2021
พระเจ้าทรงช่วยให้ดิฉันเข้าใจคุณค่าแห่งสวรรค์ระหว่างการหย่าร้างได้อย่างไร
ธันวาคม 2021


ดิจิทัลเท่านั้น: คนหนุ่มสาว

พระเจ้าทรงช่วยให้ดิฉันเข้าใจคุณค่าแห่งสวรรค์ระหว่างการหย่าร้างได้อย่างไร

ขณะที่ดิฉันวางใจพระผู้ช่วยให้รอดตลอดเวลาที่มีการทดลอง ดิฉันเรียนรู้ที่จะมองผู้อื่น—และตนเอง—ในมุมมองใหม่

ภาพ
หญิงสาวอ่านพระคัมภีร์ที่พระวิหาร

ภาพถ่ายโดย ทีนา เลอโรห์ล

สถานที่ที่ดิฉันอยู่ในแอฟริกาใต้มีความเชื่อทางวัฒนธรรมบางอย่างที่เน้นลักษณะภายนอกและมาตรฐานความสวยงามซึ่งอาจทำให้รู้สึกหนักใจและบางครั้งทำให้ดิฉันรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับรูปลักษณ์และตัวตนของดิฉัน และดิฉันเรียนรู้ว่าหนุ่มสาวอีกหลายคนทั่วโลกต่อสู้กับภาพลักษณ์ของร่างกายและคุณค่าของตนเองด้วยเช่นกัน

หนึ่งในกลยุทธ์อันทรงพลังของซาตานคือความไม่มั่นใจในร่างกาย เขาพยายามโน้มน้าวให้เราตัดสินตนเองและผู้อื่นโดยพิจารณาจากลักษณะภายนอก แต่ดิฉันค้นพบว่าถ้าดิฉันพยายามรักษามาตรฐานความสวยงามและคุณค่าในตนเองตามที่โลกกำหนด ดิฉันจะ ไม่มีวัน รู้สึกพอใจหรือมีความสุขกับตัวตนของดิฉันเลย

สิ่งสำคัญในการค้นหาความมั่นใจคือการพยายามมองตนเองและผู้อื่นเหมือนอย่างที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงมอง สิ่งนี้ช่วยให้ดิฉันเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของตนเองและตระหนักถึงคุณค่าของผู้อื่นเช่นกัน

การมุ่งเน้นผิดที่

สมัยที่ดิฉันออกเดท ดิฉันเห็นสถานการณ์มากมายที่คุณค่าของผู้อื่นขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งทำให้ดิฉันเศร้าใจที่เห็นว่าเพื่อนบางคนของดิฉันออกเดทน้อยกว่าคนที่ดูเหมือนจะเหมาะสมกับมาตรฐานความสวยงามของโลก และโชคไม่ดีที่ ในการค้นหาคู่นิรันดร์ของตนเอง ดิฉันมีรายการอุปนิสัย—รวมทั้งอุปนิสัยทางกายภาพ—ที่ดิฉันมองหาสำหรับสามีในอนาคต

ในที่สุดดิฉันพบคนที่จะแต่งงานกันในพระวิหาร และในตอนแรกดิฉันคิดว่าเรามีชีวิตแต่งงานที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ดิฉันเริ่มสังเกตว่าสามีของดิฉันจะคุยโอ้อวดกับคนอื่นว่าเขาแต่งงานกับหญิงสาวที่สวยที่สุดในห้องอย่างไร แต่เขาดูเหมือนไม่เคยพูดอะไรดีเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของดิฉันเลยในเวลาส่วนตัว เขาแสดงความคิดเห็นเสมอเมื่อน้ำหนักของดิฉันเปลี่ยนไปและบอกดิฉันถึงวิธีการทำผมและวิธีการแต่งตัว

ไม่กี่เดือนหลังจากที่ดิฉันมีลูกคนแรกสามีของดิฉันพูดอย่างไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาต้องการหย่า ดิฉันไม่เคยรู้เลยว่ามีอะไรผิดปกติ แม้ดิฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้วแต่ก็ไม่อาจโน้มน้าวให้เขาพยายามช่วยรักษาชีวิตแต่งงานของเรา และดิฉันถูกทิ้งให้เป็นแม่ตัวคนเดียว

ต่อมาดิฉันพบว่าเขาพัวพันกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งขณะที่เรายังแต่งงานกันอยู่ ดิฉันประหลาดใจที่พบว่าเธอดูเหมือนดิฉันแต่อายุน้อยกว่าสองสามปีและไม่ได้เปลี่ยนแปลงเนื่องจากการอุ้มท้องและคลอดลูก ดิฉันเริ่มสงสัยว่าทำไมดิฉันจึงไม่ดีพอและมุ่งเน้นไปที่จุดบกพร่องทางร่างกายของดิฉัน

เมื่อเวลาผ่านไปดิฉันเรียนรู้ว่าสถานการณ์ของดิฉันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก เมื่อดิฉันกลับไปในสถานการณ์ออกเดทอีกครั้ง ดิฉันได้ยินเรื่องราวมากมายของคนหนุ่มสาวที่หย่าร้างเพราะ “เลิกสนใจ” ในคู่สมรสที่ “ปล่อยตัว” หรือเพราะไม่มี “จุดประกายทางร่างกาย” อีกต่อไป

ดิฉันสะดุ้งทุกครั้งที่ได้ยินใครบางคนพูดว่ารูปร่างหน้าตาเป็นส่วนสำคัญที่สุดของคู่สมรส เมื่อใดก็ตามที่ดิฉันนึกถึงทัศนะความสวยงามของโลก ดิฉันสงสัยว่าดิฉันไม่คู่ควรกับความรักเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายดิฉันระหว่างการตั้งครรภ์

ความสวยงามที่แท้จริงคืออะไร

ขณะไตร่ตรองความหมายของความสวยงามที่แท้จริง ดิฉันพบคำพูดอ้างอิงที่แตกต่างจากมุมมองของโลกเกี่ยวกับเรื่องนี้: “ท่ามกลาง ‘ความหลอกลวงทั้งหมด’ ที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่แรกในการออกเดท—รวมถึงการที่เราต้องดูดีที่สุดเสมอ—เราควรจำไว้ว่ารูปลักษณ์และรูปแบบ ‘ไม่จำเป็นอย่างยิ่ง’”1

สิ่งนี้ช่วยให้ดิฉันเข้าใจว่าการมองเห็นวิญญาณของกันและกันหรือสิ่งที่อยู่ข้างในเป็นสิ่งสำคัญอย่างแท้จริงในการค้นหาคู่สมรสและเป็นกุญแจสำคัญในการรักผู้อื่นและตัวเราเอง ในฐานะสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์เราควรมุ่งเน้นความเข้มแข็งของอุปนิสัยและอัตลักษณ์ของเราในฐานะวิญญาณแห่งสวรรค์

การหย่าร้างทำให้ดิฉันเจ็บปวดมากแต่ทำให้ดิฉันมีโอกาสประเมินความหมายของความสวยงามที่แท้จริงและคุณค่าแห่งสวรรค์อีกครั้ง หากท่านมีปัญหาในการตระหนักถึงคุณค่าแห่งสวรรค์ของท่านหรือของผู้อื่น ให้พิจารณาเคล็ดลับต่อไปนี้ซึ่งช่วยให้ดิฉันปรับกรอบมุมมองของดิฉันใหม่

1. ไปพระวิหารเป็นประจำ

ในพระวิหาร โลกเลือนหายไปสู่พื้นหลังและนิรันดรถูกนำมาอยู่ในจุดสนใจ ยิ่งดิฉันเข้าพระวิหารและระลึกถึงพันธสัญญาของตนเองมากเท่าใด มุมมองที่จำกัดของดิฉันก็ยิ่งย้ายไปสู่มุมมองนิรันดร์มากเท่านั้น สิ่งที่ดูเหมือนสำคัญตามมาตรฐานโลกดูเหมือนไม่สำคัญเท่าใดนักในพระวิหาร

แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นจากการใช้เวลาอย่างตั้งใจในพระนิเวศน์ของพระเจ้าอยู่เสมอ ดังที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนว่า “การรักษาพันธสัญญาพระวิหารมิใช่การบังคับแต่คือสิ่งที่เราทำได้ ซึ่งจะยกให้เราอยู่เหนือขีดจำกัดของมุมมองและพลังอำนาจของเรา”2

2. เรียนรู้ที่จะฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเชื้อเชิญให้เรา “เพิ่มสมรรถภาพทางวิญญาณ [ของเรา] เพื่อรับการเปิดเผย … จงเลือกทำงานทางวิญญาณที่ต้องใช้ของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์และได้ยินสุรเสียงของพระวิญญาณบ่อยขึ้นและชัดขึ้น”3

เมื่อเราเลือกที่จะมุ่งเน้นสิ่งต่างๆ ของพระวิญญาณเหนือสิ่งต่างๆ ของโลก เราจะพร้อมยิ่งขึ้นที่จะได้ยินการกระตุ้นเตือนและความจริงของพระองค์

3. สวดอ้อนวอนสำหรับของประทานทางวิญญาณ

ของประทานทางวิญญาณบางอย่างสามารถให้ความรู้และมุมมองที่จำเป็นต่อการเข้าใจคุณค่าของเราและคุณค่าของผู้อื่น พระบิดาบนสวรรค์ทรงกระตุ้นให้เรา “แสวงหาของประทานที่ดีที่สุดอย่างตั้งใจจริง” และตรัสกับเราว่าหากเราต้องการและสวดอ้อนวอนทูลขอสิ่งเหล่านี้ เราจะได้รับสิ่งที่เราต้องการได้ (หลักคำสอนและพันธสัญญา 46 :8 ดู ข้อ 9 ด้วย) ของประทานแห่งการเล็งเห็น จิตกุศล และปัญญาคือของประทานทั้งหมดที่อาจเป็นประโยชน์ในการศึกษาและสวดอ้อนวอนทูลขอขณะท่านพยายามเข้าใจความหมายของความสวยงามที่แท้จริงและคุณค่าแห่งสวรรค์ให้ดีขึ้น

4. ทำตามพระคำแห่งปัญญา

ร่างกายเราเป็นของประทานที่สวยงามจากพระบิดาบนสวรรค์ ซาตานผู้หมายมั่นจะทำลายแผนของพระผู้เป็นเจ้าและจะไม่มีวันมีร่างกายของตนเอง โจมตีของประทานศักดิ์สิทธิ์นี้ การดูแลร่างกายของเราด้วยความเคารพและค้นพบว่าร่างกายสามารถทำอะไรได้บ้างเมื่อเราออกกำลังกายและหลีกเลี่ยงสารที่เป็นอันตรายจะช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะให้คุณค่ากับร่างกายของเราและโดยการเป็นแบบอย่าง ช่วยให้คนอื่นทำเช่นเดียวกัน

5. มุ่งเน้นที่พระผู้ช่วยให้รอด

เมื่อเราพึ่งพาพระเยซูคริสต์ เรามองเห็นตัวเราเองว่าแท้จริงแล้วเราคือใคร—บุตรธิดาแห่งสวรรค์ของพระบิดาและพระมารดาบนสวรรค์ ขณะเราเรียนรู้ที่จะรักตนเองและเมตตาตนเองแม้เราจะทำผิดพลาด พระผู้ช่วยให้รอดทรงสามารถช่วยให้เราเติบโตและพัฒนาคุณลักษณะของพระองค์ต่อไป

ซิสเตอร์จอย ดี. โจนส์ อดีตประธานปฐมวัยสามัญกล่าวว่า “ถ้าความรักที่เรารู้สึกต่อพระผู้ช่วยให้รอดและสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อเรานั้นยิ่งใหญ่กว่าพลังที่เราให้กับความอ่อนแอ ความไม่มั่นใจในตนเอง หรือนิสัยที่ไม่ดี เมื่อนั้นพระองค์จะทรงช่วยเราเอาชนะสิ่งต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความทุกข์ในชีวิตเรา”4

ในความพยายามที่จะมองเห็นผู้อื่นอย่างที่พวกเขาเป็นอย่างแท้จริง ดิฉันเริ่มฝึกมองพวกเขาแตกต่างออกไป ถ้าดิฉันสังเกตตนเองกำลังตัดสินใครบางคนตามรูปลักษณ์ภายนอก ดิฉันจะดูอย่างใกล้ชิดมากขึ้นและพยายามมองให้เห็นสิ่งที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงเห็น ดิฉันรู้สึกทึ่งกับวิธีที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสามารถเปิดดวงตาของดิฉัน ดิฉันหยุดสังเกตคุณลักษณะทางร่างกายและเริ่มเข้าใจว่าความสวยงามและคุณค่าที่แท้จริงคืออะไร—แสงสว่างของพระคริสต์ในตัวเราแต่ละคน

เข้าใกล้พระคริสต์มากขึ้น

แม้ว่าดิฉันจะผ่านประสบการณ์ที่เจ็บปวดมาแล้ว ดิฉันเรียนรู้ที่จะให้พระคริสต์ทรงเยียวยาดิฉันและรักร่างกายของตนเอง และ วิญญาณของตนเอง ประธานเจมส์ อี. เฟาสท์ (1920–2007) อดีตที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสูงสุดสอนว่า “ความมั่นใจที่ว่าท่านเป็นธิดา [หรือบุตร] ของพระผู้เป็นเจ้าจะทำให้ท่านรู้สึกสบายใจในคุณค่าของตนเอง ซึ่งหมายความว่าท่านจะพบความเข้มแข็งในอำนาจแห่งการรักษาของพระคริสต์ อำนาจดังกล่าวจะช่วยให้ท่านเผชิญความปวดร้าวและความท้าทายด้วยศรัทธาและความสงบเยือกเย็น”5

โลกอาจมีแนวคิดเกี่ยวกับความหมายของความสวยงามและคุณค่าแห่งสวรรค์ แต่เมื่อเราเข้าใกล้พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์มากขึ้น ความสามารถของเราในการมองเห็นผ่านการบิดเบือนของโลกและตระหนักถึงความสวยงามที่แท้จริงจะเติบโตขึ้น ขอให้เราได้รับพรในการมองเห็นความสวยงามของผู้อื่นและตัวเราเองได้อย่างถูกต้อง—วิธีที่ทั้งสองพระองค์ทรงมองเรา

อ้างอิง

  1. บอยด์ เค. แพคเกอร์, ในคิมเบอร์ลี่ รีด, “Dating and the Eternal Perspective,” Ensign, ก.พ. 2008, 62.

  2. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “Prepare for Blessings of the Temple,” Ensign, มี.ค. 2002, 21.

  3. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน,“การเปิดเผยสำหรับศาสนจักร การเปิดเผยสำหรับชีวิตเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 96.

  4. จอย ดี. โจนส์, “คุณค่าเกินกว่าจะวัดได้,” เลียโฮนา, พ.ย. 2017, 15.

  5. เจมส์ อี. เฟาสท์, “การเป็นธิดาของพระผู้เป็นเจ้าหมายความว่าอย่างไร,” เลียโฮนา, ม.ค. 2000, 123.