2016
ประชุมกัน ในนามของเรา
กันยายน 2016


“ประชุมกัน ในนามของเรา”

ผู้เขียนอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

พระเจ้าทรงกำหนดให้สภาวอร์ดและสภาสาขาช่วยเราปฏิบัติศาสนกิจด้วยความรักและความเป็นหนึ่งเดียวกัน

ภาพ
family home evening

ภาพประกอบ โดย จูลี โรเจอร์ส

เมื่อไม่นานมานี้ผมเข้าร่วมการสังสรรค์ในครอบครัวกับครอบครัวหนึ่งที่ผมรักมาก เป็นสามีภรรยาที่อายุยังน้อยกับลูกสาวตัวน้อยของพวกเขา ในฐานะอธิการผมมาที่บ้านของพวกเขา ส่วนหนึ่งเพราะทำตามการกระตุ้นเตือนจากพระวิญญาณและส่วนใหญ่เพราะทำตามการกระตุ้นเตือนของคุณแม่กับพี่สาวที่เป็นห่วงคุณพ่อวัยหนุ่มคนนี้และอยู่ที่นั่นด้วย พระเจ้าทรงทำงานกับครอบครัวนี้จนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตพวกเขาและนำพวกเขากลับสู่พรของพระกิตติคุณและศาสนจักร แต่บางอย่างเกิดขึ้นวันนั้น

หลายเดือนที่คุณพ่อวัยหนุ่มคนนี้กังวลมากเรื่องการหาเลี้ยงครอบครัว เขาคาดว่าอาชีพของเขาจะจบลงอีกไม่นาน และเขากับภรรยากำลังตัดสินใจว่าจะย้ายครอบครัวไปอยู่อีกรัฐหรือไม่ นั่นหมายความว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่กับครอบครัว เช้าวันนั้นคุณพ่อคนนี้ทราบว่าความช่วยเหลือด้านการเงินที่คาดหวังอย่างมากจะไม่มา ข่าวนี้ทำให้ผิดหวังอย่างยิ่ง

เมื่อผมมาถึงอพาร์ตเมนต์ของพวกเขา ผมเห็นสีหน้าท้อแท้หมดกำลังใจของเขา ความรับผิดชอบในการหาเลี้ยงครอบครัวและข่าวร้ายนั้นทำให้คุณพ่อวัยหนุ่มคนนี้เครียดมาก

ภรรยาของเขาได้เลือกพระคัมภีร์บทหนึ่งเป็นบทเรียนเพื่อไขข้อกังวลที่พวกเขารู้สึกหนักใจ ผู้เป็นพ่ออ่านทั้งบท ท่านอาจจำถ้อยคำเหล่านี้จากอิสยาห์ 55 ได้

“ทุกคนที่กระหาย จงมายังน้ำ และผู้ไม่มีเงิน จงมาหาซื้อและรับประทาน จงมาหาซื้อ … โดยไม่ต้องเสียเงินและค่าใช้จ่าย …

“เพราะความคิดของเราไม่ใช่ความคิดของเจ้า และทางของพวกเจ้าก็ไม่ใช่ทางของเรา พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ” (ข้อ 1, 8)

จากนั้นครอบครัวได้สนทนากันว่าข้อเหล่านั้นมีความหมายต่อพวกเขาอย่างไร พระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ นั้นเมื่อการสังสรรค์ในครอบครัวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสภาครอบครัว คุณพ่อวัยหนุ่มคนนี้พูดถึงความกลัว ความกังวล และความปรารถนาของเขา ทุกคนแสดงความรักและความห่วงใยกัน พวกเขาพูดถึงสิ่งที่ต้องทำ ทางเลือกที่มี และสิ่งที่ต้องดำเนินการ

นั่นเป็นการสนทนาที่เปิดเผยมาก มีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง ผมรู้สึกว่าต้องฟังและสังเกตการณ์เท่านั้น สุดท้าย ในความเป็นหนึ่งเดียวกัน สามีภรรยาตั้งใจว่าพวกเขาควรตัดสินใจด้วยกันกับพระเจ้าผ่านการสวดอ้อนวอน จากนั้นผมจึงพูดสนับสนุนและให้กำลังใจ

รูปแบบการเปิดเผยของพระเจ้า

ผมจำได้ว่ามีไม่กี่ครั้งที่ผมรู้สึกถึงพระวิญญาณของพระเจ้าแรงกล้ามากกว่าในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ค่ำวันนั้นกับครอบครัวที่ยากจนและกำลังลำบาก นั่นเป็นสัมฤทธิผลตามสัญญาของพระเจ้าที่ประทานแก่เหล่าสานุศิษย์นานมาแล้ว “ที่ใดซึ่งมีสองหรือสามคนมารวมกันในนามของเรา, เกี่ยวกับเรื่องใดก็ตาม, ดูเถิด, ที่นั่นเราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาฉันใด—แม้ฉันนั้นเราอยู่ท่ามกลางเจ้า” (คพ. 6:32)

ภาพ
hands on head

พระดำรัสเหล่านั้นจากพระผู้ช่วยให้รอดไม่เพียงเป็นคำแนะนำที่ดีเท่านั้นแต่เป็นคำปลอบโยนด้วย สำหรับโจเซฟ สมิธศาสดาพยากรณ์วัยหนุ่มและออลิเวอร์ คาวเดอรี พระดำรัสเหล่านั้นของพระผู้ช่วยให้รอดอรรถาธิบายหลักคำสอนและรูปแบบเพื่อรับการเปิดเผยและการนำทางสำหรับการตัดสินใจในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า

คืนนั้นพระเจ้าทรงอยู่ท่ามกลางสภาครอบครัว พวกเขาอัญเชิญพระวิญญาณผ่านการสวดอ้อนวอนและการศึกษาพระคัมภีร์ พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันในจุดประสงค์ พวกเขาเปี่ยมด้วยความรักที่มีต่อกัน พวกเขาเผยความคิดที่ดีที่สุดและประสบการณ์ของพวกเขาต่อกันและต่อพระเจ้า ทูลขอการนำทางของพระองค์ พวกเขาตัดสินใจในความเป็นหนึ่งเดียวกันและลงมือทำ

ศาสนจักรปกครองผ่านสภา

คู่มือศาสนจักรสอนหลักคำสอนเรื่องสภาดังนี้

“ศาสนจักรของพระเจ้าปกครองโดยสภาระดับสามัญ ระดับภาค ระดับสเตค และระดับวอร์ด สภาเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญต่อระเบียบของศาสนจักร

“ผู้นำหารือกันเพื่อประโยชน์ของบุคคลและครอบครัวภายใต้กุญแจของการเป็นผู้นำฐานะปุโรหิตแต่ละระดับ”1

ทุกระดับของศาสนจักรนี้ เราพยายามใช้หลักธรรมเดียวกันกับที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนเหล่าสานุศิษย์และออลิเวอร์กับโจเซฟ—มารวมกันในความเป็นหนึ่งเดียวและสภา

แต่ละวอร์ดมีสภาวอร์ดที่ “ประกอบด้วยฝ่ายอธิการ พนักงานวอร์ด เลขาธิการวอร์ด หัวหน้ากลุ่มมหาปุโรหิต ประธานโควรัมเอ็ลเดอร์ หัวหน้าเผยแผ่วอร์ด ประธานสมาคมสงเคราะห์ ประธานเยาวชนชาย ประธานเยาวชนหญิง ประธานปฐมวัย และประธานโรงเรียนวันอาทิตย์”2

งานทั้งหมดที่ทำโดยผู้นำวอร์ดกลุ่มนี้มุ่งช่วยให้ “สมาชิกมีประจักษ์พยาน รับศาสนพิธีแห่งความรอด รักษาพันธสัญญา และเป็นผู้ติดตามที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ของพระเยซูคริสต์”3

ท่านอาจเคยได้ยินข้อความนี้ “มีความปลอดภัยในคำแนะนำ”4 เพราะเหตุใดหรือ เหตุผลประการหนึ่งคือข้อเท็จจริงที่เรียบง่ายว่าไม่มีสักคนในพวกเราฉลาดเท่าพวกเราหลายคนรวมกัน เราแต่ละคนนำทัศนะเฉพาะตัวและประสบการณ์ตลอดจนความเข้าใจออกมา

คู่มือศาสนจักรสอนเช่นกันว่าการประชุมสภาวอร์ดจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อนำทัศนะของสมาชิกสภาแต่ละคนมารวมกัน “อธิการอธิบายเรื่องแต่ละเรื่องที่กำลังพิจารณาระหว่างการประชุม แต่โดยปกติอธิการไม่ตัดสินใจเลือกวิธีแก้ปัญหาจนกว่าได้สนทนากันก่อน อธิการกระตุ้นให้เกิดการสนทนาโดยไม่เข้าไปครอบงำ แต่จะถามคำถามและอาจขอให้สมาชิกสภาคนใดคนหนึ่งเสนอแนะ จากนั้นจึงรับฟังอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ การสนทนาเหล่านี้ควรส่งเสริมบรรยากาศที่ทำให้เกิดการดลใจ”5

กล่าวคือ เรานำพรสวรรค์ ความสามารถ และทัศนะเฉพาะตัวออกมา เราทูลขอพระเจ้าให้สถิตกับเรา นำทางเราด้วยพระวิญญาณของพระองค์ ชดเชยความต่างในสิ่งที่เราขาด และรู้ความต้องการของสมาชิกที่เรารับใช้ เราพูดถึงความต้องการของครอบครัวและแต่ละบุคคล เราพยายามตัดสินใจด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกัน จากนั้นเราไปทำงานและทูลขอให้พระเจ้าประทานพรแก่สมาชิกของวอร์ด

การหารือกันในสภาวอร์ด

ภาพ
ward council

แปดเดือนก่อนผมไปเข้าร่วมการสังสรรค์ในครอบครัวกับครอบครัวนั้น สภาวอร์ดมารวมกันในช่วงเช้าวันอาทิตย์วันหนึ่ง เราเปิดสภาด้วยการสวดอ้อนวอนและดูวีดิทัศน์เกี่ยวกับการช่วยแต่ละบุคคลและครอบครัวให้ได้รับพรและศาสนพิธีของพระกิตติคุณ ผมถามสมาชิกสภาว่าคิดถึงใครขณะดูวีดิทัศน์ นั่นนำไปสู่การสนทนาเกี่ยวกับครอบครัวนี้ เราแสดงความรักต่อพวกเขา เราพูดถึงการเรียกที่เป็นไปได้ วิธีที่เราจะช่วยให้คุณพ่อทำจนได้รับแต่งตั้งฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค และวิธีที่เราจะช่วยให้สามีภรรยาคู่นี้ได้รับศาสนพิธีพระวิหาร

ในฐานะอธิการผมมอบหมายงานบางอย่าง ดูเหมือนการสนทนาเกือบจบแล้ว แต่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องนัก ประธานเยาวชนหญิงพูดในท้ายที่สุดว่า “ดิฉันคิดว่าเรากำลังก้าวเร็วไป ดิฉันรู้สึกเหมือนว่าเราต้องเน้นพื้นฐานกับพวกเขาก่อน เช่น การสังสรรค์ในครอบครัว การศึกษาพระคัมภีร์ และการสวดอ้อนวอน จากนั้นความรู้สึก “ไม่ถูกต้อง” หายไป เธอพูดไม่ใช่ในนามขององค์การเยาวชนหญิง แต่จากความรักที่มีต่อครอบครัวนี้ และในขณะนั้นพระวิญญาณเป็นพยานต่อเรายืนยันความจริงของคำแนะนำจากเธอ

ความเห็นของซิสเตอร์ท่านนี้เปิดการสนทนาอีกครั้ง เราพูดคุยกันเกี่ยวกับวิธีช่วยครอบครัววางรูปแบบการศึกษาพระคัมภีร์ การสวดอ้อนวอน และการสังสรรค์ในครอบครัว น้องสาวของคุณพ่อวัยหนุ่มกำลังรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาวอร์ดคนหนึ่งของเรา ด้วยเหตุนี้หัวหน้าเผยแผ่วอร์ดจึงรับงานมอบหมายให้ทำงานกับเธอและผู้สอนประจำบ้านเพื่อจัดสังสรรค์ในครอบครัวเป็นประจำ ผมกับภรรยามอบหนังสือแนะนำ การสังสรรค์ในครอบครัว และเพลงสวดเล่มหนึ่งให้ครอบครัวของพวกเขา

การสนับสนุนที่สอดคล้องกันมากที่สุดและพลังมาจากคุณแม่และน้องสาวของคุณพ่อวัยหนุ่มคนนี้เมื่อพวกเขาเข้าร่วมการสังสรรค์ในครอบครัวเป็นประจำจนนำไปสู่คืนครอบครัวครั้งสำคัญนั้นที่ผมมีโอกาสเข้าร่วม

หนังสือคู่มือกล่าวว่า “ทั้งชายและหญิงควรรู้สึกว่าความคิดเห็นของตนได้รับความสำคัญในฐานะผู้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ … บางครั้งมุมมองของสตรีแตกต่างจากบุรุษ และมุมมองนั้นยังเพิ่มทัศนะที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อความเข้าใจและการตอบสนองความต้องการของสมาชิกด้วย”6 ในฐานะอธิการที่อายุยังน้อย ผมนั่งในสภากับประธานปฐมวัย ประธานเยาวชนหญิง และประธานสมาคมสงเคราะห์ผู้มีปัญญา มีประสบการณ์ชีวิต และความเข้าใจลึกซึ้งกว่าผมมาก พวกเธอเป็นครูสอนผมบ่อยมากในอุปนิสัยเหมือนพระคริสต์ แม้ในการเป็นบิดาและผู้ดำรงฐานะปุโรหิตที่ดี

ผมสำนึกคุณอย่างยิ่งต่อสตรีของศาสนจักรนี้ ผมหวังว่าพี่น้องสตรีของเราจะไม่รู้สึกว่าไม่มีใครฟังหรือสนใจพวกเธอในการประชุมสภาของเรา สมาชิกสภาวอร์ดทำงานทัดเทียมกัน กุญแจของฝ่ายประธานที่มอบให้อธิการเป็นเรื่องของระเบียบ การจัดระบบ และความรับผิดชอบที่มอบหมายแต่ไม่ใช่การแต่งตั้งให้เข้าครอบงำหรือควบคุมทางวิญญาณ

ความเป็นหนึ่งเดียวกัน

คู่มือพูดถึงความสำคัญของความเป็นหนึ่งเดียวกันดังนี้ “หลังจากเปิดการสนทนา อธิการอาจตัดสินใจหรืออาจรอหารือเรื่องดังกล่าวกับที่ปรึกษาก่อน หลังจากอธิการตัดสินใจแล้ว สมาชิกสภาควรสนับสนุนการตัดสินใจนั้นด้วยวิญญาณของความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

“หากสมาชิกสภารู้สึกไม่มั่นใจอย่างยิ่งกับการตัดสินใจครั้งสำคัญ อธิการอาจรอให้พิจารณาต่อไปในการประชุมสภาคราวหน้าโดยแสวงหาการยืนยันและความเป็นหนึ่งเดียวกันทางวิญญาณ”7

ความเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่มีความปลอดภัยในสภา บางครั้งเราแต่ละคนคิดว่าเรารู้ว่าต้องดำเนินการอย่างไร เรามักต้องการกระโดดไปให้ถึงผลลัพธ์สุดท้ายทันที เราลืมไปว่าเป้าหมายสุดท้ายของพระเจ้าไม่ได้อยู่ในการพัฒนาแผนดำเนินงานของเรา แต่คือให้บุตรธิดาแต่ละคนของพระองค์ได้รู้จักพระองค์ ท่านคงจำได้ว่าพระเจ้าทรงสวดอ้อนวอนให้สานุศิษย์ของพระองค์อย่างไร

“และนี่แหละคือชีวิตนิรันดร์ คือการที่พวกเขารู้จักพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และรู้จักพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ทรงใช้มา …

“ข้าพระองค์อธิษฐานเพื่อพวกเขา ข้าพระองค์ไม่ได้อธิษฐานเพื่อโลก แต่เพื่อคนเหล่านั้นที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์ เพราะว่าเขาเป็นของพระองค์ …

“… ข้าแต่พระบิดาผู้บริสุทธิ์ ขอพระองค์ทรงพิทักษ์รักษาบรรดาคนที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์ไว้โดยพระนามของพระองค์ เพื่อเขาจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเหมือนอย่างข้าพระองค์กับพระองค์ …

“ข้าพระองค์อยู่ในพวกเขาและพระองค์ทรงอยู่ในข้าพระองค์เพื่อพวกเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์” (ยอห์น 17:3, 9, 11, 23)

วัตถุประสงค์ของพระเจ้าคือให้เราเป็นของพระองค์—เพื่อเราจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์ กับพระบิดาบนสวรรค์ของเรา และกับกันและกัน แนวทางปฏิบัติสำคัญเท่าๆ กับผลลัพธ์ สภาเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางปฏิบัติที่เบื้องบนกำหนดเพื่อให้บรรลุความเป็นหนึ่งเดียวกันและทำให้เราเป็นของพระคริสต์ พระเจ้าตรัสไว้ว่า “จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน; และหากเจ้าไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเจ้าก็มิใช่ของเรา” (คพ. 38:27)

พระบัญญัติดังกล่าวอาจใช้เป็นการทดสอบได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น พระเจ้าอาจตรัสในทางกลับกันว่า “โดยสิ่งนี้เจ้าจะรู้ว่าเจ้าเป็นของเราเมื่อเจ้าเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและเป็นหนึ่งเดียวกับเรา”

บิดาของครอบครัวอาจได้รับการเปิดเผยว่าการย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ใหม่จะทำให้เกิดพรและความเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่หากปราศจากความเป็นหนึ่งเดียวกันของภรรยาและลูก แผนของเขาอาจไม่เกิดผลตามคาด

อธิการอาจได้รับการเปิดเผยสำหรับแผนงานเผยแผ่วอร์ด แต่หากสภาวอร์ดไม่เป็นหนึ่งเดียวกันกับการเปิดเผยนั้น พรจะไม่เกิดขึ้น อธิการจะสงสัยว่าผิดพลาดตรงไหน

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองพูดถึงการดำเนินงานของสภาฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองดังนี้

“การเรียกชาย 15 คนสู่ความเป็นอัครสาวกศักดิ์สิทธิ์ให้ความคุ้มครองที่ดีเยี่ยมแก่เราในฐานะสมาชิกของศาสนจักร เพราะเหตุใดหรือ เพราะการตัดสินใจของผู้นำเหล่านี้ต้องเป็นเอกฉันท์ ลองนึกดูว่าพระวิญญาณต้องทรงดลใจชายทั้ง 15 คนอย่างไรเพื่อทำให้เกิดความเป็นเอกฉันท์ ชาย 15 คนนี้มีภูมิหลังทางการศึกษาและงานอาชีพที่หลากหลาย มีความเห็นที่แตกต่างกันในหลายเรื่อง เชื่อข้าพเจ้าเถิด! ชาย 15 คนนี้—ศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ และผู้เปิดเผย—รู้ว่าพระประสงค์ของพระเจ้าคืออะไรเมื่อมีความเป็นเอกฉันท์!”8

ผมเป็นพยานว่าพระเจ้าสนพระทัยรายละเอียดของชีวิตเราแต่ละคน ผมอัศจรรย์ใจเสมอที่พระผู้ช่วยให้รอดเต็มพระทัยจะไป หรือส่งผู้รับใช้คนหนึ่งของพระองค์มาช่วยชีวิตบุตรธิดาคนหนึ่งของพระองค์ ผมสำนึกคุณอย่างยิ่งต่อสภาที่กำหนดมาพร้อมความรับผิดชอบให้ดูแลบุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์

อ้างอิง

  1. คู่มือเล่ม 2: การบริหารงานศาสนจักร (2010), 4.1.

  2. คู่มือเล่ม 2, 4.4.

  3. คู่มือเล่ม 2, 4.4.

  4. ดู เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “Listen Together” (การให้ข้อคิดทางวิญญาณที่มหาวิทยาลัยบริคัม ยังก์, 4 ก.ย. 1988), 2, speeches.byu.edu.

  5. คู่มือเล่ม 2, 4.6.1.

  6. คู่มือเล่ม 2, 4.6.1.

  7. คู่มือเล่ม 2, 4.6.1.

  8. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การสนับสนุนศาสดาพยากรณ์,” เลียโฮนา, พ.ย. 2014, 75.