2010–2019
ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่
เมษายน 2015


ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่

การเห็นและเชื่อปาฏิหาริย์ของพระเจ้าในการสถาปนาอาณาจักรของพระองค์จะช่วยให้เราเห็นและเชื่อว่าพระหัตถ์ของพระเจ้าบังเกิดผลในชีวิตเรา

ขณะที่เรากำลังร้องเพลง ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อคิดว่าในขณะนี้มีวิสุทธิชนผู้มีความเชื่อจำนวนหลายแสนคน บางทีอาจจะหลายล้านคนในมากกว่า 150 ประเทศ ที่น่าอัศจรรย์ คือใน 75 ภาษา1 ร่วมกันเราเปล่งเสียงให้พระผู้เป็นเจ้า โดยร้องว่า

มาเถิดเจ้าแห่งราชา!

ด้วยปีกรักษาสมาน

เรารอพระองค์มานาน

บันดาลให้เราเสรี2

“มาเถิดเจ้าแห่งราชา!”3 เราเป็นผู้เชื่อกลุ่มใหญ่มากทั่วโลก เป็นสานุศิษย์ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์

เรารับพระนามของพระองค์ไว้กับเรา และแต่ละสัปดาห์ขณะรับส่วนศีลระลึก เราสัญญาว่าจะระลึกถึงพระองค์และรักษาพระบัญญัติ เราห่างไกลจากความดีพร้อม แต่เราไม่ฉาบฉวยในศรัทธา เราเชื่อในพระองค์ เรานมัสการพระองค์ เราติดตามพระองค์ เรารักพระองค์อย่างลึกซึ้ง อุดมการณ์ของพระองค์ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

พี่น้องทั้งหลาย เราอยู่ในยุคก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเจ้าที่ผู้เชื่อเฝ้ารอมานานหลายยุคหลายสมัย เราอยู่ในยุคของสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม ยุคของภัยธรรมชาติ ยุคที่โลกเกิดความสับสนและความโกลาหล

แต่เราอยู่ในเวลาอันเรืองโรจน์ของการฟื้นฟูเช่นกัน เมื่อนำพระกิตติคุณมาให้ชาวโลก—เวลาที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ว่า พระองค์ “จะยกผู้คนบริสุทธิ์ … ขึ้น”4 และจะทรงเตรียม “ความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า”5 ให้เป็นอาวุธของพวกเขา

เราปลาบปลื้มในวันเวลาเหล่านี้และสวดอ้อนวอนให้เราสามารถเผชิญความลำบากและความไม่แน่นอนอย่างกล้าหาญ ความยุ่งยากของบางคนร้ายแรงกว่าของคนอื่น แต่ไม่มีใครหนีพ้น เอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์เคยพูดกับข้าพเจ้าว่า “ถ้าตอนนี้ทุกอย่างราบรื่นสำหรับคุณ รออีกสักหน่อย”

ถึงแม้พระเจ้าทรงปลอบเราครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเรา “ไม่จำเป็นต้องกลัว”6 แต่การมีมุมมองชัดเจนและมองไกลกว่าโลกนี้มักไม่ง่ายเสมอไปในยามที่เราประสบการทดลอง

ประธานโธมัส เอส. มอนสันสอนบทเรียนสำคัญแก่ข้าพเจ้าเกี่ยวกับการที่ต้องมองไกลถึงนิรันดรเสมอ

สิบแปดปีก่อนขณะโดยสารรถไฟในสวิตเซอร์แลนด์กับประธานมอนสัน ข้าพเจ้าถามเรื่องความรับผิดชอบอันหนักหน่วงของท่าน คำตอบของท่านเสริมสร้างศรัทธาของข้าพเจ้า “ในฝ่ายประธานสูงสุด” ท่านกล่าว “เราทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยให้งานนี้ก้าวหน้า แต่นี่คืองานของพระเจ้า และพระองค์ทรงกำกับดูแล ทรงคุมหางเสือ เราอัศจรรย์ใจขณะเฝ้าดูพระองค์ทรงเปิดประตูที่เราเปิดไม่ได้และแสดงปาฏิหาริย์ที่เราคาดไม่ถึง”7

พี่น้องทั้งหลาย การเห็นและเชื่อปาฏิหาริย์ของพระเจ้าในการสถาปนาอาณาจักรของพระองค์บนแผ่นดินโลกจะช่วยให้เราเห็นและเชื่อว่าพระหัตถ์ของพระเจ้าบังเกิดผลในชีวิตเราเช่นกัน

พระเจ้าทรงประกาศว่า “เราสามารถทำงานของเราเองได้”8 เราต่างพยายามทำส่วนของเรา แต่พระองค์ทรงเป็นสถาปนิกใหญ่ ภายใต้การกำกับดูแลของพระบิดา พระองค์ทรงสร้างโลกนี้ “พระองค์ทรงรังสรรค์สิ่งทั้งปวง; และปราศจากพระองค์ไม่มีการรังสรรค์สิ่งใดซึ่งได้รังสรรค์ไว้”9 เมื่อเราตื่นตัวและเตรียมพร้อมทางวิญญาณ เราย่อมเห็นพระหัตถ์ของพระองค์ทั่วโลกและเห็นพระหัตถ์ของพระองค์ในชีวิตส่วนตัวของเรา

ข้าพเจ้าจะขอยกตัวอย่าง

ในปี 1831 สมาชิกศาสนจักรมีเพียง 600 คน พระเจ้าทรงประกาศว่า “กุญแจทั้งหลายของอาณาจักรแห่งพระผู้เป็นเจ้ามอบไว้ให้มนุษย์บนแผ่นดินโลก, และจากที่นั่นพระกิตติคุณจะรุดไปถึงสุดแดนแผ่นดินโลก, ดังก้อนหินซึ่งถูกสกัดจากภูเขาโดยปราศจากมือจะกลิ้งออกไป, จนเต็มทั้งแผ่นดินโลก”10

ศาสดาพยากรณ์นีไฟเห็นล่วงหน้าว่าในสมัยของเราจะมีสมาชิกศาสนจักร “น้อย” เมื่อเทียบกับประชากรของโลกแต่พวกเขาจะมีอยู่ “ทั่วพื้นพิภพ”11

ตัวอย่างอันสวยงามสามตัวอย่างของพระหัตถ์พระเจ้าในการสถาปนาอาณาจักรของพระองค์คือพระวิหารที่ประธานมอนสันประกาศวันนี้ เพียงไม่กี่ทศวรรษที่แล้ว ใครจะคิดว่าจะมีพระวิหารในเฮติ ประเทศไทย และไอวอรีโคสต์

สถานที่ของพระวิหารไม่ใช่การเลือกตามความเหมาะสมทางภูมิศาสตร์ แต่มาจากการเปิดเผยที่พระเจ้าประทานแก่ศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ เป็นเครื่องหมายถึงงานอันยิ่งใหญ่ที่ต้องทำและเป็นการรับรู้ถึงความชอบธรรมของวิสุทธิชนผู้จะเห็นคุณค่าและดูแลพระนิเวศน์ของพระองค์ไปจนตลอดทุกรุ่น12

ภาพ
Thomas S. Monson of the Quorum of the Twelve Apostles, visiting Haiti. On April 17, 1983 he dedicated Haiti for the preaching of the gospel and also dedicated a site for the first meetinghouse to be built in Haiti. It was the first visit to the island by a member of the Quorum of the Twelve. (Ensign Aug. 1983, p. 79; Church News, May 22, 1983, p. 4)
ภาพ
A group of Missionaries with Elder Andersen

ข้าพเจ้ากับเคธีภรรยาไปเยือนเฮติเมื่อสองปีก่อน บนภูเขาสูงมองลงมาเห็นเมืองปอร์โต-แปรงซ์ เราสมทบกับวิสุทธิชนชาวเฮติในการรำลึกถึงการอุทิศประเทศเมื่อ 30 ปีก่อนโดยเอ็ลเดอร์โธมัส เอส. มอนสันในสมัยนั้น ไม่มีใครสักคนในพวกเราจะลืมแผ่นดินไหวรุนแรงที่เฮติในปี 2010 เนื่องด้วยสมาชิกที่ซื่อสัตย์และกลุ่มผู้สอนศาสนาที่กล้าหาญเป็นชาวเฮติเกือบทั้งหมด ศาสนจักรในประเทศหมู่เกาะแห่งนี้จึงเติบโตและเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง ศรัทธาข้าพเจ้าเพิ่มขึ้นเมื่อนึกภาพวิสุทธิชนผู้ชอบธรรมเหล่านี้ของพระผู้เป็นเจ้า แต่งชุดขาว มีอำนาจฐานะปุโรหิตอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะกำกับดูแลและประกอบศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ในพระนิเวศน์ของพระเจ้า

ภาพ
Sathit and Juthamas Kaivaivatana of Bangkok Thailand.
ภาพ
President Kaivaivatana and other members of the Thailand Bangkok Thailand North Stake leadership..

ใครจะคิดว่าจะมีพระนิเวศน์ของพระเจ้าในกรุงเทพมาหานครอันสวยงาม ชาวคริสต์มีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของประเทศนี้ที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ เฉกเช่นเฮติ เราพบในกรุงเทพฯ ด้วยว่าพระเจ้าทรงรวบรวมผู้ที่พระองค์ทรงเลือก ที่นั่นเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เราพบสาธิตกับจุฑามาส ไกวัลวรรธนะ และลูกๆ ผู้อุทิศตนของพวกเขา สาธิตเข้าร่วมศาสนจักรเมื่ออายุ 17 ปีและรับใช้งานเผยแผ่ในประเทศบ้านเกิด ต่อมาเขาพบจุฑามาสที่สถาบัน และพวกเขาผนึกในพระวิหารมะนิลา ฟิลิปปินส์ ในปี 1993 ครอบครัวไกวัลวรรธนะถูกรถบรรทุกชนขณะคนขับหลับใน ส่งผลให้สาธิตเป็นอัมพาตตั้งแต่อกลงมา ศรัทธาของพวกเขาไม่เคยสั่นคลอน สาธิตเป็นครูที่น่านับถือในโรงเรียนนานาชาติที่กรุงเทพฯ เขารับใช้เป็นประธานสเตคกรุงเทพเหนือ ประเทศไทย เราเห็นปาฏิหาริย์ของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ในงานอัศจรรย์ของพระองค์และในชีวิตส่วนตัวของเรา

ภาพ
Couples in the Ivory Coast

เราจะพูดถึงปาฏิหาริย์ของศาสนจักรในไอวอรีโคสต์โดยไม่เอ่ยนามสามีภรรยาสองคู่นี้ไม่ได้ ฟิลิปเปกับแอนเนลีส อัสซาร์ด และลูเซียนกับอกาธา อัฟโฟอู พวกเขาเข้าร่วมศาสนจักรสมัยเป็นคู่สมรสคู่ใหม่ คู่หนึ่งอยู่ในเยอรมนีอีกคู่หนึ่งอยู่ในฝรั่งเศส ในทศวรรษ 1980 ฟิลิปเปกับลูเซียนรู้สึกต้องการกลับไปประเทศแอฟริกาบ้านเกิดเพื่อสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ซิสเตอร์อัสซาร์ดเป็นคนเยอรมัน เธอต้องใช้ศรัทธามากเพื่อจากครอบครัวและยอมให้บราเดอร์อัสซาร์ดออกจากงานวิศวกรเครื่องกลที่ประสบความสำเร็จ ทั้งสองคู่พบกันครั้งแรกในไอวอรีโคสต์และเริ่มโรงเรียนวันอาทิตย์ นั่นเมื่อ 30 ปีก่อน ปัจจุบันมีแปดสเตคและสมาชิก 27,000 คนในประเทศแอฟริกาที่สวยงามแห่งนี้ ครอบครัวอัฟโฟอูยังคงรับใช้อย่างดียิ่ง เช่นเดียวกับครอบครัวอัสซาร์ดซึ่งเพิ่งจบจากการเป็นผู้สอนศาสนาที่พระวิหารอักกรา กานา

ท่านเห็นพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้ากำลังช่วยให้งานของพระองค์ก้าวหน้าหรือไม่ ท่านเห็นพระหัตถ์ของพระองค์ในชีวิตของผู้สอนศาสนาในเฮติหรือครอบครัวไกวัลวรรธนะในประเทศไทยหรือไม่ ท่านเห็นพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตครอบครัวอัสซาร์ดกับอัฟโฟอูไหม ท่านเห็นพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตท่านหรือไม่

“และไม่มีอะไรที่มนุษย์จะทำให้พระผู้เป็นเจ้าทรงขุ่นเคือง … นอกจากคนเหล่านั้นที่มิได้สารภาพถึงพระหัตถ์ของพระองค์ในทุกสิ่ง”13

ปาฏิหาริย์ของพระผู้เป็นเจ้าไม่เพียงเกิดขึ้นในเฮติ ประเทศไทย หรือไอวอรีโคสต์เท่านั้น จงมองรอบตัวท่าน14 “พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นห่วงคนทุกหมู่เหล่า … แท้จริงแล้ว, พระองค์ทรงนับผู้คนของพระองค์, และ…พระเมตตาของพระองค์มีอยู่เหนือแผ่นดินโลกทั้งปวง”15

บางครั้งเราเห็นพระหัตถ์ของพระเจ้าในชีวิตผู้อื่น แต่สงสัยว่า “ฉันจะเห็นพระหัตถ์ของพระองค์ชัดเจนในชีวิตฉันได้อย่างไร”

พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า

“[อย่า] สงสัย”16

“อย่าวิตกเลย จงเชื่อเท่านั้น”17

“ถ้าพระบิดาของท่านไม่ทรงโปรด นก…จะไม่ตกลงถึงดินแม้แต่ตัวเดียว …

“เพราะฉะนั้น อย่ากลัวเลย พวกท่านก็ประเสริฐกว่านกกระจาบหลายตัว”18

จงนึกถึงชายหนุ่มที่ร้องบอกศาสดาพยากรณ์เอลีชาเมื่อศัตรูรายล้อมพวกเขาว่า “แย่แล้ว…เราจะทำอย่างไรดี”19

เอลีชาตอบว่า

“อย่ากลัวเลย เพราะฝ่ายเรามีมากกว่าฝ่ายเขา

“แล้วเอลีชาก็อธิษฐานว่า ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเปิดตาของเขาเพื่อเขาจะได้เห็น และพระยาห์เวห์ทรงเปิดตาของชายหนุ่มคนนั้น และเขาก็มองและเห็นภูเขาเต็มไปด้วยม้า และรถรบเพลิง”20

เมื่อท่านรักษาพระบัญญัติและสวดอ้อนวอนด้วยศรัทธาขอให้เห็นพระหัตถ์ของพระเจ้าในชีวิตท่าน ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่าพระองค์จะทรงเปิดตาทางวิญญาณของท่านให้กว้างขึ้น และท่านจะเห็นชัดขึ้นว่าท่านไม่โดดเดี่ยว

พระคัมภีร์สอนว่าเราต้อง “[ยืนหยัด] ยึดมั่นในความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งที่จะมาถึง”21 อะไรจะมาถึง พระผู้ช่วยให้รอดทรงสวดอ้อนวอนดังนี้

“ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลายผู้สถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ

“ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก”22

เราทุกคนเพิ่งร้องเพลง “มาเถิดเจ้าแห่งราชา”

ศรัทธาของเราเติบโตขณะรอคอยวันอันเรืองโรจน์ที่พระผู้ช่วยให้รอดจะเสด็จกลับมาสู่แผ่นดินโลก ความคิดเรื่องการเสด็จมาของพระองค์ปลุกเร้าจิตวิญญาณข้าพเจ้า การเสด็จมาจะน่าตื่นเต้น! ขอบเขตและความยิ่งใหญ่ ความไพศาลและความสง่างามจะมากกว่าสิ่งที่ตามนุษย์เคยเห็นหรือประสบ

ในวันนั้นพระองค์จะไม่เสด็จมาด้วยการ “พันผ้าอ้อมนอนอยู่ในรางหญ้า”23 แต่พระองค์จะทรงปรากฏ “ในหมู่เมฆแห่งฟ้าสวรรค์, ห่อหุ้มด้วยอำนาจและรัศมีภาพเรืองโรจน์; พร้อมด้วยเทพผู้บริสุทธิ์ทั้งหมด”24 เราจะได้ยิน “เสียงเรียกของหัวหน้าทูตสวรรค์ และ … แตรของพระเจ้า”25 ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จะเปลี่ยน และ “หมู่ดาริกาจะถูกซัดให้พลัดพรากจากที่อยู่ของมัน”26 ท่านและข้าพเจ้า หรือคนที่ติดตามเรา “วิสุทธิชน … จาก [ทุกเสี้ยว] ของแผ่นดินโลก”27 พระองค์ “จะทรงชุบชีวิตและทรงพาขึ้นไปเฝ้าพระองค์”28  และคนเหล่านั้นที่เสียชีวิตในความชอบธรรม พวกเขาจะ “ขึ้นไปเฝ้าพระองค์ท่ามกลาง … ฟ้าสวรรค์”29

ต่อจากนั้น ประสบการณ์ซึ่งดูเหมือนเป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นคือ “เนื้อหนังทั้งปวง” พระเจ้าตรัส “จะเห็นเราพร้อมกัน”30 นั่นจะเกิดขึ้นอย่างไร เราไม่ทราบ แต่ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าจะเกิดขึ้น—ตามที่พยากรณ์ไว้ เราจะคุกเข่าด้วยความคารวะ “และพระเจ้าจะทรงเอ่ยสุรเสียงของพระองค์, และทั่วสุดแดนแผ่นดินโลกจะได้ยิน”31 “และจะเป็น … ดังเสียงของผืนน้ำมากมาย, และดังเสียงของฟ้าร้องกึกก้อง”32 “และพระเจ้า, …พระผู้ช่วยให้รอด, จะทรงยืนท่ามกลางผู้คนของพระองค์”33

จะมีการรวมกันไม่รู้ลืมของเหล่าเทพในสวรรค์และเหล่าวิสุทธิชนบนแผ่นดินโลก34 แต่สำคัญที่สุด ดังอิสยาห์ประกาศ “สุดปลายแผ่นดินโลกทั้งหมดจะเห็นความรอดของพระเจ้าของเรา”35 และพระองค์ “จะทรงปกครองเหนือเนื้อหนังทั้งปวง”36

ในวันนั้น คนสงสัยจะนิ่งเงียบ “ทุกหูจะได้ยิน … , และทุกเขาจะย่อลง, และทุกลิ้นจะสารภาพ”37 ว่าพระเยซูคือพระคริสต์ พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของโลก

วันนี้เป็นวันอีสเตอร์ เราปลื้มปีติกับชาวคริสต์ทั่วโลกในการฟื้นคืนพระชนม์อันเรืองโรจน์ของพระองค์และในการฟื้นคืนชีวิตที่สัญญาไว้ของเรา ขอให้เราเตรียมรับการเสด็จมาของพระองค์ โดยทบทวนเหตุการณ์อันรุ่งโรจน์เหล่านี้ในใจเรากับผู้ที่เรารัก และขอให้คำสวดอ้อนวอนของพระองค์เป็นคำสวดอ้อนวอนของเรา “ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก”38  ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระองค์ทรงพระชนม์ “มาเถิดเจ้าแห่งราชา” ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ขณะที่โดยรวมแล้วการประชุมใหญ่แปลเป็น 94 ภาษา ไม่ใช่ว่าทุกภาษามีการถ่ายทอดสด หรือมีครบทุกภาคการประชุม สำหรับภาคบ่ายวันอาทิตย์ของการประชุมใหญ่สามัญนี้ มีการถ่ายทอดสดใน 75 ภาษา.

  2. “มาเถิดเจ้าแห่งราชา,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 21.

  3. ในวันอังคารที่ 31 มีนาคม 2015 สำนักงานฝ่ายประธานสูงสุดส่งอีเมลมาหาข้าพเจ้าบอกว่าข้าพเจ้าจะพูดในบ่ายวันอาทิตย์ที่ 5 เมษายนโดยทันทีต่อจากเพลงสวดของที่ประชุม “มาเถิดเจ้าแห่งราชา” ซึ่งที่ประชุมจะร้อง เนื้อเพลงของเพลงสวดแห่งการฟื้นฟูอันยอดเยี่ยมนี้ที่ประพันธ์โดยพาร์ลีย์ พี. แพรทท์ เป็นการวิงวอนอย่างนอบน้อมให้พระผู้ช่วยให้รอดเสด็จกลับมาสู่โลก เพลงสวดนี้รวบรวมข่าวสารของคำปราศรัยการประชุมใหญ่ของข้าพเจ้าได้อย่างทรงพลังมากกว่าเพลงสวดอื่นๆ ที่เราร้อง ข้าพเจ้าประทับใจกับความยิ่งใหญ่ของวิสุทธิชนผู้ที่เชื่อจากทุกแห่งหนที่มารวมกันในวันอาทิตย์อีสเตอร์ เปล่งเสียงร้องแด่พระผู้เป็นเจ้าอย่างพร้อมเพรียงกัน “มาเถิดเจ้าแห่งราชา! …เรารอพระองค์มานาน” โดยที่ตระหนักได้ว่าโดยส่วนตัวแล้วข้าพเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเลือกสรรเพลงสำหรับการประชุมใหญ่สามัญ ข้าพเจ้าสงสัยว่าผู้ที่จัดเตรียมบทเพลงได้อ่านคำปราศรัยการประชุมใหญ่ของข้าพเจ้าที่ชื่อว่า “ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่” แล้วจึงเลือกเพลงสวดบทนี้ที่เกี่ยวกับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอด ภายหลังข้าพเจ้าทราบว่าผู้อำนวยเพลงคณะนักร้องประสานเสียงแทเบอร์นาเคิลได้แนะนำเพลงสวดบทนี้แก่ฝ่ายประธานสูงสุดในต้นเดือนมีนาคม หลายสัปดาห์ก่อนคำปราศรัยของข้าพเจ้าจะส่งไปยังฝ่ายประธานสูงสุดสำหรับการแปลภาษา ครั้งสุดท้ายที่เพลง “มาเถิดเจ้าแห่งราชา” ร้องเป็นเพลงสำหรับที่ประชุมในการประชุมใหญ่สามัญคือเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2002 เราแต่ละคนพยายามทำส่วนของเรา แต่พระองค์คือสถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่.

  4. หลักคำสอนและพันธสัญญา 100:16.

  5. 1 นีไฟ 14:14.

  6. หลักคำสอนและพันธสัญญา 10:55.

  7. ประสบการณ์ส่วนตัว พ.ค. 1997.

  8. 2 นีไฟ 27:20.

  9. ยอห์น 1:3.

  10. หลักคำสอนและพันธสัญญา 65:2.

  11. 1 นีไฟ 14:12.

  12. ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2001 ขณะอาศัยอยู่ที่บราซิล ข้าพเจ้าแบ่งปันอย่างกระตือรือร้นกับประธานเจมส์ อี. เฟาสท์แห่งฝ่ายประธานสูงสุดถึงข้อเท็จจริงอันน่าประทับใจหลายอย่างเกี่ยวกับวิสุทธิชนที่อาศัยอยู่ในเมืองกูรีตีบา โดยหวังว่าท่านจะส่งต่อข้อมูลไปยังประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ ประธานเฟาสท์หยุดข้าพเจ้ากลางคัน ท่านบอกว่า “นีล เราไม่ชักชวนแนะนำประธาน การตัดสินใจว่าจะสร้างพระวิหารที่ไหนนั้นเป็นเรื่องระหว่างพระเจ้ากับศาสดาพยากรณ์ของพระองค์” พระวิหารกูรีตีบา บราซิลได้รับการอุทิศในปี 2008.

  13. หลักคำสอนและพันธสัญญา 59:21.

  14. ปาฏิหาริย์อันสำคัญยิ่งประการหนึ่งจากพระหัตถ์ของพระเจ้าคือการเคลื่อนอาณาจักรของพระองค์ไปทั่วสหรัฐ เข้าไปในเมืองใหญ่น้อยทุกรัฐ นี่คือตัวอย่างหนึ่ง ในเดือนพฤษภาคม 2006 ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้ไปการประชุมใหญ่สเตคในเมืองเดนตัน รัฐเท็กซัส ข้าพเจ้าพักในบ้านของประธานสเตค ประธานวอห์น เอ. แอนดรัส ซิสเตอร์แอนดรัสเล่าเรื่องศาสนาจักรสมัยแรกในเดนตันให้ข้าพเจ้าฟัง เริ่มจากพ่อแม่ของเธอ จอห์นกับมากาเร็ต พอร์เตอร์ ตอนแรกมีเฉพาะโรงเรียนวันอาทิตย์ แต่ครอบครัวพอร์เตอร์แบ่งปันพระกิตติคุณกับครอบครัวแร็กส์เดลผู้ได้แบ่งปันกับครอบครัวโนเบิลและครอบครัวมาร์ติโน ผู้สอนศาสนาเข้ามามีส่วนสำคัญแน่นอน หลายครอบครัวเข้าร่วมศาสนจักร คนอื่นจากตะวันตกย้ายมาเดนตัน วันนี้ ในสถานที่ซึ่งเคยมีสาขาเล็กๆ สาขาหนึ่ง ปัจจุบันมีสี่สเตค และเอ็ลเดอร์เจมส์ บี. มาร์ติโน บุตรชายคนหนึ่งของครอบครัวมาร์ติโนที่เข้าร่วมศาสนจักรเมื่ออายุ 16 ปี รับใช้เป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของศาสนจักร.

  15. แอลมา 26:37.

  16. มัทธิว 21:21.

  17. มาระโก 5:36.

  18. มัทธิว 10:29, 31.

  19. 2 พงศ์กษัตริย์ 6:15.

  20. 2 พงศ์กษัตริย์ 6:16–17.

  21. โมไซยาห์ 4:11.

  22. มัทธิว 6:9–10; ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 65:6 ด้วย.

  23. ลูกา 2:12.

  24. หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:44.

  25. 1 เธสะโลนิกา 4:16.

  26. หลักคำสอนและพันธสัญญา 133:49.

  27. หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:46.

  28. หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:96.

  29. หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:97.

  30. หลักคำสอนและพันธสัญญา 101:23.

  31. หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:49.

  32. หลักคำสอนและพันธสัญญา 133:22.

  33. หลักคำสอนและพันธสัญญา 133:25.

  34. ดู โมเสส 7:63.

  35. อิสยาห์ 52:10.

  36. หลักคำสอนและพันธสัญญา 133:25.

  37. หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:104.

  38. มัทธิว 6:10.