2021
ความรอดของเด็กเล็กที่สิ้นชีวิต: สิ่งที่เรารู้และไม่รู้
กรกฎาคม 2021


ความรอดของเด็กเล็กที่สิ้นชีวิต: สิ่งที่เรารู้และไม่รู้

ความจริงเหล่านี้จากการเปิดเผยในยุคสุดท้ายเป็นความจริงที่วิเศษที่สุดของพระกิตติคุณ

ภาพ
adult hand being held by a child’s hand

ภาพถ่ายจาก Getty Images

เพื่อนของผมคนหนึ่งเคยเล่าประสบการณ์ที่เขาเคยมีในงานเผยแผ่ที่บราซิล เขาและคู่ของเขาพบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวว่าเธอไม่สนใจข่าวสารเกี่ยวกับศาสนาใดๆ เลย ผู้นำศาสนาคนหนึ่งเคยบอกเธอว่าบุตรชายของเธอที่สิ้นชีวิตไปจะไม่มีวันได้รับความรอดเพราะเขาไม่ได้รับบัพติศมา ความคิดนั้นทำให้ใจของเธอแตกสลาย เธอบอกผู้สอนศาสนาว่าถ้าพวกเขาไม่มีข่าวที่ดีกว่านี้ เธอก็ไม่ต้องการยุ่งกับศาสนาของพวกเขาอีกต่อไป

แต่โชคดีที่พวกเขามีข่าวที่ดีกว่า

หลักคำสอนของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเกี่ยวกับความรอดของเด็กเล็กสามารถสรุปได้ในข้อพระคัมภีร์ข้อเดียวที่ว่า “เด็กทุกคนผู้ที่ตายก่อนถึงวัยที่รับผิดชอบได้ ล้วนรอดในอาณาจักรซีเลสเชียลแห่งสวรรค์” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 137:10)

แม้ว่าหลักคำสอนนี้จะชัดเจน แต่หลายคนยังคงมีคำถามเกี่ยวกับหัวข้อนี้หรือมีความเข้าใจผิดอยู่ เรามาช่วยกันคลายความสงสัยเกี่ยวกับคำถามที่พบบ่อยที่สุดสองสามข้อ

เด็กเล็กจะได้รับความรอดได้อย่างไร?

หลายคนคิดว่าเด็กเล็กจะได้รับความรอดเพียงเพราะพวกเขาไร้เดียงสา แม้ว่าเด็กเล็กจะไร้เดียงสาอย่างแน่นอน แต่พระคัมภีร์มอรมอนสอนอย่างชัดเจนว่าหากไม่มีการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ “เด็กเล็กๆ … จะรับการช่วยให้รอดไม่ได้,” เพราะ “ดังเช่นอาดัม, หรือโดยธรรมชาติ, พวกเขาตก” (โมไซยาห์ 3:16)

แม้ว่าพวกเขาจะไร้เดียงสาต่อบาปใดๆ แต่เด็กเล็กก็ยังคงต้องรับความตายทางร่างกายและทางวิญญาณจากการตก ด้วยเหตุนี้ หากปราศจากการฟื้นคืนพระชนม์และการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ เด็กจะหลงไปชั่วนิรันดร์ เช่นเดียวกับเราที่เหลือ (ดู 2 นีไฟ 9:6–10)

โชคดีที่พระคัมภีร์มอรมอนชี้แจงเรื่องนี้ว่า “แม้เช่นนั้นพระโลหิตของพระคริสต์ชดใช้บาปของ” เด็กเล็ก (โมไซยาห์ 3:16) และ “นำคำสาปแช่งต่ออาดัมไปจากพวกเขา” (โมโรไน 8:8) เนื่องจากการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด เด็กเล็กจึงเป็นอิสระจากผลของการตกของอาดัมและเอวา “เพราะพวกเขาปลอดบาป” (โมเสส 6:54)

เด็กอายุเท่าใดถึงจะได้รับความรอด?

หลักคำสอนและพันธสัญญา 137:10 สอนว่า “เด็กทุกคน … ล้วนรอดในอาณาจักรซีเลสเชียลแห่งสวรรค์” เงื่อนไขเดียวคือพวกเขา “ตายก่อนถึงวัยความรับผิดชอบ” เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี (1915–1985) แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายว่า “ภาระรับผิดชอบไม่เกิดกับเด็กทันทีในชั่วพริบตาในชั่วขณะใดหนึ่งในชีวิตเขา เด็กรับผิดชอบได้ทีละน้อยตลอดหลายๆ ปี ความรับผิดชอบได้เป็นกระบวนการหนึ่ง … อย่างไรก็ดี เวลามาถึงเมื่อความรับผิดชอบเกิดขึ้นจริงและถือว่าบาปมีอยู่ในชีวิตของคนที่มีพัฒนาการปกติ ซึ่งคือตอนอายุแปดขวบ อายุของบัพติศมา”1

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความรับผิดชอบจะพัฒนาในตัวเด็กตลอดเวลา แต่เมื่ออายุแปดขวบพวกเขาจะมีความรับผิดชอบเพียงพอที่จะรับบัพติศมาได้ ดังนั้นจึงรับผิดชอบต่อบาปของตนเองได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม อย่างที่ผู้ปกครองทราบ นี่ไม่ได้หมายความว่าเด็กๆ จะไม่สามารถทำสิ่งที่พวกเขารู้ว่าผิดได้ ความหมายก็คือพวกเขายังไม่มีความรับผิดชอบเพียงพอสำหรับการเลือกที่ผิดเหล่านี้

เด็กๆ มีสิ่งที่อาจเรียกแบบเหมาะสมได้ว่าเป็น “ช่วงผ่อนผัน” ซึ่งเป็นช่วงที่พวกเขาไม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำผิดของพวกเขาในขณะที่เรียนรู้และเติบโตไปสู่ช่วงที่รับผิดชอบได้ ถ้าพวกเขาตายในเวลานั้น พวกเขาก็จะรอดโดยพระคุณของพระคริสต์โดยไม่ต้องรับบัพติศมาหรืออาศัยความพยายามอื่นใดในตัวของพวกเขา (ดู โมโรไน 8)

เด็กเล็กๆ จะเป็นอย่างไรเมื่อพวกเขาฟื้นคืนชีวิต?

ประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธ (1838–1918 ) สูญเสียลูกๆ ที่อายุยังน้อยไปหลายคน เขาได้รับการปลอบโยนจากหลักคำสอนที่ว่าเด็กเล็กๆ จะได้รับการฟื้นคืนชีวิตเป็นเด็กเล็กๆ และได้รับการเลี้ยงดูจนเป็นผู้ใหญ่โดยพ่อแม่ที่ชอบธรรมของพวกเขาหลังการฟื้นคืนชีวิต ครั้งหนึ่งประธานสมิธได้แบ่งปันสิ่งต่อไปนี้ “โจเซฟ สมิธสอนหลักคำสอนที่ว่าเด็กทารกที่ถูกฝังในความตายจะเป็นเด็กเหมือนเดิมในการฟื้นคืนชีวิต และสำหรับมารดาของเด็กที่เสียชีวิต ท่านกล่าวกับเธอว่า ‘คุณจะมีความปีติยินดี ความสุขใจ และความพึงพอใจที่ได้เลี้ยงดูบุตรคนนี้หลังจากการฟื้นคืนชีวิต จนกว่าเขาจะเติบโตจนเต็มขนาดวิญญาณของเขา’ มีการคืนสู่สภาพเดิม การเติบโต การพัฒนา ภายหลังการฟื้นคืนชีวิตจากความตาย ข้าพเจ้าชอบความจริงนี้ เพราะความจริงดังกล่าวนำความสุข ความปีติยินดี และความซาบซึ้งอย่างใหญ่หลวงมาสู่จิตวิญญาณของข้าพเจ้า ขอบพระทัยพระเจ้าที่พระองค์ทรงเปิดเผยหลักธรรมเหล่านี้แก่เรา” 2

ไม่เพียงแต่เด็กเล็กๆ จะเติบโตเต็มที่เท่านั้น แต่พวกเขาจะได้รับความสูงส่งอย่างเต็มที่ด้วย อบินาไดสอนว่า “เด็กเล็กๆ มีชีวิตนิรันดร์ด้วย” (โมไซยาห์ 15:25) ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธสอนว่า “บุตรของท่านจะอยู่กับท่าน เพราะพวกเขาจะมีชีวิตนิรันดร์ เพราะหนี้ของพวกเขาชำระแล้ว”3

เพื่อให้ได้มาซึ่งระดับสูงสุดของอาณาจักรซีเลสเชียล ผู้ที่รับผิดชอบได้ต้องเข้าสู่พันธสัญญาใหม่และเป็นนิจของการแต่งงาน (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 131:1–3) เด็กเล็กๆ ที่เสียชีวิตจะได้รับโอกาสนี้ในอนาคต ประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ (1876–1972 ) อธิบายว่า “พระเจ้าจะประทานสิทธิพิเศษของพรการผนึกทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับความสูงส่งแก่เด็กเหล่านี้ … เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นหลังจากการฟื้นคืนชีวิต จนวิญญาณถึงความเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ พวกเขาจะมีสิทธิได้รับพรทั้งหมดที่พวกเขาจะได้รับหากพวกเขาได้รับให้อยู่ที่นี่และรับสิ่งเหล่านี้” 4

ทำไมเด็กเล็กๆ ถึงตาย?

คำถามนี้ตอบได้ยากโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่สูญเสียบุตรไป บางทีวิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มตอบคำถามนี้คือตอบด้วยคำพูดของนีไฟผู้เป็นพยานว่า “ข้าพเจ้ารู้ว่า [พระผู้เป็นเจ้า] ทรงรักลูกๆ ของพระองค์; กระนั้นก็ตาม, ข้าพเจ้าไม่รู้ความหมายของเรื่องทั้งหมด” (1 นีไฟ 11:17)

เราไม่รู้เหตุผลทั้งหมดของโศกนาฏกรรมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในความเป็นมรรตัย แต่เรามั่นใจได้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรักเรา แม้ว่าเราไม่ควรคิดว่าโศกนาฏกรรมเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า แต่แผนของพระองค์ให้หนทางที่จะเอาชนะโศกนาฏกรรมทั้งหมดได้5 “โลกไม่มีความโศกใดที่สวรรค์เยียวยาไม่ได้” 6

ภาพ
Joseph Smith burying his first child

ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธและเอ็มมา ภรรยาของเขา มีเหตุผลที่จะถามว่าทำไมเด็กเล็กๆ ถึงตาย ลูกๆ ของพวกเขาหกคนเสียชีวิต ศาสดาพยากรณ์กล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้ตรึกตรองเรื่องนี้ และถามว่าเหตุใดเด็กทารก เด็กที่ไม่รู้เดียงสาจึงถูกพรากไปจากพวกเรา โดยเฉพาะผู้ที่ดูเหมือนจะฉลาดหลักแหลมและน่าสนใจที่สุด เหตุผลสำคัญที่สุดที่เสนอตัวต่อความคิดของข้าพเจ้าคือ โลกนี้เป็นโลกที่ชั่วร้ายมาก … พระเจ้าทรงนำหลายคนไป แม้ในวัยทารก เพื่อพวกเขาจะรอดพ้นจากความอิจฉาของมนุษย์ ความเศร้าโศก และความชั่วร้ายของโลกปัจจุบัน พวกเขาบริสุทธิ์และน่ารักเกินกว่าจะอยู่บนแผ่นดินโลก ด้วยเหตุนี้ถ้าพิจารณาให้ถ้วนถี่ แทนที่จะทุกข์โศก เรามีเหตุให้ปลื้มปีติเมื่อพวกเขาได้รับการปลดปล่อยจากความชั่วร้าย และเราจะได้พบพวกเขาอีกครั้งในไม่ช้า” 7

เอ็ลเดอร์แมคคองกี ผู้รับใช้ของพระเจ้าอีกท่านหนึ่งได้ประสบกับการเสียชีวิตของหลานสาวที่เป็นทารก ในงานศพของเธอเขากล่าวว่า “มีวิญญาณบางวิญญาณที่เข้ามาในชีวิตนี้เพื่อรับร่างกายเท่านั้น ด้วยเหตุผลที่เราไม่รู้ แต่เป็นที่ทราบดีในปรีชาญาณไม่มีที่สิ้นสุดของพระบิดานิรันดร์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีการทดสอบ ประสบการณ์การทดลองของความเป็นมรรตัย”8

ไม่มีพรใดจะถูกปิดกั้น

ภาพ
Jesus Christ holding a small child

ตลอดกาลและตลอดไป โดย เกรก เค. โอลเซ็น

แม้ว่าชีวิตนี้จะไม่มีสิ่งใดมาพรากความรู้สึกสูญเสียที่ครอบครัวประสบกับการตายของเด็กได้ แต่เราอาจพบการปลอบใจในหลักคำสอนที่ว่าเด็กเล็กๆ ที่ตายไปจะได้รับความสูงส่ง เรารู้เรื่องนี้เพราะพระบิดาบนสวรรค์ผู้เปี่ยมด้วยความรักได้ทรงเปิดเผยและได้รับการสอนโดยศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกยุคปัจจุบันของพระองค์

ความจริงเหล่านี้จากการเปิดเผยในยุคสุดท้ายเป็นความจริงที่วิเศษและปลอบประโลมที่สุดของพระกิตติคุณ

อ้างอิง

  1. Bruce R. McConkie, “The Salvation of Little Children,” Ensign, Apr. 1977, 6.

  2. คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ เอฟ. สมิธ (1998), 132.

  3. คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ (2007), 190.

  4. Joseph Fielding Smith, Doctrines of Salvation (1955), 2:54.

  5. ดู เควนทิน แอล. คุก, “บทเพลงที่ขับขานไม่ได้,” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, 133–137.

  6. “Come, Ye Disconsolate,” Hymns, no. 115.

  7. คำสอน: โจเซฟ สมิธ, 189.

  8. Bruce R. McConkie, in Robert L. Millet, “Alive in Christ: The Salvation of Little Children” in The Book of Mormon: Fourth Nephi through Moroni, From Zion to Destruction, ed. Monte S. Nyman and Charles D. Tate Jr. (1995), 11.