2020
อนาคตของศาสนจักร: การเตรียมโลกเพื่อรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอด
เมษายน 2020


อนาคตของศาสนจักร: การเตรียมโลกเพื่อรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอด

ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายกำลังเตรียมโลกสำหรับวันที่ “แผ่นดินโลกจะเต็มด้วยความรู้ในเรื่องของพระยาห์เวห์” (อิสยาห์ 11:9)

ภาพ
painting of the Savior’s hand

อยู่ในวิสัยที่เราทำได้, โดย เจย์ ไบรอันท์ วอร์ด ไม่อนุญาตให้ทำสำเนา

ท่านและข้าพเจ้าได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูต่อเนื่องของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ นับว่าล้ำเลิศยิ่ง! สิ่งนี้ไม่ได้ทำด้วยมือมนุษย์! สิ่งนี้มาจากพระเจ้าซึ่งตรัสว่า “เราจะเร่งงานของเราเมื่อถึงเวลา” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:73) งานนี้ได้รับพลังโดยข้อประกาศจากสวรรค์ที่มีขึ้นเมื่อ 200 ปีก่อน ข้อประกาศที่มีเพียงสิบคำ: “นี่คือบุตรที่รักของเรา จงฟังท่าน!” (ดู โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:17)

ตรัสโดยพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ข้อประกาศนี้นำเด็กหนุ่มโจเซฟ สมิธมาพบกับพระเจ้าพระเยซูคริสต์ คำสิบคำนั้นคือจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระองค์ เพราะเหตุใด? เพราะพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์ของเราคือพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงรักเรา! พระองค์ทรงประสงค์ให้บุตรธิดาของพระองค์ได้รับความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์! งานยุคสุดท้ายอันยิ่งใหญ่ซึ่งเราเป็นส่วนหนึ่งได้รับการสถาปนาตามกำหนดการ เพื่อเป็นพรแก่โลกที่รอคอยและร่ำไห้

ข้าพเจ้าไม่อาจพูดถึงการฟื้นฟูด้วยน้ำเสียงธรรมดา ความจริงของประวัติศาสตร์ข้อนี้น่าทึ่งที่สุด! เหลือเชื่อยิ่งนัก! น่าตื่นเต้นเหลือเกิน! น่าพิศวงเพียงใดที่มีผู้ส่งสารจากสวรรค์ลงมามอบสิทธิอำนาจและพลังอำนาจแก่งานนี้?

วันนี้งานของพระเจ้าในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายกำลังรุดหน้าด้วยฝีเท้าที่เร่งเร็วขึ้น ศาสนจักรจะมีอนาคตอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และไม่มีสิ่งใดเทียบได้ “สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน … สิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนทั้งหลายที่รักพระองค์” (1 โครินธ์ 2:9; ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:10 ด้วย)

จำไว้ว่าความสมบูรณ์ของการปฏิบัติศาสนกิจของพระคริสต์รออยู่ในอนาคต คำพยากรณ์ถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ยังไม่สำเร็จ เราเพียงกำลังวางรากฐานเพื่อขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของสมัยการประทานสุดท้ายนี้—เมื่อการเสด็จมาของพระผู้ช่วยให้รอดกลายเป็นจริง

การรวบรวมอิสราเอลทั้งสองด้านของม่าน

สิ่งที่จำเป็นต้องมาก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองคือการรวบรวมอิสราเอลที่กระจัดกระจายซึ่งรอคอยมานาน (ดู 1 นีไฟ 15:18; ดูหน้าชื่อเรื่องของพระคัมภีร์มอรมอนด้วย) หลักคำสอนเรื่องการรวบรวมนี้เป็นคำสอนสำคัญเรื่องหนึ่งของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย พระเจ้าทรงประกาศว่า “เราให้เครื่องหมายแก่เจ้า … เมื่อเราจะรวม, ผู้คนของเรา, จากการกระจัดกระจายอันยาวนานของพวกเขา, โอ้เชื้อสายแห่งอิสราเอล, และจะสถาปนาไซอันของเราในบรรดาพวกเขาอีก” (3 นีไฟ 21:1)

เราไม่เพียงสอนหลักคำสอนนี้เท่านั้น แต่เรามีส่วนร่วมด้วย เราทำเช่นนั้นขณะช่วยรวมผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกทั้งสองด้านของม่าน ในฐานะส่วนหนึ่งของจุดหมายที่วางแผนไว้แล้วของแผ่นดินโลกและผู้อยู่อาศัยในนั้น เครือญาติผู้ล่วงลับของเราต้องได้รับการไถ่ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 128:15) ด้วยพระเมตตา คำเชื้อเชิญให้ “มาหาพระคริสต์” (เจคอบ 1:7; โมโรไน 10:32; หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:59) ยังสามารถขยายไปถึงผู้ที่ล่วงลับไปโดยปราศจากความรู้เรื่องพระกิตติคุณอีกด้วย (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 137:6-8) อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งของการเตรียมจำเป็นต้องอาศัยความพยายามของผู้อื่นบนแผ่นดินโลก เรารวบรวมแผนภูมิลำดับเชื้อสาย กรอกบันทึกกลุ่มครอบครัว และทำงานพระวิหารแทนคนตายเพื่อรวมผู้คนมาหาพระเจ้าและครอบครัวของพวกเขา 1 โครินธ์ 15:29; 1 เปโตร 4:6)

ภาพ
painting of Salt Lake Temple

ศักดิ์สิทธิ์แด่พระเจ้า, โดย เจย์ ไบรอันท์ วอร์ด ไม่อนุญาตให้ทำสำเนา

เราต้องผนึกครอบครัวเข้าด้วยกันชั่วนิรันดร (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 2:2-3; 49:7; 138:48; โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:39) ต้องหล่อหลอมให้มีห่วงเชื่อมระหว่างบรรพบุรุษกับลูกหลาน ในยุคของเรา การรวมกันอย่างสมบูรณ์ ครบถ้วนและดีพร้อมของทุกสมัยการประทาน กุญแจ และอำนาจจะต้องเชื่อมเข้าด้วยกัน (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 128:18) เพื่อจุดประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ขณะนี้พระวิหารศักดิ์สิทธิ์กระจายอยู่ทั่วแผ่นดินโลก ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่าการก่อสร้างพระวิหารเหล่านี้อาจไม่เปลี่ยนชีวิตของท่าน แต่การรับใช้ของท่านในพระวิหารจะเปลี่ยนชีวิตท่านแน่นอน

เวลานั้นกำลังมาถึงเมื่อผู้ไม่เชื่อฟังพระเจ้าจะถูกแยกออกจากผู้เชื่อฟัง (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 86:1-7) หลักประกันที่ปลอดภัยที่สุดของเราคือมีค่าควรต่อไปที่จะเข้าพระนิเวศน์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ของขวัญอันประเสริฐสุดที่ท่านจะถวายแด่พระเจ้าได้คือการรักษาตนให้หมดจดจากโลก มีค่าควรต่อการเข้าพระนิเวศน์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ของขวัญที่พระองค์จะประทานแก่ท่านคือสันติสุขและความมั่นคงที่รู้ว่าท่านมีค่าควรที่จะเข้าเฝ้าพระองค์ ไม่ว่าเวลาจะมาถึงเมื่อใด

นอกจากงานพระวิหาร การออกมาของพระคัมภีร์มอรมอนเป็นเครื่องหมายต่อทั้งโลกว่าพระเจ้าได้ทรงเริ่มรวมอิสราเอลแล้วและทำให้พันธสัญญาที่ทรงทำไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบเกิดสัมฤทธิผล (ดู ปฐมกาล 12:2–3; 3 นีไฟ 21; 29) พระคัมภีร์มอรมอนประกาศหลักคำสอนของการรวม (ดู 1 นีไฟ 10:14 เป็นตัวอย่าง) ทำให้ผู้คนเรียนรู้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ เชื่อพระกิตติคุณของพระองค์ และเข้าร่วมศาสนจักรของพระองค์ อันที่จริง หากไม่มีพระคัมภีร์มอรมอน การรวบรวมอิสราเอลที่สัญญาไว้จะไม่เกิดขึ้น

งานเผยแผ่ศาสนาสำคัญต่อการรวบรวมนั้นอย่างยิ่งเช่นกัน ผู้รับใช้ของพระเจ้าออกไปประกาศการฟื้นฟู ในหลายประชาชาติสมาชิกและผู้สอนศาสนาของเราค้นหาเหล่าอิสราเอลที่กระจัดกระจายไป พวกเขาสืบหาคนเหล่านั้น “ตามซอกหิน” (เยเรมีย์ 16:16) และพวกเขาจับคนเหล่านั้นดังจับปลาเหมือนในสมัยโบราณ

งานเผยแผ่ศาสนาเชื่อมโยงผู้คนกับพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำกับอับราฮัมแต่โบราณกาล:

“เจ้าจะเป็นพรแก่พงศ์พันธุ์ของเจ้าต่อจากเจ้า, กระทั่งในมือพวกเขา พวกเขาจะนำการปฏิบัติศาสนกิจและฐานะปุโรหิตนี้สู่ประชาชาติทั้งปวง;

“และเราจะอวยพรพวกเขาโดยผ่านชื่อของเจ้า; เพราะมากเท่าที่ได้รับพระกิตติคุณนี้จะได้รับเรียกตามชื่อของเจ้า, และจะนับไว้เป็นพงศ์พันธุ์ของเจ้า, และจะลุกขึ้นและอวยพรเจ้า, เป็นบิดาพวกเขา” (อับราฮัม 2:9–10)

งานเผยแผ่ศาสนาเป็นเพียงการเริ่มต้นของพรดังกล่าว สัมฤทธิผล ความสมบูรณ์ครบถ้วนของพรเหล่านั้นจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ที่เข้าสู่น้ำบัพติศมาทำให้ชีวิตของตนดีพร้อมถึงระดับที่พวกเขาอาจเข้าพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้ การรับเอ็นดาวเม้นท์ที่นั่นผนึกสมาชิกของศาสนจักรเข้ากับพันธสัญญาของอับราฮัม

การเลือกที่จะมาหาพระคริสต์ไม่ใช่เรื่องของที่ตั้งทางกายภาพ แต่เป็นเรื่องของความมุ่งมั่นของแต่ละคน สมาชิกศาสนจักรทุกคนเข้าถึงหลักคำสอน ศาสนพิธี กุญแจฐานะปุโรหิตและพรของพระกิตติคุณได้ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใด เราสามารถนำผู้คน “มาสู่ความรู้เรื่องพระเจ้า” (3 นีไฟ 20:13) โดยพวกเขาไม่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน

จริงที่ว่าในยุคแรกของศาสนจักร การเปลี่ยนใจเลื่อมใสมักหมายถึงการโยกย้ายถิ่นฐานด้วย แต่ขณะนี้งานการรวบรวมเกิดขึ้นในแต่ละประชาชาติ พระเจ้าทรงประกาศิตการสถาปนาไซอัน (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:6; 11:6) ในแต่ละเขตแดนที่พระองค์ประทานการถือกำเนิดและการถือสัญชาติแก่วิสุทธิชนของพระองค์ สถานที่รวบรวมวิสุทธิชนชาวบราซิลอยู่ในบราซิล สถานที่รวบรวมวิสุทธิชนชาวไนจีเรียอยู่ในไนจีเรีย สถานที่รวบรวมวิสุทธิชนชาวเกาหลีอยู่ในเกาหลี ไซอันคือ“ผู้มีใจบริสุทธิ์” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 97:21) คือที่ใดก็ตามที่วิสุทธิชนผู้ชอบธรรมอยู่

ความมั่นคงทางวิญญาณจะขึ้นอยู่กับ วิธี ที่เขาดำเนินชีวิตเสมอ ไม่ใช่ สถานที่ ที่เขาดำเนินชีวิต ข้าพเจ้าสัญญาว่าถ้าเราทำสุดความสามารถที่จะใช้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์และเข้าถึงพลังแห่งการชดใช้ของพระองค์ผ่านการกลับใจ เราจะมีความรู้และพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าในการช่วยเรานำพรแห่งพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ไปยังทุกประชาชาติ ตระกูล ภาษา และผู้คน และเพื่อเตรียมโลกให้พร้อมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเจ้า

การเสด็จมาครั้งที่สอง

พระเจ้าจะเสด็จกลับสู่ดินแดนที่พระองค์ทรงทำให้ศักดิ์สิทธิ์โดยพระพันธกิจของพระองค์ที่นั่นในความเป็นมรรตัย พระองค์จะเสด็จมาสู่เยรูซาเล็มอีกครั้ง ในชัยชนะ โดยทรงเสื้อคลุมอย่างกษัตริย์สีแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของพระโลหิตซึ่งไหลจากทุกขุมขน พระองค์จะเสด็จกลับมาสู่นครศักดิ์สิทธิ์ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 133:46–48) ที่นั่นและที่อื่นๆ “พระสิริของพระยาห์เวห์จะปรากฏ แล้วมนุษย์ทุกคนจะมองเห็นด้วยกัน” (อิสยาห์ 40:5; ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 101:23 ด้วย) “เขาจะขนานนามของท่านว่า ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช” (อิสยาห์ 9:6)

พระองค์จะทรงปกครองจากเมืองหลวงสองแห่งในโลก: หนึ่งคือในนครเยรูซาเล็มเก่า (ดู เศคาริยาห์ 14) และอีกแห่งหนึ่งในนครเยรูซาเล็มใหม่ “สร้างขึ้นในทวีปอเมริกา” (หลักแห่งความเชื่อ 1:10) จากศูนย์กลางทั้งสองแห่ง พระองค์จะทรงกำกับดูแลเรื่องต่างๆ ในศาสนจักรและอาณาจักรของพระองค์ จะสร้างพระวิหารขึ้นอีกแห่งหนึ่งในเยรูซาเล็ม จากพระวิหารแห่งนั้นพระองค์จะทรงครองบัลลังก์ตลอดกาลอย่างจอมเจ้านาย น้ำจะออกมาจากใต้พระวิหาร ผืนน้ำแห่งทะเลตายจะจืด (ดู เอเสเคียล 47:1-8)

ในวันนั้นพระองค์จะทรงมีพระนามใหม่และรายรอบไปด้วยวิสุทธิชนกลุ่มพิเศษ พระองค์จะทรงเป็นที่รู้จักในฐานะ “เจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย และทรงเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย: และพวกที่ [จะอยู่] กับพระองค์นั้นก็ [จะเป็นพวกที่] ได้รับการทรงเรียกและได้รับการทรงเลือก และเป็นพวกที่ซื่อสัตย์” (วิวรณ์ 17:14) ต่อความวางใจของพวกเขาที่นี่ในความเป็นมรรตัย แล้วพระองค์ “จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์” (วิวรณ์ 11:15)

แผ่นดินโลกจะกลับสู่สภาพคล้ายสวรรค์และถูกทำใหม่ จะมีฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ (ดู วิวรณ์ 21:1; อีเธอร์ 13:9; หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:23–24)

นี่คือหน้าที่ของเรา—นี่คือสิทธิพิเศษของเรา—ที่จะช่วยเตรียมโลกสำหรับวันนั้น

ภาพ
Jesus with little boy

จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด, โดย เจย์ ไบรอันท์ วอร์ด ไม่อนุญาตให้ทำสำเนา

เผชิญอนาคตด้วยศรัทธา

ขณะเดียวกันนี้ ที่นี่และเดี๋ยวนี้ เราอาศัยอยู่ในยุคของความวุ่นวาย แผ่นดินไหวและสึนามิก่อให้เกิดหายนะ รัฐบาลล่มสลาย เศรษฐกิจฝืดเคืองอย่างหนัก ครอบครัวถูกโจมตี และอัตราการหย่าร้างเพิ่มสูงขึ้น เรามีเหตุผลเพียงพออย่างมากให้ห่วงกังวล แต่เราไม่จำเป็นต้องปล่อยให้ความกลัวเข้าแทนที่ศรัทธา เราต่อสู้กับความกลัวเหล่านั้นได้โดยเสริมสร้างศรัทธาของเรา

เหตุใดเราจึงต้องมีศรัทธามั่นคงเช่นนั้น? เพราะมีอุปสรรครออยู่ข้างหน้า การเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่ซื่อสัตย์ในอนาคตไม่ง่ายหรือไม่เป็นที่ชื่นชอบมากนัก เราแต่ละคนจะได้รับการทดสอบ อัครสาวกเปาโลเตือนว่าในยุคสุดท้ายผู้พากเพียรทำตามพระเจ้า “จะถูกกดขี่ข่มเหง” (2 ทิโมธี 3:12) การข่มเหงเช่นนั้นสามารถเบียดท่านเข้าไปในความอ่อนแอแบบเงียบๆ หรือกระตุ้นท่านให้เป็นแบบอย่างและกล้าหาญมากขึ้นในชีวิตประจำวัน

วิธี ที่ท่านรับมือกับการทดลองของชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาศรัทธา ความเข้มแข็งเกิดขึ้นเมื่อท่านจดจำว่าท่านมีธรรมชาติแห่งสวรรค์ นั่นคือมรดกอันประมาณค่ามิได้ พระเจ้าทรงเตือนท่าน และบุตรหลานของท่านว่าท่านเป็นทายาทตามกฎ พระองค์ทรงสงวนท่านไว้ในสวรรค์ให้เกิดมาในเวลาและสถานที่พิเศษจำเพาะเพื่อให้เติบโตเป็นผู้ถือธงสัญญาณและเป็นผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระองค์ เมื่อท่านเดินในเส้นทางแห่งความชอบธรรมของพระเจ้า ท่านจะได้รับพรให้ดำเนินต่อไปในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ เป็นความสว่างและเป็นผู้ช่วยผู้คนของพระองค์ให้รอด (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 86:8-11)

ขอให้ท่านทำทุกอย่างเพื่อเสริมสร้างศรัทธาของท่านในพระเยซูคริสต์ และเพิ่มพูนความเข้าใจเรื่องหลักคำสอนที่สอนในศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟู และแสวงหาความจริงอย่างไม่ย่อท้อ โดยมีรากฐานมั่นคงในหลักคำสอนบริสุทธิ์ ท่านจะสามารถก้าวไปข้างหน้าด้วยศรัทธา ทำทุกอย่างที่อยู่ในอำนาจของท่านอย่างร่าเริงและไม่ลดละเพื่อให้จุดประสงค์ของพระเจ้าเกิดสัมฤทธิผล

จะมีบางวันที่ท่านจะท้อแท้อย่างยิ่ง ดังนั้นจงสวดอ้อนวอนขอความกล้าหาญไม่ให้ยอมแพ้! น่าเศร้าเมื่อคนที่ท่านคิดว่าเป็นเพื่อนจะทรยศท่าน และบางอย่างจะดูเหมือนไม่ยุติธรรม

อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่าเมื่อท่านติดตามพระเยซูคริสต์ ท่านจะพบสันติสุขที่ยั่งยืนและปีติที่แท้จริง เมื่อท่านรักษาพันธสัญญาอย่างเคร่งครัดมากขึ้น เมื่อท่านปกป้องศาสนจักรและอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลกวันนี้ พระเจ้าจะประทานพรให้ท่านมีพลังและปัญญาเพื่อประสบผลสำเร็จในสิ่งที่สมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเท่านั้นที่ทำได้

เราต้องเป็นผู้สร้างศรัทธาส่วนบุคคลในพระผู้เป็นเจ้า ศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ และศรัทธาในศาสนจักรของพระองค์ เราต้องสร้างครอบครัวและผนึกในพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ เราต้องสร้างศาสนจักรและอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก (ดู มัทธิว 6:33) เราต้องเตรียมตัวเพื่อจุดหมายอันสูงส่งของเราเอง: รัศมีภาพ ความเป็นอมตะ และชีวิตนิรันดร์ (ดู โรม 2:7; หลักคำสอนและพันธสัญญา 75:5)

ข้าพเจ้าเป็นพยานต่อท่านด้วยความอ่อนน้อมว่า—ดังที่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธประกาศไว้—พระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ “จะออกไปอย่างองอาจ มีเกียรติ และเป็นอิสระ จนกว่าจะเข้าไปสู่ทุกทวีป ไปเยือนทุกถิ่น ไปยังทั่วทุกประเทศ และก้องอยู่ในทุกหู จนกว่าจุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าจะสำเร็จ และพระเยโฮวาห์ผู้ทรงฤทธานุภาพจะตรัสว่างานสำเร็จแล้ว”—(เลียโฮนา, มกราคม 2014, “เผชิญอนาคตด้วยศรัทธา & ความหวัง,” เอ็ม รัสเซลล์ บัลลาร์ด, หน้า 20)

เราร่วมงานของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนให้พระพรของพระองค์อยู่กับพวกท่านแต่ละคนและทุกคน