พระคัมภีร์
หลักคำสอนและพันธสัญญา 109


ภาค ๑๐๙

คำสวดอ้อนวอนที่น้อมถวาย ณ การอุทิศพระวิหารที่เคิร์ทแลนด์, รัฐโอไฮโอ, วันที่ ๒๗ มีนาคม ค.ศ. ๑๘๓๖ (History of the Church, 2:420–426). ตามคำแถลงที่เป็นลายลักษณ์อักษรของท่านศาสดาพยากรณ์, คำสวดอ้อนวอนนี้ประทานแก่ท่านโดยการเปิดเผย.

๑–๕, พระวิหารเคิร์ทแลนด์สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ให้บุตรแห่งพระมหาบุรุษเสด็จมาเยือน; ๖–๒๑, พระวิหารนี้พึงเป็นบ้านแห่งการสวดอ้อนวอน, การอดอาหาร, ศรัทธา, การเรียนรู้, รัศมีภาพ, และระเบียบ, และบ้านแห่งพระผู้เป็นเจ้า; ๒๒–๓๓, ขอให้คนที่ไม่กลับใจ ผู้ที่ต่อต้านผู้คนของพระเจ้าถูกทำให้จำนน; ๓๔–๔๒, ขอให้วิสุทธิชนออกไปด้วยพลังเพื่อรวบรวมคนชอบธรรมสู่ไซอัน; ๔๓–๕๓, ขอให้วิสุทธิชนได้รับการปลดปล่อยจากสิ่งอันน่าสะพรึงกลัวทั้งหลายซึ่งจะเทลงบนคนชั่วร้ายในวันเวลาสุดท้าย; ๕๔–๕๘, ขอให้ประชาชาติและผู้คนทั้งหลายและศาสนจักรทั้งหลายเตรียมรับพระกิตติคุณ; ๕๙–๖๗, ขอให้ชาวยิว, ชาวเลมัน, และอิสราเอลทั้งปวงได้รับการไถ่; ๖๘–๘๐, ขอให้วิสุทธิชนได้รับการสวมมงกุฎด้วยรัศมีภาพและเกียรติยศและได้ความรอดนิรันดร์.

ขอน้อมขอบพระทัยแด่พระนามของพระองค์, ข้าแต่พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอล, ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและทรงแสดงพระเมตตาแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ผู้ดำเนินชีวิตอย่างซื่อตรงต่อพระพักตร์พระองค์, ด้วยสุดใจของพวกเขา—

พระองค์ผู้ทรงบัญชาผู้รับใช้ทั้งหลายของพระองค์ให้สร้างพระนิเวศน์แด่พระนามของพระองค์ ณ สถานที่แห่งนี้ (เคิร์ทแลนด์).

และบัดนี้ พระองค์ทรงเห็น, ข้าแต่พระเจ้า, ว่าผู้รับใช้ของพระองค์ทำไปตามพระบัญชาของพระองค์.

และบัดนี้ พวกข้าพระองค์ทูลขอพระองค์, พระบิดาบริสุทธิ์, ในพระนามของพระเยซูคริสต์, พระบุตรจากพระอุระของพระองค์, ซึ่งในพระนามของพระองค์เท่านั้นจะเกื้อกูลความรอดแก่ลูกหลานมนุษย์ได้, พวกข้าพระองค์ทูลขอพระองค์, ข้าแต่พระเจ้า, โปรดทรงรับพระนิเวศน์นี้, อันเป็นหัตถศิลป์จากมือแห่งพวกข้าพระองค์, ผู้รับใช้ของพระองค์, ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาให้พวกข้าพระองค์สร้าง.

เพราะพระองค์ทรงทราบว่าพวกข้าพระองค์ทำงานนี้ผ่านความยากลำบากแสนสาหัส; และจากความยากจนของพวกข้าพระองค์ พวกข้าพระองค์ถวายทรัพย์สินของพวกข้าพระองค์เพื่อสร้างพระนิเวศน์แด่พระนามของพระองค์, เพื่อบุตรแห่งพระมหาบุรุษจะได้มีสถานที่แสดงพระองค์ให้ประจักษ์ต่อผู้คนของพระองค์.

และดังที่พระองค์ตรัสไว้ ในการเปิดเผย, ที่ประทานแก่พวกข้าพระองค์, โดยเรียกพวกข้าพระองค์ว่า สหายของพระองค์, โดยตรัสว่า—จงเรียกให้มีการชุมนุมศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า, ดังที่เราบัญชาเจ้า;

และเนื่องจากคนทั้งปวงไม่มีศรัทธา, เจ้าจงแสวงหาอย่างขยันหมั่นเพียรและสอนถ้อยคำแห่งปัญญาให้กัน; แท้จริงแล้ว, เจ้าจงแสวงหาถ้อยคำแห่งปัญญาจากหนังสือดีที่สุด, แสวงหาการเรียนรู้แม้โดยการศึกษาและโดยศรัทธาด้วย;

จงวางระเบียบตนเอง; เตรียมสิ่งที่จำเป็นทุกอย่าง, และสถาปนาพระนิเวศน์, แม้บ้านแห่งการสวดอ้อนวอน, บ้านแห่งการอดอาหาร, บ้านแห่งศรัทธา, บ้านแห่งการเรียนรู้, บ้านแห่งรัศมีภาพ, บ้านแห่งระเบียบ, บ้านแห่งพระผู้เป็นเจ้า;

เพื่อการเข้ามาของเจ้าจะเป็นไปในพระนามของพระเจ้า, เพื่อการออกไปของเจ้าจะเป็นไปในพระนามของพระเจ้า, เพื่อการปฏิสันถารทั้งหมดของเจ้าจะเป็นไปในพระนามของพระเจ้า, ด้วยมือที่ยกขึ้นแด่พระผู้สูงสุด—

๑๐ และบัดนี้, พระบิดาบริสุทธิ์, พวกข้าพระองค์ทูลขอพระองค์ทรงช่วยพวกข้าพระองค์, ผู้คนของพระองค์, ด้วยพระคุณของพระองค์, ในการเรียกการชุมนุมศักดิ์สิทธิ์ของพวกข้าพระองค์, เพื่อการนี้จะกระทำเพื่อพระเกียรติของพระองค์และเพื่อการรับรองอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์;

๑๑ และในวิธีที่จะพบว่าพวกข้าพระองค์มีค่าควร, ในสายพระเนตรของพระองค์, เพื่อได้สัมฤทธิผลแห่งสัญญาทั้งหลายซึ่งพระองค์ทรงทำกับพวกข้าพระองค์, ผู้คนของพระองค์, ในการเปิดเผยต่าง ๆ ที่ประทานแก่พวกข้าพระองค์;

๑๒ เพื่อรัศมีภาพของพระองค์จะลงมาพำนักบนผู้คนของพระองค์, และบนพระนิเวศน์แห่งนี้ของพระองค์, ซึ่งบัดนี้พวกข้าพระองค์อุทิศแด่พระองค์, เพื่อที่นี่จะได้รับการชำระให้บริสุทธิ์และอุทิศถวายไว้ให้ศักดิ์สิทธิ์, และเพื่อพระสิริอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์จะดำรงอยู่ตลอดเวลาในพระนิเวศน์แห่งนี้;

๑๓ และเพื่อผู้คนทั้งปวงซึ่งจะเข้าสู่ธรณีประตูพระนิเวศน์ของพระเจ้าจะรู้สึกถึงเดชานุภาพของพระองค์, และรู้สึกจำนนต่อการยอมรับว่า พระองค์ทรงชำระให้ที่นี่บริสุทธิ์, และว่าที่นี่เป็นพระนิเวศน์ของพระองค์, สถานที่แห่งความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์.

๑๔ และขอพระองค์ทรงยอม, พระบิดาบริสุทธิ์, ให้คนทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้นผู้ที่จะนมัสการในพระนิเวศน์แห่งนี้ได้รับการสอนถ้อยคำแห่งปัญญาจากหนังสือดีที่สุด, และให้พวกเขาแสวงหาการเรียนรู้แม้โดยการศึกษา, และโดยศรัทธาด้วย, ดังที่พระองค์ตรัสไว้;

๑๕ และให้พวกเขาเติบโตขึ้นในพระองค์, และได้รับความสมบูรณ์แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์, และได้รับการวางระเบียบตามกฎของพระองค์, และเตรียมรับสิ่งจำเป็นทุกอย่าง;

๑๖ และให้พระนิเวศน์แห่งนี้เป็นบ้านแห่งการสวดอ้อนวอน, บ้านแห่งการอดอาหาร, บ้านแห่งศรัทธา, บ้านแห่งรัศมีภาพและแห่งพระผู้เป็นเจ้า, แม้บ้านของพระองค์;

๑๗ ให้การเข้ามาทั้งหมดของผู้คนของพระองค์, สู่พระนิเวศน์แห่งนี้, เป็นไปในพระนามของพระเจ้า;

๑๘ ให้การออกไปทั้งหมดของพวกเขาจากพระนิเวศน์แห่งนี้เป็นไปในพระนามของพระเจ้า;

๑๙ และให้การปฏิสันถารทั้งหมดของพวกเขาเป็นไปในพระนามของพระเจ้า, ด้วยมือบริสุทธิ์, ที่ยกขึ้นแด่พระผู้สูงสุด;

๒๐ และไม่อนุญาตให้สิ่งไม่สะอาดเข้ามาสู่พระนิเวศน์ของพระองค์ เพื่อทำให้แปดเปื้อน;

๒๑ และเมื่อผู้คนของพระองค์ล่วงละเมิด, คนหนึ่งคนใดก็ตามในพวกเขา, พวกเขาจะกลับใจอย่างรวดเร็วและกลับมาเฝ้าพระองค์, และพบความโปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์, และได้รับการนำกลับคืนสู่พรซึ่งพระองค์ทรงแต่งตั้งไว้ให้เทลงมาบนคนเหล่านั้นที่จะน้อมคารวะพระองค์ในพระนิเวศน์ของพระองค์.

๒๒ และพวกข้าพระองค์ทูลขอพระองค์, พระบิดาบริสุทธิ์, ให้ผู้รับใช้ทั้งหลายของพระองค์ออกไปจากพระนิเวศน์แห่งนี้พร้อมเดชานุภาพของพระองค์เป็นอาวุธ, และให้พระนามของพระองค์อยู่กับพวกเขา, และรัศมีภาพของพระองค์อยู่รอบพวกเขา, และบรรดาเทพของพระองค์มีความรับผิดชอบดูแลพวกเขา;

๒๓ และจากสถานที่แห่งนี้พวกเขาจะนำข่าวสำคัญยิ่งและประเสริฐยิ่งนัก, ตามความจริง, ไปยังสุดแดนแผ่นดินโลก, เพื่อคนทั้งหลายจะรู้ว่านี่คืองานของพระองค์, และว่าพระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกไป, เพื่อทำให้สิ่งซึ่งพระองค์รับสั่งไว้โดยปากของศาสดาพยากรณ์ทั้งหลายเกิดสัมฤทธิผล, เกี่ยวกับวันเวลาสุดท้าย.

๒๔ พวกข้าพระองค์ทูลขอพระองค์, พระบิดาบริสุทธิ์, ทรงโปรดสถาปนาผู้คนซึ่งจะนมัสการ, และมีชื่อและฐานะอันทรงเกียรติในพระนิเวศน์ของพระองค์แห่งนี้, แก่คนทุกรุ่นและเพื่อนิรันดร;

๒๕ เพื่ออาวุธที่ประกอบขึ้นรุกรานพวกเขาจะไม่จำเริญ; เพื่อคนที่ขุดหลุมดักพวกเขาจะร่วงหล่นลงไปสู่หลุมเดียวกันนั้นเอง;

๒๖ เพื่อว่าไม่มีการมั่วสุมในความชั่วร้ายใดจะมีอำนาจลุกขึ้นและชนะผู้คนของพระองค์ซึ่งบนผู้คนเหล่านั้นพระนามของพระองค์จะสถิตอยู่ด้วยในพระนิเวศน์แห่งนี้;

๒๗ และหากผู้คนใดจะลุกขึ้นต่อต้านคนเหล่านี้, ก็ให้ความกริ้วของพระองค์ดาลเดือดกับพวกเขา;

๒๘ และหากพวกเขาจะลงทัณฑ์คนเหล่านี้พระองค์จะทรงลงทัณฑ์พวกเขา; พระองค์จะทรงต่อสู้ให้ผู้คนของพระองค์ดังที่พระองค์ทรงกระทำแล้วในวันแห่งการสู้รบ, เพื่อพวกเขาจะได้รับการปลดปล่อยจากมือศัตรูทั้งปวงของพวกเขา.

๒๙ พวกข้าพระองค์ทูลขอพระองค์, พระบิดาบริสุทธิ์, ทรงโปรดทำให้คนทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้นผู้ที่แพร่สะพัดรายงานเท็จออกไป, ทั่วโลก, ต่อต้านผู้รับใช้หรือบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์, เสียหน้า, และฉงน, และนำมาสู่ความละอายและความสับสน, หากพวกเขาจะไม่กลับใจ, เมื่อจะประกาศพระกิตติคุณอันเป็นนิจเข้าหูพวกเขา;

๓๐ และให้งานทั้งหมดของพวกเขากลายเป็นความสูญเปล่า, และถูกกวาดล้างไปโดยลูกเห็บ, และโดยการพิพากษาซึ่งพระองค์จะทรงส่งมายังพวกเขาในความกริ้วของพระองค์, เพื่อจะเป็นการยุติการกล่าวเท็จและการพูดให้ร้ายผู้คนของพระองค์.

๓๑ เพราะพระองค์ทรงทราบ, ข้าแต่พระเจ้า, ว่าผู้รับใช้ของพระองค์บริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระองค์ในการกล่าวคำพยานถึงพระนามของพระองค์, เพื่อการนี้พวกเขาทนทุกข์สิ่งเหล่านี้.

๓๒ ฉะนั้น พวกข้าพระองค์ทูลวิงวอน ณ เบื้องพระพักตร์พระองค์เพื่อการปลดปล่อยเต็มที่และบริบูรณ์จากภายใต้แอกนี้;

๓๓ ขอทรงหักมันเถิด, ข้าแต่พระเจ้า; ขอทรงหักมันออกจากคอผู้รับใช้ของพระองค์, โดยเดชานุภาพของพระองค์, เพื่อพวกข้าพระองค์จะลุกขึ้นท่ามกลางคนรุ่นนี้และทำงานของพระองค์.

๓๔ ข้าแต่พระเยโฮวาห์, ขอทรงมีพระเมตตาต่อผู้คนเหล่านี้, และเนื่องจากมนุษย์ทั้งปวงทำบาป ขอประทานอภัยการล่วงละเมิดของผู้คนของพระองค์, และให้สิ่งเหล่านั้นถูกลบไปตลอดกาลเถิด.

๓๕ ขอทรงให้การเจิมผู้ปฎิบัติศาสนกิจของพระองค์ผนึกอยู่บนพวกเขาด้วยอำนาจจากเบื้องบน.

๓๖ ขอให้เกิดสัมฤทธิผลบนพวกเขา, ดังที่เกิดบนคนเหล่านั้นในวันเพ็นเทคอสต์; ขอทรงเทของประทานแห่งการพูดภาษามายังผู้คนของพระองค์, แม้ลิ้นที่พลิ้วไหวดังเปลวไฟ, และการแปลความหมายนั้น.

๓๗ และขอทรงให้พระนิเวศน์ของพระองค์เต็มเปี่ยม, ดังด้วยลมอันมีพลังแรง, ด้วยรัศมีภาพของพระองค์.

๓๘ ขอทรงสวมประจักษ์พยานแห่งพันธสัญญาให้ผู้รับใช้ของพระองค์, เพื่อว่าเมื่อพวกเขาออกไปประกาศพระคำของพระองค์พวกเขาจะผนึกกฎ, และเตรียมใจวิสุทธิชนของพระองค์สำหรับการพิพากษาทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้นที่พระองค์กำลังจะส่งมา, ในพระพิโรธของพระองค์, บนผู้อยู่อาศัยของแผ่นดินโลก, เนื่องจากการล่วงละเมิดของพวกเขา, เพื่อผู้คนของพระองค์จะไม่ท้อใจในวันแห่งความยุ่งยาก.

๓๙ และเมืองใดก็ตามที่ผู้รับใช้ของพระองค์จะเข้าไป, และผู้คนของเมืองนั้นได้รับประจักษ์พยานของพวกเขา, ขอทรงให้สันติสุขของพระองค์และความรอดของพระองค์อยู่กับเมืองนั้น; เพื่อพวกเขาจะรวบรวมคนชอบธรรมออกจากเมืองนั้น, เพื่อพวกเขาจะออกมาสู่ไซอัน, หรือสู่สเตคของนาง, สถานที่แห่งการกำหนดของพระองค์, พร้อมด้วยเพลงแห่งปีติอันเป็นนิจ;

๔๐ และจนกว่าการนี้จะเสร็จสิ้น, ขออย่าทรงให้การพิพากษาของพระองค์กระหน่ำลงบนเมืองนั้น.

๔๑ และเมืองใดก็ตามที่ผู้รับใช้ของพระองค์จะเข้าไป, และผู้คนของเมืองนั้นหารับประจักษ์พยานของผู้รับใช้พระองค์ไม่, และผู้รับใช้ของพระองค์เตือนพวกเขาให้ช่วยตนเองให้รอดจากคนดื้อรั้นรุ่นนี้, ขอทรงให้เกิดบนเมืองนั้นตามสิ่งซึ่งพระองค์รับสั่งไว้โดยปากบรรดาศาสดาพยากรณ์ของพระองค์.

๔๒ แต่ขอพระองค์ทรงปลดปล่อย, ข้าแต่พระเยโฮวาห์, พวกข้าพระองค์ทูลวิงวอนพระองค์, ผู้รับใช้ของพระองค์จากมือคนเหล่านั้น, และทรงชำระพวกเขาจากเลือดคนเหล่านั้น.

๔๓ ข้าแต่พระเจ้า, พวกข้าพระองค์หาได้เบิกบานไม่ในความพินาศของเพื่อนมนุษย์ของพวกข้าพระองค์; จิตวิญญาณของพวกเขาล้ำค่าต่อพระองค์;

๔๔ แต่พระคำของพระองค์ต้องเกิดสัมฤทธิผล. ขอทรงช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ที่จะกล่าว, โดยพระคุณของพระองค์ทรงช่วยพวกเขาว่า : ขอให้บังเกิดขึ้นตามพระประสงค์ของพระองค์, ข้าแต่พระเจ้า, และมิใช่ของพวกข้าพระองค์.

๔๕ พวกข้าพระองค์รู้ว่าพระองค์รับสั่งโดยปากของบรรดาศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ถึงสิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับคนชั่วร้าย, ในวันเวลาสุดท้าย—ว่าพระองค์จะทรงเทการพิพากษาของพระองค์, อย่างมิอาจประมาณ;

๔๖ ฉะนั้น, ข้าแต่พระเจ้า, ขอทรงปลดปล่อยผู้คนของพระองค์จากภัยพิบัติของคนชั่วร้าย; ขอทรงทำให้ผู้รับใช้ของพระองค์สามารถผนึกกฎ, และผูกมัดประจักษ์พยานไว้, เพื่อพวกเขาจะพร้อมต้านทานวันแห่งการเผาไหม้.

๔๗ พวกข้าพระองค์ทูลขอพระองค์, พระบิดาบริสุทธิ์, ขอทรงนึกถึงคนเหล่านั้นที่ถูกผู้อยู่อาศัยของเทศมณฑลแจ๊คสัน, รัฐมิสซูรี, ขับไล่จากแผ่นดินแห่งมรดกของพวกเขา, และ, ข้าแต่พระเจ้า, ขอทรงหักแอกแห่งความทุกข์นี้ซึ่งวางอยู่บนพวกเขา.

๔๘ พระองค์ทรงทราบ, ข้าแต่พระเจ้า, ว่าพวกเขาถูกคนชั่วร้ายกดขี่และก่อทุกข์ใหญ่หลวง; และใจพวกข้าพระองค์ท่วมท้นด้วยโทมนัสเนื่องจากภาระอันแสนหนักของพวกเขา.

๔๙ ข้าแต่พระเจ้า, นานเท่าไรเล่าที่พระองค์จะทรงยอมให้ผู้คนเหล่านี้แบกความทุกข์นี้, และเสียงร้องจากคนบริสุทธิ์ของพวกเขาขึ้นไปถึงพระกรรณของพระองค์, และเลือดพวกเขาขึ้นไปเป็นประจักษ์พยานต่อพระพักตร์พระองค์, และมิได้ทรงกระทำการสำแดงถึงประจักษ์พยานของพระองค์เพื่อช่วยพวกเขา ?

๕๐ ขอทรงมีพระเมตตา, ข้าแต่พระเจ้า, ต่อกลุ่มคนชั่วร้าย, ผู้ที่ขับไล่ผู้คนของพระองค์, เพื่อพวกเขาจะเลิกปล้น, เพื่อพวกเขาจะกลับใจจากบาปของพวกเขาหากจะหาการกลับใจพบ;

๕๑ แต่หากพวกเขาจะไม่ทำ, ขอทรงเผยให้เห็นพาหุของพระองค์, ข้าแต่พระเจ้า, และไถ่สิ่งนั้นซึ่งพระองค์ทรงกำหนดไว้เป็นไซอันแห่งหนึ่งสำหรับผู้คนของพระองค์.

๕๒ และหากจะเป็นอื่นไปไม่ได้, เพื่ออุดมการณ์ของผู้คนของพระองค์จะไม่ล้มเหลวต่อพระพักตร์พระองค์ ก็ขอให้ความกริ้วของพระองค์ดาลเดือด, และความเคืองแค้นของพระองค์กระหน่ำลงบนพวกเขา, เพื่อพวกเขาจะเสื่อมสลายไป, ทั้งรากและกิ่ง, จากใต้ฟ้าสวรรค์;

๕๓ แต่ตราบเท่าที่พวกเขาจะกลับใจ, พระองค์ทรงปรานีและเมตตา, และจะทรงระงับพระพิโรธของพระองค์เมื่อทอดพระเนตรพระพักตร์ของพระผู้รับการเจิมของพระองค์.

๕๔ ขอทรงมีเมตตา, ข้าแต่พระเจ้า, ต่อประชาชาติทั้งปวงของแผ่นดินโลก; ขอทรงมีเมตตาต่อผู้ปกครองแผ่นดินของพวกข้าพระองค์; ขอหลักธรรมเหล่านั้น, ซึ่งได้รับการปกป้องอย่างสมเกียรติและสง่างามเช่นนั้น, กล่าวคือ, รัฐธรรมนูญของแผ่นดินของพวกข้าพระองค์, โดยบรรพบุรุษของพวกข้าพระองค์, ได้รับการสถาปนาไว้ตลอดกาล.

๕๕ ขอทรงนึกถึงบรรดากษัตริย์, เจ้าชาย, ผู้สูงศักดิ์, และมหาบุรุษทั้งหลายของแผ่นดินโลก, และผู้คนทั้งปวง, และศาสนจักรทั้งหลาย, คนจน, คนขัดสน, และคนทุกข์ยากทั้งปวงของแผ่นดินโลก;

๕๖ เพื่อให้ใจพวกเขาอ่อนลงเมื่อผู้รับใช้ของพระองค์จะออกไปจากพระนิเวศน์ของพระองค์, ข้าแต่พระเยโฮวาห์, เพื่อแสดงประจักษ์พยานถึงพระนามของพระองค์; เพื่ออคติของพวกเขาจะหลีกทางให้ความจริง, และผู้คนของพระองค์จะได้รับความโปรดปรานในสายตาคนทั้งปวง;

๕๗ เพื่อว่าทั่วสุดแดนแผ่นดินโลกจะรู้ว่าพวกข้าพระองค์, ผู้รับใช้ของพระองค์, ได้ยินสุรเสียงของพระองค์, และว่าพระองค์ทรงส่งพวกข้าพระองค์มา;

๕๘ เพื่อจากบรรดาคนทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้, ผู้รับใช้ของพระองค์, บรรดาบุตรของยาโคบ, จะรวบรวมคนชอบธรรมออกมาสร้างนครศักดิ์สิทธิ์แด่พระนามของพระองค์, ดังที่พระองค์ทรงบัญชาพวกเขา.

๕๙ พวกข้าพระองค์ทูลขอพระองค์โปรดทรงกำหนดสเตคอื่น ๆ ไว้ให้ไซอันนอกเหนือจากแห่งนี้ซึ่งพระองค์ทรงกำหนดไว้, เพื่อการรวบรวมผู้คนของพระองค์จะดำเนินต่อไปในพระเดชานุภาพและพระบารมีอันยิ่งใหญ่, เพื่องานของพระองค์จะถูกตัดให้สั้นลงในความชอบธรรม.

๖๐ บัดนี้ ถ้อยคำเหล่านี้, ข้าแต่พระเจ้า, พวกข้าพระองค์ทูลต่อพระพักตร์พระองค์, เกี่ยวกับการเปิดเผยและพระบัญญัติซึ่งพระองค์ประทานแก่พวกข้าพระองค์, ผู้ที่ทรงระบุไว้กับคนต่างชาติ.

๖๑ แต่พระองค์ทรงทราบว่าพระองค์ทรงมีความรักอย่างแท้จริงสำหรับลูกหลานของยาโคบ, ผู้กระจัดกระจายอยู่ตามภูเขาเป็นเวลานาน, ในวันที่เมฆบดบังและมืดมิด.

๖๒ ฉะนั้น พวกข้าพระองค์ทูลขอพระองค์ ทรงมีพระเมตตาต่อลูกหลานของยาโคบ, ให้เยรูซาเล็ม, จากโมงนี้, เริ่มรับการไถ่;

๖๓ และจะทรงเริ่มหักแอกแห่งความเป็นทาสออกจากเชื้อสายแห่งดาวิด;

๖๔ และลูกหลานของยูดาห์จะเริ่มกลับไปยังผืนแผ่นดินซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่อับราฮัม, บิดาพวกเขา.

๖๕ และทำให้พวกที่เหลืออยู่ของยาโคบ, ผู้ถูกสาปแช่งและถูกลงทัณฑ์เนื่องจากการล่วงละเมิดของพวกเขา, เปลี่ยนใจเลื่อมใสจากสภาพไร้อารยธรรมและป่าเถื่อนของพวกเขามาสู่ความสมบูรณ์แห่งพระกิตติคุณอันเป็นนิจ;

๖๖ เพื่อพวกเขาจะวางอาวุธแห่งการนองเลือดของพวกเขา, และเลิกการกบฎของพวกเขา.

๖๗ และขอให้พวกที่เหลืออยู่ทั้งหมดของอิสราเอลที่กระจายไป, ผู้ที่ถูกขับไล่ไปสุดแดนแผ่นดินโลก, เข้าถึงความรู้เรื่องความจริง, เชื่อในพระเมสสิยาห์, และรับการไถ่จากการกดขี่, และชื่นชมยินดีต่อพระพักตร์พระองค์.

๖๘ ข้าแต่พระเจ้า, ขอทรงนึกถึงผู้รับใช้ของพระองค์, โจเซฟ สมิธ, จูเนียร์, และความทุกข์และการถูกข่มเหงทั้งปวงของเขา—เขาทำพันธสัญญาอย่างไรกับพระเยโฮวาห์, และถวายคำปฏิญาณแด่พระองค์, ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพของยาโคบ—และพระบัญญัติซึ่งพระองค์ประทานแก่เขา, และที่เขาพยายามอย่างจริงใจที่จะทำตามพระประสงค์ของพระองค์.

๖๙ ขอทรงมีพระเมตตา, ข้าแต่พระเจ้า, ต่อภรรยาและลูก ๆ ของเขา, เพื่อจะทำให้พวกเขาสูงส่งในที่ประทับของพระองค์, และได้รับการปกปักรักษาโดยพระหัตถ์ที่คอยทะนุถนอมของพระองค์.

๗๐ ขอทรงมีพระเมตตาต่อญาติที่ใกล้ชิดทั้งปวงของพวกเขา, เพื่ออคติของพวกเขาจะถูกทำลายและถูกกวาดล้างไปดังด้วยน้ำท่วม; เพื่อพวกเขาจะเปลี่ยนใจเลื่อมใสและรับการไถ่พร้อมกับอิสราเอล, และรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้า.

๗๑ ขอทรงนึกถึง, ข้าแต่พระเจ้า, ประธานทั้งหลาย, แม้ประธานทั้งปวงแห่งศาสนจักรของพระองค์, เพื่อพระหัตถ์ขวาของพระองค์จะทำให้พวกเขาสูงส่ง, พร้อมกับครอบครัวของพวกเขาทั้งปวง, และญาติสนิทของพวกเขา, เพื่อชื่อพวกเขาจะอยู่ชั่วกัลปาวสานและมีอยู่ในความทรงจำอันเป็นนิจจากรุ่นสู่รุ่น.

๗๒ ขอทรงนึกถึงทั้งศาสนจักรของพระองค์, ข้าแต่พระเจ้า, พร้อมกับครอบครัวของพวกเขาทั้งปวง, และญาติสนิทของพวกเขาทั้งปวง, พร้อมกับคนป่วยและคนที่มีทุกข์ของพวกเขาทั้งปวง, พร้อมกับคนจนและคนอ่อนโยนทั้งปวงของแผ่นดินโลก; เพื่ออาณาจักร, ซึ่งพระองค์ทรงจัดตั้งโดยปราศจากมือ, จะกลายเป็นภูเขามหึมาและเติมเต็มทั้งแผ่นดินโลก;

๗๓ เพื่อศาสนจักรของพระองค์จะออกมาจากแดนทุรกันดารแห่งความมืด, และฉายส่องออกมาเฉิดฉันดังดวงจันทร์, กระจ่างดังดวงอาทิตย์, และน่าสะพรึงกลัวดังกองทัพกับธงทิว;

๗๔ และรับการตกแต่งดังเจ้าสาวสำหรับวันนั้นเมื่อพระองค์จะทรงเปิดม่านสวรรค์, และทำให้เทือกเขาไหลลงมาเนื่องจากการประทับอยู่ของพระองค์, และทรงเลื่อนหุบเขาขึ้นสูง, ทำให้สถานที่ขรุขระราบเรียบ; เพื่อรัศมีภาพของพระองค์จะเติมเต็มแผ่นดินโลก;

๗๕ เพื่อว่าเมื่อแตรจะส่งเสียงเรียกคนตาย, พระองค์จะทรงรับพวกข้าพระองค์ขึ้นไปในเมฆเพื่อเข้าเฝ้าพระองค์, เพื่อพวกข้าพระองค์จะอยู่กับพระเจ้าตลอดไป;

๗๖ เพื่ออาภรณ์ของพวกข้าพระองค์จะบริสุทธิ์, เพื่อพวกข้าพระองค์จะได้รับการห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมแห่งความชอบธรรม, ด้วยใบปาล์มในมือพวกข้าพระองค์, และมงกุฎแห่งรัศมีภาพบนศีรษะพวกข้าพระองค์, และเก็บเกี่ยวปีตินิรันดร์แทนความทุกขเวทนาทั้งปวงของพวกข้าพระองค์.

๗๗ ข้าแต่พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ, ขอทรงฟังพวกข้าพระองค์ในคำวิงวอนเหล่านี้ของพวกข้าพระองค์, และทรงตอบพวกข้าพระองค์จากสวรรค์, ที่ประทับอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์, ที่ซึ่งพระองค์ประทับบนพระราชบัลลังก์, ด้วยรัศมีภาพ, พระเกียรติ, เดชานุภาพ, พระบารมี, ฤทธานุภาพ, อำนาจการปกครอง, ความจริง, ความยุติธรรม, การพิพากษา, พระเมตตา, และความไม่มีที่สิ้นสุดแห่งความสมบูรณ์, จากความเป็นนิจถึงความเป็นนิจ.

๗๘ โอ้ ขอทรงฟัง, โอ้ ขอทรงฟัง, โอ้ขอทรงฟังพวกข้าพระองค์, ข้าแต่พระเจ้า ! และขอทรงตอบคำวิงวอนเหล่านี้, และทรงรับการอุทิศพระนิเวศน์สำหรับพระองค์, งานจากมือพวกข้าพระองค์, ซึ่งพวกข้าพระองค์สร้างแด่พระนามของพระองค์;

๗๙ และศาสนจักรนี้ด้วย, เพื่อใส่พระนามของพระองค์ที่นั่น. และขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์โดยอำนาจพระวิญญาณของพระองค์, เพื่อพวกข้าพระองค์จะผสานเสียงพวกข้าพระองค์กับเสราฟิมเหล่านั้นที่ส่องแสง, สว่างไสวรอบพระราชบัลลังก์ของพระองค์, พร้อมด้วยการโห่ร้องสรรเสริญ, ขับขานโฮซันนาแด่พระผู้เป็นเจ้าและพระเมษโปดก !

๘๐ และขอทรงให้คนเหล่านี้, คนที่รับการเจิมของพระองค์, รับการห่อหุ้มด้วยความรอด, และวิสุทธิชนของพระองค์ตะโกนก้องด้วยปีติ. เอเมน, และเอเมน.