2018
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน: รับการทรงนำ เตรียมพร้อม มุ่งมั่น
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน


ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน: รับการทรงนำ เตรียมพร้อม มุ่งมั่น

หลังจากซ่อมหัวใจหลายสิบปีในฐานะศัลยแพทย์หัวใจผู้มีชื่อเสียงและต่อจากนั้นสัมผัสใจผู้คนในฐานะอัครสาวกของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันนำมือที่มั่นคงและความรักที่ไม่เสื่อมคลายมาสู่การปฏิบัติศาสนกิจในฐานะประธานศาสนจักร

ภาพ
President Russell M. Nelson seated in black chair

เมื่อประธานศาสนจักรถึงแก่กรรม คนจำนวนมากหันมาสนใจขั้นตอนการเลือกผู้สืบทอด อันที่จริง ขั้นตอนที่พระเจ้าทรงแนะนำ เริ่มต้นมาก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันได้รับการเตรียมมาชั่วชีวิตสำหรับการเรียกอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ข้าพเจ้าเป็นพยานยืนยันเหตุการณ์ส่วนใหญ่ของการเตรียมนั้น

การเตรียมประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันประจักษ์ชัดในประสบการณ์และความสำเร็จทั้งหมดของชีวิตท่าน ท่านมีชื่อเสียงในฐานะศัลยแพทย์หัวใจรุ่นบุกเบิก ท่านเป็นนักเขียนและนักพูดที่ฉลาดหลักแหลม สามารถสื่อสารได้หลายภาษา ท่านรู้จักและรักผู้คน และท่านเข้าใจผลของการตัดสินใจที่มีต่อชีวิตพวกเขา ท่านรู้จักและรักพระคัมภีร์และพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ ท่านเป็นผู้บริหารที่มีประสบการณ์ผู้ทำการตัดสินใจฉับไวและเฉียบขาด

ประธานเนลสันรู้จักประธานศาสนจักรก่อนหน้านี้ 10 ใน 16 ท่านเป็นการส่วนตัวและได้รับความรู้จากท่านเหล่านั้นหลายคราว เวลานี้ ในฐานะประธานคนที่ 17 ท่านเริ่มปฏิบัติหน้าที่ประธานโดยรับรองกับวิสุทธิชนยุคสุดท้ายว่าพระเยซูคริสต์จะทรงนำศาสนจักรของพระองค์ต่อไป

“พระเจ้าทรงสอนและทรงดลใจศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ตลอดมาและจะทรงทำเช่นนั้นตลอดไป” ท่านกล่าวระหว่างการแถลงข่าวออกอากาศเมื่อวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 2018 “พระเจ้าทรงกุมหางเสือ เราผู้ได้รับแต่งตั้งให้กล่าวคำพยานถึงพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ทั่วโลกจะพยายามรู้พระประสงค์ของพระองค์และทำตามพระประสงค์นั้นต่อไป”1

ความห่วงใยที่ประธานเนลสันมีต่อความผาสุกนิรันดร์ของบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าเกิดจากการรับใช้ด้วยความจริงใจมาชั่วชีวิต ท่านสัมผัสใจคนมากมายในฐานะศัลยแพทย์มาแล้วฉันใด ท่านสัมผัสใจวิสุทธิชนทั่วโลกมาแล้วฉันนั้นด้วยคำสอนอันเปี่ยมด้วยพลัง การรับใช้ที่ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และความรักไม่เสื่อมคลายของท่าน ตามที่ท่านกล่าวระหว่างการถ่ายทอดครั้งประวัติศาสตร์เมื่อเดือนมกราคมว่า ความรัก “เพิ่มพูนตลอดหลายทศวรรษที่พบท่าน นมัสการกับท่าน และรับใช้ท่าน”2

การเตรียมที่จำเป็น

คนส่วนใหญ่ทราบว่าอาชีพที่โดดเด่นของ ดร. เนลสันคือนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ และศัลยแพทย์ผ่าตัดหัวใจมนุษย์รุ่นบุกเบิก ทั้งหมดนั้นและชีวิตครอบครัวที่เป็นแบบอย่างของท่านเป็นส่วนสำคัญที่สุดของการเตรียมท่าน

ภาพ
young Russell M. Nelson with his parents and siblings

รัสเซลล์ มาเรียน เนลสันเกิดวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1924 เป็นบุตรของมาเรียน ซี.และเอดนา แอนเดอร์สัน เนลสัน บิดามารดาของรัสเซลล์เป็นสมาชิกที่แข็งขันน้อยของศาสนจักรตลอดวัยเด็กของท่าน แต่ทั้งสองรักบุตรธิดามากและส่งพวกเขาไปโรงเรียนวันอาทิตย์เป็นครั้งคราว ตอนแรกเด็กชายรัสเซลล์ไม่สนใจศาสนจักร ชอบเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ มากกว่า แต่เมื่อท่านอายุ 16 ปี ใจท่านเริ่มขานรับความจริงของพระกิตติคุณและท่านรับบัพติศมาพร้อมพี่ๆ น้องๆ ของท่าน หลายปีต่อมา เพราะแบบอย่างและการชักชวนของลูกๆ บิดามารดาท่านจึงกลับมาแข็งขันอีกครั้ง

เด็กหนุ่มรัสเซลล์ขานรับโอกาสด้านการศึกษาเช่นกัน ท่านถึงขั้นตระหนักเช่นที่ท่านจะสอนในเวลาต่อมาว่าการศึกษาหาความรู้เป็นความรับผิดชอบทางศาสนาท่านเรียนจบมัธยมปลายเมื่ออายุ 16 ปี และท่านสมัครเรียนมหาวิทยาลัยแห่งยูทาห์ในช่วงที่การปะทะกันทั่วโลกของสงครามโลกครั้งที่สองทำให้ท่านไม่ได้รับใช้งานเผยแผ่เต็มเวลา

ขณะรัสเซลล์เรียนปริญญาตรี พรสวรรค์ด้านดนตรีชักนำท่านให้ร่วมแสดงละครเพลงที่มหาวิทยาลัย แดนท์เซล ไวท์นักร้องนำเสียงโซปราโนดึงดูดความสนใจของท่าน พวกท่านแต่งงานกันหลังจากรัสเซลล์ได้รับปริญญาตรีในปี 1945 ท่านสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งยูทาห์เมื่ออายุ 22 ปี ด้วยเกียรตินิยมแพทยศาสตรมหาบัณฑิต ท่านไปฝึกทำงานวิจัยต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งมินนิโซตา ที่นั่นท่านเป็นสมาชิกคนสำคัญของทีมบุกเบิกพัฒนาการผ่าตัดเปิดหัวใจ ต่อมาท่านเป็นแพทย์ประจำบ้านสาขาศัลยศาสตร์ในมินนิโซตาและที่โรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา

ในช่วงที่ ดร. เนลสันกำลังศึกษาและขยายครอบครัว กองทัพเรียกท่านเข้าประจำการในช่วงสงครามเกาหลีเพราะกองทัพต้องการแพทย์อย่างมาก เนื่องจากท่านฝึกผ่าตัด ท่านจึงถูกส่งไปวอชิงตัน ดี.ซี. ที่นั่นท่านตั้งหน่วยวิจัยการผ่าตัดที่ Walter Reed National Military Medical Center (ศูนย์แพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์รีด) คริสต์ศักราช 1953 ภารกิจทางทหารเสร็จสิ้น ท่านใช้เวลาหนึ่งปีทำงานให้ศูนย์สุขภาพฮาร์วาร์ดที่โรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ในบอสตัน หลังจากนั้นท่านจบปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยแห่งมินนิโซตาในปี 1954

ภาพ
Russell M. Nelson with his wife (Dantzel) and children

แม้งานอาชีพและการฝึกอบรมทางการแพทย์จะทำให้ดร.เนลสันแทบไม่มีเวลาว่าง แต่ ท่านให้ครอบครัวของท่านมาเป็นอันดับแรกในชีวิต แดนท์เซล ไวท์ เนลสันยืนเคียงข้างและสนับสนุนสามีเธอในกิจกรรมทั้งหมดของครอบครัว ศาสนจักร อาชีพ และการทหารของท่าน ความสัมพันธ์ที่มาจากความรักและการสนับสนุนกันตลอดเวลาเป็นแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลอย่างสม่ำเสมอต่อบุตรทั้ง 10 คนของพวกท่าน—บุตรสาวเก้าคนและบุตรชายหนึ่งคน ความสัมพันธ์ของพวกท่าน “หวานซึ้งและสละให้กันมาก” ซิลเวียร์ เว็บสเตอร์ บุตรสาวกล่าว รัสเซลล์ เนลสัน จูเนียร์บุตรชายคนเล็กจำได้ว่า “พวกเราเห็นมาตลอดว่าพ่อแม่รักกันมาก”3

แดนท์เซล เนลสันสิ้นชีวิตอย่างไม่คาดฝันหลังวันครบรอบแต่งงาน 60 ปีไม่นาน หลังจากอยู่คนเดียวมาระยะหนึ่ง เอ็ลเดอร์เนลสันจึงแต่งงานกับเวนดี วัตสันสตรีที่ไม่เคยแต่งงานมาก่อน ปริญญาเอก ตำแหน่งศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยบริคัม ยังก์ และความรักที่เธอมีให้ครอบครัวใหญ่ของเนลสันทำให้เธอเป็นคู่ที่เหมาะสมกับเอ็ลเดอร์และประธานเนลสัน

ภาพ
Russell M. Nelson with Wendy, his second wife

“ดิฉันแน่ใจว่าการเดินเข้ามาในครอบครัวที่มีคน 200 กว่าคนและรู้สึกเหมือนคุณเป็นเพื่อนสนิทของพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่าย” ซิลเวียบุตรสาวกล่าว “เวนดีพยายามและเธอทำได้ดีเยี่ยม”4 รัสเซลล์ จูเนียร์เสริมว่า “เวนดีเป็นคู่ที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับคุณพ่อ … ผมเห็นได้ว่าท่านได้รับการเตรียมมาตลอดหลายปีสำหรับตำแหน่งนี้และการเรียกนี้ ส่วนสำคัญของการเตรียมนั้นคือท่านมีเวนดีอยู่ในชีวิตท่าน”5

ขณะที่เขียนบทความนี้ ครอบครัวเนลสันมีบุตรธิดา 10 คน หลาน 57 คน และเหลน 116 คน และอีก 2 คนกำลังตามมา ทุกคนจะมารวมกันที่บ้านหลังใดหลังหนึ่งทุกเดือนเพื่อฉลองวันครบรอบและวันคล้ายวันเกิด

“อาณาจักรทั้งปวงมีกฎให้ไว้”

เมื่อรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันอยู่ในโรงเรียนแพทย์ ท่านเรียนมาว่าไม่ควรมีแพทย์คนใดแตะต้องหัวใจมนุษย์ เพราะทันทีที่แตะต้อง หัวใจจะหยุดเต้น ทว่าไม่กี่ปีหลังจากนั้น ดร. เนลสันกับเพื่อนนักวิจัยรายงานผลสำเร็จของการใช้ปอดและหัวใจเทียมครั้งแรกกับสุนัข ปอดและหัวใจเทียมควบคุมการไหลเวียนโลหิตของผู้ป่วย จึงทำการผ่าตัดหัวใจที่หยุดเต้นได้ การค้นพบครั้งใหญ่นี้โดย ดร. เนลสันกับเพื่อนร่วมวิชาชีพขยายมาถึงมนุษย์หลังจากนั้นไม่นานและเวลานี้นำไปสู่การผ่าตัดเปิดหัวใจกว่า 1.5 ล้านรายทั่วโลกทุกปี

การดลใจที่นำไปสู่การค้นพบครั้งนี้มาถึง ดร. เนลสันขณะท่านกำลังไตร่ตรองข้อต่อไปนี้ในพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญา:

“อาณาจักรทั้งปวงมีกฎให้ไว้ …

“และแก่ทุกอาณาจักรมีกฎให้ไว้; และแก่ทุกกฎมีขอบเขตบางประการด้วยและเงื่อนไข” (คพ. 88:36, 38)6

ดร. เนลสันให้เหตุผลว่าถ้าตัวท่านทำงาน ศึกษา และถามคำถามที่ถูกต้อง ท่านกับทีมของท่านก็จะเรียนรู้ว่ากฎใดควบคุมการเต้นของหัวใจ “การทำความเข้าใจพระคัมภีร์และการ ‘เปรียบ’ พระคัมภีร์กับความสนใจด้านนี้” ท่านกล่าว “ส่งผลให้การผ่าตัดหัวใจซึ่งเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่เรารู้จักในทุกวันนี้ง่ายขึ้นสำหรับข้าพเจ้า”7

ตลอดชีวิตของประธานเนลสัน ความสามารถในการประยุกต์ใช้หลักธรรมพระกิตติคุณเป็นพรแก่ท่าน ครอบครัวท่าน ศาสนจักร และชาวโลก ทั้งยังเป็นจุดสำคัญในการเตรียมท่านให้พร้อมรับการเรียกเป็นอัครสาวกและเป็นประธานศาสนจักรในปัจจุบันด้วย

ในงานอาชีพของ ดร. เนลสัน ท่านมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในฐานะศัลยแพทย์และนักวิจัยทางการแพทย์ คริสต์ศักราช 1955 ท่านยอมรับตำแหน่งกิตติเมธีสาขาศัลยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งยูทาห์ ที่นั่นท่านสร้างปอดหัวใจเทียมที่ท่านใช้ทำการผ่าตัดเปิดหัวใจครั้งแรกในยูทาห์—การผ่าตัดครั้งแรกทางตะวันตกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี ท่านบรรยายและเขียนตำราแพทย์มากมายหลายบทรวมทั้งเอกสารวิชาการกว่า 70 ชิ้นในสิ่งพิมพ์อื่นๆ ก่อนการเรียกเป็นอัครสาวก ท่านทำการผ่าตัดเกือบ 7,000 ครั้ง8

นอกจากทักษะด้านการแพทย์แล้ว ดร. เนลสันยังเป็นครูที่สร้างบันดาลใจและผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพด้วย คุณสมบัตินี้ทำให้ท่านมีค่าล้นเหลือในวงการแพทย์และต่อมาทำให้ท่านโดดเด่นในการเรียกต่างๆ ของศาสนจักร

“หน้าที่แพทย์ในเบื้องต้นคือสอน” ดร. เนลสันกล่าว ท่านเสริมว่า “แพทย์ปฏิบัติหน้าที่ระดับสูงสุดจริงๆ เมื่อแพทย์สอนผู้ป่วยว่าอะไรผิดปกติและจะทำอะไรกับความผิดปกตินั้นได้บ้าง”9

ภาพ
Russell M. Nelson as a doctor and during a visit to China

ดร. เนลสันแสดงให้เห็นว่าท่านเต็มใจและชื่นชอบการสอนและการศึกษา โดยเดินทางไปต่างประเทศเพื่อสาธิตและสอนหัตถการทางการแพทย์ เพื่อช่วยท่านในการสอน ท่านศึกษาหลายภาษา ได้แก่ภาษาฝรั่งเศส โปรตุเกส เยอรมัน รัสเซีย และสเปน ทั้งนี้เพื่อท่านจะสามารถสื่อสารและสอนแพทย์ตลอดจนนักวิจัยในประเทศอื่นๆ ได้ดีขึ้น หลังจากเข้าร่วมการประชุมซึ่งประธาน สเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ (1895–1985) แนะนำผู้เข้าร่วมประชุมให้เรียนภาษาจีน ดร. เนลสันกับแดนท์เซลภรรยาเริ่มศึกษาภาษาจีนกลางทันที ความคล่องแคล่วของท่านในภาษาดังกล่าวทำให้ท่านได้ทำงานใกล้ชิดกับประชาคมแพทย์ในจีน ที่ท่านไปบรรยายและทำการผ่าตัดช่วยชีวิตวีรบุรุษประจำชาติคนหนึ่งของประเทศจีน10

การแสวงหาอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าก่อน

สิ่งที่น่าประทับใจพอๆ กับความสำเร็จด้านการแพทย์ของประธานเนลสันคือท่านให้ความสำคัญกับพระเจ้าและงานของพระองค์เสมอ สมาชิกส่วนใหญ่ของศาสนจักรไม่ทราบว่าท่านรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาที่เทมเปิลสแควร์ตั้งแต่ปี 1955 ถึงปี 1965 คอยดูแลนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 16:00 ถึง 17:00 นาฬิกาทุกวันพฤหัสบดี นี่เป็นช่วงที่มีงานยุ่งที่สุดช่วงหนึ่งของศัลยแพทย์อย่างท่าน ท่านเขียนในเวลาต่อมาว่า “ในปี 1964 เราเพิ่งเริ่มทดลองเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติค อัตราตายสูงและเวลาที่ต้องทุ่มเทให้ผู้ป่วยแต่ละรายสูงมาก—รายหนึ่งใช้เวลาหลายชั่วโมง บางครั้งหลายวัน”11

สำหรับสมาชิกศาสนจักรหลายคน ความเป็นจริงดังกล่าวคงจะทำให้พวกเขาไม่สามารถทำการเรียกที่ต้องใช้เวลามากได้อีก แต่สำหรับ ดร. เนลสันแล้วไม่ใช่ คริสต์ศักราช 1964 หลังจากท่านและคนอื่นๆ ได้รับการสัมภาษณ์ในฐานะผู้มีแนวโน้มจะได้เป็นประธานสเตค เอ็ลเดอร์สเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ในขณะนั้น พร้อมผู้ติดตามคือเอ็ลเดอร์เลอร์แกรนด์ ริชาร์ดส์ (1886–1983) แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองบอกท่านว่า “เรารู้สึกว่าพระเจ้าทรงต้องการให้คุณเป็นประธานดูแลสเตคนี้ ระหว่างการสัมภาษณ์ของเราหลายครั้ง ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อคุณเรามักจะพูดแบบนี้ ‘โอ เขาคงไม่ไหว’ หรือ ‘เขาไม่มีเวลา’ หรือทั้งสองอย่าง กระนั้นก็ตาม เรารู้สึกว่าพระเจ้าทรงต้องการคุณ เวลานี้ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณมีงานยุ่งมากและไม่ควรยอมรับการเรียก คุณมีสิทธิ์ปฏิเสธ’ …

“ข้าพเจ้าตอบเพียงว่าการตัดสินใจนั้นทำไปแล้วเมื่อ 31 สิงหาคม ปี 1945 วันที่ข้าพเจ้ากับซิสเตอร์เนลสันแต่งงานในพระวิหาร เราให้คำมั่นในขณะนั้นว่าจะ ‘แสวงหาอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน’ เรารู้สึกมั่นใจว่าพระเจ้าจะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงให้ตามที่พระองค์ทรงสัญญา (ดู มัทธิว 6:33)”12

การที่ดร.เนลสันยอมรับการเรียกนั้นแสดงให้เห็นสิ่งที่เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองเรียกเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “ความอ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนเด็กและความเรียบง่ายของศรัทธาของรัสเซลล์ เนลสัน … ท่านอ่อนน้อมถ่อมตน ท่านเหมือนเด็ก ทุกระดับและในความสัมพันธ์อื่นทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเคยเห็นท่านมีต่อเพื่อนมนุษย์”13

เอ็ลเดอร์คิมบัลล์ให้พร ดร. เนลสัน โดยสัญญาว่าอัตราตายอันเนื่องจากการผ่าตัดลิ้นหัวใจเอออร์ติคจะลดต่ำลงและขั้นตอนการผ่าตัดจะไม่ใช้เวลาและพลังงานของท่านมากเหมือนเดิม

“ปีต่อมา เวลาที่ต้องผ่าตัด ลดลง และข้าพเจ้ามีเวลาที่จำเป็นต่อการรับใช้ในการเรียกนั้นและการเรียกอื่นๆ” ดร. เนลสันกล่าว “อันที่จริง อัตราตายของเราลด … ต่ำลงมากและอยู่ในวิสัยที่ยอมรับได้และดีพอสมควร น่าสนใจพอกันตรงที่ นั่นเป็นการผ่าตัดที่ข้าพเจ้าทำให้ประธานคิมบัลล์ในอีกแปดปีต่อมา”14

ภาพ
Russell M. Nelson and Spencer W. Kimball; Russell M. Nelson with Dantzel, his first wife

ข้อเรียกร้องในเรื่องงานอาชีพและการเรียกต่างๆ ของศาสนจักรทำให้ ดร. เนลสันมีเวลาว่างอยู่ที่บ้านจำกัดมาก แต่ท่านทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ความสำคัญกับภรรยาและบุตร 10 คน เมื่อใดก็ตามที่ท่านอยู่บ้าน ท่านจะให้เวลาเต็มที่กับครอบครัว ระหว่างการเดินทางหลายครั้งทั่วโลก บ่อยครั้งท่านจะพาภรรยาหรือลูกคนใดคนหนึ่งไปด้วย แม้แดนท์เซลจะดูแลลูกอย่างดีเยี่ยมเมื่อท่านไม่อยู่ แต่เธอตื้นตันใจที่ท่านทุ่มเทให้ลูกๆ เมื่อท่านมีเวลาพักจากงานอาชีพและการเรียกที่ทำให้ท่านมีงานรัดตัว “เมื่อท่านอยู่บ้าน ท่านอยู่บ้าน!” เธอเคยบอกประธานฮาโรลด์ บี. ลี (1899–1973) ผู้เป็นประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองเวลานั้น15 ประธานลีจะย้ำบรรทัดนี้บ่อยครั้งเมื่อแนะนำผู้นำฐานะปุโรหิตที่มีงานยุ่งให้สนใจครอบครัวของพวกเขา

การทำตามศาสดาพยากรณ์

ข้าพเจ้าเป็นผู้รับรู้และมีส่วนอยู่บ้างในเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในงานอาชีพของ ดร. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกับแดนท์เซลภรรยาท่าน เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อข้าพเจ้าพบกับครอบครัวเนลสันครั้งแรกในปี 1965 เมื่อ 52 ปีก่อน ในอัตชีวประวัติของ ดร. เนลสัน ท่านบอกว่ามีคนเสนอตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านศัลยศาสตร์และตำแหน่งหัวหน้าแผนกศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอกที่มหาวิทยาลัยแห่งชิคาโกให้ท่าน ท่านเขียนว่า ข้อเสนอนี้ “ทำให้ข้าพเจ้ามีแหล่งสนับสนุนเงินทุน ห้องปฏิบัติการวิจัย และคณะทำงานที่จะสานฝันของนักวิชาการทั้งหลายให้เป็นจริง เหตุจูงใจอีกประการหนึ่งคือข้อเสนอครอบคลุมถึงวิทยาลัยสี่ปีสำหรับบุตรทั้งเก้าคนของเรา ณ สถาบันการศึกษาที่พวกเขาเลือก โดยมหาวิทยาลัยแห่งชิคาโกจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด” คณบดีบอก ดร. เนลสันว่า “เหตุผลหนึ่งที่เราต้องการคุณคือเรารู้ว่าคุณเป็นมอรมอนที่ดี เราต้องการให้คุณอยู่ในคณะของเรา เราต้องการคุณที่นี่เพื่อให้คุณนำอิทธิพลมาสู่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เท่าที่มอรมอนคนหนึ่งจะนำมาได้”16

ส่วนหนึ่งของปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อให้ได้ตัวแพทย์ที่โดดเด่นคนนี้คือคณบดีโทรศัพท์มาขอให้ข้าพเจ้าช่วยโน้มน้าวครอบครัวเนลสันให้ย้ายมาชิคาโก ตอนนั้นข้าพเจ้าเป็นศาสตราจารย์สอนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยแห่งชิคาโกและรู้จักคณบดีคณะแพทยศาสตร์เพราะเรารับใช้ด้วยกันในสภาบริหารคณะของมหาวิทยาลัย คณบดีขอให้ข้าพเจ้าเชิญครอบครัวเนลสันมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านของเรา เขารบเร้าให้ข้าพเจ้าบอกครอบครัวเนลสันทุกอย่างเกี่ยวกับศาสนจักรในชิคาโกเพราะเขารู้ว่านี่เป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่งที่พวกท่านจะรับพิจารณา

ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้ากับจูนภรรยาผู้ล่วงลับจึงพบกับแดนท์เซลและรัสเซลล์ เนลสัน รับประทานอาหารเย็นกับพวกท่าน และสนทนากันในบ้านชิคาโกของเราเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1965 เราทำสุดความสามารถเพื่อโน้มน้าวให้พวกท่านย้ายมาชิคาโก ข้าพเจ้ามาทราบภายหลังจากอัตชีวประวัติของท่านว่า พวกท่าน “สนใจข้อเสนอนี้มากและถึงกับเลือกบ้านหลังหนึ่งแถบชานเมืองชิคาโกซึ่ง [พวกท่าน] จะเลี้ยงดูครอบครัวที่นั่นได้”17

เหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการดลใจของพระเจ้าชี้นำการตัดสินใจและการเตรียมของรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ย้อนกลับไปในซอลท์เลคซิตี้ ท่านขอคำแนะนำจากประธานเดวิด โอ. แมคเคย์ (1873–1970) เพื่อนำทางครอบครัวเนลสันในการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ ท่านศาสดาพยากรณ์สวดอ้อนวอนและคำตอบคือ “ไม่”

ภาพ
David O. McKay; Russell M. Nelson looking at model of heart

ประธานแมคเคย์กล่าวว่า “คุณอยู่ในเมืองที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว คุณมีวิถีชีวิตที่ทุกแห่งในโลกไม่สามารถเทียบได้ ที่นี่ลูกสาวคุณจะมีสภาพแวดล้อมดีที่สุดเท่าที่จะมีให้พวกเธอได้ พวกเธอสำคัญต่อคุณมากกว่าชื่อเสียงหรืออนาคตที่จะมาถึงคุณในมหาวิทยาลัยต่างๆ ไม่ บราเดอร์เนลสัน ที่ของคุณคือที่นี่ในซอลท์เลคซิตี้ ผู้คนจากทั่วโลกจะมาหาคุณเพราะคุณอยู่ที่นี่ ผมคิดว่าคุณไม่ควรไปชิคาโก”18

ดร. เนลสันปฏิเสธข้อเสนอจากชิคาโกด้วยศรัทธาเต็มเปี่ยมและอยู่ในซอลท์เลคซิตี้เหมือนเดิม ที่นั่น ในปีต่อๆ มา ท่านทำการผ่าตัดเปิดหัวใจและยืดชีวิตผู้ป่วยจำนวนมาก รวมทั้งประธานคิมบัลล์ เอ็ลเดอร์ริชาร์ด แอล. อีวานส์ (1906-1971) ประธาน บอยด์ เค. แพคเกอร์ (1924–2015) และผู้นำศาสนจักรอีกหลายท่าน ตลอดจนสมาชิกและครอบครัวของพวกเขา

สำหรับจูนและข้าพเจ้า การพบกันที่ชิคาโกคราวนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพที่ยืนยาวและล้ำค่ากับรัสเซลล์และแดนท์เซล เนลสัน หกปีต่อมาท่านได้รับการปลดจากการเป็นประธานสเตคและได้รับเรียกเป็นประธานโรงเรียนวันอาทิตย์สามัญ ในปีเดียวกันนั้น ข้าพเจ้าได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยบริคัมยังก์ เรารับใช้ด้วยกันหลายปีในโควรัมอัครสาวกสิบสอง และเวลานี้เราจะรับใช้ด้วยกันในฝ่ายประธานสูงสุดด้วยมิตรภาพที่เริ่มต้นในชิคาโกระหว่างนักวิชาการสองคนกับภรรยาของพวกเขาเมื่อ 52 ปีก่อน

การเปลี่ยนหัวใจ

วันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1984 ดร. เนลสันได้รับแต่งตั้งเป็นอัครสาวกและได้รับการวางมือมอบหน้าที่เป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง “ในช่วงเวลาสั้นๆ” ท่านกล่าว “จุดโฟกัสของสี่สิบปีที่ผ่านมาในแพทยศาสตร์และศัลยศาสตร์ถูกเปลี่ยนเป็นทุ่มเทชีวิตที่เหลือให้แก่การรับใช้พระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ของข้าพเจ้าเต็มเวลา”19

ภาพ
Russell M. Nelson with other members of the Quorum of the Twelve Apostles

เมื่อรับการเรียกเป็นอัครสาวก เอ็ลเดอร์เนลสันประกาศว่า “งานที่ข้าพเจ้ามีส่วนในเวลานี้เป็นอุดมการณ์สำคัญที่สุดในโลก งานนี้ครอบคลุมทั้งหมด มีสัมฤทธิผล และท้าทาย ข้าพเจ้าต้องทำสุดความสามารถ เพราะข้าพเจ้ามีภาระรับผิดชอบต่อการเป็นผู้พิทักษ์ดังกล่าว”20

ตั้งแต่เป็นอัครสาวก และเป็นประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองนับตั้งแต่ปี 2015 ประธานเนลสันยังคงเดินทางไปทั่วโลก—แบ่งปันถ้อยคำแห่งชีวิตนิรันดร์และ เปลี่ยน หัวใจ งานมอบหมายอันดับแรกอย่างหนึ่งของท่านคือเปิดประตูให้ประเทศแถบยุโรปตะวันออกรับพระกิตติคุณ “ใน … ห้าปี ข้าพเจ้าเดินทาง 27 ครั้งไป 31 ประเทศในยุโรป” ประธานเนลสันกล่าว “ก่อนประธาน [เอสรา แทฟท์] เบ็นสันถึงแก่กรรม … ข้าพเจ้าสามารถรายงานท่านได้ว่าเราทำงานมอบหมายของเราเสร็จสิ้น เวลานี้เราได้สถาปนาศาสนจักรแถบยุโรปตะวันออกครบทุกประเทศแล้ว”21

ภาพ
Russell M. Nelson greeting Saints in Moscow, Russia

ประธานเนลสันอุทิศ 27 ประเทศเพื่อการสั่งสอนพระกิตติคุณเช่นกัน รวมถึงประเทศ บัลแกเรีย โครเอเชีย เอลซัลวาดอร์ เอธิโอเปีย เฟรนซ์โปลินีเซีย คาซัคสถาน และรัสเซีย ครั้งหนึ่ง ในช่วงสี่วัน ท่านอุทิศหกประเทศ22 ในการปฏิบัติศาสนกิจขณะเป็นอัครสาวกท่านไปเยือนมาแล้ว 133 ประเทศ23

ในฐานะสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง เอ็ลเดอร์รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันรับใช้นานหลายปีในฐานะประธานของสภาหลักสามสภา ได้แก่ สภาผู้สอนศาสนา สภาพระวิหารและประวัติครอบครัว และสภาบริหารฐานะปุโรหิต (ปัจจุบันคือสภาบริหารฐานะปุโรหิตและครอบครัว)

ศาสนจักรประสบการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ หลายด้านในช่วงที่เอ็ลเดอร์เนลสันอยู่ในโควรัมอัครสาวกสิบสองซึ่งท่านรับใช้ภายใต้ประธานศาสนจักรห้าท่าน ตั้งแต่ปี 1984 ศาสนจักรมีจำนวนสมาชิกเพิ่มมากกว่าสองเท่า จาก 6 ล้านคนโดยประมาณ เพิ่มเป็น 16 ล้านกว่าคน โควรัมอัครสาวกสิบสองและฝ่ายประธานสูงสุดออกถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการสองฉบับคือ “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” ในปี 1995 และ “พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์” ในปี 2000 จำนวนพระวิหารที่เปิดดำเนินการเพิ่มจาก 30 แห่งในปี 1984 เป็น 159 แห่งในปี 2017 ในปี 2010 เมื่อเอ็ลเดอร์เนลสันได้รับเรียกเป็นประธานสภาบริหารผู้สอนศาสนา ศาสนจักรมีผู้สอนศาสนา 58,000 คน เวลานี้ หลังจากเพิ่มขึ้นมากเมื่อลดอายุการรับใช้ จำนวนคงที่มีอยู่ประมาณ 67,000 คน

คุณสมบัติส่วนตัว

เรื่องส่วนใหญ่ที่เราเพิ่งพิจารณาเกี่ยวกับนายแพทย์ เอ็ลเดอร์ และประธานเนลสันในปัจจุบันเป็นเรื่องที่สาธารณชนทราบดี ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมบางอย่างของท่านซึ่งข้าพเจ้าสังเกตมาหลายปี

หนึ่ง รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเป็นคนนิสัยดีมาก เป็นเพื่อนและผู้ร่วมงานที่ดี ท่านเมตตาและเห็นอกเห็นใจเสมอในความสัมพันธ์ส่วนตัวทั้งหมดของท่าน ท่านเป็นต้นแบบที่ยอดเยี่ยม ขยันและเอาใจใส่หน้าที่รับผิดชอบของท่าน—ครอบครัว ศาสนจักร และงานอาชีพ ท่านเป็นคนสนุกสนานร่าเริง

ภาพ
Russell M. Nelson on a swing

ในรูปแบบการเป็นผู้นำของท่าน ท่านเป็นกันเองเสมอและเข้าถึงง่าย นั่นเป็นคุณสมบัติอันพึงประสงค์มากที่สุดในผู้นำอาวุโส เราไม่ลังเลที่จะหยิบยกประเด็นใดประเด็นหนึ่งมาพูดกับท่านหรือรู้สึกว่าการทำเช่นนั้นเป็นการรบกวนท่าน เราไม่เคยกลัวเมื่อต้องคุยกับท่านเรื่องใดก็ตาม ประธานเนลสันเปิดกว้างมาก เข้าถึงได้ง่ายมาก คุยด้วยแล้วสบายใจ

เมื่อต้องตัดสินใจประธานเนลสันจะคำนึงถึงผลกระทบโดยรวม ท่านเก่งเรื่องคิดทบทวนผลของการตัดสินใจหรือนโยบายหรือการประยุกต์ใช้หลักคำสอนที่อาจเกิดขึ้นได้กับสมาชิกหลายกลุ่ม—ผู้สูงวัย เยาวชนคนหนุ่มสาว สมาชิกที่แข็งขันน้อย ผู้นำศาสนจักร และคนอื่นๆ ข้าพเจ้าเคยเห็นคุณสมบัติดังกล่าวในผู้นำคนอื่นๆ แต่ความเข้าใจของประธานเนลสันในเรื่องนี้ดีเป็นพิเศษ บางทีอาจเป็นผลจากประสบการณ์ของท่านในฐานะแพทย์ผู้ไม่สามารถสั่งยารักษาอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายได้โดยไม่พิจารณาผลกระทบของยานั้นต่ออวัยวะอื่น

ประธานเนลสันมอบหมายงานเก่งมาก เก่งกว่าผู้นำส่วนใหญ่ที่ข้าพเจ้าสังเกตเห็นในงานอาชีพและในศาสนจักร คุณสมบัตินั้นน่าจะเกี่ยวข้องเช่นกันกับงานของศัลยแพทย์ผู้ทำงานที่ไม่เหมือนใครหลังจาก (และก่อน) คนอื่นทำงานของพวกเขา

คุณสมบัติสำคัญอีกประการหนึ่งของประธานเนลสันคือความอดทนของท่าน ท่านหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าเมื่อกำลังแก้ปัญหาหรือทำงานให้แล้วเสร็จ ท่านหลีกเลี่ยงการใช้วิธี “เราต้องจัดการเรื่องนั้นเดี๋ยวนี้” อย่างชาญฉลาดเพื่อให้มีเวลาดูสักนิดว่าสถานการณ์คลี่คลายเองได้หรือไม่ คุณสมบัติดังกล่าวจะสำคัญมากในการเป็นผู้นำของท่าน เฉกเช่นที่สำคัญมากในช่วงสองปีครึ่งที่ท่านรับใช้เป็นประธานโควรัมอัครสาวกสิบสอง

หลังจากยกย่องความอดทนของประธานเนลสันแล้วข้าพเจ้าต้องยกย่องคุณสมบัติอีกด้านหนึ่งของท่านเช่นกัน ท่านไม่ลังเลเมื่อต้องตัดสินใจ เมื่อสมควรแก่เวลาและประเด็นปัญหาพร้อมตัดสินใจ ท่านจะตัดสินฉับไวและเฉียบขาด ท่านเข้าใจดีว่าเมื่อใดต้องใช้ความอดทนและสนทนาเรื่องนั้นมากขึ้น และเมื่อใดเราควรเลือกสักหนึ่งอย่างและดำเนินงานของพระเจ้าต่อไป คนที่ท่านนำล้วนรักคุณสมบัตินั้น

ประธานเนลสันเป็นผู้สร้างความสามัคคีเช่นกัน ท่านทำให้ทัศนะที่ต่างกันประสานกลมกลืนกันและทำให้คนที่คิดต่างกันเป็นหนึ่งเดียวกัน นับเป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้นำของเหล่าสมาชิกผู้ยึดมั่นหลักคำสอนเดียวกันแต่มาจากขนบธรรมเนียมประเพณีต่างกัน

ภาพ
Russell M. Nelson with young adults

รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันมีของประทานด้านการทูตที่ข้าพเจ้าสังเกตเห็นในตัวท่าน ท่านใช้ของประทานเหล่านั้นในวิชาชีพ แม้แต่ในประเทศจีน นับตั้งแต่การเรียกเป็นอัครสาวกสิบสอง ท่านได้เปิดประตูให้ศาสนจักรเข้าไปในยุโรปตะวันออกในสภาวการณ์อันน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากนั้นท่านยังได้ไปเยือนประเทศต่างๆ 133 ประเทศในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้าด้วย นับเป็นการเตรียมที่ไม่ธรรมดาสำหรับตำแหน่งอันสำคัญยิ่งซึ่งท่านได้รับเรียกในปัจจุบัน!

คุณสมบัติสำคัญยิ่งอีกประการหนึ่งของประธานเนลสัน—ที่บางคนแปลกใจ—คือทักษะการเป็นนักเขียนของท่าน การสื่อสารเป็นลายลักษณ์อักษรของท่านเป็นแบบฉบับของความชัดเจน และการตรวจแก้งานเขียนให้ผู้อื่นมักจะเป็นประโยชน์เสมอ สมาชิกอัครสาวกสิบสองแลกกันอ่านร่างเนื้อหาคำปราศรัยครั้งสำคัญๆ และต่างก็ให้คำแนะนำแก่กันเพื่อปรับปรุงแก้ไขคำพูดให้ดีขึ้น ในขั้นตอนนั้น ข้าพเจ้าเรียนรู้ว่าไม่มีใครแนะนำให้ปรับปรุงแก้ไขคำพูดของข้าพเจ้าได้ดีไปกว่าประธานเนลสัน คนที่ทำงานกับตัวหนังสือเป็นอาชีพอย่างข้าพเจ้าประหลาดใจกับการตรวจแก้อย่างฉลาดหลักแหลมของคนที่ทำงานกับร่างกายเป็นอาชีพ ข้าพเจ้าเบาใจที่ทราบว่างานเขียนอันน่ายกย่องของท่านเป็นผลจากความขยันหมั่นเพียร ครั้งหนึ่ง ระหว่างตรวจแก้ต้นฉบับของท่านตามที่ท่านขอ ข้าพเจ้าเห็นว่านั่นเป็นร่างฉบับที่แปดของท่าน ถ้าข้าพเจ้าทราบประวัติอันเหลือเชื่อของ ดร. เนลสันว่าท่านเคยเขียนบทความวิชาชีพมาก่อน ข้าพเจ้าคงไม่แปลกใจที่ไม่มีนักเขียนคนใดในโควรัมอัครสาวกสิบสองเก่งกว่าท่าน

ภาพ
Russell M. Nelson on family ski outing

คนส่วนใหญ่สนใจอายุของประธานคนใหม่ของเรา—93 ปี! พวกเราที่ทำงานใกล้ชิดกับท่านเป็นห่วงเพียงเรื่องเดียวคือเราต้องพยายามตามท่านให้ทัน ท่านกระฉับกระเฉงอย่างน่าทึ่งทั้งร่างกายและจิตใจ ความจำของท่านน่าทึ่งมาก ท่านเล่นสกีบ่อยๆ และพักระหว่างเล่นน้อยมาก ท่านยังคงใช้เครื่องเป่าหิมะของท่านเป่าหิมะทั้งบนทางรถของบ้านท่านและของเพื่อนบ้าน24 ข้าพเจ้าประสบพลังงานอันไร้ขีดจำกัดของท่านทุกวันพฤหัสบดี เมื่อเราประชุมในพระวิหารซอลท์เลคเสร็จ บางคนใช้ลิฟต์ลงไปชั้นล่าง บ้างก็เดินลงบันไดหลายขั้นจากห้องชั้นบนของเรา ประธานเนลสันจะรีบลงบันไดเสมอ ข้าพเจ้าจะพยายามตามท่านให้ทันแต่ไม่ทัน

มุ่งมั่นทำตามพระผู้ช่วยให้รอด

ประธานเนลสันกล่าวไว้ว่า “การรับใช้ในแต่ละวันของอัครสาวกเป็นวันแห่งการเรียนรู้และการเตรียมรับหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นในอนาคต.”25 สำหรับท่าน เวลาของการเตรียมนำศาสนจักรสิ้นสุดแล้ว และท่านได้รับเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ของประธานศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย การเตรียมของท่านนำเราให้คาดหวังอะไรในช่วงที่ท่านเป็นผู้นำ

สิ่งสำคัญที่สุดคือเราคาดหวังว่าท่านจะมุ่งมั่นทำตามพระเจ้าพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นประมุขของศาสนจักร ตามที่ประธานเนลสันกล่าวไว้ในข่าวสารเดือนมกราคม ดังที่ยกมากล่าวข้างต้น “เรา … จะพยายามรู้พระประสงค์ของพระองค์และทำตามพระประสงค์นั้นต่อไป”26 ในขณะเดียวกัน คำสอนที่ได้รับการดลใจของประธานเนลสันบอกให้รู้หัวข้อที่ท่านน่าจะเน้น

ในช่วงการประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม ปี 2017 ประธานเนลสันเตือนสมาชิกศาสนจักรเรื่องความสำคัญอย่างยิ่งยวดของพระคัมภีร์มอรมอน ท่านแบ่งปันผลของการศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนของท่านเอง ทั้งยังแจกแจงเป็นข้อๆ ด้วยว่าพระคัมภีร์มอรมอนคืออะไร ยืนยันอะไร ปฏิเสธอะไร เกิดสัมฤทธิผลอะไร ชี้แจงอะไร และเปิดเผยอะไร ท่านกระตุ้นให้สมาชิกศึกษาและไตร่ตรองพระคัมภีร์เล่มนี้ทุกวัน27

ภาพ
Russell M. Nelson and his counselors during press conference

วันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 2018 สองวันหลังจากวางมือมอบหน้าที่เป็นประธานศาสนจักร ประธานเนลสันประกาศว่าฝ่ายประธานสูงสุดชุดใหม่จะเริ่มการปฏิบัติศาสนกิจ “โดยมีเป้าหมายในใจ” “เป้าหมาย” นั้นคือความรอดของแต่ละบุคคลและการผนึกครอบครัวในพระนิเวศน์ของพระเจ้า “เพราะเหตุผลนี้ เราจึงพูดกับท่านวันนี้จากพระวิหาร” ประธานเนลสันกล่าวจากอาคารเสริมของพระวิหารซอลท์เลค

“เป้าหมายซึ่งเราแต่ละคนพยายามให้บรรลุคือรับเอ็นดาวเม้นท์ด้วยอำนาจในพระนิเวศน์ของพระเจ้า รับการผนึกเป็นครอบครัว ซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาที่ทำไว้ในพระวิหารเพื่อเราจะมีคุณสมบัติคู่ควรรับของประทานอันสำคัญที่สุดของพระผู้เป็นเจ้า—นั่นคือชีวิตนิรันดร์ ศาสนพิธีของพระวิหารและพันธสัญญาที่ท่านทำไว้ที่นั่นเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชีวิตท่าน ชีวิตแต่งงานและครอบครัวท่าน และเพิ่มพลังความสามารถให้ท่านต่อต้านการโจมตีของปฏิปักษ์ การนมัสการในพระวิหารและการรับใช้บรรพชนของท่านที่นั่นจะเป็นพรแก่ท่านให้ได้รับการเปิดเผยส่วนตัวและสันติสุขเพิ่มขึ้น ทั้งจะเสริมความมุ่งมั่นให้ท่านอยู่บนเส้นทางพันธสัญญา”28

ประธานเนลสันขอให้วิสุทธิชนอยู่บนเส้นทางพันธสัญญาเช่นกัน “ความมุ่งมั่นติดตามพระผู้ช่วยให้รอดของท่านโดยทำพันธสัญญากับพระองค์และรักษาพันธสัญญาเหล่านั้นจะเปิดประตูรับพรทางวิญญาณและสิทธิพิเศษทุกประการที่มีให้ชาย หญิง และเด็กทุกหนแห่ง” ท่านกล่าวกับคนที่ออกนอกเส้นทางนั้นว่า “ข้าพเจ้าเชื้อเชิญท่านด้วยความหวังในใจข้าพเจ้า ขอให้ท่านกลับมา ไม่ว่าท่านมีข้อกังวลอะไร ไม่ว่าท่านมีความท้าทายอะไร มีที่ให้ท่านในศาสนจักรนี้ ศาสนจักรของพระเจ้า ท่านและรุ่นที่ยังไม่เกิดจะได้รับพรเพราะการกลับสู่เส้นทางพันธสัญญาของท่านตั้งแต่บัดนี้”29

ประเด็นสำคัญอีกหนึ่งประเด็นคือ “ข้อพระคัมภีร์ที่กลายเป็นตำนานชีวิตสำหรับข้าพเจ้าอยู่ในหลักคำสอนและพันธสัญญาภาค 88 ซึ่งพระเจ้าตรัสว่า ‘เราจะเร่งงานของเราเมื่อถึงเวลา’” ประธานเนลสันกล่าว “และข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ … จนเห็นการเร่งนี้”30 เวลานี้ท่านจะนำการเร่งดังกล่าว

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเป็นพยานตลอดมาถึงความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์และความจริงของแผนแห่งความรอดที่พระบิดาบนสวรรค์ของเราและพระบุตรที่รักของพระองค์ประทานให้เรารู้และนำทางเรา ขณะประธานเนลสันนำศาสนจักรเข้าสู่อนาคต วิสุทธิชนยุคสุดท้ายอุ่นใจมากที่รู้ว่าท่านจะนำพวกเขาตามความประสงค์ของสวรรค์ “ข้าพเจ้าประกาศความภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าพระบิดานิรันดร์ของเราและพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์” ท่านกล่าว “ข้าพเจ้ารู้จักทั้งสองพระองค์ รักพระองค์ และให้คำมั่นว่าจะรับใช้พระองค์—และรับใช้ท่าน—ด้วยลมหายใจที่ยังเหลืออยู่ตลอดชีวิตข้าพเจ้า”31

ข้าพเจ้ารักผู้รับใช้ท่านนี้ของพระเจ้า ผู้ร่วมงานและสหายชั่วชีวิตของข้าพเจ้า ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ข้าพเจ้ากับเพื่อนสมาชิกของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเห็นคุณค่าคำสอนของท่านและตั้งตารอการนำด้วยการดลใจของท่านในฐานะศาสดาพยากรณ์ของเรา ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าท่านได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าให้นำศาสนจักรในสมัยของเรา

อ้างอิง

  1. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ขณะที่เราเดินหน้าไปด้วยกัน” เลียโฮนา, เม.ย. 2018, 6.

  2. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน “ขณะที่เราเดินหน้าไปด้วยกัน” 7.

  3. ซิลเวีย เว็บสเตอร์และรัสเซลล์ เนลสัน จูเนียร์ ใน Sarah Jane Weaver, “Get to Know President Russell M. Nelson, a Renaissance Man,” Church News, Jan. 16, 2018, lds.org/church/news.

  4. ซิลเวีย เว็บสเตอร์ ใน Sarah Jane Weaver, “Get to Know President Russell M. Nelson.”

  5. รัสเซลล์ เนลสัน จูเนียร์ ใน Tad Walch, “Who Is President Russell M. Nelson? A Man of Heart, Compassion and Faith,” Deseret News, Jan. 16, 2018, deseretnews.com.

  6. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน,“Begin with the End in Mind” (Brigham Young University fireside, Sept. 30, 1984), 2, speeches.byu.edu.

  7. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “Begin with the End in Mind,” 3.

  8. ดู Tad Walch, “Who Is President Russell M. Nelson?”

  9. ใน Spencer J. Condie, Russell M. Nelson: Father, Surgeon, Apostle (2003), 140.

  10. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “เป็นตัวแทนชาวมิลเลเนียมตัวจริง,” เลียโฮนา, ต.ค. 2016, 52–53.

  11. ใน “Elder Russell M. Nelson of the Quorum of the Twelve Apostles,” Ensign, May 1984, 87.

  12. รัสเซลล์ มาเรียน เนลสัน, From Heart to Heart: An Autobiography (1979), 114.

  13. เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์ ใน Tad Walch, “Who Is President Russell M. Nelson?”

  14. ใน “Elder Russell M. Nelson of the Quorum of the Twelve Apostles,” 88.

  15. แดนท์เซล ไวท์ เนลสัน ใน Lane Johnson, “Russell M. Nelson: A Study in Obedience,” Ensign, Aug. 1982, 23.

  16. รัสเซลล์ มาเรียน เนลสัน, From Heart to Heart, 149.

  17. รัสเซลล์ มาเรียน เนลสัน, From Heart to Heart, 149.

  18. เดวิด โอ. แมคเคย์ ใน Russell Marion Nelson, From Heart to Heart, 150.

  19. ใน Spencer J. Condie, Russell M. Nelson: Father, Surgeon, Apostle, 186.

  20. ใน Marvin K. Gardner, “Elder Russell M. Nelson: Applying Divine Laws,” Ensign, June 1984, 13.

  21. ดูเพจเฟซบุ๊กของรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน วิดีโอโพสต์วันที่ 11 กันยายน 2014, facebook.com/lds.russell.m.nelson/videos.

  22. ดูเพจเฟซบุ๊กของรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน วิดีโอโพสต์วันที่ 11 กันยายน 2014.

  23. ดู Tad Walch, “Who Is President Russell M. Nelson?”

  24. ดู Tad Walch, “Who Is President Russell M. Nelson?”

  25. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ขณะที่เราเดินหน้าไปด้วยกัน,” 6.

  26. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน “ขณะที่เราเดินหน้าไปด้วยกัน” 6.

  27. ดู รัสเซลล์เอ็ม. เนลสัน, “พระคัมภีร์มอรมอน: ชีวิตท่านจะเป็นอย่างไรหากปราศจากพระคัมภีร์เล่มนี้เลียโฮนา, พ.ย. 2017, 60-63.

  28. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ขณะที่เราเดินหน้าไปด้วยกัน,” 7.

  29. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ขณะที่เราเดินหน้าไปด้วยกัน,” 7.

  30. เพจเฟซบุ๊กของรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน วิดีโอโพสต์วันที่ 11 กันยายน 2014.

  31. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน “ขณะที่เราเดินหน้าไปด้วยกัน” 7.