2017
ดังเรานั้นรักเจ้า
กุมภาพันธ์ 2017


ข่าวสารจากฝ่ายประธานสูงสุด

“ดังเรานั้นรักเจ้า”

ภาพ
Father with children

หลายปีก่อนเพื่อนคนหนึ่งชื่อหลุยส์เล่าเรื่องราวละเอียดอ่อนเกี่ยวกับมารดาที่พูดจานุ่มนวลและอ่อนโยนของเขา เมื่อเธอสิ้นชีวิต เธอไม่ได้ทิ้งทรัพย์สินเงินทองไว้ให้บุตรชายและบุตรสาวนอกจากมรดกตกทอดอันมั่งคั่งของแบบอย่าง การเสียสละ และการเชื่อฟัง

หลังจากกล่าวสดุดีในพิธีศพและเดินไว้อาลัยไปสุสาน ครอบครัวที่ลูกๆ โตแล้วช่วยกันคัดแยกสมบัติเพียงน้อยนิดที่มารดาทิ้งไว้ สิ่งหนึ่งที่หลุยส์ค้นพบคือจดหมายสั้นๆ และกุญแจดอกหนึ่ง จดหมายนั้นสั่งว่า “ในห้องนอนตรงหัวมุม ในลิ้นชักชั้นล่างสุดของโต๊ะเครื่องแป้งของแม่ มีหีบเล็กๆ อยู่ใบหนึ่ง แม่เก็บสมบัติล้ำค่าไว้ในนั้น กุญแจดอกนี้ใช้เปิดหีบ”

ทุกคนสงสัยว่ามารดาของพวกเขามีอะไรล้ำค่ามากถึงขนาดเก็บใส่กุญแจ

พวกเขายกหีบใบนั้นออกจากลิ้นชักและใช้กุญแจไขอย่างระมัดระวัง ขณะสำรวจของในกล่อง หลุยส์กับคนอื่นๆ พบภาพถ่ายของลูกแต่ละคนพร้อมชื่อและวันเดือนปีเกิดของลูกคนนั้น แล้วหลุยส์ก็หยิบการ์ดวาเลนไทน์แบบประดิษฐ์เองออกมา เขาอ่านลายมือแบบเด็กและไม่สละสลวยซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นลายมือที่เขาเขียนเมื่อ 60 ปีก่อนว่า “คุณแม่ที่รัก ผมรักคุณแม่ครับ”

จิตใจอ่อนไหว น้ำเสียงนุ่มนวล และน้ำตาคลอหน่วย สมบัติของคุณแม่คือครอบครัวนิรันดร์ของเธอ ความเข้มแข็งของครอบครัวอยู่บนฐานมั่นของคำว่า “ฉันรักคุณ”

ในโลกทุกวันนี้ ไม่มีที่ใดเป็นฐานมั่นของความรักที่ต้องการมากไปกว่าในบ้าน และไม่มีที่ใดให้โลกหาแบบอย่างที่ดีของรากฐานดังกล่าวมากไปกว่าในบ้านของวิสุทธิชนยุคสุดท้ายผู้ทำให้ความรักเป็นหัวใจของชีวิตครอบครัว

ถึงพวกเราผู้ปฏิญาณตนเป็นสาวกของพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ พระองค์ประทานคำแนะนำที่ลึกซึ้งดังนี้

“เราให้บัญญัติใหม่ไว้กับพวกท่าน คือให้รักซึ่งกันและกัน เรารักพวกท่านมาแล้วอย่างไร ท่านก็จงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น

“ถ้าท่านรักกันและกัน ดังนี้แหละทุกคนก็จะรู้ว่าท่านเป็นสาวกของเรา”1

ถ้าเราจะรักษาพระบัญญัติให้รักกัน เราพึงปฏิบัติต่อกันด้วยความเห็นใจและความเคารพ โดยแสดงความรักของเราในการปฏิสัมพันธ์แต่ละวัน ความรักมอบคำพูดที่อ่อนโยน การตอบสนองด้วยความอดทน การกระทำที่ไม่เห็นแก่ตัว หูที่เข้าใจ และใจที่ให้อภัย ในความสัมพันธ์ทั้งหมดของเรานั้น การกระทำเหล่านี้และการกระทำเช่นนั้นช่วยทำให้ความรักในใจเราประจักษ์ชัด

ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ (1910-2008) กล่าวว่า “ความรัก … เป็นโถทองที่ปลายรุ้ง ทว่าเป็นมากกว่าปลายรุ้ง ความรักอยู่ที่ต้นรุ้งเช่นกัน และจากตรงนั้นเกิดความสวยงามเป็นรูปโค้งพาดผ่านท้องฟ้าในวันที่มีพายุฝน ความรักเป็นหลักประกันที่เด็กร้องหา เป็นความใฝ่ฝันของเยาวชน เป็นกาวสมานชีวิตแต่งงาน และเป็นน้ำมันหล่อลื่นที่ป้องกันการเสียดสีอันก่อให้เกิดความเสียหายในบ้าน ความรักเป็นสันติสุขของวัยชรา เป็นแสงตะวันของความหวังที่ส่องผ่านความตาย คนที่มีความรักนั้นในความสัมพันธ์กับครอบครัว มิตรสหาย ศาสนจักร และเพื่อนบ้านถือว่ามั่งคั่งอย่างยิ่ง”2

ความรักคือแก่นแท้ของพระกิตติคุณ เป็นคุณลักษณะสูงส่งที่สุดของจิตวิญญาณมนุษย์ ความรักคือการบำบัดครอบครัวที่เจ็บป่วย ชุมชนที่เจ็บไข้ และชนชาติที่เป็นโรค ความรักคือรอยยิ้ม การโบกมือ ความคิดเห็นที่อ่อนโยน และคำชมเชย ความรักคือการเสียสละ การรับใช้ และความไม่เห็นแก่ตัว

สามีทั้งหลาย จงรักภรรยาของท่าน ปฏิบัติต่อพวกเธอด้วยศักดิ์ศรีและความชื่นชม พี่น้องสตรีทั้งหลาย จงรักสามีของท่าน ปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความยกย่องและกำลังใจ

บิดามารดาทั้งหลาย จงรักบุตรธิดาของท่าน สวดอ้อนวอนให้พวกเขา สอนพวกเขา และเป็นพยานต่อพวกเขา บุตรธิดาทั้งหลาย จงรักบิดามารดาของท่าน แสดงให้พวกท่านเห็นความเคารพ ความกตัญญ และการเชื่อฟัง

หากปราศจากความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์ มอรมอนแนะนำว่า “[เรา] ก็ไม่เป็นอะไรเลย.”3 คำสวดอ้อนวอนของข้าพเจ้าคือ ขอให้เราทำตามคำแนะนำของมอรมอนให้ “สวดอ้อนวอนพระบิดาจนสุดพลังของใจ, เพื่อ [เรา] จะเปี่ยมด้วยความรักนี้, ซึ่งพระองค์ประทานให้ทุกคนซึ่งเป็นผู้ติดตามที่แท้จริงของพระบุตรของพระองค์, พระเยซูคริสต์; เพื่อท่านจะกลับกลายเป็นบุตรของพระผู้เป็นเจ้า; เพื่อว่าเมื่อพระองค์จะเสด็จมาปรากฏเราจะเป็นเหมือนพระองค์”4