2019
ยามทุกข์หรือสุข โปรดทรงสถิตกับข้า!
พฤศจิกายน 2019


ยามทุกข์หรือสุข โปรดทรงสถิตกับข้า!

ดิฉันเป็นพยานว่า “ยามทุกข์หรือสุข” พระเจ้าจะทรงสถิตกับเรา “ความทุกข์ของเรา [สามารถ] ถูกกลืนเข้าไปในปีติของพระคริสต์”

เพลงสวดที่เรารักเพลงหนึ่งมีคำทูลวิงวอนว่า “ยามทุกข์หรือสุข ... โปรดทรงสถิตกับข้า!”1 ดิฉันเคยอยู่บนเครื่องบินขณะเข้าสู่พายุลูกใหญ่ เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างดิฉันเห็นเมฆหนาทึบแผ่คลุมอยู่ด้านล่าง แสงแดดยามโพล้เพล้สะท้อนจากก้อนเมฆ ทำให้ส่องสว่างเจิดจ้ายิ่งนัก ไม่นานเครื่องบินก็ฝ่าเมฆหนาลงไป เราถูกห่อหุ้มอยู่ในความมืดมิดทันที จนเรามืดบอดต่อแสงสว่างเจิดจ้าที่เราเห็นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน2

ภาพ
แสงแดดยามโพล้เพล้
ภาพ
เมฆมืดทึบ

เมฆดำเหล่านี้อาจตั้งเค้าในชีวิตเราเช่นกัน มันสามารถทำให้เรามืดบอดต่อแสงสว่างของพระผู้เป็นเจ้า และถึงกับทำให้เราสงสัยว่าแสงนั้นยังมีให้เราอีกหรือไม่ เมฆบางก้อนเหล่านี้ได้แก่ ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ตลอดจนความทุกข์ทางใจและทางอารมณ์ในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งสามารถบิดเบือนการรับรู้ตัวเราเอง ผู้อื่น และแม้แต่พระผู้เป็นเจ้า ทั้งยังมีผลกระทบต่อชายและหญิงทุกวัยในทุกมุมโลก

สิ่งที่ก่อความเสียหายเช่นกันคือเมฆของความสงสัยที่ลดทอนความรู้สึกซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อผู้ไม่เคยประสบการท้าทายเหล่านี้ เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่นของร่างกาย สมองอาจป่วย บาดเจ็บ และเกิดความไม่สมดุลทางเคมีได้ เมื่อเรามีความทรมานทางจิตใจ เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะขอความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า จากคนรอบข้าง และจากแพทย์กับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต

“มนุษย์ทั้งหลาย—ชายกับหญิง—ได้รับการสร้างในรูปลักษณ์ของพระผู้เป็นเจ้า แต่ละคนเป็นปิยบุตรหรือปิยธิดาทางวิญญาณของพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ และ … แต่ละคนจึงมีลักษณะและจุดหมายปลายทางแห่งสวรรค์”3 เหมือนกับพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เรามีร่างกาย4 และอารมณ์ความรู้สึก5

พี่น้องสตรีที่รัก เป็นธรรมดาที่เราจะรู้สึกเศร้าหรือกังวลบ้างบางครั้ง ความเศร้าและความกังวลเป็นอารมณ์ของมนุษย์ปุถุชน6 แต่ถ้าเราเศร้าตลอดเวลาและถ้าความเจ็บปวดของเราปิดกั้นไม่ให้เรารู้สึกถึงความรักของพระบิดาบนสวรรค์กับพระบุตร และอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราอาจกำลังทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล หรือสภาพอารมณ์อื่น

ลูกสาวของดิฉันเขียนไว้ว่า “มีครั้งหนึ่ง … [ที่] ฉันรู้สึกเศร้ามากตลอดเวลา ฉันคิดเสมอว่าความเศร้าเป็นเรื่องน่าอับอาย และเป็นสัญญาณของความอ่อนแอ ฉันจึงเก็บความเศร้าไว้กับตัวเอง … ฉันรู้สึกไร้ค่าจริงๆ”7

เพื่อนคนหนึ่งอธิบายทำนองนี้: “ตั้งแต่เด็ก ฉันต่อสู้กับความรู้สึกสิ้นหวังมาโดยตลอด ทั้งความมืด ความเหงา ความกลัว และความรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวหรือบกพร่อง ฉันทำทุกอย่างเพื่อซ่อนความเจ็บปวด และไม่มีวันยอมให้ใครเห็นว่าฉันเป็นอะไรนอกจากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จและเข้มแข็ง”8

เพื่อนที่รักทั้งหลาย สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเราได้—โดยเฉพาะเมื่อผู้เชื่อในแผนแห่งความสุขอย่างเราวางภาระที่ไม่จำเป็นไว้กับตนเองโดยคิดว่าเราต้องดีพร้อมตั้งแต่ตอนนี้ ความคิดเช่นนั้นจะทำให้เรารู้สึกหนักใจ การบรรลุถึงความดีพร้อมเป็นกระบวนการที่จะเกิดขึ้นตลอดชีวิตมรรตัยและหลังจากนั้น—และโดยผ่านพระคุณของพระเยซูคริสต์เท่านั้น9

ในทางกลับกัน เมื่อเราเปิดใจพูดถึงความท้าทายทางอารมณ์ของเรา โดยยอมรับว่าเราไม่ดีพร้อม เท่ากับเราอนุญาตให้ผู้อื่นบอกเล่าปัญหาของพวกเขา เราตระหนักด้วยกันว่าความหวังยังมีและเราไม่ต้องทุกข์ทรมานตามลำพัง10

ภาพ
ความหวังในการเสด็จมาครั้งที่สอง

ในฐานะสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ เราได้ทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าว่าเรา “เต็มใจจะแบกภาระของกันและกัน” และ “โศกเศร้ากับคนที่โศกเศร้า”11 นี่อาจรวมถึงการรับรู้ความเจ็บป่วยทางอารมณ์ การหาแหล่งช่วยเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น และในที่สุด นำตัวเราและผู้อื่นมาหาพระคริสต์ ผู้ทรงเป็นพระอาจารย์ผู้ทรงเยียวยา12 ถึงแม้เราไม่รู้ว่าจะเข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นกำลังประสบอย่างไร แต่การรู้อย่างแน่ชัดว่าพวกเขาเจ็บปวดจริงอาจเป็นก้าวสำคัญก้าวแรกไปสู่การเข้าใจและการเยียวยา13

ในบางกรณีเราจะทราบสาเหตุของภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวลได้ แต่ในหลายกรณีอาจมองไม่ออก14 สมองของเราอาจทรมานเพราะความเครียด15หรือความเหนื่อยล้าแสนสาหัส16 ซึ่งบางครั้งอาจดีขึ้นได้ด้วยการปรับอาหาร ปรับการนอน และปรับการออกกำลังกาย แต่บางครั้งอาจจำเป็นต้องบำบัดหรือรักษาด้วยยาภายใต้คำแนะนำของมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญด้วย

ความเจ็บป่วยทางจิตใจหรือทางอารมณ์ที่ไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ความโดดเดี่ยวมากขึ้น ความเข้าใจผิด ความสัมพันธ์แตกหัก การทำร้ายตนเอง และแม้กระทั่งการฆ่าตัวตาย ดิฉันรู้จากประสบการณ์ตรงเพราะคุณพ่อของดิฉันฆ่าตัวตายเมื่อหลายปีก่อน การตายของท่านทำให้ดิฉันกับครอบครัวรู้สึกช็อกและเสียใจอย่างมาก ดิฉันใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำให้ตัวเองหายเศร้า และเมื่อเร็วๆ นี้เอง ดิฉันเพิ่งเรียนรู้ว่าการพูดเรื่องการฆ่าตัวตายในวิธีที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันมากกว่ากระตุ้นให้เกิดขึ้น17 ดิฉันได้สนทนาอย่างตรงไปตรงมากับลูกๆ เกี่ยวกับการตายของคุณพ่อดิฉันและเป็นพยานถึงการเยียวยาที่พระผู้ช่วยให้รอดสามารถประทานให้ทั้งสองด้านของม่าน18

น่าเศร้าที่ผู้มีภาวะซึมเศร้ารุนแรงหลายคนปลีกตัวออกจากเพื่อนวิสุทธิชนเพราะรู้สึกว่าพวกเขาไม่พอดีกับเบ้าหลอมในจินตนาการบางอย่าง เราสามารถช่วยให้พวกเขารู้และรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งกับเราจริงๆ สำคัญที่ต้องยอมรับว่าภาวะซึมเศร้าไม่ได้เกิดจากความอ่อนแอ และปกติแล้วไม่ได้เกิดจากบาป19 มัน “เฟื่องฟูในความลับและหดหายในความเห็นใจ”20 เราสามารถทลายเมฆแห่งความอ้างว้างและความรู้สึกอัปยศด้วยกันเพื่อยกภาระของความอับอายและทำให้ปาฏิหาริย์ของการเยียวยาเกิดขึ้นได้

ในช่วงการปฏิบัติศาสนกิจบนแผ่นดินโลก พระเยซูคริสต์ทรงรักษาคนป่วยและคนมีทุกข์ ทว่าแต่ละคนต้องใช้ศรัทธาในพระองค์และลงมือทำเพื่อรับการรักษาจากพระองค์ บางคนเดินทางมาไกล หลายคนยื่นมือมาแตะฉลองพระองค์ และอีกหลายคนต้องมีคนแบกมาหาพระองค์เพื่อรับการรักษา21 เมื่อมาสู่การรักษา เราทุกคนล้วนต้องพึ่งพาพระองค์สุดชีวิต “เราทั้งหลายไม่ได้เป็นขอทานหรอกหรือ?”22

ขอให้เราเดินตามเส้นทางของพระผู้ช่วยให้รอด เพิ่มความเมตตาสงสารของเรา ลดแนวโน้มที่จะตัดสิน และเลิกเป็นผู้สำรวจความเข้มแข็งทางวิญญาณของคนอื่น การฟังด้วยความรักคือของขวัญที่ดีที่สุดที่เราสามารถให้ได้ และอาจสามารถช่วยแบกหรือยกเมฆหนักๆ ที่กดทับคนที่เรารักและเพื่อนของเราได้23 เพื่อว่าโดยผ่านความรักของเรา พวกเขาจะรู้สึกถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์อีกครั้งและมองเห็นแสงสว่างที่มาจากพระเยซูคริสต์

ถ้า “หมอกแห่งความมืด”24 ห้อมล้อมตัวท่านตลอดเวลา จงหันไปพึ่งพระบิดาบนสวรรค์ ไม่มีสิ่งใดที่ท่านประสบจะเปลี่ยนความจริงนิรันดร์ที่ว่าท่านเป็นบุตรธิดาของพระองค์และพระองค์ทรงรักท่าน25 พึงจำไว้ว่าพระคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของท่าน พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาของท่าน พระองค์เข้าพระทัย ให้นึกภาพว่าพระองค์ทรงอยู่ใกล้ท่าน ทรงกำลังฟังและให้กำลังใจท่านอยู่26 “[พระองค์] จะทรงปลอบประโลมท่านในความทุกข์ของท่าน”27 จงทำทุกอย่างที่ทำได้และวางใจพระคุณแห่งการชดใช้ของพระเจ้า

ปัญหาของท่านไม่ได้นิยามตัวท่าน แต่สามารถ ขัดเกลา ท่านได้28 เพราะ “หนามในเนื้อ”29 ท่านจึงอาจสามารถรู้สึกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำ จงแบ่งปันเรื่องราวของท่านเพื่อ “ช่วยเหลือคนอ่อนแอ, ยกมือที่อ่อนแรง, และให้กำลังเข่าที่อ่อนล้า”30

สำหรับพวกเราที่กำลังประสบปัญหาหรือช่วยเหลือคนที่กำลังประสบปัญหา ขอให้เราเต็มใจทำตามพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อเราจะมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับเราตลอดเวลา31 ขอให้เราทำ “เรื่องเล็กและเรียบง่าย”32 ที่จะทำให้เรามีพลังทางวิญญาณ ดังที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกล่าวว่า “ไม่มีสิ่งใดเปิดฟ้าสวรรค์เหมือนอย่างการผนวกกันของความบริสุทธิ์ที่เพิ่มพูน การเชื่อฟังอย่างเคร่งครัด การแสวงหาอย่างจริงจัง การดื่มด่ำพระวจนะของพระคริสต์ในพระคัมภีร์มอรมอนทุกวัน และเวลาที่ทุ่มเทให้งานพระวิหารและประวัติครอบครัวเป็นประจำ”33

ภาพ
พระผู้ช่วยให้รอดทรงรักษา

ขอให้เราทุกคนจดจำว่าพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ “ทรงรับเอาความทุพพลภาพของ [เรา], เพื่ออุทรของพระองค์จะเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา, ตามเนื้อหนัง, เพื่อพระองค์จะทรงรู้ … ว่าจะทรงช่วย [เรา] ตามความทุพพลภาพของ [เรา] ได้อย่างไร”34 พระองค์เสด็จมาเพื่อ “ปลอบโยนคนชอกช้ำใจ … ชูใจทุกคนที่ไว้ทุกข์ … ให้มงกุฎแทนขี้เถ้าแก่พวกเขา และให้น้ำมันแห่งความยินดีแทนการไว้ทุกข์ เสื้อคลุมแห่งการสรรเสริญแทนจิตวิญญาณที่ท้อแท้”35

ภาพ
การเสด็จมาครั้งที่สอง

ดิฉันเป็นพยานต่อท่านว่า “ยามทุกข์หรือสุข” พระเจ้าจะทรงอยู่กับเรา “[ความทุกข์ของเราจะ] ถูกกลืนเข้าไปในปีติของพระคริสต์”36 และ “โดยพระคุณนั่นเองที่เราได้รับการช่วยให้รอด, หลังจากเราทำทุกสิ่งจนสุดความสามารถแล้ว”37 ดิฉันเป็นพยานว่าพระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับแผ่นดินโลกพร้อมด้วย “ปีกรักษาโรคภัย” ของพระองค์38 สุดท้ายแล้วพระองค์ “จะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดจากตา [ของเรา] ทั้งหลาย และ … ความเศร้าโศก … จะไม่มีอีกต่อไป”39 สำหรับทุกคนที่จะ “มาหาพระคริสต์, และได้รับการทำให้ดีพร้อมในพระองค์”40 “ดวง‍อา‌ทิตย์ … จะไม่ตกอีก … เพราะพระ‍ยาห์‌เวห์จะทรงเป็นความสว่างนิ‌รันดร์ [ของเรา] และวันไว้‍ทุกข์ [ของเรา] จะสิ้น‍สุดลง”41 ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. “โปรดทรงสถิตกับข้า!” เพลงสวด, บทเพลงที่ 77.

  2. เมื่อเราอยู่เหนือเมฆ เราไม่สามารถนึกภาพความมืดที่อยู่ต่ำจากเราเพียงไม่กี่ฟุต แต่เมื่อเราถูกห่อหุ้มไว้ในความมืดด้านล่าง ยากที่จะนึกภาพแสงแดดที่ส่องสว่างไสวอยู่เหนือเราเพียงไม่กี่ฟุต

  3. ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก,” เลียโฮนา, พ.ค. 2017, 145.

  4. “วิญญาณกับร่างกายเป็นจิตวิญญาณของมนุษย์” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:15). “ร่างกายของท่านเป็นวิหารสำหรับวิญญาณท่าน และวิธีที่ท่านใช้ร่างกายส่งผลต่อวิญญาณของท่าน” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การตัดสินใจเพื่อนิรันดร,” เลียโฮนา, พ.ย. 2013, 107).

  5. ดูตัวอย่างใน อิสยาห์ 65:19; ลูกา 7:13; 3 นีไฟ 17:6–7; โมเสส 7:28. การเรียนรู้ที่จะจำแนกอารมณ์ของเราและเห็นคุณค่าอารมณ์ของเราจะช่วยให้เราใช้อารมณ์อย่างสร้างสรรค์เพื่อเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์มากขึ้น

  6. ดู “Sadness and Depression,” kidshealth.org/en/kids/depression.html.

  7. Hermana Elena Aburto blog, hermanaelenaaburto.blogspot.com/2015/08. เธอเขียนเช่นกันว่า

    “การทดลองนั้นเปิดโอกาสให้ฉันใช้ศรัทธาอย่างแท้จริงในแผนแห่งความรอด เพราะฉันรู้ว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรักฉัน พระองค์ทรงมีแผนเฉพาะสำหรับฉัน และพระคริสต์เข้าพระทัยถ่องแท้ในสิ่งที่ฉันกำลังประสบ”

    “พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงทำให้คุณอับอายเมื่อคุณขาดทักษะ พระองค์ทรงยินดีช่วยให้คุณปรับปรุงและกลับใจ พระองค์ไม่ทรงคาดหวังให้คุณแก้ไขทุกอย่างในคราวเดียว คุณไม่ต้องแก้ไขตามลำพัง” (iwillhealthee.blogspot.com/2018/09).

  8. จดหมายส่วนตัว เธอเขียนด้วยว่า “ยารักษาจากการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดเป็นบ่อเกิดของสันติสุขและสถานหลบภัยที่มั่นคงที่สุดตลอดการเดินทางของฉัน เมื่อฉันรู้สึกโดดเดี่ยวในการต่อสู้กับปัญหา ฉันจำได้ว่าพระองค์ทรงเคยประสบแทนฉันมาแล้วในสิ่งที่ฉันกำลังประสบ … มีความหวังมากมายเมื่อรู้ว่าร่างกายที่สมบูรณ์ของฉันหลังการฟื้นคืนชีวิตในอนาคตจะไม่มี [ความทุกข์] ของชีวิตมรรตัยนี้มารังควาน”

  9. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “Perfection Pending,” Ensign, Nov. 1995, 86–88; เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “เพราะฉะนั้นพวกท่านจงเป็นคนดีพร้อม—ในที่สุด,” เลียโฮนา, พ.ย. 2017, 40–42; เจ. เดฟน์ คอร์นิช, “ฉันดีพอหรือไม่ ฉันจะทำได้ไหม เลียโฮนา, พ.ย. 2016, 32–34; Cecil O. Samuelson, “What Does It Mean to Be Perfect?New Era, Sept. 2006, 10-13.

  10. สำคัญที่ต้องพูดเรื่องเหล่านี้กับบุตรธิดา ครอบครัว และมิตรสหายในบ้าน วอร์ด และชุมชนของเรา

  11. โมไซยาห์ 18:8–9.

  12. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พระเยซูคริสต์—พระผู้เชี่ยวชาญการรักษา,” เลียโฮนา, พ.ย. 2005, 100–104; แคโรล เอ็ม. สตีเฟนส์, “พระอาจารย์ผู้ทรงเยียวยา,” เลียโฮนา, พ.ย. 2016, 9–12.

  13. การรู้วิธีตระหนักถึงสัญญาณและอาการในตัวเราเองและผู้อื่นอาจมีประโยชน์ เราสามารถฝึกตรวจจับรูปแบบความคิดที่ไม่ดีหรือไม่ถูกต้องและวิธีแทนที่ความคิดเหล่านั้นด้วยความคิดที่ดีกว่าและถูกต้องกว่าได้เช่นกัน

  14. ภาวะซึมเศร้าอาจเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงที่ดีในชีวิตได้เช่นกัน—เช่น การให้กำเนิดบุตรหรืองานใหม่—และอาจเกิดขึ้นได้เมื่อสถานการณ์ในชีวิตราบรื่น

  15. ดู “Understanding Stress,” Adjusting to Missionary Life (2013), 5–10.

  16. ดู เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “เหมือนภาชนะแตก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2013, 40.

  17. ดู เดล จี. เรนลันด์ “Understanding Suicide” (video), ChurchofJesusChrist.org; “Talking about Suicide” (video), ChurchofJesusChrist.org; เคนิชิ ชิโมคาวา, “เข้าใจเรื่องการฆ่าตัวตาย: สัญญาณเตือนและการป้องกัน,เลียโฮนา, Oct. 2016, 35–39.

  18. “การเริ่มต้นเยียวยาต้องใช้ศรัทธาแบบเด็กในข้อเท็จจริงอันไม่แปรเปลี่ยนที่ว่าพระบิดาในสวรรค์ทรงรักท่านและทรงเตรียมทางไว้เพื่อการเยียวยา พระเยซูคริสต์พระบุตรผู้เป็นที่รักของพระองค์ทรงพลีพระชนม์ชีพของพระองค์เพื่อให้เกิดการเยียวยานั้น แต่ไม่มีทางแก้ไขแบบมหัศจรรย์ ไม่มียารักษาง่ายๆ ทั้งไม่มีหนทางง่ายดายสำหรับการรักษาให้หายขาด การรักษาต้องใช้ศรัทธาลึกซึ้งในพระเยซูคริสต์และในพระปรีชาสามารถอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ในการเยียวยา” (ริชาร์ด จี. สก็อตต์, “เยียวยาผลร้ายแรงของการทำทารุณกรรม,” เลียโฮนา, พ.ค. 2008, 51). เมื่อมีปัญหา แนวโน้มของเราคือแก้ไข แต่เราไม่ต้องแก้ปัญหาของตัวเราเองหรือของผู้อื่นแต่เพียงผู้เดียว เราไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง มากกว่าหนึ่งครั้งในชีวิตที่ดิฉันขอให้นักบำบัดช่วยดิฉันจัดการกับช่วงเวลายากๆ

  19. ดู ยอห์น 9:1-7.

  20. Jane Clayson Johnson Silent Souls Weeping (2018), 197.

  21. ดู มัทธิว 9:2–7, 20–22; 14:35–36; มาระโก 1:40–42; 2:3–5; 3 นีไฟ 17:6–7.

  22. โมไซยาห์ 4:19; ดู เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “เราทั้งหลายไม่ได้เป็นขอทานหรอกหรือ?เลียโฮนา, พ.ย. 2014, 40-42.

  23. ดู โรม 2:19; 13:12; ดู เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “Come unto Me” (Brigham Young University devotional, Mar. 2, 1997), speeches.byu.edu ด้วย.

  24. ดู 1 นีไฟ 8:23; ดู 1 นีไฟ 12:4, 17; 3 นีไฟ 8:22 ด้วย.

  25. ดู สดุดี 82:6; โรม 8:16–18; หลักคำสอนและพันธสัญญา 24:1; 76:24; โมเสส 1:1–39.

  26. ดู Adjusting to Missionary Life, 20; ดู มีคาห์ 7:8; มัทธิว 4:16; ลูกา 1:78–79; ยอห์น 8:12 ด้วย.

  27. เจคอบ 3:1; ดู เอเฟซัส 5:8; โคโลสี 1:10–14; โมไซยาห์ 24:13–14; แอลมา 38:5 ด้วย. อ่านปิตุพรของท่านหรือขอพรฐานะปุโรหิตเพื่อท่านจะได้ยินและจำได้ว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรักท่านและทรงต้องการอวยพรท่านเพียงใด

  28. ดู 2 โครินธ์ 4:16–18; หลักคำสอนและพันธสัญญา 121:7–8, 33; 122:5–9.

  29. 2 โครินธ์ 12:7.

  30. หลักคำสอนและพันธสัญญา 81:5; ดู อิสยาห์ 35:3 ด้วย.

  31. ดู โมโรไน 4:3; หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:77.

  32. แอลมา 37:6.

  33. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน,“การเปิดเผยสำหรับศาสนจักร การเปิดเผยสำหรับชีวิตเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 95.

  34. แอลมา 7:12; ดู อิสยาห์ 53:4; 2 นีไฟ 9:21; โมไซยาห์ 14:4 ด้วย.

  35. อิสยาห์ 61:1–3; ดู ลูกา 4:18 ด้วย.

  36. แอลมา 31:38; ดู แอลมา 32:43; 33:23 ด้วย.

  37. 2 นีไฟ 25:23.

  38. มาลาคี 4:2; 3 นีไฟ 25:2.

  39. วิวรณ์ 21:4.

  40. โมโรไน 10:32.

  41. อิสยาห์ 60:20.