2017
ให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม
November 2017


ให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแหล่งของการเยียวยา สันติสุข และความก้าวหน้านิรันดร์ทั้งปวง

พี่น้องทั้งหลาย ช่างน่าปีติยินดีที่ได้อยู่กับพวกท่าน และนั่นคือสิ่งที่ดิฉันอยากจะพูดกับท่านเช้าวันนี้—การมีความบริบูรณ์แห่งปีติ

พาดหัวข่าวเมื่อไม่นานมานี้อ่านได้ว่า “ภัยพิบัติถล่มประเทศ [และ] โลก”1 จากพายุเฮอร์ริเคนและอุทกภัยไปจนถึงคลื่นความร้อนและภัยแล้ง จากไฟป่าและแผ่นดินไหวไปจนถึงสงครามและโรคร้าย ดูเหมือนว่า “ทั้งแผ่นดินโลก … อยู่ในความโกลาหล”2

ผู้คนหลายล้านคนต้องย้ายถิ่นฐาน ชีวิตอีกนับไม่ถ้วนถูกรบกวนด้วยสิ่งท้าทายเหล่านี้ ความขัดแย้งในครอบครัวและชุมชนตลอดจนการต่อสู้ภายในกับความกลัว ความสงสัย และความผิดหวังทิ้งเราให้อยู่ในความสับสนอลหม่านเช่นกัน จึงอาจเป็นเรื่องยากที่จะรู้สึกถึงปีติซึ่งลีไฮสอนไว้ว่าคือจุดประสงค์ของชีวิต3 เราทุกคนเคยถามคำถามนี้ในบางครั้ง: “หาสันติได้ที่ใด? การปลอบโยนอยู่ไหน … ?”4 เราสงสัยว่า “ฉันจะพบปีติได้อย่างไรท่ามกลางความยากลำบากของชีวิตมรรตัย”

คำตอบอาจดูเหมือนเรียบง่ายเกินไป แต่พิสูจน์แล้วว่าจริงจากสมัยของอาดัม ปีติที่ยั่งยืนพบได้ในการมุ่งเน้นที่พระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์ และดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณดังที่พระองค์ทรงสอนและสาธิตให้ดู ยิ่งเรา เรียนรู้เกี่ยวกับ พระเยซูคริสต์ มีศรัทธา และทำตาม พระองค์ เรายิ่งเข้าใจว่าพระองค์ทรงเป็นแหล่งของการเยียวยา สันติสุข และความก้าวหน้านิรันดร์ทั้งปวง พระองค์ทรงเชื้อเชิญให้เราทุกคนมาหาพระองค์5 คำเชื้อเชิญที่ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์บรรยายว่าเป็น “คำเชื้อเชิญสำคัญที่สุดที่ใครๆ ก็ยอมรับ”6

เรียนรู้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์

เรามาหาพระองค์ได้อย่างไร เดือนเมษายนที่ผ่านมา ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันและเอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดกระตุ้นให้เราศึกษา “พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์”7 เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้เกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอด หลายคนยอมรับคำเชื้อเชิญและได้รับพร ไม่นานมานี้ เพื่อนรักคนหนึ่งแจกสำเนาเอกสารให้ลูกๆ ในวัยผู้ใหญ่ของเธอพร้อมภาพพระกิตติคุณเพื่อเป็นภาพประกอบของแต่ละวลี เธอกระตุ้นให้ลูกๆ ช่วยหลานของเธอให้เข้าใจและท่องจำได้ เวลาผ่านไป เพื่อนดิฉันแบ่งปันวีดิทัศน์ของ เลย์นี่ หลานสาววัยหกขวบที่ท่องจำด้วยความกระตือรือร้นและความมั่นใจ ดิฉันตระหนักว่าถ้าเด็กอายุหกขวบทำได้ ดิฉันก็ต้องทำได้!

ภาพ
เลย์นี่ เด็กที่ท่องจำ “พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์”

“ขณะที่ดิฉันศึกษาพระชนม์ชีพและคำสอนของพระเยซูคริสต์ด้วยการพินิจพิเคราะห์มากขึ้นและให้คำมั่นที่จะท่องจำ ‘พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์’ ความสำนึกคุณและความรักที่ดิฉันมีต่อพระผู้ช่วยให้รอดเพิ่มพูน แต่ละประโยคจากบทความที่ได้รับการดลใจมีคำเทศนาและเพิ่มความเข้าใจของดิฉันเกี่ยวกับบทบาทของพระเจ้าและพระพันธกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลก สิ่งที่ดิฉันได้เรียนรู้และรู้สึกตลอดช่วงเวลาของการศึกษาและไตร่ตรองนี้ยืนยันว่าพระเยซู “ทรงเป็นความสว่าง ทรงเป็นชีวิต และความหวังของโลก”8 อย่างแท้จริง พระคัมภีร์สมัยโบราณกับถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ยุคสุดท้ายที่เขียนหรือกล่าวสรรเสริญพระองค์เป็นพยานว่า “ทางของพระองค์คือเส้นทางที่นำไปสู่ความสุขในชีวิตนี้และชีวิตนิรันดร์ในโลกที่จะมาถึง”9

มีศรัทธาในพระเยซูคริสต์

ขณะที่ท่านศึกษาพระชนม์ชีพและคำสอนของพระคริสต์ในวิธีต่างๆ มากมาย ศรัทธาที่ท่านมีต่อพระองค์จะเพิ่มพูน ท่านจะรู้ว่าพระองค์ทรงรักท่านแต่ละคนและเข้าพระทัยท่านอย่างถ่องแท้ ในพระชนม์ชีพมรรตัย 33 ปีของพระองค์ พระองค์ทรงทนทุกข์กับการถูกปฏิเสธ การข่มเหง ความหิวโหยทางร่างกาย ความกระหาย และความเหน็ดเหนื่อย10 ความเดียวดาย การทำร้ายทางวาจาและทางร่างกาย และสุดท้ายการสิ้นพระชนม์อย่างเจ็บปวดด้วยน้ำมือของคนบาป11 ในสวนเกทเสมนีและบนกางเขนแห่งคัลวารี พระองค์ทรงรู้สึกถึงความเจ็บปวด ความทุกข์ การล่อลวง ความป่วยไข้ และความทุพพลภาพทั้งหมด ของเรา12

ไม่ว่าเราจะทนทุกข์อะไร พระองค์ทรงเป็นแหล่งของ การเยียวยา ทุกคนที่ประสบกับการกระทำทารุณกรรม การสูญเสียอย่างใหญ่หลวง โรคเรื้อรังหรือโรคที่ทำให้พิการ การถูกใส่ความ การข่มเหงรังแกอย่างโหดร้าย หรือความเสียหายทางวิญญาณอันเป็นผลจากบาปหรือความเข้าใจผิดในทุกรูปแบบจะสะอาดบริสุทธิ์ได้โดยพระผู้ไถ่ของโลก อย่างไรก็ตาม พระองค์จะไม่เสด็จมาหากไม่ได้รับเชิญ เราต้องมาหาพระองค์และยอมให้พระองค์ทรงกระทำปาฏิหาริย์

วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิอันสวยงามดิฉันเปิดประตูทิ้งไว้เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ นกน้อยตัวหนึ่งบินเข้ามาแล้วรู้ตัวว่ามันไม่ได้ต้องการอยู่ที่นี่ นกบินอย่างสิ้นหวังไปทั่วห้อง บินเข้าหาหน้าต่างกระจกซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อพยายามจะหนีออกไป ดิฉันพยายามนำทางนกตัวนั้นอย่างนุ่มนวลให้ไปที่ประตู แต่มันกลัวและโผบินห่างออกไปทุกครั้ง ในที่สุดนกก็บินมาเกาะบนม่านหน้าต่างด้วยความเหนื่อยล้าและงุนงงอย่างที่สุด ดิฉันหยิบไม้กวาดและค่อยๆ ยื่นปลายไม้กวาดไปตรงที่นกเกาะอยู่อย่างหวั่นๆ ขณะที่ดิฉันยื่นปลายไม้กวาดไปที่เท้าของมัน นกก็ค่อยๆ ก้าวขึ้นมาเกาะบนขนไม้กวาด ดิฉันเดินอย่างช้าๆ ช้ามากๆ ไปที่ประตู โดยถือไม้กวาดให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทันทีที่เราไปถึงประตูที่เปิดอยู่ นกก็โผบินไปสู่อิสรภาพอย่างรวดเร็ว

เช่นเดียวกับนกตัวนั้น บางครั้งเราไม่กล้าวางใจเพราะเราไม่เข้าใจความรักอันบริสุทธิ์และความปรารถนาของพระผู้เป็นเจ้าที่จะทรงช่วยเหลือเรา แต่เมื่อเราศึกษาแผนของพระบิดาบนสวรรค์และพระพันธกิจของพระเยซูคริสต์ เราเข้าใจว่าพระประสงค์อย่างเดียวของพระองค์คือความสุขและความก้าวหน้านิรันดร์ของเรา13 พระองค์ทรงยินดีช่วยเหลือเราเมื่อเราขอ หา และเคาะ14 เมื่อเราใช้ศรัทธาและเปิดรับคำตอบของพระองค์ด้วยความนอบน้อมถ่อมตน เราจะเป็นอิสระจากพันธนาการแห่งความเข้าใจผิดและสมมติฐานของเรา และเราจะมองเห็นทางที่มุ่งไปข้างหน้าได้

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแหล่งของ สันติสุข พระองค์ทรงเชื้อเชิญให้เรา “พึ่งพาความรักอันล้นเหลือของพระองค์”15 และทรงสัญญา “สันติสุข … ที่เกินความเข้าใจ”16 ความรู้สึกซึ่งเกิดขึ้นเมื่อพระวิญญาณของพระองค์ “รับสั่งให้บังเกิดความสงบแก่จิตวิญญาณเรา”17 ไม่ว่าจะมีความท้าทายอะไรรอบข้างเรา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาส่วนตัว ปัญหาครอบครัว หรือวิกฤตชุมชน สันติสุขจะเกิดขึ้นเมื่อเราวางใจว่าพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดของพระผู้เป็นเจ้าทรงมีเดชานุภาพที่จะปลอบประโลมจิตวิญญาณอันปวดร้าวของเรา

ภาพ
สนีเยชานา โพดวินสกี สมาชิกในโครเอเชีย

สนีเยชานา โพดวินสกี หนึ่งในวิสุทธิชนจำนวนน้อยในคาร์โลวัค โครเอเชีย พึ่งพาพระผู้ช่วยให้รอดเมื่อสามีกับพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตภายในระยะเวลาหกเดือนเมื่อปีที่แล้ว ด้วยความโศกเศร้า แต่มีประจักษ์พยานว่าครอบครัวเป็นนิรันดร์ เธอใช้เงินเก็บทั้งหมดเดินทางไปพระวิหาร ซึ่งเธอได้ผนึกกับสามีและพ่อแม่ของเธอที่นั่น เธอเล่าว่าวันเวลาในพระวิหารเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดในชีวิตเธอ เพราะประจักษ์พยานอันเข้มแข็งของเธอในพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ เธอรู้สึกถึงสันติสุขและได้รับการเยียวยาซึ่งเป็นพลังให้แก่คนรอบข้างเธอเช่นกัน

ศรัทธาในพระเยซูคริสต์ยังนำมาซึ่งของประทานมากกว่าการเยียวยาและสันติสุข ดังที่ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์กล่าวไว้ว่า “ข้าพเจ้าขอบพระทัยสำหรับหลายวิธีที่พระเจ้าเสด็จมาเยือนด้วยพระผู้ปลอบโยนเมื่อต้องการสันติสุขแต่พระบิดาในสวรรค์ของเราไม่ได้ทรงห่วงใยเฉพาะความสบายใจของเราเท่านั้น แต่ทรงห่วงใยความก้าวหน้าของเรามากกว่า”18

เพราะการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ ซึ่งรวมถึงของประทานแห่งการไถ่และการฟื้นคืนชีวิต เราจึงสามารถกลับใจ เปลี่ยนแปลง และ ก้าวหน้าได้ชั่วนิรันดร์ เพราะพลังที่พระองค์ประทานแก่เราเมื่อเราเชื่อฟัง เราจึงสามารถเป็นมากกว่าที่เราจะเป็นได้ด้วยลำพังตัวเราเอง เราอาจจะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่เราทุกคนที่รู้สึกว่าศรัทธาในพระคริสต์เพิ่มขึ้นก็ได้รับความเข้าใจเพิ่มขึ้นด้วยถึงอัตลักษณ์และจุดประสงค์อันสูงส่งของเรา โดยนำเราไปสู่การเลือกที่สอดคล้องกับความรู้นั้น

แม้ว่าโลกจะพยายามทำให้เราลดระดับลงเป็น “เพียงสัตว์เท่านั้น”19 การรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าคือพระบิดาของเราทำให้เรามั่นใจว่าเรามีศักยภาพอันสูงส่งและคำสัญญาอันดีเลิศ แม้ว่าโลกจะบอกเราว่าชีวิตนี้เป็นทางตัน แต่การรู้ว่าพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดของพระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เป็นไปได้ที่เราจะได้รับการไถ่และฟื้นคืนชีวิตทำให้เรามีความหวังสำหรับความก้าวหน้านิรันดร์

จงเลียนแบบพระเยซูคริสต์

ขณะที่เราเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ เราพัฒนาศรัทธามากขึ้นในพระองค์และโดยปกติวิสัยเราย่อมต้องการทำตามแบบอย่างของพระองค์ การรักษาพระบัญญัติของพระองค์กลายเป็นสิ่งที่เราปรารถนามากที่สุด ใจเราใฝ่หาการบรรเทาทุกข์ผู้อื่น ดังที่พระองค์ทรงทำ และเราต้องการให้พวกเขาประสบกับสันติสุขและความสุขที่เราได้พบ

เหตุใดการพยายามทำดังที่พระองค์ทรงทำจึงมีพลังมาก เพราะเมื่อเราปฏิบัติตามศรัทธาของเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานถึงความจริงนิรันดร์20 พระเยซูทรงบัญชาสานุศิษย์ของพระองค์ให้รักษาพระบัญญัติของพระองค์เพราะพระองค์ทรงทราบว่าเมื่อเราทำตามแบบอย่างของพระองค์ เราจะเริ่มประสบกับปีติ และเมื่อเราดำเนินต่อไปบนเส้นทางของพระองค์ เราจะมาถึงความบริบูรณ์แห่งปีติ พระองค์ทรงอธิบายว่า “เราบอกสิ่งเหล่านี้กับพวกท่านแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่ในท่าน และให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม”21

ประจักษ์พยานของเราสร้างบนรากฐานหลักของพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์หรือไม่ เมื่อมรสุมชีวิตถาโถมเข้าหาเรา เรากระวนกระวายมองหาหนังสือแนะแนวหรือโพสต์ในอินเทอร์เน็ตเพื่อหาความช่วยเหลือหรือไม่ การใช้เวลาเพื่อสร้างและเสริมกำลังความรู้และประจักษ์พยานของเราถึงพระเยซูคริสต์จะให้ผลกำไรมั่งคั่งในช่วงเวลาของการทดลองและความทุกข์ยาก การอ่านพระคัมภีร์และไตร่ตรองถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่ทุกวัน การมีส่วนร่วมในการสวดอ้อนวอนส่วนตัวที่มีความหมาย การตั้งใจรับส่วนศีลระลึกทุกสัปดาห์ การรับใช้ดังที่พระผู้ช่วยให้รอดจะทรงทำ—กิจกรรมเรียบง่ายแต่ละอย่างเหล่านี้กลายเป็นพื้นฐานสำหรับชีวิตที่มีความสุข

สิ่งใดนำปีติมาสู่ท่าน การเห็นคนรักเมื่อสิ้นสุดวันอันเหน็ดเหนื่อยหรือ ความพึงพอใจที่ทำงานสำเร็จลุล่วงหรือ ประกายตาของใครสักคนเมื่อท่านแบ่งเบาภาระของเขาหรือ คำร้องของเพลงสวดที่หยั่งลึกลงในใจท่านหรือ การจับมือทักทายของเพื่อนสนิทหรือ ใช้เวลาส่วนตัวชั่วครู่เพื่อใคร่ครวญพรของท่าน แล้วหาวิธีแบ่งปันพรเหล่านั้น ขณะที่ท่านเอื้อมออกไปรับใช้และยกพี่น้องในละแวกบ้านของท่านหรือทั่วทั้งโลกที่สับสนวุ่นวายนี้ ท่านจะรู้สึกถึงสันติสุข การเยียวยา และแม้แต่ความก้าวหน้ามากขึ้น

มาหาพระองค์ ดิฉันเป็นพยานว่าเมื่อท่านให้พระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลางในชีวิต ท่านจะพบปีติในสภาวการณ์ต่างๆ ของท่าน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม โดยแท้แล้ว คำตอบคือ “พระองค์เท่านั้น”22 จงหาเวลาและใช้เวลามารู้จักพระเยซูคริสต์ผ่านการศึกษาอย่างขยันหมั่นเพียร พัฒนาศรัทธาในพระองค์มากขึ้น และพยายามเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นขณะทำเช่นนั้น ใจเราปรารถนาจะพูด พร้อมกับเลย์นี่เด็กน้อย ว่า “ขอน้อมขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าสำหรับของประทานอันหาที่เปรียบมิได้จากพระบุตรของพระองค์”23 ในพระนามอันเป็นพรและศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน