คลังค้นคว้า
บทที่ 4: พระคัมภีร์มอรมอน—ศิลาหลักแห่งศาสนาของเรา


บทที่ 4

พระคัมภีร์มอรมอน—ศิลาหลักแห่งศาสนาของเรา

คำนำ

พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งศาสนาของเราและพยานหลักฐานยืนยันว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์บนแผ่นดินโลกในสมัยของเรา ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน (1899-1994) สอนว่าพระคัมภีร์มอรมอน “เป็นศิลาหลักในพยานของเราถึงพระคริสต์ พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งหลักคำสอนของเรา พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งประจักษ์พยาน” (“The Book of Mormon—Keystone of Our Religion,”Ensign, Nov. 1986, 5) เมื่อนักเรียนทำให้ประจักษ์พยานของพวกเขาเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนลึกซึ้งขึ้น พวกเขาจะมีพลังต่อต้านคนที่หมายมั่นหักล้างความน่าเชื่อถือของพระคัมภีร์เล่มนี้

ความรู้พื้นฐานที่ควรอ่าน

  • เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน, “The Book of Mormon—Keystone of Our Religion,”Ensign, Nov. 1986, 4–7.

  • เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “ความปลอดภัยให้จิตวิญญาณ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2009, 107–110

  • “Book of Mormon and DNA Studies,” Gospel Topics, lds.org/topics.

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

หลักคำสอนและพันธสัญญา 17:6; 19:26; 20:5–12

พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานหลักฐานยืนยันว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงฟื้นฟูความจริงในสมัยของเรา

ก่อนชั้นเรียน ให้เขียนวันเดือนปีและเหตุการณ์ต่อไปนี้ไว้บน กระดาน

1820 ได้รับนิมิตแรก

1823 โมโรไนเริ่มมาเยือน

1829 ฟื้นฟูฐานะปุโรหิต

มิถุนายน 1829 แปลพระคัมภีร์มอรมอนเสร็จ

6 เมษายน 1830 จัดตั้งศาสนจักร

  • เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจากลำดับเหตุการณ์เหล่านี้เกี่ยวกับบทบาทของพระคัมภีร์มอรมอนในการฟื้นฟูพระกิตติคุณ (พระคัมภีร์มอรมอนต้องเสร็จสมบูรณ์ก่อนจึงจะฟื้นฟูศาสนจักรได้ พระคัมภีร์มอรมอนจะมีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่พระกิตติคุณ)

อธิบายว่าเมื่อจัดตั้งศาสนจักรในเดือนเมษายน ปี 1830 พระคัมภีร์มอรมอนเพิ่งพิมพ์เสร็จ และโฆษณาขายพระคัมภีร์มอรมอนยังไม่ถึงสองสัปดาห์ ขอให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:8-12 ในใจโดยหาดูว่ามีอะไรอยู่ในพระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์มอรมอนพิสูจน์อะไร ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้นักเรียนทำเครื่องหมายสิ่งที่พวกเขาค้นพบ (หมายเหตุ: ตลอดหลักสูตรนี้ ท่านอาจจะกระตุ้นนักเรียนให้ทำเครื่องหมายความจริงสำคัญๆ ที่พวกเขาค้นพบในพระคัมภีร์ของตน) ขณะที่นักเรียนอ่าน ให้เขียนข้อความที่ไม่ครบถ้วนต่อไปนี้ไว้บน กระดาน

พระคัมภีร์มอรมอนพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า …

หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว ให้ถามนักเรียนดังต่อไปนี้

  • จากสิ่งที่อ่าน ท่านจะเติมข้อความบนกระดานให้ครบถ้วนว่าอย่างไร (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่พวกเขาพึงระบุความจริงต่อไปนี้ พระคัมภีร์มอรมอนพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าพระคัมภีร์เป็นความจริง พระผู้เป็นเจ้าทรงดลใจและทรงเรียกผู้คนให้ทำงานของพระองค์ในสมัยของเรา และพระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนแปลง)

  • พระคัมภีร์มอรมอนพิสูจน์ให้เห็นอย่างไรว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงดลใจและทรงเรียกผู้คนให้ทำงานของพระองค์ในสมัยของเรา

  • เมื่อบุคคลคนหนึ่งเข้าใจว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริง เขาจะได้ความรู้อะไรเกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 17:6 และ 19:26 ในใจโดยหาดูว่าสองข้อนี้มีอะไรเหมือนกัน

  • สองข้อนี้มีอะไรเหมือนกัน (คำประกาศของพระเจ้าถึงความจริงของพระคัมภีร์มอรมอน)

  • การที่ท่านรู้ว่าพระเจ้าทรงประกาศประจักษ์พยานของพระองค์ถึงความจริงของพระคัมภีร์มอรมอนมีคุณค่าอะไรต่อท่าน

พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งศาสนาของเรา

เขียนความจริงต่อไปนี้ไว้บนกระดาน พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งศาสนาของเรา

  • ท่านคิดว่าคำกล่าวนี้หมายถึงอะไร

ให้ดูข้อความต่อไปนี้ของประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน (1899-1994) และเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง

ภาพ
ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน

“มีสามด้านที่พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งศาสนาของเรา พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักในพยานของเราถึงพระคริสต์ พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งหลักคำสอนของเรา พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งประจักษ์พยาน” (“The Book of Mormon—Keystone of Our Religion,”Ensign, Nov. 1986, 5)

แบ่งชั้นเรียนออกเป็นกลุ่มเล็กๆ มอบหมายให้สนทนาหัวข้อต่อไปนี้กลุ่มละหนึ่งหัวข้อ: พระคัมภีร์มอรมอนเป็น “ศิลาหลักในพยานของเราถึงพระคริสต์” อย่างไร พระคัมภีร์มอรมอนเป็น “ศิลาหลักแห่งหลักคำสอนของเรา” อย่างไร หรือเป็น “ศิลาหลักแห่งประจักษ์พยาน” อย่างไร (ท่านอาจต้องมอบหมายให้กลุ่มหนึ่งสนทนามากกว่าหนึ่งหัวข้อ) จัดเตรียม เอกสารแจก ต่อไปนี้ให้แต่ละกลุ่ม และขอให้พวกเขาใช้ข้อความที่สอดคล้องกับหัวข้อของตนในการสนทนาของพวกเขา

ภาพ
เอกสารแจก ศิลาหลักแห่งศาสนาของเรา

พระคัมภีร์มอรมอน—ศิลาหลักแห่งศาสนาของเรา

รากฐานของการฟื้นฟู—บทที่ 4

“ศิลาหลักในพยานของเราถึงพระคริสต์”

ภาพ
ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน

“พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักในพยานของเราถึงพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นศิลามุมเอกของทุกสิ่งที่เราทำ พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานถึงการดำรงอยู่จริงของพระองค์ … ประจักษ์พยานในนั้นเกี่ยวกับพระอาจารย์ชัดเจน ไม่มีสิ่งเจือปน และเปี่ยมด้วยพลัง … โลกชาวคริสต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันปฏิเสธความเป็นพระเจ้าของพระผู้ช่วยให้รอด พวกเขาสงสัยการประสูติอันน่าอัศจรรย์ของพระองค์ พระชนม์ชีพอันดีพร้อมของพระองค์ และความเป็นจริงของการฟื้นคืนพระชนม์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ พระคัมภีร์มอรมอนสอนความจริงทั้งหมดนี้ด้วยคำพูดที่ชัดเจนไม่ผิดพลาด อีกทั้งให้คำอธิบายครบถ้วนที่สุดเกี่ยวกับหลักคำสอนเรื่องการชดใช้” (เอสรา แทฟท์ เบนสัน, “The Book of Mormon—Keystone of Our Religion,”Ensign, Nov. 1986, 5)

“ศิลาหลักแห่งหลักคำสอนของเรา”

ภาพ
ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน

“ในพระคัมภีร์มอรมอนเราจะพบความสมบูรณ์ของหลักคำสอนเหล่านั้นที่จำเป็นต่อความรอดของเรา ซึ่งสอนไว้อย่างเรียบง่ายชัดเจนจนแม้แต่เด็กๆ ก็สามารถเรียนรู้แนวทางของความรอดและความสูงส่งได้ พระคัมภีร์มอรมอนมีคำสอนเหล่านั้นอยู่มากจนขยายความเข้าใจของเราเกี่ยวกับหลักคำสอนแห่งความรอด หากปราศจากพระคัมภีร์เล่มนี้ สิ่งที่สอนในพระคัมภีร์เล่มอื่นส่วนใหญ่แทบจะไม่ชัดเจนและไม่มีค่า” (เอสรา แทฟท์ เบนสัน, “The Book of Mormon—Keystone of Our Religion,”Ensign, Nov. 1986, 6)

“ศิลาหลักแห่งประจักษ์พยาน”

ภาพ
ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน

“พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งประจักษ์พยาน ประตูโค้งพังลงมาถ้านำศิลาหลักออกไปฉันใด ศาสนจักรจะตั้งมั่นหรือล้มลงก็ด้วยความจริงของพระคัมภีร์มอรมอนฉันนั้น … ถ้าพระคัมภีร์มอรมอนจริง … เขาคนนั้นต้องยอมรับคำอ้างเรื่องการฟื้นฟูและทั้งหมดที่มาด้วยกัน” (เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน, “The Book of Mormon—Keystone of Our Religion,”Ensign, Nov. 1986, 6)

หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว ให้เชิญกลุ่มแบ่งปันสิ่งที่สนทนากับชั้นเรียน

สรุปบทเรียนส่วนนี้โดยขอให้นักเรียนแบ่งปันว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งประจักษ์พยานของพวกเขาอย่างไร

ศัตรูพยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าพระคัมภีร์มอรมอนผิด

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง

ภาพ
เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์

“เป็นเวลา [นานกว่า 180 ปี] ปีที่พระคัมภีร์มอรมอนถูกตรวจสอบและถูกโจมตี ถูกปฏิเสธและถูกขุดคุ้ย ตกเป็นเป้าและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ บางทีอาจไม่เหมือนหนังสือเล่มอื่นๆ ในประวัติศาสนายุคปัจจุบัน—บางทีอาจไม่เหมือนหนังสือเล่มอื่นใดในประวัติศาสนา ทั้งหมด แต่ก็ยังยืนยง ทฤษฎีที่ล้มเหลวเกี่ยวกับที่มาของพระคัมภีร์เกิดขึ้น นำมาพูดและหายไป—ไม่ว่าจะอีธาน สมิธไปจนถึงโซโลมอน สปอล์ดิง จนถึงคนหวาดระแวงเสียสติ จนถึงจอมปลิ้นปล้อน คำตอบอันน่าสังเวชเหล่านี้สำหรับพระคัมภีร์เล่มนี้ต้องพ่ายแพ้ต่อการตรวจสอบเพราะ ไม่มีคำตอบอื่นใด นอกจากคำตอบที่โจเซฟให้ไว้ในฐานะผู้แปลหนุ่มที่มีการศึกษาน้อย ข้าพเจ้าอยู่ฝ่ายคุณทวดของข้าพเจ้าในเรื่องนี้ผู้กล่าวอย่างเรียบง่ายว่า ‘ไม่มีคนชั่วคนใดจะเขียนหนังสืออย่างนี้ได้ และคนดีจะเขียนไม่ได้นอกเสียจากว่าหนังสือเล่มนี้จริงและเขาได้รับบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้าให้เขียน’” (“ความปลอดภัยให้จิตวิญญาณ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2009, 109)

  • เหตุใดจึงสำคัญที่ต้องจดจำว่าศัตรูสมัยใหม่ของศาสนจักรมักพยายามหักล้างพระคัมภีร์มอรมอน

  • คำกล่าวของคุณทวดของเอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์สนับสนุนความจริงของพระคัมภีร์มอรมอนอย่างไร

ตามตัวอย่าง ท่านอาจต้องการอธิบายว่าวิธีหนึ่งที่ศัตรูยุคปัจจุบันของศาสนจักรพยายามหักล้างพระคัมภีร์มอรมอนคือพยายามใช้หลักฐานดีเอ็นเอหักล้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้คนในพระคัมภีร์มอรมอนกับคนอเมริกันพื้นเมือง ถ้านักเรียนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประเด็นนี้ ให้พวกเขาอ่านบทความ Gospel Topics “Book of Mormon and DNA Studies,” ซึ่งหาได้ที่ lds.org/topics

จงยึดมั่นสิ่งที่ท่านรู้ว่าจริง

ขอให้นักเรียนสมมติว่าเพื่อนคนหนึ่งพูดว่าเขาเคยได้ยินบางอย่างที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกับความจริงของพระคัมภีร์มอรมอน

  • ท่านจะให้คำแนะนำอะไรแก่เพื่อนของท่าน

  • พยานของท่านที่ว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริงจะช่วยท่านได้อย่างไรเมื่อท่านเผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง

ภาพ
เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์

“ในช่วงเวลาที่ท่านหวาดกลัว หรือสงสัย หรือว้าวุ่นใจ จงยึดฐานที่มั่นซึ่งท่านชนะมาแล้ว แม้จะมีพื้นที่จำกัดก็ตาม … เมื่อช่วงเวลานั้นมาถึง เมื่อปัญหาเกิดขึ้น และทางออกไม่ได้มาในทันที จงยึดมั่นในสิ่งที่ท่านรู้อยู่แล้วและยืนหยัดจนกว่าความรู้เพิ่มเติมจะมาถึง” (“ข้าพเจ้าเชื่อ,” Ensign หรือ เลียโฮนา, พ.ค. 2013, 93–94)

  • ท่านจะประยุกต์ใช้คำกล่าวของเอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์เมื่อท่านเผชิญคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของพระคัมภีร์มอรมอนได้อย่างไร (นักเรียนอาจเสนอคำตอบหลากหลาย แต่ท่านอาจต้องเน้นหลักธรรมต่อไปนี้ เมื่อเราพบเจอคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับพระกิตติคุณ เราควรยึดมั่นในสิ่งที่เรารู้อยู่แล้วว่าเป็นความจริงและวางใจว่าเราจะพบคำตอบผ่านการศึกษาเพิ่มเติมหรือพระผู้เป็นเจ้าจะทรงเปิดเผยคำตอบในอนาคต)

  • ท่านรู้ความจริงอะไรบ้างแล้วเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนและหลักธรรมที่อยู่ในนั้น ท่านรู้ความจริงนั้นอย่างไร

สรุปบทเรียนโดยให้ดูข้อความต่อไปนี้ของประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสันและเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง

ภาพ
ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน

“วิสุทธิชนยุคสุดท้ายทุกคนควรทำให้การศึกษาพระคัมภีร์เล่มนี้เป็นการแสวงหาชั่วชีวิต มิฉะนั้นแล้ว เขากำลังทำให้จิตวิญญาณของเขาตกอยู่ในอันตรายและเพิกเฉยสิ่งซึ่งจะให้ความเป็นหนึ่งเดียวทางวิญญาณและสติปัญญาแก่เขาทั้งชีวิต มีความแตกต่างระหว่างผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสที่สร้างบนศิลาของพระคริสต์ผ่านพระคัมภีร์มอรมอนและจับราวเหล็ก กับผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น” (“The Book of Mormon Is the Word of God,”Ensign, Jan. 1988, 5)

  • การศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนเป็นประจำคุ้มครองท่านจากคนที่ต้องการทำลายศรัทธาของท่านอย่างไร

เป็นพยานถึงความจริงของพระคัมภีร์มอรมอน เชื้อเชิญให้นักเรียนพิจารณาว่าพระคัมภีร์มอรมอนมีอิทธิพลต่อชีวิตพวกเขาอย่างไร ขอให้พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้การศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนมีความสำคัญมากขึ้น เตือนนักเรียนให้นึกถึงคำสัญญาของโมโรไนที่พบใน โมโรไน 10:3-5ว่า คนเหล่านั้นผู้ปรารถนาจะเสริมสร้างประจักษ์พยานเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนสามารถทำเช่นนั้นได้โดยศึกษาและสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับความจริงในนั้น

สิ่งที่นักเรียนควรอ่าน