เอเฟซัส 2–5

&#160 &#160 อ่านเรื่องราวและคิดเกี่ยวกับบทเรียนทางวิญญาณที่ท่านเรียนรู้

ภาพ

Official portrait of President M. Russell Ballard of the Quorum of the Twelve Apostles, 2004.

บ่อยครั้งเราเหมือนพ่อค้าวัยหนุ่มจากบอสตันในปี 1849 ตามเรื่องเล่าบอกว่าเขาถูกดึงเข้าไปพัวพันกับการขุดทองในแคลิฟอร์เนีย เขาขายทรัพย์สินทั้งหมดแล้วไปแสวงโชคในแม่น้ำแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีคนบอกว่าเต็มไปด้วยทองคำก้อนใหญ่มากจนแทบจะแบกไม่ไหว

วันแล้ววันเล่าไม่สิ้นสุด ชายหนุ่มจุ่มตะแกรงร่อนทองลงไปในน้ำและได้แต่ความว่างเปล่า อย่างเดียวที่เขาได้คือก้อนหินกองโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความท้อแท้ทอดอาลัยเขาจึงคิดจะถอนตัวจนกระทั่งวันหนึ่ง นักสำรวจแร่สูงอายุผู้มีประสบการณ์พูดกับเขาว่า “ได้หินกองโตขนาดนั้นเชียวหรือ พ่อหนุ่ม”

ชายหนุ่มตอบว่า “ไม่มีทองเลยครับ ผมกำลังจะกลับบ้าน”

ขณะเดินไปที่หินกองนั้น นักสำรวจแร่พูดว่า “โอ้โห มีทองนี่นา เธอต้องรู้ว่าจะหาได้ที่ไหน” เขาหยิบหินใส่มือสองก้อนแล้วกระทบกัน หินก้อนหนึ่งแตกออกเผยให้เห็นเกล็ดทองประปรายส่องประกายแวววาวในแสงแดด

โดยที่เห็นถุงหนังโป่งพองคาดอยู่ที่เอวนักสำรวจแร่ ชายหนุ่มจึงพูดว่า “ผมกำลังหาทองคำก้อนใหญ่เหมือนที่อยู่ในถุงของคุณน่ะครับ ไม่ใช่เกล็ดเล็กๆ แบบนี้”

นักสำรวจแร่สูงอายุยื่นถุงให้ชายหนุ่มผู้คิดว่าในถุงคงมีทองก้อนโตหลายๆ ก้อน แต่เขาตกใจเมื่อเห็นว่าถุงเต็มไปด้วยเกล็ดทองหลายพันเกล็ด

นักสำรวจแร่สูงอายุบอกว่า “เจ้าลูกชาย ฉันคิดว่าเธอมัวแต่หาทองก้อนใหญ่จนเธอไม่ได้เก็บเกล็ดทองล้ำค่าเหล่านี้ใส่ถุงให้เต็ม การค่อยๆ สะสมเกล็ดเล็กๆ เหล่านี้จะทำให้เธอร่ำรวยมหาศาล” การค่อยๆ สะสมเกล็ดเล็กๆ เหล่านี้จะทำให้เธอร่ำรวยมหาศาล”

(เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “พบปีติผ่านการรับใช้ด้วยความรัก,” เลียโฮนา, พ.ค. 2011, 46)

• เรื่องราวนี้เกี่ยวข้องกับการค้นหาความจริงในพระคัมภีร์อย่างไร?

อ่านข้อความต่อไปนี้และจัดอันดับจากหนึ่งถึงห้าข้อว่าเป็นความจริงสำหรับท่านเพียงใด (หนึ่ง = ไม่เคยเป็นความจริงสำหรับฉัน, ห้า = เป็นความจริงเสมอ)___ ฉันเชื่อมั่นในความสามารถของฉันที่จะค้นพบความจริงนิรันดร์ในพระคัมภีร์ ด้วยความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

___ การค้นพบความจริงในพระคัมภีร์เป็นพรในชีวิตของฉันและช่วยให้ฉันรู้สึกใกล้ชิดกับพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์มากขึ้น

ความจริงบางประการในพระคัมภีร์ก็ยากต่อการค้นพบมากกว่าความจริงอื่นๆ แสวงหาความช่วยเหลือจากพระบิดาบนสวรรค์ผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อช่วยให้ท่านระบุความจริงในข้อความของเปาโลถึงวิสุทธิชนในเอเฟซัส พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยท่านโดยเป็นพยานเกี่ยวกับความจริงเหล่านี้แก่ท่าน (ดู โมโรไน 10:5 ; ยอห์น 16:13)

ขณะที่เปาโลเป็นนักโทษที่ถูกจับกุมในกรุงโรม เขาเขียนถึงชาวเอเฟซัสเพื่อสนับสนุนและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวิธีเข้าใกล้พระเยซูคริสต์มากขึ้นและวิธีที่จะเอาชนะการโจมตีทางวิญญาณของมาร ฝึกระบุความจริงจากสิ่งที่เปาโลแบ่งปันกับวิสุทธิชนเหล่านี้

ต่อไปนี้เป็นวิธีหนึ่งที่ท่านสามารถค้นหาความจริงนิรันดร์ขณะที่ท่านกำลังศึกษาพระคัมภีร์ อ่าน เอเฟซัส 2:4–10 และทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

1. มองหาคำ วลี หรือข้อพระคัมภีร์ที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ ท่านอาจทำเครื่องหมายข้อเหล่านี้ในพระคัมภีร์ของท่าน

2. สรุปแนวคิดหลักของคำ วลี หรือข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ (ตัวอย่างเช่น ท่านสามารถสรุปสิ่งที่เปาโลพูดเกี่ยวกับพระคุณใน ข้อ 8 ได้ไหม?)

3. สร้างสิ่งที่ท่านเรียนรู้ให้กลายเป็นคำกล่าวข้อเท็จจริงที่ท่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตของท่าน

• ท่านพบความจริงข้อใด? ท่านระบุความจริงข้อนั้นอย่างไร?

• ความจริงข้อนี้จะช่วยให้ท่านรู้สึกได้ถึงความรักที่พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ทรงมีต่อท่านหรือช่วยให้ท่านกลายเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นได้อย่างไร?

• ท่านประยุกต์ใช้หรือจะประยุกต์ใช้ความจริงนี้ในชีวิตของท่านอย่างไร?

ใช้ขั้นตอนที่แสดงรายการไว้ก่อนหน้านี้ เลือกหนึ่งหรือสองชุดข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้และค้นหาความจริงนิรันดร์ในข้อนั้น

• เอเฟซัส 3:13–19

• เอเฟซัส 4:20–32 (อาจเป็นประโยชน์ที่จะได้ทราบว่า “ตัวเก่า” ในข้อเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์แทนวิธีดำเนินชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยบาปก่อนหน้านี้และ “ตัวใหม่” หมายถึงการดำเนินชีวิตอันชอบธรรมผ่านพระเยซูคริสต์)

• เอเฟซัส 5:17–21

เลือกหนึ่งในความจริงที่ท่านพบและไตร่ตรองว่าความจริงนี้จะช่วยให้ท่านรู้สึกได้ถึงความรักที่พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ทรงมีต่อท่าน หรือช่วยให้ท่านกลายเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นได้อย่างไร

การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่สำหรับท่าน (กระดาษ ดินสอสี เครื่องมือดิจิทัลและอื่นๆ) สร้างโปสเตอร์ที่อาจมีอยู่ในนิตยสาร เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน รวมสิ่งต่อไปนี้ในรายการของท่านด้วย:

• หลักธรรมที่ท่านระบุและข้อพระคัมภีร์ที่ท่านพบ

• รูปภาพหรือภาพวาดที่เรียบง่ายที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจความจริง หรือแสดงให้เห็นว่าบางคนจะใช้ความจริงนี้ในชีวิตของตนอย่างไร

นึกถึงประสบการณ์ของท่านในการค้นหาความจริงนิรันดร์ในพระคัมภีร์

• ท่านรู้สึกว่าท่านประสบความสำเร็จอย่างไร?

• มีอะไรบ้างที่ยาก?

• การค้นหาความจริงช่วยให้ท่านเห็นความรักที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงมีต่อท่านอย่างไร?

• ท่านจะใช้สิ่งที่ท่านเรียนรู้ในวันนี้ในการศึกษาพระคัมภีร์กับครอบครัวหรือการศึกษาส่วนตัวได้อย่างไร?

ขณะรับใช้ในฐานะสมาชิกฝ่ายประธานสูงสุด ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟได้นิยามพระคุณของพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็น “ความช่วยเหลือจากสวรรค์และการประสาทพรแห่งความเข้มแข็งซึ่งโดยสิ่งนั้นเราเติบโตจากสัตภาวะที่บกพร่องและมีข้อจำกัดอย่างทุกวันนี้เข้าสู่สัตภาวะที่สูงส่งของ ‘ความจริงและแสงสว่าง, จน [เรา] รุ่งโรจน์ในความจริงและ[รู้] สิ่งทั้งปวง’ [ หลักคำสอนและพันธสัญญา 93:28 ]” (“ของประทานแห่งพระคุณ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2015, 107) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระคุณ โปรดอ่านคำปราศรัยฉบับเต็มที่ ChurchofJesusChrist.org

สำหรับข้อคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระคุณของพระผู้ช่วยให้รอด โปรดอ่าน โมไซยาห์ 2:20–24 และ ฟิลิปปี 2:12–13 .

เปาโลสอนว่าเมื่อเราเลือกที่จะยอมรับศาสนพิธีแห่งบัพติศมา เราจะทำพันธสัญญาเพื่อยุติวิถีเก่า (หรือ “ทิ้ง … ตัวเก่า” [ เอเฟซัส 4:22 ]) และเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะผู้ติดตามของพระเยซูคริสต์ (ดู โรม 6:1–6 ; หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:37). ซึ่งรวมถึงการทิ้งบาปของเราไว้ข้างหลังและสิ่งใดก็ตามที่ทำให้เราไม่สามารถเข้าใกล้กับพระบิดาบนสวรรค์ได้ เราไม่สามารถทำให้กระบวนการนี้เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเราเอง กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นได้เพราะพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์เท่านั้น และอิทธิพลในการชำระให้บริสุทธิ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์

หลังจากนักเรียนระบุถึงความจริงจากชาวเอเฟซัส นักเรียนอาจได้รับเชิญให้เข้าใจความจริงอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น นักเรียนสามารถใช้แอปพลิเคชันคลังค้นคว้าพระกิตติคุณ หรือแหล่งช่วยอื่นๆ เพื่อค้นคำสำคัญ จากนั้นอาจเชิญนักเรียนให้แบ่งปันสิ่งที่นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับความจริงและวิธีที่นักเรียนสามารถนำความจริงนั้นมาใช้ในชีวิตของตน

เพื่อเป็นการช่วยนักเรียนในการสนทนาเรื่องพระคุณของพระเยซูคริสต์แทนที่จะค้นหาหลักธรรมต่างๆ ในพระคัมภีร์ ให้เชิญนักเรียนศึกษา เอเฟซัส 2:1–12 แล้วเปรียบเทียบว่าชีวิตของนักเรียนจะเป็นเช่นไรหากไม่มีพระคุณของพระเยซูคริสต์ (ดู ข้อ 1–3) และชีวิตของนักเรียนจะเป็นเช่นไรหากมีพระคุณของพระองค์ (ดู ข้อ 4–8) จากนั้นนักเรียนจะสามารถศึกษาข้อพระคัมภีร์จากพระคัมภีร์มอรมอนที่สอนเกี่ยวกับพระคุณของพระผู้ช่วยให้รอด (ดู 2 นีไฟ 10:24–25 ; ยาโคบ 4:6–7 ; ฮีลามัน 12:24 ; อีเธอร์ 12:27 ; โมโรไน 10:32–33) แล้วระบุความจำเป็นของนักเรียนที่ต้องมีพระคุณของพระผู้ช่วยให้รอด และสร้างแผนว่าพวกเขาจะแสวงหาพระคุณของพระองค์ได้บ่อยครั้งมากขึ้นอย่างไร