การประชุมใหญ่สามัญ
พันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าเพิ่มพลัง คุ้มครอง และเตรียมเราให้พร้อมรับรัศมีภาพนิรันดร์
การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2022


พันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าเพิ่มพลัง คุ้มครอง และเตรียมเราให้พร้อมรับรัศมีภาพนิรันดร์

เมื่อเราเลือกทำพันธสัญญาและรักษาพันธสัญญาเหล่านั้น เราจะได้รับพรด้วยความสุขที่มากขึ้นในชีวิตนี้และชีวิตนิรันดร์อันรุ่งโรจน์ที่จะมาถึง

พี่น้องที่รัก ช่างน่ายินดียิ่งที่ได้ชุมนุมกับพี่น้องสตรีทั่วโลก! ในฐานะสตรีผู้ทำและรักษาพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า เรามีความผูกพันกันทางวิญญาณที่ช่วยเราเผชิญความท้าทายของยุคนี้และเตรียมเราให้พร้อมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ การรักษาพันธสัญญาเหล่านั้นทำให้เราเป็นสตรีที่มีอิทธิพลดึงคนอื่นๆ มาหาพระผู้ช่วยให้รอด

คนที่รับบัพติศมาแล้วได้ทำพันธสัญญาในวันที่ไม่ควรลืมนั้นว่าจะรับพระนามของพระเยซูคริสต์ ระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา รักษาพระบัญญัติของพระองค์ และรับใช้พระองค์จนกว่าชีวิตจะหาไม่ เมื่อเราทำสิ่งเหล่านี้ พระบิดาบนสวรรค์ทรงสัญญาว่าจะอภัยบาปให้เราและประทานความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่เรา พรเหล่านี้พาเราเริ่มบนเส้นทางที่เราจะได้อยู่กับพระองค์และพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ในอาณาจักรซีเลสเชียลถ้าเรามุ่งหน้าต่อไปและอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ทุก คนที่รับบัพติศมามีสัญญาถึงสิทธิพิเศษเหล่านี้ถ้าพวกเขารักษาพันธสัญญาที่ทำในวันพิเศษนั้น

คนที่ทำพันธสัญญาเพิ่มเติมในพระวิหารได้รับสัญญาอันทรงพลังบนเงื่อนไขของความซื่อสัตย์ส่วนตัว เราสัญญาอย่างจริงจังว่าจะเชื่อฟังพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ บริสุทธิ์ทางศีลธรรม และอุทิศเวลากับพรสวรรค์ถวายแด่พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาพรในชีวิตนี้และโอกาสกลับไปอยู่กับพระองค์ชั่วนิรันดร์เป็นการตอบแทน1 ระหว่างนั้น เราได้รับอำนาจ หรือได้รับการประสาทพรให้มีอำนาจในการแยกแยะระหว่างจริงกับเท็จ ระหว่างถูกกับผิด ท่ามกลางเสียงด้านลบอันสับสนที่คอยกระหน่ำเรา นับเป็นของประทานอันทรงพลังยิ่ง!

ในการเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปพระวิหารครั้งแรกของดิฉัน คุณแม่และพี่น้องสตรีสมาคมสงเคราะห์ที่มีประสบการณ์ช่วยดิฉันเลือกสิ่งของที่ต้องใช้ รวมทั้งวัตถาภรณ์พิธีที่สวยงาม แต่การเตรียมการสำคัญที่สุดเกิดขึ้นก่อนจะรู้ว่าต้องสวมใส่อะไร หลังจากสัมภาษณ์เพื่อพิจารณาว่าดิฉันมีค่าควรหรือไม่ อธิการของดิฉันอธิบายถึงพันธสัญญาที่ดิฉันจะทำ คำอธิบายโดยละเอียดของอธิการให้โอกาสดิฉันตรึกตรองและพร้อมทำพันธสัญญาเหล่านั้น

เมื่อถึงวันนั้น ดิฉันมีส่วนร่วมด้วยความรู้สึกสงบและความสำนึกคุณ แม้ไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความสำคัญของพันธสัญญาที่ทำ แต่ดิฉันรู้แน่ว่าตนเองผูกมัดกับพระผู้เป็นเจ้าผ่านพันธสัญญาเหล่านั้นและได้รับสัญญาถึงพรซึ่งดิฉันแทบเข้าใจไม่ได้ถ้าดิฉันรักษาพันธสัญญา ตั้งแต่ประสบการณ์ครั้งแรกนั้น ดิฉันมั่นใจมาตลอดว่าการรักษาพันธสัญญาที่ทำกับพระผู้เป็นเจ้าเปิดทางให้เราดึงเดชานุภาพของพระผู้ช่วยให้รอดมาใช้ ซึ่งเพิ่มพลังให้เราเมื่อเจอความยากลำบากซึ่งเลี่ยงไม่ได้ ให้ความคุ้มครองจากอิทธิพลของปฏิปักษ์ และเตรียมเราให้พร้อมรับรัศมีภาพนิรันดร์

ประสบการณ์ชีวิตอาจมีตั้งแต่ตลกขบขันไปจนถึงบีบคั้นหัวใจ น่ากลัวจนถึงน่ายินดี แต่ละประสบการณ์ช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้นถึงความรักอันแผ่ไพศาลของพระบิดาและความสามารถในการเปลี่ยนแปลงของเราผ่านของประทานแห่งพระคุณของพระผู้ช่วยให้รอด การรักษาพันธสัญญาเปิดทางให้เดชานุภาพของพระผู้ช่วยให้รอดชำระล้างเราขณะเราเรียนรู้ผ่านประสบการณ์—ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ หรือความล้มเหลวครั้งใหญ่ พระผู้ไถ่ทรงคอยรับเราเมื่อเราล้ม ถ้า เราจะหันมาหาพระองค์

ภาพ
การโรยตัวลงหน้าผา

ท่านเคยยืนอยู่บนหน้าผาสูงด้วยนิ้วเท้าบนขอบผาแล้วหันหลังให้เหวลึกเบื้องล่างไหม? ในการโรยตัว แม้จะรู้ว่าท่านผูกโยงแน่นหนาอยู่กับระบบเชือกและอุปกรณ์แข็งแรงที่สามารถปล่อยท่านลงเบื้องล่างได้อย่างปลอดภัย แต่การยืนอยู่บนขอบผาก็ยังทำให้ใจสั่น การถอยหลังลงจากหน้าผาและห้อยโหนอยู่ในอากาศต้องวางใจในหมุดยึดซึ่งตรึงอยู่กับวัตถุที่ไม่ขยับเขยื้อน ต้องไว้วางใจคนที่จะปรับความตึงของเชือกขณะปีนลงไป และถึงแม้อุปกรณ์จะช่วยให้ท่านสามารถควบคุมจังหวะการลงได้บ้าง แต่ท่านต้องมั่นใจว่าคู่หูของท่านจะไม่ปล่อยให้ท่านตก

ภาพ
หมุดยึดโรยตัว
ภาพ
เยาวชนหญิงกำลังโรยตัวลงหน้าผา

ดิฉันจำการโรยตัวกับเยาวชนหญิงกลุ่มหนึ่งได้แม่นยำ ดิฉันเป็นคนแรกในกลุ่มที่ทำ เมื่อถอยหลังลงหน้าผา ดิฉันเริ่มตกลงไปแบบคุมไม่อยู่ ขอบคุณที่เชือกกระตุกและหยุดการตกลงมาอย่างเร็วเกินไปของดิฉัน ขณะห้อยอยู่ครึ่งทางก่อนจะถึงพื้นหินขรุขระ ดิฉันสวดอ้อนวอนสุดพลังขอให้ใครหรืออะไรก็ได้มาช่วยไม่ให้ดิฉันตกลงไปบนหินด้านล่าง

ดิฉันมาทราบภายหลังว่าหมุดเกลียวยังยึดไม่แน่น และทันทีที่ดิฉันก้าวลงจากขอบผา คนที่ผูกกับตัวดิฉันถูกกระตุกข้างหลังและถูกดึงขึ้นไปทางริมหน้าผา จะด้วยวิธีใดก็ตาม เขาเอาเท้าแทรกยันหินไว้ โดยที่มั่นคงอยู่ในท่านั้น เขาสามารถค่อยๆ หย่อนดิฉันลงโดยใช้มือเหนี่ยวเชือกทีละข้าง แม้จะมองไม่เห็นเขา แต่ก็รู้ว่าเขากำลังพยายามสุดกำลังเพื่อช่วยชีวิตดิฉัน เพื่อนอีกคนหนึ่งอยู่ด้านล่างหน้าผา เตรียมจับดิฉันไว้ถ้าเชือกเกิดหลุดขึ้นมา เมื่ออยู่ในจุดที่เอื้อมถึง เขาจับสายรัดนิรภัยของดิฉันแล้วดึงดิฉันลงมาจนถึงพื้น

เรามีพระเยซูคริสต์เป็นหลักยึดและคู่หูที่สมบูรณ์แบบ เราจึงมั่นใจได้ถึงพลังความรักของพระองค์ในความยากลำบากและมั่นใจถึงการปลดปล่อยโดยผ่านพระองค์ในท้ายที่สุด ดังที่ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดสอน: “ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าและในพระบุตรของพระองค์ พระเจ้าพระเยซูคริสต์เป็น … หลักยึดที่เราต้องมีในชีวิตเพื่อดึงเราไว้ในช่วงเกิดความวุ่นวายและความชั่วร้ายทางสังคม … ศรัทธาของเรา … ต้องมีศูนย์รวมในพระเยซูคริสต์ พระชนม์ชีพและการชดใช้ของพระองค์ และในการฟื้นฟูพระกิตติคุณ”2

อุปกรณ์ทางวิญญาณที่ป้องกันเราไม่ให้ตกกระแทกโขดหินของความทุกข์ยากคือประจักษ์พยานของเราในพระเยซูคริสต์และพันธสัญญาที่เราทำ เราสามารถอาศัยสิ่งค้ำจุนเหล่านี้พาเราไปสู่ความปลอดภัย ในฐานะคู่หูที่ยินดีช่วย พระผู้ช่วยให้รอดจะไม่ปล่อยให้เราตกไปไกลเกินเอื้อม แม้ในยามที่เราทุกข์โศก พระองค์ทรงคอยพยุงและให้กำลังใจเรา เดชานุภาพของพระองค์ช่วยให้เราฟื้นคืนสภาพจากผลกระทบจากการเลือกของผู้อื่นที่มักก่อความเสียหาย ถึงอย่างไรก็ตาม เราแต่ละคนก็ยังต้องคาดสายรัดนิรภัยและผูกปมให้แน่น เราต้องเลือกยึดแน่นอยู่กับพระผู้ช่วยให้รอด ผูกมัดกับพระองค์ด้วยพันธสัญญาของเรา3

เราทำให้หลักยึดแข็งแรงอย่างไร? เราสวดอ้อนวอนด้วยใจนอบน้อม ศึกษาและไตร่ตรองพระคัมภีร์ รับศีลระลึกทุกสัปดาห์ด้วยวิญญาณของการกลับใจและความคารวะ พากเพียรรักษาพระบัญญัติ และทำตามคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ เมื่อเราทำงานประจำวันให้ลุล่วงในวิธีที่ “สูงกว่าเดิมและศักดิ์สิทธิ์กว่าเดิม”4 เราจะเชื่อมโยงกับพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้นและช่วยให้ผู้อื่นมาหาพระองค์ในเวลาเดียวกัน

วิธีที่ “สูงกว่าเดิมและศักดิ์สิทธิ์กว่าเดิม” เป็นอย่างไร? เราพยายามดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณในการปฏิสัมพันธ์ทุกอย่าง เราดูแลคนขัดสนโดยปฏิบัติศาสนกิจจริงๆ แสดงความรักผ่านการรับใช้ที่เรียบง่าย เราแบ่งปันข่าวประเสริฐของพระกิตติคุณให้กับคนที่ต้องการสันติสุขและพลังและ “หารู้ไม่ว่าจะพบได้จากที่ใด”5 เราทำงานเพื่อให้ครอบครัวเป็นหนึ่งเดียวกันชั่วนิรันดร์ทั้งสองด้านของม่าน และสำหรับคนที่ทำพันธสัญญาในพระนิเวศน์ของพระเจ้าแล้ว ดังที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันอธิบาย “ผู้ใหญ่ที่เข้าพระวิหารแต่ละคนจะสวมใส่การ์เม้นท์ศักดิ์สิทธิ์ของฐานะปุโรหิต [ซึ่ง] … เตือนใจเราให้ … เดินบนเส้นทางพันธสัญญาทุกวันในลักษณะที่สูงส่งกว่าเดิมและศักดิ์สิทธิ์กว่าเดิม”6 การกระทำเหล่านี้ไม่ใช่แค่การทำอวดเป็นครั้งคราวแต่จำเป็นต่อความสุขประจำวัน—และปีตินิรันดร์ของเรา

ไม่มีสิ่งใดสำคัญต่อความก้าวหน้านิรันดร์ของเรามากกว่าการรักษาพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า เมื่อพันธสัญญาพระวิหารมีผล เราวางใจได้ว่าจะได้อยู่กับคนที่เรารักอย่างมีความสุขอีกครั้งในอีกด้านหนึ่งของม่าน ลูกหรือพ่อแม่หรือคู่สมรสที่จากชีวิตมรรตัยไปกำลังหวังสุดหัวใจว่าท่านจะแน่วแน่ต่อพันธสัญญาที่ผูกมัดท่านไว้ด้วยกัน ถ้าเราเฉยเมยหรือปฏิบัติเล่นๆ ต่อพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า เรากำลังทำให้ความสัมพันธ์นิรันดร์เหล่านั้นอยู่ในอันตราย ถึงเวลาแล้วที่ต้องกลับใจ แก้ไข และพยายามอีกครั้ง

ความสุขเป็นเพียงผิวเผินถ้าเราแลกพรแห่งปีตินิรันดร์กับความสบายชั่วขณะ ไม่ว่าเราอายุเท่าใด สัจธรรมก็คือ: กุญแจสู่ความสุขอันยั่งยืนคือการดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์และรักษาพันธสัญญาของเรา ศาสดาพยากรณ์ของเรา ประธานเนลสันยืนยันว่า “ความมั่นคงสูงสุดและความสุขอันยั่งยืนของเราอยู่ในการยึดราวเหล็กของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ พร้อมกับพันธสัญญาและศาสนพิธีของพระกิตติคุณ เมื่อทำเช่นนี้ เราจะสามารถเดินเรือผ่านน้ำเชี่ยวอย่างปลอดภัยเพราะเรามีสิทธิ์เข้าถึงเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า”7

เราหลายคนกำลังประสบน้ำเชี่ยว ขณะถูกคลื่นของความทุกข์ซัดสาด และบางครั้งน้ำตาที่ไหลพรากเนื่องจากความยากลำบากเหล่านั้นทำให้เรามองไม่เห็น เราอาจไม่รู้ว่าจะพายเรือชีวิตไปทิศทางใด เราอาจนึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเรามีกำลังพอที่จะไปถึงฝั่งได้ การจดจำว่าท่านเป็น ใคร —เป็นลูกที่รักของพระผู้เป็นเจ้า—ท่านมาโลกนี้ทำไม และ เป้าหมาย ของท่านในการอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าและคนที่ท่านรักจะทำให้ท่านมองเห็นชัดเจนและชี้นำท่านไปในทิศทางที่ถูกต้อง ท่ามกลางพายุก็ยังมีแสงเจิดจ้าส่องให้เห็นทาง “เราเป็นแสงสว่างซึ่งส่องในความมืด” พระเยซูทรงประกาศ8 เราปลอดภัยแน่นอนเมื่อเราหวังพึ่งแสงสว่างของพระองค์และซื่อตรงต่อพันธสัญญาของเราเสมอ

นับเป็นสิทธิพิเศษที่ได้พบสตรีทุกวัยทั่วโลกที่กำลังรักษาพันธสัญญาของพวกเธอในสภาวการณ์หลากหลาย แต่ละวันพวกเธอหวังพึ่งพระเจ้าและศาสดาพยากรณ์ของพระองค์เพื่อการนำทาง ไม่ใช่สื่อยอดนิยม แม้มีความท้าทายส่วนตัวและปรัชญาอันตรายของโลกที่พยายามยับยั้งพวกเธอไม่ให้รักษาพันธสัญญา แต่พวกเธอก็ยังตั้งใจอยู่บนเส้นทางพันธสัญญา พวกเธอเชื่อในคำสัญญาถึง “ทุกสิ่งที่พระบิดามี”9 ไม่ว่าท่านอายุเท่าใด สตรีแต่ละท่านที่ได้ทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้ามีความสามารถในการชูแสงสว่างของพระเจ้าและนำผู้อื่นมาหาพระองค์10 พระองค์จะทรงอวยพรท่านผ่านการรักษาพันธสัญญาให้มีพลังอำนาจฐานะปุโรหิตและทำให้ท่านสามารถมีอิทธิพลลึกซึ้งต่อทุกคนที่ท่านปฏิสัมพันธ์ด้วย ดังที่ประธานเนลสันประกาศ ท่านเป็นสตรีผู้จะทำให้คำพยากรณ์ที่บอกไว้ล่วงหน้าเป็นจริง!11

พี่น้องสตรีที่รัก เหนือสิ่งอื่นใด จงอยู่บนเส้นทางพันธสัญญาสู่พระเยซูคริสต์! เราได้รับพรให้มายังโลกนี้ในเวลาที่พระวิหารมีอยู่ทั่วโลก การทำและรักษาพันธสัญญาพระวิหารมีให้สมาชิกที่มีค่าควรทุกคนของศาสนจักร หญิงสาวทั้งหลาย อย่ารอจนท่านแต่งงานหรือรับใช้งานเผยแผ่เพื่อทำพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ท่านเตรียมได้ตั้งแต่เป็นเยาวชนหญิงเพื่อได้รับความคุ้มครองและความเข้มแข็งที่พันธสัญญาพระวิหารมีให้ทันทีหลังจากอายุครบ 18 ปีเมื่อท่านพร้อมและรู้สึกปรารถนาจะให้เกียรติพันธสัญญาพระวิหารเหล่านั้น12 ท่านที่ได้รับพรพระวิหารแล้ว อย่าให้ผู้กล่าวร้ายหรือสิ่งล่อใจดึงท่านออกจากความจริงนิรันดร์ ศึกษาและขอความเข้าใจเพิ่มขึ้นจากแหล่งที่ไว้ใจได้เกี่ยวกับความสำคัญศักดิ์สิทธิ์ของพันธสัญญาที่ท่านทำ ไปพระวิหารให้บ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้และฟังพระวิญญาณ ท่านจะพบความมั่นใจอันแสนหวานอีกครั้งว่าท่านอยู่บนเส้นทางของพระเจ้า ท่านจะกล้าเดินต่อไปและพาคนอื่นไปด้วย

ดิฉันเป็นพยานว่าเมื่อเราเลือกทำพันธสัญญากับพระบิดาบนสวรรค์และเข้าถึงเดชานุภาพของพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อรักษาพันธสัญญา เราจะได้รับพรด้วยความสุขในชีวิตนี้มากกว่าที่เรานึกภาพออกตอนนี้และชีวิตนิรันดร์อันรุ่งโรจน์ในโลกที่จะมาถึง13 ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน