ฮีลามัน 10

หลังจากการสอบสวนคดีฆาตกรรมหัวหน้าผู้พิพากษาสิ้นสุดลง (ดู ฮีลามัน 7–9) นีไฟเริ่มกลับไปบ้านของเขา เขาไตร่ตรองสิ่งที่พระเจ้าทรงแสดงต่อเขาและกังวลเกี่ยวกับความชั่วร้ายของผู้คนเช่นกัน ในช่วงที่นีไฟท้อแท้ พระเจ้าตรัสกับเขาและประทานพรเขาตลอดกาลด้วยอำนาจการผนึก พระเจ้าทรงบัญชานีไฟ ให้สั่งสอนการกลับใจแก่ผู้คนต่อไป นีไฟเชื่อฟังพระบัญชาทันที

นึกถึงเวลาที่ท่านพยายามสุดความสามารถเพื่อทำสิ่งถูกต้องแต่ปฏิกิริยาที่ท่านได้รับจากผู้อื่นหรือผลสำเร็จของท่านต่างจากที่ท่านคาดหวัง ใน ฮีลามัน 10 ท่านจะอ่านเกี่ยวกับวิธีที่พระเจ้าประทานพรนี-ไฟขณะที่เขายังคงซื่อสัตย์ในสภาวการณ์ยากลำบาก

หลังจากการหาตัวฆาตกรหัวหน้าผู้พิพากษากระจ่างแล้ว นีไฟพบว่าผู้คนไม่ตอบสนองในศรัทธาและไม่กลับใจหลังจากเห็นเหตุการณ์ตื่นเต้นเร้าใจที่เกิดขึ้นใน ฮีลามัน 9 นีไฟเริ่มกลับบ้านด้วยความรู้สึกท้อแท้ อ่าน ฮีลามัน 10:1–3 มองหาสิ่งที่นีไฟ ไตร่ตรองขณะเดินกลับบ้าน ท่านอาจต้องการทำเครื่องหมายคำว่า ไตร่ตรองทุกครั้งที่ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้กล่าวถึง การไตร่ตรองหมายถึงใคร่ครวญและคิดอย่างลึกซึ้ง มักเกี่ยวกับพระคัมภีร์หรือเรื่องต่างๆ ของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อรวมกับการสวดอ้อนวอน การไตร่ตรองเรื่องของพระผู้เป็นเจ้าอาจนำมาซึ่งการเปิดเผยและความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น

ตรึกตรองคำถามต่อไปนี้:

• นีไฟกำลังไตร่ตรองเรื่องอะไร

• เหตุใดเขาจึงรู้สึก “ห่อเหี่ยว” หรือเศร้า

• เกิดอะไรขึ้นขณะที่เขากำลังไตร่ตรอง

หลักธรรมข้อหนึ่งที่แสดงให้เห็นใน ฮีลามัน 10:1–3 คือ: การไตร่ตรองเรื่องของพระเจ้าเตรียมเราให้พร้อมรับการเปิดเผย ตัวอย่างอื่นในพระคัมภีร์แสดงให้เห็นหลักธรรมนี้เช่นกัน นั่นคือ นีไฟ ไตร่ตรองเรื่องที่ลี ไฮบิดาของเขาสอนและเรียนรู้ความจริงของเรื่องเหล่านั้น (ดู 1 นีไฟ 10:17; 11:1) เด็กหนุ่มโจเซฟ สมิธ “ครุ่นคิด … ครั้งแล้วครั้งเล่า” เกี่ยวกับ ยากอบ 1:5 และความจริงเปิดเผยต่อเขา (ดู โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:11–19) และประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธไตร่ตรองและใคร่ครวญพระคัมภีร์เกี่ยวกับการไถ่คนตายและความจริงเปิดเผยต่อเขา (ดู คพ. 138:1–6, 11)

อย่างไรก็ดี การเปิดเผยส่วนใหญ่ที่ผู้คนได้รับเมื่อไตร่ตรองเรื่องของพระเจ้าไม่ ได้มาผ่านการได้ยินเสียง การเห็นนิมิต หรือวิธีที่ตื่นเต้นเร้าใจอื่นๆ เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายดังนี้

ภาพ

เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์

“การเปิดเผยได้มาในหลากหลายวิธี ตัวอย่างเช่น ความฝัน นิมิต การสนทนากับผู้ส่งสารจากสวรรค์ และการดลใจ การเปิดเผยบางอย่างได้รับอย่างหนักแน่นโดยทันที บางอย่างค่อยๆ รับรู้ทีละน้อยอย่างแยบยล …

“… ส่วนใหญ่แล้ว การเปิดเผยเพิ่มเติมมาทีละน้อยตามเวลาและประทานให้ตามความปรารถนา ความมีค่าควร และการเตรียมพร้อมของเรา การสื่อสารจากพระบิดาบนสวรรค์เช่นนั้นค่อยๆ ‘กลั่นลงมาบน [จิตวิญญาณเรา] ดังหยาดน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์’ (คพ. 121:45) อย่างนุ่มนวล แบบแผนของการเปิดเผยเช่นนี้มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นได้ทั่วไป เห็นได้จากประสบการณ์ของนีไฟเมื่อท่านลองพยายามทำหลาย วิธีก่อนจะนำเอาแผ่นจารึกทองเหลืองมาจากเลบันได้สำเร็จ (ดู 1 นีไฟ 3–4) …

“… ความจริงพื้นฐานของพระกิตติคุณที่ ได้รับการฟื้นฟูมิได้ประทานแก่โจเซฟ สมิธทั้งหมดในคราวเดียวที่ป่าศักดิ์สิทธิ์ สมบัติอันประมาณค่ามิได้เหล่านี้ได้รับการเปิดเผยตามแต่สภาวการณ์เรียกร้องและตามเวลาที่เหมาะสม

“ประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธอธิบายว่าแบบแผนของการเปิดเผยนี้เกิดขึ้นในชีวิตท่านอย่างไร ‘สมัยเด็ก … ข้าพเจ้าจะออกไปทูลขอพระเจ้าบ่อยๆ ให้พระองค์ทรงแสดงสิ่งอัศจรรย์บางอย่างต่อข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้รับประจักษ์พยาน แต่พระเจ้าทรงยับยั้งสิ่งอัศจรรย์ ไว้จากข้าพเจ้าและแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นความจริง บรรทัดมาเติมบรรทัด … จนกระทั่งทรงทำให้ข้าพเจ้ารู้ความจริงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จนกระทั่งความสงสัยและความกลัวลบล้างไปจากข้าพเจ้าจนหมดสิ้น …’ (in Conference Report, Apr. 1900, 40–41)

“เราในฐานะสมาชิกศาสนจักรมีแนวโน้มที่จะเน้นเรื่องการแสดงให้ประจักษ์ทางวิญญาณอันอัศจรรย์และน่าตื่นเต้นประทับใจจนเราอาจไม่เห็นคุณค่าและแม้แต่มองข้ามแบบแผนดั้งเดิมที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้ทำงานของพระองค์ ให้สำเร็จ” (“วิญญาณแห่งการเปิดเผย,” เลียโฮนา, พ.ค. 2011, 110 111)

1. เขียนในสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของท่านเกี่ยวกับเวลาที่ท่านรู้สึกว่าได้รับการเปิดเผยส่วนตัว สภาวการณ์ใดทำให้เกิดการเปิดเผย การไตร่ตรองช่วยให้ท่านได้รับการเปิดเผยอย่างไร (จำไว้ว่าการเปิดเผยเกิดขึ้นได้หลายวิธี อาจเกี่ยวข้องกับการจุดประกายความคิดที่เกิดขึ้นฉับพลันหรือทีละน้อยและความเข้าใจหรือความรู้สึกสงบและความมั่นใจ)

ภาพ

เด็กผู้หญิงในป่า

หาเวลาไตร่ตรองเป็นประจำในชีวิตท่าน เช่น ระหว่างการประชุมของศาสนจักร ก่อนและหลังจากการสวดอ้อนวอนส่วนตัวและศึกษาพระคัมภีร์ หลังจากดูหรือฟังการประชุมใหญ่สามัญ ขณะอดอาหาร หรือขณะให้เกียรติวันสะบาโต

สมมติท่านมีสิ่งของบางอย่างที่มีค่ามากและท่านต้องการฝากไว้ ให้ผู้อื่นดูแล ท่านวางใจจะให้ ใครดูแล เหตุใดท่านจึงเลือกบุคคลนั้น บุคคลนั้นทำอะไรให้ท่านไว้วางใจ

อ่าน ฮีลามัน 10:4–5 มองหาสาเหตุที่พระเจ้าทรงวางใจนีไฟ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หมายถึง “ ไม่เคยเหนื่อยหน่าย” ไตร่ตรองตัวอย่างของคนที่ท่านรู้จักซึ่งดูเหมือนจะรับใช้พระเจ้าโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไม่ว่าสภาวการณ์จะเป็นเช่นไร

พระดำรัสที่พระเจ้าทรงตอบนีไฟ ใน ฮีลามัน 10:4 สอนหลักธรรมนี้: พระเจ้าทรงมอบพรและความรับผิดชอบให้เราเมื่อเราให้พระประสงค์ของพระองค์มาก่อนความประสงค์ของเรา

2. ตอบคำถามต่อไปนี้หนึ่งข้อหรือมากกว่านั้นลงในสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของท่าน

   1. ท่านรู้ด้วยวิธีใดบ้างว่าอะไรคือพระประสงค์ของพระเจ้าเกี่ยวกับชีวิตท่าน

   2. ท่านได้ทำอะไรบ้างในชีวิตท่านเมื่อเร็วๆ นี้เพื่อแสดงให้พระเจ้าเห็นว่าพระประสงค์ของพระองค์สำคัญกว่าความประสงค์ของท่านเองและท่านต้องการทำตามพระประสงค์ของพระองค์ตลอดเวลา

   3. ด้านหนึ่งของชีวิตท่านที่ท่านพยายามจะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้ามากขึ้นแทนที่จะทำตามความประสงค์ของท่านเองคืออะไร

อ่าน ฮีลามัน 10:5–7 ระบุพรและสัญญาที่พระเจ้าประทานแก่นีไฟเพราะทรงไว้วางใจเขา เขียนพรและสัญญาใกล้กับข้อที่สอดคล้องกัน

ข้อ 5:

ข้อ 6:

ข้อ 7:

พรที่ระบุไว้ ในฮีลามัน 10:7 เป็นหลักคำสอนสำคัญของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์: อำนาจการผนึกจะผนึกและคลายบนแผ่นดินโลกและในสวรรค์ ท่านรู้จักคนอื่นในพระคัมภีร์ที่ ได้รับอำนาจการผนึกนี้หรือไม่ ท่านอาจต้องการอ้างโยง ฮีลามัน 10:7 กับพระคัมภีร์ข้อต่อไปนี้: 1 พงศ์กษัตริย์ 17 (เอลียาห์); มัทธิว 16:15–19 (เป โตร); หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:46 ( โจเซฟ สมิธ)

ภาพ

พระวิหารเบิร์น สวิตเซอร์แลนด์

อ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 128:9 ระบุสิ่งที่ศาสดาพยากรณ์ โจเซฟ สมิธสอนเกี่ยวกับอำนาจการผนึก

กุญแจของอำนาจการผนึกเป็นกุญแจเดียวกันกับที่ประธานศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายถือในปัจจุบัน เฉกเช่นพระเจ้าทรงสามารถวางใจนีไฟ พระเจ้าทรงทราบเช่นกันว่าประธานศาสนจักรจะไม่ ใช้อำนาจนี้ในทางตรงกันข้ามกับพระประสงค์ของพระองค์ สิทธิอำนาจการผนึกดังกล่าวมอบให้ผู้ดำรงฐานะปุ โรหิตที่มีค่าควรคนอื่นๆ ทั่วโลก เปิดทางให้สามารถผนึกศาสนพิธีฐานะปุ โรหิตได้ทั้งบนแผ่นดินโลกและในสวรรค์

ตรึกตรองคำกล่าวต่อไปนี้จากเอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมค-คองกีแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองเกี่ยวกับความสำคัญของอำนาจการผนึกดังกล่าว

ภาพ

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี

“ทุกอย่างที่ ไม่ ได้รับการผนึกโดยอำนาจนี้สิ้นสุดเมื่อมนุษย์ตาย เว้นแต่บัพติศมามีการผนึกอันยั่งยืนนี้ หาไม่แล้วจะไม่รับบุคคลนั้นเข้าอาณาจักรซีเลสเชียล เว้นแต่พันธสัญญาการแต่งงานนิรันดร์ ได้รับการผนึกโดยสิทธิอำนาจอำนาจนี้ หาไม่แล้วจะไม่รับผู้มีส่วนเข้าสู่ความสูงส่งในสวรรค์ชั้นสูงสุดภายในโลกซีเลสเชียล

“ทุกอย่างมีผลยั่งยืนและถูกต้องสมบูรณ์เพราะอำนาจการผนึก” (Mormon Doctrine, 2nd ed. [1966], 683)

3. ตอบคำถามต่อไปนี้ลงในสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของท่าน:

   1. ตามคำกล่าวของเอ็ลเดอร์แมคคองกี เกิดอะไรขึ้นถ้าศาสนพิธีไม่ได้รับการผนึกโดยสิทธิอำนาจที่ถูกต้อง

   2. อำนาจการผนึกส่งผลต่อชีวิตท่านอย่างไร และท่านอยากให้อำนาจดังกล่าวเป็นพรแก่ชีวิตท่านในอนาคตอย่างไร

อ่านคำยืนยันต่อไปนี้จากเอ็ลเดอร์รัสเซลล์ เอ็ม. เนล-สันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองว่าอำนาจการผนึกของพระผู้เป็นเจ้าได้รับการฟื้นฟูแล้ว “พระวิหาร ศาสนพิธี พันธสัญญา เอ็นดาวเม้นท์ และการผนึกได้รับการฟื้นฟูตรงตามคำพยากรณ์ ศาสนพิธีพระวิหารเอื้ออำนวยให้เกิดการปรองดองกับพระเจ้าและการผนึกครอบครัวไว้ด้วยกันตลอดกาล การเชื่อฟังพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ที่ทำในพระวิหารทำให้เรามีคุณสมบัติคู่ควรรับชีวิตนิรันดร์—ของประทานสำคัญที่สุดซึ่งพระผู้เป็นเจ้าประทานแก่มนุษย์” (“เตรียมรับพรของพระวิหาร,”เลียโฮนา, ต.ค. 2010, 42)

ตามคำกล่าวของเอ็ลเดอร์เนลสัน อะไรทำให้เรามีคุณสมบัติคู่ควรรับพรที่สัญญาไว้ของอำนาจการผนึก

บิดามารดา นายจ้าง หรือผู้นำเคยขอให้ท่านทำบางสิ่งบางอย่างและท่านประวิงเวลาหรือไม่ทำตามที่ขอหรือไม่ พิจารณาว่าท่านส่งข่าวสารใดเมื่อท่านประวิงเวลาทำสิ่งที่ขอให้ทำ

อ่าน ฮีลามัน 10:11–12 ดูว่านีไฟตอบสนองอย่างไรต่อพระบัญชาของพระเจ้าให้เขาไปสั่งสอนการกลับใจแก่ผู้คน เราแสดงให้พระเจ้าเห็นอะไรเมื่อเราตอบรับคำแนะนำและพระบัญชาของพระองค์ทันทีและอย่างรวดเร็ว

4. อ่าน ฮีลามัน 10:13–18 จากนั้นให้เขียนข้อความสองสามประโยคลงในสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของท่านว่าท่านเรียนรู้อะไรจากแบบอย่างของนีไฟในการตอบรับพระบัญชาของพระเจ้า เขียนหนึ่งวิธีที่ท่านสามารถประยุกต์ใช้สิ่งนี้ในชีวิตท่าน

ความซื่อสัตย์ของนีไฟแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงวางใจเขาได้ เขาจึงได้รับพรด้วยพลังอันยิ่งใหญ่และความคุ้มครอง

สำหรับการทบทวนผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ ให้อ่าน1 นีไฟ 3:7; 2 นีไฟ 2:27; 2 นีไฟ 31:19–20; และ โมไซยาห์ 2:17 พิจารณาว่าข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์เหล่านี้ประยุกต์ ใช้อย่างไรกับนีไฟและการปฏิบัติศาสนกิจของเขาใน ฮีลา-มัน 10

หาวิธี ให้พระประสงค์ของพระเจ้ามาก่อนความประสงค์ของท่านและเชื่อฟังโดยเร็ว เมื่อท่านรับใช้พระเจ้าอย่างซื่อสัตย์เช่นเดียวกับนีไฟ พระองค์จะทรงวางใจและประทานพรท่าน

5. เขียนต่อท้ายงานมอบหมายของวันนี้ในสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของท่านว่า:

   ฉันได้ศึกษาฮีลามัน 10 และศึกษาเสร็จวันที่ (วันเดือนปี)

   คำถาม ความคิด และข้อคิดเพิ่มเติมที่ฉันอยากแบ่งปันกับครู: