2010–2019
สุรเสียงของพระเจ้า
ตุลาคม 2017


สุรเสียงของพระเจ้า

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าในการประชุมใหญ่ครั้งนี้ เราได้ยินสุรเสียงของพระเจ้า บททดสอบสำหรับเราแต่ละคนคือวิธีที่เราตอบรับ

ก่อนอื่นจะขอพูดเอาใจเด็กเล็กๆ สักหน่อย ใช่แล้ว นี่เป็นภาคสุดท้ายของการประชุม และใช่ ข้าพเจ้าเป็นผู้พูดคนสุดท้าย

เมื่อไม่นานมานี้ ขณะไปเยือนพระวิหารโพรโวซิตีเซ็นเตอร์ ข้าพเจ้าชื่นชอบภาพวาดชื่อว่า First Vision, from Afar (นิมิตแรกจากระยะไกล) ภาพนั้นวาดให้เห็นแสงสว่างและพลังจากสวรรค์ขณะพระบิดาและพระบุตรเสด็จเยือนเด็กหนุ่มโจเซฟ สมิธ

ภาพ
นิมิตแรกจากระยะไกล

ถึงแม้จะเทียบกันไม่ได้กับเหตุการณ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นที่นำเข้าสู่การฟื้นฟู แต่ข้าพเจ้าสามารถเห็นภาพคล้ายกันที่จะแสดงให้เห็นแสงสว่างและพลังทางวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าลงมาบนการประชุมใหญ่สามัญครั้งนี้และส่งผลให้พลังและแสงสว่างนั้นแผ่ไปทั่วโลก

ภาพ
แสงสว่างและพลังทางวิญญาณลงมาบนการประชุมใหญ่สามัญ
ภาพ
พลังและแสงสว่างแผ่ไปทั่วโลก

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระเยซูคือพระคริสต์ ว่าพระองค์ทรงนำทางงานอันศักดิ์สิทธิ์นี้ และว่าการประชุมใหญ่สามัญเป็นหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญมากที่พระองค์ประทานคำแนะนำแก่ศาสนจักรและแก่เราเป็นการส่วนตัว

ได้รับการสอนจากเบื้องบน

ในวันจัดตั้งศาสนจักร พระเจ้าทรงกำหนดให้โจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ และอัครสาวกของพระเจ้าพระเยซูคริสต์1 และตรัสกับศาสนจักรว่า

“เพราะคำของเขาเจ้าจงรับ, ราวกับมาจากปากเราเอง, ด้วยความอดทนอย่างที่สุดและศรัทธา.

“เพราะโดยทำสิ่งเหล่านี้ประตูแห่งนรกจะเอาชนะเจ้าไม่ได้; … และพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้พลังแห่งความมืดกระจายไปต่อหน้าเจ้า, และทำให้ฟ้าสวรรค์สั่นสะเทือนเพื่อความดีของเจ้า”2

ต่อมา สมาชิกในฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองทุกคนได้รับการสนับสนุนและแต่งตั้งเป็นศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ และผู้เปิดเผยเช่นกัน3

เวลานี้ ขณะที่เราประชุมกันภายใต้การกำกับดูแลของประธานโธมัส เอส. มอนสัน เราคาดว่าจะได้รับฟัง “พระประสงค์ของพระเจ้า, … พระดำริของพระเจ้า,… สุรเสียงของพระเจ้า, และเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าอันส่งผลสู่ความรอด.”4 เราวางใจในพระสัญญาที่ว่า “ไม่ว่าโดยเสียงของเราเอง หรือโดยเสียงของผู้รับใช้ทั้งหลายของเรา, ก็เหมือนกัน.”5

ในความโกลาหลและความสับสนของโลกปัจจุบัน การวางใจและเชื่อในถ้อยคำของฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองสำคัญยิ่งต่อการเติบโตทางวิญญาณและความอดทนของเรา6

เราได้มาร่วมกันสำหรับการประชุมใหญ่ที่วิเศษนี้ วิสุทธิชนยุคสุดท้ายหลายล้านคนและผู้นับถือศาสนาอื่นใน 200 กว่าประเทศที่พูดกว่า 93 ภาษาเข้าร่วมภาคการประชุมเหล่านี้หรืออ่านข่าวสารการประชุมใหญ่

เราสวดอ้อนวอนและเตรียมมาฟัง พวกเราหลายคนมีเรื่องกังวลเร่งด่วนและคำถามที่จริงใจ เราต้องการเสริมศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอดของเราพระเยซูคริสต์ อีกทั้งเพิ่มพลังความสามารถในการต่อต้านการล่อลวงและหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน เรามารับการสอนจากเบื้องบน

พระทัยและพระประสงค์ของพระเจ้า

สำหรับฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองผู้ซึ่งปกติจะพูดที่การประชุมใหญ่แต่ละครั้ง หน้าที่รับผิดชอบอันใหญ่หลวงของการเตรียมข่าวสารเป็นทั้งภาระที่เกิดขึ้นซ้ำๆ และความไว้วางใจอันศักดิ์สิทธิ์

หลายปีมาแล้ว ก่อนจะรับใช้เป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าถามเอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์ว่าท่านเตรียมคำพูดสำหรับการประชุมใหญ่สเตคแต่ละครั้งแยกกันหรือไม่ ท่านตอบว่าไม่แต่เพิ่มเติมว่า “แต่คำพูดการประชุมใหญ่ของผมต่างกันทุกครั้ง ผมอาจจะร่าง 12 ถึง 15 ฉบับเพื่อให้แน่ใจว่าผมพูดสิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้ผมพูด”7

การดลใจสำหรับคำพูดการประชุมใหญ่สามัญมาเมื่อใดและอย่างไร

โดยไม่มีการมอบหมายหัวข้อ เราเห็นสวรรค์ประสานงานหัวข้อและสาระสำคัญของความจริงนิรันดร์ไว้อย่างสวยงามในทุกๆ การประชุมใหญ่

เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกข้าพเจ้าว่าหัวข้อที่ท่านจะพูดในการประชุมใหญ่ครั้งนี้ท่านได้รับทันทีหลังจากท่านพูดในเดือนเมษายนที่ผ่านมา อีกท่านหนึ่งบอกว่าสามสัปดาห์ที่แล้ว ท่านยังคงสวดอ้อนวอนและรอคอยพระเจ้า เมื่อถามว่าใช้เวลาเรียบเรียงคำพูดที่ละเอียดอ่อนเป็นพิเศษนานเท่าใด อีกท่านหนึ่งตอบว่า “ยี่สิบห้าปี”

บางครั้งความคิดหลักอาจเกิดขึ้นทันที แต่เนื้อหาและรายละเอียดยังต้องปีนป่ายทางวิญญาณอย่างมาก การอดอาหารและการสวดอ้อนวอน การศึกษาและศรัทธาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้เสมอ พระเจ้าไม่ทรงประสงค์ให้การเสแสร้งบั่นทอนสุรเสียงที่ตรัสกับวิสุทธิชนของพระองค์

การนำทางสำหรับคำพูดการประชุมใหญ่สามัญมักจะมาตอนกลางคืนหรือตอนเช้าตรู่ในเวลาที่คำพูดไม่อยู่ในความคิดคำนึง ฉับพลันนั้น ข้อคิดที่ไม่คาดฝันและบางครั้งคำและวลีจำเพาะเจาะจงก็พรั่งพรูมาในรูปของการเปิดเผยที่บริสุทธิ์8

ขณะที่ท่านฟัง ข่าวสารที่ท่านได้รับอาจตรงตามตัวหนังสือหรืออาจตรงกับความต้องการของท่านพอดี

คราวพูดที่การประชุมใหญ่สามัญหลายปีก่อน ข้าพเจ้าพูดถึงประโยคหนึ่งที่เข้ามาในความคิดขณะสงสัยว่าข้าพเจ้าพร้อมรับใช้งานเผยแผ่หรือไม่ ประโยคนั้นคือ “เจ้าไม่รู้ทุกสิ่ง แต่เจ้ารู้มากพอ!”9 หญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งในการประชุมใหญ่วันนั้นบอกข้าพเจ้าว่าเธอสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับคำขอแต่งงาน โดยสงสัยว่าเธอรู้จักชายหนุ่มคนนั้นดีเพียงใด เมื่อข้าพเจ้าพูดคำว่า “เจ้าไม่รู้ทุกสิ่ง แต่เจ้ารู้มากพอ” พระวิญญาณทรงยืนยันกับเธอว่าเธอ รู้จัก เขาดีพอ พวกเขาแต่งงานกันอย่างมีความสุขนานหลายปีแล้ว

ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่าเมื่อท่านเตรียมวิญญาณให้พร้อม และมาพร้อมความคาดหวังว่าท่านจะได้ยินสุรเสียงของพระเจ้า ความคิดและความรู้สึกที่ตรงกับความต้องการของท่านเป็นพิเศษจะเข้ามาในใจท่าน ท่านรู้สึกแบบนั้นแล้วในการประชุมใหญ่ครั้งนี้ หรือท่านจะรู้สึกเมื่อท่านศึกษาข่าวสารในสัปดาห์ต่อๆ ไป

ในเวลานี้และในเดือนต่อๆ ไป

ประธานมอนสันกล่าวว่า

ประธานมอนสันกล่าวว่า ให้ “ใช้เวลาอ่านข่าวสารการประชุมใหญ่”10

“ไตร่ตรอง [ข่าวสารเหล่านั้น] … ข้าพเจ้าพบ … ว่าข้าพเจ้าได้รับประโยชน์จากโอวาทที่ได้รับการดลใจเหล่านี้มากกว่าเดิมเมื่อศึกษาให้ลึกซึ้งมากขึ้น”11

คำสอนของการประชุมใหญ่สามัญเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงต้องการให้เราไตร่ตรองในเวลานี้และในเดือนต่อๆ ไป

คนเลี้ยงแกะ “เดินนำหน้า [แกะของเขา] และแกะก็ตามไปเพราะรู้จักเสียงของ [เขา]”12

บ่อยครั้งสุรเสียงของพระองค์นำทางเราให้เปลี่ยนบางอย่างในชีวิตเรา ทรงเชื้อเชิญให้เรากลับใจ ทรงเชื้อเชิญให้เราตามพระองค์

ลองตรึกตรองคำกล่าวเหล่านี้จากการประชุมใหญ่ครั้งนี้

ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์จากเช้าวันนี้: “ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงพระชนม์อยู่และต้องการให้ท่านกลับบ้านไปหาพระองค์ นี่คือศาสนจักรที่แท้จริงของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงรู้จักท่าน รักท่าน เฝ้าดูแลท่าน”13

ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟจากเมื่อวาน: “ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเมื่อเราเริ่มออกเดินทางหรือดำเนินต่อไปในการเดินทางอันเหลือเชื่อที่นำไปสู่พระผู้เป็นเจ้า ชีวิตของเราจะดีขึ้น … และพระเจ้าจะทรงใช้เราในวิธีอันน่าอัศจรรย์เพื่อเป็นพรแก่ผู้คนรอบข้างเราและทำให้จุดประสงค์นิรันดร์ของพระองค์บรรลุผลสำเร็จ”14

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันจากบ่ายเมื่อวาน: “ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อท่านใฝ่ใจศึกษาพระคัมภีร์มอรมอน ท่านจะมีภูมิคุ้มกันความชั่วของยุคสมัย รวมไปถึงโรคระบาดของสื่อลามกและการเสพติดอื่นๆ ที่ทำให้ความคิดด้านชา”15

เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์เมื่อวาน: “ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าถ้อยแถลงเรื่องครอบครัวเป็นคำแถลงความจริงนิรันดร์ พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับบุตรธิดาของพระองค์ผู้แสวงหาชีวิตนิรันดร์”16

เอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดเมื่อสองสามนาทีที่แล้ว: “เราจำต้องโอบกอดลูกๆ ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างมีเมตตาและขจัดอคติ รวมทั้งการเหยียดผิว การเหยียดเพศ และการเหยียดสัญชาติ”17

เนื่องจากเรามีเวลาอีกหนึ่งนาที ข้าพเจ้าขอพูดสั้นๆ เกี่ยวกับเอ็ลเดอร์โรเบิร์ต ดี. เฮลส์ ฝ่ายประธานสูงสุดบอกเอ็ลเดอร์เฮลส์ว่าท่านสามารถให้ข่าวสารสั้นๆ ได้ในภาคเช้าวันอาทิตย์หากสุขภาพของท่านเอื้ออำนวย แม้สุขภาพของท่านจะไม่เอื้ออำนวย แต่ท่านเตรียมข่าวสารไว้แล้ว ซึ่งท่านเตรียมเสร็จเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและได้แบ่งปันกับข้าพเจ้า เนื่องจากท่านสิ้นชีวิตประมาณสามชั่วโมงที่แล้ว ข้าพเจ้าขอแบ่งปันสามประโยคจากคำปราศรัยของท่าน

อ้างอิงจากเอ็ลเดอร์เฮลส์: “เมื่อเราเลือกมีศรัทธา เราย่อมพร้อมยืนอยู่ในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า … เอ็ลเดอร์เฮลส์: “หลังจากการตรึงกางเขนของพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์ทรงปรากฏเฉพาะต่อคนที่ ‘ซื่อสัตย์ในประจักษ์พยานถึง [พระองค์] ขณะพวกเขาดำเนินชีวิตในความเป็นมรรตัย’[คพ. 138:12.] คนที่ ‘ปฏิเสธประจักษ์พยาน … ของ … ศาสดาพยากรณ์ [จะไม่สามารถ] มองดูพระสิริของ [พระผู้ช่วยให้รอด], หรือมองพระพักตร์พระองค์’ [คพ. 138:21.] … ศรัทธาของเราเตรียมเราให้พร้อมอยู่ในที่ประทับของพระเจ้า”

พระเจ้าทรงเมตตาที่ดลใจประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันในช่วงสิ้นสุดภาคเช้าวันนี้ให้ออกจากอาคารโดยเร็ว งดมื้อกลางวัน และรีบไปข้างเตียงของเอ็ลเดอร์เฮลส์ ซึ่งทำให้ท่านได้อยู่ที่นั่น ประธานโควรัมของท่าน พร้อมกับแมรีย์ เฮลส์ผู้ดีงามขณะเอ็ลเดอร์เฮลส์ผ่านไปจากชีวิตมรรตัยนี้

การขานรับสุรเสียงของพระเจ้า

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าในการประชุมใหญ่ครั้งนี้เราได้ยินสุรเสียงของพระเจ้า

เราไม่ควรตื่นตระหนกเมื่อถ้อยคำของผู้รับใช้ของพระเจ้าสวนทางกับความคิดของโลก และในบางครั้งกับความคิดของเราเอง เป็นเช่นนี้เสมอมา ข้าพเจ้าคุกเข่าในพระวิหารกับเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของข้าพเจ้าข้าพเจ้ายืนยันถึงความดีงามในจิตวิญญาณของพวกท่าน ความปรารถนายิ่งใหญ่ที่สุดของพวกท่านคือการทำให้พระเจ้าพอพระทัยและช่วยบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้ากลับไปอยู่ที่ประทับของพระองค์

สาวกเจ็ดสิบ ฝ่ายอธิการ ผู้นำฝ่ายประธานสามัญของสมาคมสงเคราะห์ เยาวชนหญิง และปฐมวัย และตลอดจนผู้นำองค์การช่วยคนอื่นๆ ได้เพิ่มการดลใจมากมายให้การประชุมใหญ่ครั้งนี้ เช่นเดียวกับบทเพลงไพเราะและคำสวดอ้อนวอนที่ใคร่ครวญอย่างดี

ในข่าวสารของการประชุมใหญ่สามัญมีขุมทรัพย์แห่งการนำทางจากสวรรค์เฝ้ารอให้ท่านค้นพบ บททดสอบสำหรับเราแต่ละคนคือวิธีที่เราตอบสนองต่อสิ่งที่เราได้ยิน อ่าน และรู้สึก

ข้าพเจ้าขอเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการตอบสนองต่อถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์จากชีวิตของประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน

ในปี 1979 ห้าปีก่อนการเรียกของท่านเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ บราเดอร์เนลสันเข้าร่วมการประชุมหนึ่งก่อนการประชุมใหญ่สามัญ “ประธานสเป็นเซอร์ดับเบิลยู. คิมบัลล์ “ท้าทายทุกคนที่นั่นให้ก้าวยาวขึ้นในการนำพระกิตติคุณไปทั่วโลก หนึ่งในประเทศที่ประธานคิมบัลล์กล่าวเจาะจงคือจีน โดยประกาศว่า ‘เราควรรับใช้คนจีน เราควรเรียนภาษาของพวกเขา เราควรสวดอ้อนวอนให้พวกเขาและช่วยพวกเขา’”18

ภาพ
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเมื่อเป็นศัลยแพทย์

ในวัย 54 ปี บราเดอร์เนลสันมีความรู้สึกระหว่างการประชุมนั้นว่าท่านควรศึกษาภาษาจีนกลาง แม้จะเป็นศัลยแพทย์หัวใจที่มีงานยุ่ง แต่ท่านจ้างครูมาสอนทันที

หลังจากเริ่มศึกษาได้ไม่นาน ดร. เนลสันเข้าร่วมการประชุมหนึ่งและไม่คิดว่าจะได้นั่งข้างๆ “ศัลยแพทย์โด่งดังชาวจีนชื่อ ดร. วู หยิงข่าย … เพราะ [บราเดอร์เนลสัน] ศึกษาภาษาจีนกลางมาแล้ว ท่านจึงเริ่มสนทนา [กับ ดร. วู]”19

ภาพ
ดร. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกับดร. วู หยิงข่าย

ความปรารถนาจะทำตามศาสดาพยากรณ์ของ ดร. เนลสันชักนำให้ ดร. วูมาเยือนซอลท์เลคซิตี้และ ดร. เนลสันเดินทางไปจีนเพื่อสอนโดยวิธีบรรยายและทำการผ่าตัด

ท่านรักคนจีนมากขึ้น คนจีนก็รักและเคารพท่านมากขึ้นเช่นกัน

ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1985 สิบเดือนหลังจากการเรียกสู่โควรัมอัครสาวกสิบสอง เอ็ลเดอร์เนลสันได้รับโทรศัพท์ที่คาดไม่ถึงจากจีนขอให้ดร. เนลสันมาปักกิ่งเพื่อผ่าตัดหัวใจให้นักร้องโอเปราชื่อดังที่สุดของจีน ด้วยการกระตุ้นของประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ เอ็ลเดอร์เนลสันกลับไปจีน การผ่าตัดครั้งสุดท้ายของท่านคือการผ่าตัดในสาธารณรัฐประชาชนจีน

ภาพ
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, RootsTech 2017ได้รับการเชิดชูเกียรติ

สองปีก่อน ในเดือนตุลาคม ปี 2015 ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันได้รับเกียรติอีกครั้งด้วยคำประกาศอย่างเป็นทางการ ขนานนามท่านว่า “สหายเก่าแก่ของจีน”

เมื่อวานนี้ เราได้ยินประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันซึ่งเวลานี้อายุ 93 ปีพูดถึงคำขอร้องของประธานโธมัส เอส. มอนสันในการประชุมใหญ่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ให้ “เราแต่ละคนศึกษาและไตร่ตรองพระคัมภีร์มอรมอนร่วมกับการสวดอ้อนวอนทุกวัน”

เฉกเช่นประธานเนลสันทำสมัยเป็นศัลยแพทย์หัวใจที่มีงานยุ่งเมื่อท่านว่าจ้างครูมาสอนภาษาจีน ท่านรับคำแนะนำของประธานมอนสันโดยนำมาใช้กับชีวิตท่านทันที ไม่ใช่แค่อ่านอย่างเดียว ท่านกล่าวว่าท่าน“เขียนออกมาเป็นข้อๆ ด้วยว่าพระคัมภีร์มอรมอน คือ อะไร ยืนยัน อะไร ปฏิเสธ อะไร เกิดสัมฤทธิผล อะไร ชี้แจง อะไร และ เปิดเผย อะไร”20

และที่น่าสนใจ เมื่อเช้านี้ ในฐานะพยานคนที่สอง ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์พูดถึงการตอบรับคำขอของประธานมอนสันเช่นกัน ท่านจำถ้อยคำเหล่านี้ได้ไหม “เช่นเดียวกับพวกท่านหลายคน ข้าพเจ้าได้ยินถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ราวกับเป็นสุรเสียงของพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้า และเช่นเดียวกันกับพวกท่านหลายคน ข้าพเจ้าตัดสินใจเชื่อฟังถ้อยคำเหล่านั้น”21

ขอให้เราถือสิ่งนี้เป็นแบบอย่างสำหรับชีวิตเรา

คำสัญญาและพร

ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อท่านได้ยินสุรเสียงของพระเจ้าตรัสกับท่านในคำสอนของการประชุมใหญ่สามัญครั้งนี้ แล้วทำตามการกระตุ้นเตือนเหล่านั้น ท่านจะรู้สึกว่าพระหัตถ์แห่งสวรรค์อยู่เหนือท่าน ชีวิตท่านและชีวิตคนรอบข้างท่านจะได้รับพร22

ระหว่างการประชุมใหญ่ครั้งนี้ เราคิดถึงศาสดาพยากรณ์ที่รักของเรา เรารักท่านครับ ประธานมอนสัน ข้าพเจ้าจบด้วยถ้อยคำที่ท่านกล่าวจากแท่นพูดนี้ ข้าพเจ้าเชื่อว่านี่เป็นพรที่ท่านอยากจะให้กับพวกเราแต่ละคนวันนี้ หากท่านสามารถมาอยู่กับเราได้ ท่านกล่าวว่า “เมื่อเรากลับจากการประชุมใหญ่นี้ ข้าพเจ้าขอพรจากสวรรค์ประทานแก่ท่านทุกคน … ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอพระบิดาบนสวรรค์ประทานพรท่านกับครอบครัว ขอให้ข่าวสารและวิญญาณของการประชุมนี้แสดงออกในทุกอย่างที่ท่านทำ—ที่บ้านท่าน ที่ทำงาน ในการประชุม และกิจกรรมทุกอย่างของท่าน”

ท่านทิ้งท้ายว่า “ข้าพเจ้ารักท่าน และสวดอ้อนวอนให้ท่าน ขอพระผู้เป็นเจ้าประทานพรท่าน ขอให้สันติสุขที่พระองค์ทรงสัญญาไว้อยู่กับท่านวันนี้และตลอดไป”23

ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:1.

  2. หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:5–6.

  3. โจเซฟ สมิธบันทึกว่าเหตุการณ์ต่อไปนี้เกิดขึ้นที่การอุทิศพระวิหารเคิร์ทแลนด์วันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1836

    โจเซฟ สมิธบันทึกว่าเหตุการณ์ต่อไปนี้เกิดขึ้นที่การอุทิศพระวิหารเคิร์ทแลนด์วันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1836 “ข้าพเจ้ากล่าวคำปราศรัยสั้นๆ หลังจากนั้นและขอให้หลายๆ โควรัม และวิสุทธิชนทุกคนที่มาชุมนุมกันยอมรับฝ่ายประธาน [สูงสุด] ในฐานะศาสดาพยากรณ์และผู้หยั่งรู้ และสนับสนุนพวกท่านด้วยคำสวดอ้อนวอนของพวกเขา ทุกคนทำพันธสัญญาด้วยการลุกขึ้นยืน

    “จากนั้นข้าพเจ้าขอให้โควรัมและวิสุทธิชนที่มาชุมนุมกันยอมรับอัครสาวกสิบสองซึ่งอยู่ที่นั่นในฐานะศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ ผู้เปิดเผย และพยานพิเศษต่อประชาชาติทั้งหลายของแผ่นดินโลก โดยถือกุญแจของอาณาจักร เพื่อไขกุญแจและทำให้สำเร็จลุล่วงท่ามกลางพวกเขา และสนับสนุนพวกท่านด้วยคำสวดอ้อนวอนของพวกเขา ซึ่งพวกเขาเห็นชอบด้วยการลุกขึ้นยืน” (คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ [2007], 213).

  4. หลักคำสอนและพันธสัญญา 68:4

  5. หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:38.

  6. ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์กล่าวไว้ว่า

    “การเลือกไม่รับคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์เปลี่ยนจุดที่เรายืน จุดนั้นเป็นอันตรายมากขึ้น การไม่รับคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์บั่นทอนพลังความสามารถในการรับคำแนะนำที่ได้รับการดลใจในอนาคต เวลาดีที่สุดในการตัดสินใจช่วยโนอาห์ต่อเรือคือครั้งแรกที่เขาขอให้ช่วย แต่ละครั้งที่เขาขอหลังจากนั้น การไม่ตอบรับแต่ละครั้งจะบั่นทอนความรู้สึกไวต่อพระวิญญาณ และด้วยเหตุนี้คำขอของเขาแต่ละครั้งจึงดูเหมือนโง่ยิ่งกว่าเดิมจนกระทั่งฝนมา และสายเกินไปเสียแล้ว

    “ในชีวิตของข้าพเจ้า ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าเลือกที่จะล่าช้าต่อการทำตามคำแนะนำที่มาจากการดลใจหรือคิดว่าตนเองเป็นข้อยกเว้น ข้าพเจ้าทราบทันทีว่าข้าพเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าฟังคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ รู้สึกถึงการยืนยันถ้อยคำนั้นในการสวดอ้อนวอน จากนั้นทำตามคำแนะนำดังกล่าว ข้าพเจ้าพบว่าข้าพเจ้ากำลังเดินไปสู่ที่ปลอดภัย” (ดู “ค้นพบความปลอดภัยในคำแนะนำ,” เลียโฮนา, ก.ค. 1997, 30)

  7. ดู นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น, “Teaching Our Children to Love the Prophets,” Ensign, Apr. 1996, 47.

  8. บอยด์ เค. แพคเกอร์เคยกล่าวไว้ว่า

    “ข้าพเจ้าได้ยินประธานฮาโรลด์ บี. ลีเริ่มกล่าวคำแถลงเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเปิดเผยด้วยสำนวนประมาณว่า ‘ในยามเช้าตรู่ ขณะข้าพเจ้าไตร่ตรองถึงเรื่องนั้น …’ ท่านฝึกที่จะแก้ไขปัญหาที่ต้องการการเปิดเผยในเวลาเช้าตรู่ซึ่งท่านสดชื่นและตื่นตัว

    “พระเจ้าทรงทราบบางสิ่งเมื่อพระองค์ทรงแนะนำในหลักคำสอนและพันธสัญญาว่า ‘เลิก​นอน​นาน​เกิน​ความ​จำเป็น; จง​เข้า​นอน​แต่​หัวค่ำ, เพื่อ​เจ้า​จะ​ไม่​เหนื่อย​อ่อน; ตื่น​แต่​เช้า, เพื่อ​ร่างกาย​เจ้า​และ​ความ​คิด​เจ้า​จะ​กระปรี้กระเปร่า.” (คพ. 88:124) …

    “ข้าพเจ้าเรียนรู้ถึงพลังแห่งคติพจน์ที่ว่า ‘นอนแต่หัวค่ำ ตื่นแต่เช้า’ เมื่อข้าพเจ้าอยู่ภายใต้ภาวะกดดัน ท่านจะไม่เห็นข้าพเจ้าอยู่จนดึกดื่น ข้าพเจ้าอยากจะนอนแต่หัวค่ำและตื่นแต่เช้าตรู่ เมื่อข้าพเจ้าสามารถใกล้ชิดกับพระองค์ผู้ทรงนำทางงานนี้” (Teach Ye Diligently [2005], 244–245).

  9. นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น, “ท่านรู้มากพอ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2008, 15.

  10. ดู โธมัส เอส. มอนสัน, “จนกว่าเราจะพบกันอีก,” เลียโฮนา, พ.ค. 2014, 115.

  11. โธมัส เอส. มอนสัน, “ขอพระเจ้าอยู่ด้วยจนเจอกันอีก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2012, 110.

  12. ยอห์น 10:4.

  13. เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “อย่ากลัวเลยที่จะทำดี,” เลียโฮนา, พ.ย. 2017, 103.

  14. ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ, “ถวิลหาบ้าน,” เลียโฮนา, พ.ย. 2017, 22, 24.

  15. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พระคัมภีร์มอรมอน: ชีวิตท่านจะเป็นอย่างไรหากปราศจากพระคัมภีร์เล่มนี้เลียโฮนา, พ.ย. 2017, 63.

  16. ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “แผนและถ้อยแถลง,” เลียโฮนา, พ.ย. 2017, 30–31.

  17. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “เดินทางต่อไป!เลียโฮนา, พ.ย. 2017, 106.

  18. Spencer J. Condie, Russell M. Nelson: Father, Surgeon, Apostle (2003), 215.

  19. Spencer J. Condie, Russell M. Nelson, 215.

  20. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พระคัมภีร์มอรมอน: ชีวิตท่านจะเป็นอย่างไรหากปราศจากพระคัมภีร์เล่มนี้” 61.

  21. เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “อย่ากลัวเลยที่จะทำดี,” 100.

  22. กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์เคยกล่าวว่า

    “การทดสอบจะมาถึงเพื่อให้นำคำสอนที่ได้รับไปใช้ หลังจากนั้น หากเราเมตตาขึ้นอีกเล็กน้อย หากเราเป็นมิตรขึ้นอีกเล็กน้อย หากเราใกล้ชิดพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น ด้วยความตั้งใจมั่นมากขึ้นที่จะทำตามคำสอนและแบบอย่างของพระองค์ ก็ถือว่าการประชุมใหญ่ครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง หากไม่มีการปรับปรุงในชีวิตของเรา ก็ถือว่าผู้พูดล้มเหลวอย่างมาก

    “การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอาจจะเห็นได้ไม่ชัดเจนในหนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ หรือหนึ่งเดือน เพราะเราตัดสินใจเร็วและลืมเร็ว แต่ในหนึ่งปีนับจากนี้ หากเราทำดีขึ้นกว่าเดิม ความพยายามในวันเวลานี้ก็จะไม่เปล่าประโยชน์” (“ใจถ่อมและชอกช้ำ,” เลียโฮนา, ม.ค. 2001, 121).

  23. โธมัส เอส. มอนสัน, “คำปราศรัยปิดการประชุม,” เลียโฮนา, พ.ค. 2010, 141.