริงหรือไม่เป็นจริงก็ได้ ศรัทธาในแผนของพระบิดาทำให้เราอดทนแม้ท่ามกลางเศษซากของความหวังระยะสั้นเหล่านั้น ความหวังทำให้เรา ‘ทำงานอย่างทุ่มเท’ ในอุดมการณ์ดีแม้ว่าอุดมการณ์เหล่านี้ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ (ดู คพ. 58:27)”3

การไม่มีมุมมองนิรันดร์ หรือเสียมุมมองนั้นไป จะทำให้เรามีมุมมองแบบโลกเป็นมาตรฐานส่วนตัวของเราและตัดสินใจในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า

พระคัมภีร์มอรมอนกล่าวถึงเจตคติที่นีไฟมีและเจตคติของเลมันกับเลมิวเอล พวกเขาทุกคนทนต่อความยากลำบากและความทุกข์หลายๆ อย่าง กระนั้น ทัศนคติของพวกเขาแตกต่างกันมาก” นีไฟกล่าวว่า “และพรของพระเจ้าที่ประทานให้เรานั้นยิ่งใหญ่นัก, คือขณะที่เราดำรงชีวิตอยู่ด้วยเนื้อดิบในแดนทุรกันดาร, ผู้หญิงของเรามีน้ำนมให้ลูกๆ ของพวกนางมาก, และแข็งแรง, แท้จริงแล้ว, ประหนึ่งชาย; และพวกนางเริ่มอดทนต่อการเดินทางของพวกนางโดยปราศจากการพร่ำบ่น.”4

ในทางกลับกัน เลมันกับเลมิวเอลพร่ำบ่นอย่างขมขื่น “และดังนั้นเลมันกับเลมิวเอล, โดยที่เป็นพี่, พร่ำบ่นต่อต้านบิดาพวกเขา. และพวกเขาพร่ำบ่นเพราะพวกเขาหารู้ไม่ถึงการกระทำของพระผู้เป็นเจ้าองค์นั้นผู้ทรงสร้างพวกเขา”5 การไม่รู้หรือไม่เอาใจใส่ต่อ “การกระทำของพระผู้เป็นเจ้า” คือวิธีหนึ่งที่จะสูญเสียมุมมองนิรันดร์ และการพร่ำบ่นก็เป็นเพียงอาการอย่างหนึ่ง แม้ว่าเลมันกับเลมิวเอลได้เห็นปาฏิหาริย์มากมายพร้อมกับนีไฟ พวกเขาเปล่งเสียงร้องว่า “และเราระหกระเหินในแดนทุรกันดารมาหลายปีนี้; และผู้หญิงของเราทำงานหนัก, โดยที่อุ้มท้อง; และพวกนางคลอดลูกในแดนทุรกันดารและทนทุกข์กับสิ่งทั้งปวง, นอกจากความตาย; และหากพวกนางตายก่อนที่พวกนางออกจากเยรูซาเล็มก็จะดีกว่าต้องมาทนความทุกข์ทรมานเหล่านี้.”6

เจตคติทั้งสองแตกต่างกันมาก แม้ว่าความยากลำบากและความทุกข์ซึ่งพวกเขาเผชิญนั้นเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีมุมมองที่แตกต่างกัน

ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์เขียนไว้ดังนี้ “ถ้าเรามองว่าความเป็นมรรตัยคือภาพรวมทั้งหมดของการดำรงอยู่ เมื่อนั้นความเจ็บปวด ความเศร้าโศก ความล้มเหลว และชีวิตอันสั้นคงจะเป็นความหายนะ แต่ถ้าเรามองว่าชีวิตเป็นนิรันดร์ที่ย้อนไปไกลในอดีตก่อนมรรตัยสู่อนาคตนิรันดร์หลังความตาย เมื่อนั้นเหตุการณ์ทั้งหลายน่าจะอยู่ในมุมมองที่ถูกต้อง”7

เอ็ลเดอร์เดวิด บี. เฮจท์เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประติมากรนามว่าไมเคิลแองเจโลเพื่อแสดงถึงความสำคัญของการดูทุกสิ่งด้วยมุมมองที่เหมาะสม “ขณะที่ประติมากรกำลังสลักก้อนหินอ่อน มีเด็กชายคนหนึ่งมาเฝ้าดูอย่างเหนียมอายทุกวัน เมื่อรูปปั้นดาวิดปรากฏขึ้นมาจากศิลาก้อนนั้น เสร็จสมบูรณ์ให้คนทั้งโลกได้ชื่นชม เด็กชายคนนั้นถามไมเคิลแองเจโลว่า ‘คุณรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ในนั้นครับ’”8

มุมมองที่ประติมากรเห็นหินอ่อนก้อนนั้นต่างจากมุมมองของเด็กชายที่เฝ้าดูเขาแกะสลัก วิสัยทัศน์แห่งความเป็นไปได้ซึ่งซ่อนอยู่ในศิลาทำให้ประติมากรสร้างงานศิลปะได้

พระเจ้าทรงทราบว่าพระองค์ประสงค์สิ่งใดให้เกิดสัมฤทธิผลกับเราแต่ละคน พระองค์ทรงทราบว่าพระองค์ประสงค์จะปรับปรุงสิ่งใดในชีวิตของเรา และเราไม่มีสิทธิ์ไปแนะนำพระองค์ พระดำริของพระองค์เหนือกว่าความคิดของเรา9

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเรามีพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก ยุติธรรม และเมตตา ผู้ทรงเตรียมแผนเพื่อความสุขอันเป็นนิรันดร์ของเรา ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระเยซูคริสต์คือพระบุตรของพระองค์และพระผู้ช่วยให้รอดของโลก ข้าพเจ้ารู้ว่าประธานโธมัส เอส. มอนสันคือศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ากล่าวสิ่งเหล่านี้ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน