2017
ตัดสินใจเป็นคนซื่อสัตย์
สิงหาคม 2017


ตัดสินใจ เป็นคน ซื่อสัตย์

การตัดสินใจสี่เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านมาก

ภาพ
walking down a dirt road

ความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดอย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าประสบเมื่อยังเป็นเด็กในกัวเตมาลาคือความยากจน—ความยากจนทางวิญญาณเพราะเราไม่รู้จักพระกิตติคุณและความยากจนทางโลกเพราะขาดเงิน คุณแม่สิ้นชีวิตขณะข้าพเจ้าอายุห้าขวบ ทำให้คุณพ่อต้องเลี้ยงดูลูกเล็กสี่คนตามลำพัง เพราะคุณพ่อต้องการให้เราทุกคนอยู่ด้วยกัน ท่านจึงมอบความรับผิดชอบบางอย่างในบ้านให้ลูกๆ

ข้าพเจ้าเป็นลูกคนโต ได้รับมอบหมายให้เตรียมอาหารกลางวันและอาหารค่ำสำหรับครอบครัวทุกวัน ตอนแรกก็ยาก แต่ข้าพเจ้าฝึกทำอาหารบางอย่าง แต่ละวันคุณพ่อจะฝากเงินไว้ 25 เซ็นต์ให้ข้าพเจ้าซื้ออาหาร ข้าพเจ้าจะซื้อถั่วหนึ่งปอนด์ราคา 6 เซ็นต์และข้าวหนึ่งปอนด์ราคา 7 เซ็นต์ จากนั้นก็จะซื้อถ่าน 5 เซ็นต์ไว้ใช้ทำอาหารทุกอย่าง ซื้อไม้ฟื้น 2 เซ็นต์และ ซื้อแผ่นแป้งตอติญ่า 5 เซ็นต์ ข้าพเจ้าทำแบบนี้ทุกวัน เรากินข้าวและถั่วกับแผ่นแป้งตอติญ่าทุกวัน สมัยนั้นเงิน 25 เซ็นต์ถือว่าไม่มาก แต่ประทังชีวิตเราได้

ความท้าทายคือจะออกจากวัฏจักรความยากไร้นี้อย่างไร และทั้งหมดนั้นอยู่ที่การตัดสินใจ—การเลือกทำบางอย่างเพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้น เราแต่ละคนตัดสินใจด้วยตนเองเสมอ แม้เมื่อเราไม่คิดเช่นนั้น ตัวอย่างเช่น เรา เลือก ที่จะเชื่อ บางครั้งเรารู้สึกสับสนเมื่อเผชิญกับสิ่งที่โลกสอนและสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงสอน แต่แหล่งที่ดีที่สุดซึ่งนำทางชีวิตเราคือหลักคำสอนของพระเยซูคริสต์ เมื่อข้าพเจ้าตัดสินใจโดยคำนึงถึงรากฐานของหลักคำสอนนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่ในชีวิตข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าประสงค์จะแบ่งปันการตัดสินใจสี่เรื่องที่มีผลกระทบลึกซึ้งต่อชีวิตข้าพเจ้า ถ้าท่านตัดสินใจเรื่องเดียวกันนี้และยึดการตัดสินใจนั้น นั่นจะเป็นพรแก่ท่านเช่นกัน (1) ตัดสินใจรับบัพติศมา (2) ตัดสินใจเชื่อในพระเยซูคริสต์และยังคงแข็งขันในศาสนจักร (3) ตัดสินใจวางใจในสัญญาของพระเจ้า และ (4) ตัดสินใจซื่อสัตย์และทำตามคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์

ตัดสินใจรับบัพติศมา

ภาพ
baptism

เมื่อข้าพเจ้าอายุ 12 ปี ผู้สอนศาสนาเริ่มสอนข้าพเจ้ากับพี่และน้อง ตอนแรกคุณพ่อไม่เรียนด้วย ท่านจะแค่นั่งฟังอยู่หลังม่านข้างหลังห้อง แต่แล้วท่านก็อ่านจุลสารเล่มหนึ่งของศาสนจักรซึ่งอธิบายว่าชายหญิงที่แต่งงานด้วยสิทธิอำนาจที่ถูกต้องจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ข้อความนี้ทำให้ท่านสนใจเพราะถึงแม้ภรรยาท่านสิ้นชีวิตไปแล้ว แต่ท่านจะได้อยู่กับเธออีก ทันทีที่เรียนเรื่องนี้ ท่านตัดสินใจรับบัพติศมา และครอบครัวเราทุกคนรับบัพติศมา

มุมมองใหม่ที่พระกิตติคุณมอบให้ช่วยให้ข้าพเจ้าตระหนักว่าข้าพเจ้าจะประสบผลสำเร็จมากขึ้นในชีวิตหากข้าพเจ้าประยุกต์ใช้กับตนเองและเชื่อฟัง ข้าพเจ้าตัดสินใจเป็นการส่วนตัวว่าจะทำทุกอย่างที่ต้องทำเพื่อยังอยู่บนเส้นทางของพระเจ้า

การตัดสินใจเชื่อในพระคริสต์และยังคงแข็งขันในศาสนจักร

ข้าพเจ้าจดจำการทำสัญญานี้วันหนึ่งขณะนั่งอยู่ในห้องนมัสการรอพิธีบัพติศมาเริ่ม ขณะนั่งไตร่ตรองหลักคำสอนของพระคริสต์ ข้าพเจ้าเริ่มมีความรู้สึกปีติแรงกล้าซึ่งบอกข้าพเจ้าว่าทุกอย่างที่ข้าพเจ้าเรียนรู้จากผู้สอนศาสนาเป็นความจริง ในขณะนั้นข้าพเจ้าให้คำมั่นสัญญาในใจกับพระผู้เป็นเจ้าว่าจะวางใจพระองค์เสมอและข้าพเจ้าจะแข็งขันในศาสนจักรของพระองค์ชั่วชีวิตหากนั่นหมายความว่าข้าพเจ้าจะยังมีปีติที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ สำหรับข้าพเจ้าสัญญานี้รวมถึงการไม่เพียงไปโบสถ์ทุกสัปดาห์เท่านั้นแต่วางใจในหลักคำสอนของพระเจ้า พระคัมภีร์ ศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ด้วย

การตัดสินใจวางใจสัญญาของพระเจ้า

ข้าพเจ้าตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ในชีวิตแล้วว่าจะวางใจสัญญาของพระเจ้า การตัดสินใจของข้าพเจ้าพิสูจน์ให้เห็นนับแต่นั้นว่าเป็นประโยชน์ต่อข้าพเจ้ามาก เมื่อใดที่เกิดความสงสัยหรือคำถาม ข้าพเจ้าสามารถหวนนึกถึงคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้และตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในชีวิตบนพื้นฐานของคำมั่นสัญญาดังกล่าว การตัดสินใจแต่เนิ่นๆ เกี่ยวกับมาตรฐานที่ท่านจะดำเนินตามจะช่วยให้ท่านเลือกได้ถูกต้องเมื่อเกิดความสงสัยหรือปัญหา

ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ที่น่าจดจำกับหลักธรรมนี้สมัยเป็นนักเรียน ข้าพเจ้าเรียนหนักเสมอขณะที่ยังเรียนอยู่เพื่อพยายามเรียนรู้และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต ข้าพเจ้ารู้ว่าเพื่อออกจากความยากจน ข้าพเจ้าจะต้องหาอาชีพที่จะเปิดประตูรับโอกาสใหม่ๆ ในชีวิต ข้าพเจ้ารู้เช่นกันว่าเพื่อให้ได้อาชีพแบบนี้ข้าพเจ้าจะต้องตั้งใจเรียน

สำคัญเท่าๆ กับการศึกษาคือข้าพเจ้าตัดสินใจเป็นส่วนตัวว่าจะไม่ศึกษาวันอาทิตย์ ในฐานะสมาชิกศาสนจักร ข้าพเจ้ารู้ พระเจ้าตรัสว่าวันสะบาโตเป็นวันของพระองค์ ไม่ใช่ของเรา ข้าพเจ้าพยายามตัดสินใจอย่างมีจุดประสงค์ว่าจะทำอะไรในวันพิเศษนี้ แต่หลังจากตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว บางครั้งข้าพเจ้าถูกล่อลวงให้ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของข้าพเจ้า โดยเฉพาะเมื่อใกล้สอบ ข้าพเจ้าจะคิดว่า “ไม่ใช่ไม่ดี แค่อ่านหนังสือสอบ ฉันไปโบสถ์ตอนเช้าแล้วค่อยกลับมาอ่านตอนบ่ายกับตอนเย็นก็ได้”

แต่เมื่อข้าพเจ้านึกถึงสัญญาที่ทำไว้ว่าจะยังคงแข็งขันและซื่อสัตย์ต่อคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้า จึงง่ายขึ้นมากที่จะทำตามการตัดสินใจว่าจะไม่ศึกษาวันอาทิตย์แต่ใช้วันของพระเจ้าไปรับใช้และนมัสการแทน ข้าพเจ้าตัดสินใจแล้วว่าจะซื่อสัตย์ ด้วยเหตุนี้สำหรับข้าพเจ้าเรื่องนี้จึงเป็นเพียงเรื่องของการตีความสิ่งที่พระเจ้าตรัสเกี่ยวกับวันสะบาโตและการประยุกต์ใช้คำแนะนำของพระองค์ให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ในชีวิตข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าลงเอยด้วยผลการเรียนดีเยี่ยมและได้อาชีพที่ดีที่ช่วยให้ข้าพเจ้าหาเลี้ยงครอบครัวได้ ข้าพเจ้ารู้ว่าเพราะข้าพเจ้ารักษาสัญญาต่อพระเจ้า พระองค์ทรงอวยพรข้าพเจ้าให้สามารถสร้างชีวิตที่ดีขึ้นได้

การตัดสินใจซื่อสัตย์ต่อไปและทำตามคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์

สำหรับเราแต่ละคน การซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเป็นเรื่องของการยึดมั่นถึงระดับที่ตัวเราเชื่อว่าพระเยซูคือพระคริสต์ ผู้เขียนพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระผู้เป็นเจ้า และฝ่ายประธานสูงสุดกับโควรัมอัครสาวกสิบสองเป็นผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง การรู้ว่าการเปิดเผยยังมีอยู่ในสมัยของเราและศาสดาพยากรณ์ได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าทำให้ท่านซื่อตรงต่อพระกิตติคุณง่ายขึ้นเมื่อพบสถานการณ์ยุ่งยาก

ถ้าท่านสามารถพัฒนาความเชื่อมั่นแบบนี้ได้ เมื่อนั้นท่านจะไม่มีวันทุกข์ใจกับคำถามว่าพฤติกรรมหรือกิจกรรมใดเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ข้อกังวลทั้งหมดนี้จะมีคำตอบเมื่อท่านแสวงหาคำตอบด้วยศรัทธาผ่านพระคัมภีร์ พระวิญญาณ และศาสดาพยากรณ์—ผู้รับใช้ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนด