2020
การฟื้นฟูต่อเนื่อง
เมษายน 2020


การฟื้นฟู ต่อเนื่อง

การฟื้นฟูเริ่มต้นในป่าศักดิ์สิทธิ์เมื่อ 200 ปีก่อนและดำเนินต่อมาจนถึงทุกวันนี้—ท่านและข้าพเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ได้

ภาพ
Joseph Smith kneeling

ความปรารถนาของใจข้าพเจ้า (นิมิตแรก), โดย วอลเตอร์ เรน

นี่คือช่วงเวลาอันน่าอัศจรรย์และน่าตื่นเต้นบนแผ่นดินโลก เราได้รับพรของการมีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในสมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลา เตรียมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเจ้า1 เราไม่เพียงเฝ้าดูเหตุการณ์ยิ่งใหญ่เหล่านี้เผยออกมาแต่เราได้เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ด้วย2

บางครั้งเราพูดถึงการฟื้นฟูพระกิตติคุณราวกับว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในครั้งเดียว นิมิตแรกเริ่มกระบวนการนี้เมื่อสองร้อยปีก่อน แต่แน่นอนว่าการฟื้นฟูไม่ได้สิ้นสุดที่นั่น งานของพระเจ้าที่ทำงานผ่านโจเซฟ สมิธและเพื่อนร่วมงานของท่านเริ่มด้วยการแปลพระคัมภีร์มอรมอน ฟื้นฟูฐานะปุโรหิต จัดตั้งศาสนจักร ส่งผู้สอนศาสนาออกไป สร้างพระวิหาร จัดตั้งสมาคมสงเคราะห์และอื่นๆ เหตุการณ์เกี่ยวกับการฟื้นฟูเหล่านี้เริ่มต้นในปี 1820 และดำเนินต่อมาตลอดชีวิตของโจเซฟ สมิธ

แม้มีสิ่งอัศจรรย์ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยผ่านโจเซฟ สมิธ การฟื้นฟูไม่ได้เสร็จสมบูรณ์ในช่วงชีวิตของท่าน โดยผ่านศาสดาพยากรณ์หลังจากท่านเราได้รับสิ่งต่างๆ เช่น การพัฒนางานพระวิหารอย่างต่อเนื่อง พระคัมภีร์เพิ่มเติม การแปลพระคัมภีร์เป็นภาษาต่างๆ มากมาย การนำพระกิตติคุณไปทั่วโลก การจัดตั้งโรงเรียนวันอาทิตย์ เยาวชนหญิง ปฐมวัย และโควรัมฐานะปุโรหิต การปรับเปลี่ยนมากมายในเรื่องการจัดระเบียบและระเบียบปฏิบัติของศาสนจักร

“เราเป็นพยานถึงกระบวนการฟื้นฟู” ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกล่าว “ถ้าท่านคิดว่าศาสนจักรฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว ท่านเพิ่งเห็นการเริ่มต้น ยังมีอีกมากที่จะตามมา … รอให้ถึงปีหน้า และปีต่อไป กินวิตามินของท่าน พักผ่อนให้เพียงพอ อนาคตจะน่าตื่นเต้นแน่นอน”3

โดยสอดคล้องกับที่ประธานเนลสันประกาศว่าการฟื้นฟูเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เราได้เห็นการปรับเปลี่ยนที่สำคัญมากมายในศาสนจักรตั้งแต่ท่านเป็นประธาน ในบรรดาสิ่งเหล่านั้นคือ การปรับโครงสร้างใหม่ของโควรัมฐานะปุโรหิต การปฏิบัติศาสนกิจแทนการสอนประจำบ้านและการเยี่ยมสอน และการสถาปนาวิธีศึกษาพระกิตติคุณโดยมีบ้านเป็นศูนย์กลาง ศาสนจักรสนับสนุน4 จากจุดนั้นมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้น และที่มากกว่านั้นกำลังจะเกิดขึ้น

ตัวอย่างในแอฟริกาตะวันตก

ประจักษ์พยานของข้าพเจ้าเกี่ยวกับลักษณะอันต่อเนื่องของการฟื้นฟูได้รับผลจากระยะเวลาห้าปีที่รับใช้เป็นฝ่ายประธานภาคแอฟริกาตะวันตก ข้าพเจ้ามีประจักษ์พยานในพระกิตติคุณตั้งแต่วัยหนุ่ม แต่ขณะอาศัยอยู่ในแอฟริกา ข้าพเจ้าได้รู้จักกับชาวแอฟริกาตะวันตกที่ยอมรับพระกิตติคุณเป็นกลุ่มแรก ข้าพเจ้าเห็นอีกว่าศาสนจักรขยายไปทั่วทวีปนี้อย่างรวดเร็ว โดยมีการจัดตั้งวอร์ดและสเตคจำนวนหลายร้อยแห่ง พระวิหารและอาคารประชุมเต็มจนล้นไปด้วยสมาชิกที่ซื่อสัตย์ และหญิงชายที่ดีต่างน้อมรับพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูไว้ด้วยสุดใจของพวกเขา ข้าพเจ้าเห็นกับตาถึงสัมฤทธิผลของคำพยากรณ์ของโจเซฟ สมิธที่ว่าศาสนจักร “จะเต็มโลก”5

วันหนึ่งสมาชิกที่ซื่อสัตย์ยิ่งสองคน เจมส์ อีวัดซีและเฟรเดอริก แอนทวิ ช่วยเหลือข้าพเจ้าในพระวิหารอักกรา กานา หลายปีก่อนที่ผู้สอนศาสนาวิสุทธิชนยุคสุดท้ายจะไปถึงกานา เจมส์เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนประมาณ 1,000 คนที่ใช้พระคัมภีร์มอรมอนและสื่อสิ่งพิมพ์อื่นๆ ของศาสนจักรในการประชุมที่โบสถ์ของพวกเขา พวกเขาสวดอ้อนวอนถึงวันที่ศาสนจักรจะมาถึงกานา เขาร่วมเดินทางกับชายหนุ่มคนอื่นๆ ไปทั่วกานาและสอนพระกิตติคุณที่พบในสื่อสิ่งพิมพ์ของเรา ทันทีที่ผู้สอนศาสนาไปถึงในปี 1978 เขารับบัพติศมาในวันแรกที่มีการประกอบพิธีบัพติศมาของวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในกานา

ภาพ
Frederick Antwi

เฟรด แอนทวิ สมาชิกผู้บุกเบิกของศาสนจักรในกานา

ช่วงแรกที่เฟรดเพิ่งเป็นสมาชิก เขาเข้าร่วมพิธีศพของญาติผู้เป็นหัวหน้าเผ่า ที่พิธีศพเขาพบว่าครอบครัววางแผนให้เขาเป็นหัวหน้าคนใหม่ โดยที่รู้ว่าตำแหน่งดังกล่าวจะทำให้เขาต้องทำหลายสิ่งที่ขัดต่อความเชื่อในพระกิตติคุณ เขารีบหลบหน้าหลังการฝังศพและหันหลังให้ตำแหน่งที่จะนำเขาไปสู่ความมีชื่อเสียงและความมั่งคั่ง

ทันทีที่พระวิหารอักกราได้รับการอุทิศ ทั้งเจมส์และเฟรดเดินทางนานกว่าสี่ชั่วโมงเฉพาะขาไปทุกสัปดาห์เพื่อไปทำงานเป็นเจ้าหน้าที่พระวิหาร ขณะประกอบศาสนพิธีกับพวกเขา ข้าพเจ้าท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกถึงประวัติศาสตร์ที่อยู่รายรอบตัวข้าพเจ้า โดยที่ตระหนักว่าชายสองคนนี้คือตัวแทนของประวัติศาสนจักรในแอฟริกา ข้าพเจ้ารู้สึกคล้ายกับว่ากำลังอยู่กับจอห์น เทย์เลอร์หรือวิลฟอร์ด วูดดรัฟฟ์หรือสมาชิกยุคแรกๆ ของศาสนจักรท่านอื่นๆ ขณะทำศาสนพิธีเหล่านั้น

สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็น มีประสบการณ์ และรู้สึกในแอฟริกาตะวันตกคือเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่พระเจ้าตรัสบอกเอโนคว่าจะเกิดขึ้น: “และเราจะส่งความชอบธรรมลงมาจากสวรรค์; และเราจะส่งความจริงออกมาจากแผ่นดินโลก, เพื่อแสดงประจักษ์พยานถึงพระองค์เดียวที่ถือกำเนิดของเรา; … และเราจะทำให้ความชอบธรรมและความจริงถั่งท้นแผ่นดินโลกดังด้วยน้ำท่วม, เพื่อรวบรวมผู้ที่เราเลือกไว้ออกมาจากสี่เสี้ยวของแผ่นดินโลก” (โมเสส 7:62)

ข้าพเจ้าเห็นความชอบธรรมและความจริงถั่งท้นไปทั่วทวีปแอฟริกาและเห็นการรวบรวมผู้ที่ทรงเลือกไว้จากส่วนนั้นของโลก ประจักษ์พยานของข้าพเจ้าเกี่ยวกับการฟื้นฟูได้รับการเสริมกำลังเพราะข้าพเจ้าเห็นส่วนสำคัญของการฟื้นฟูที่เกิดขึ้นนั้นต่อหน้าข้าพเจ้า

นอกจากนี้ข้าพเจ้ายังเห็นสิ่งอื่นๆ เกี่ยวกับการฟื้นฟูที่ต่อเนื่อง นั่นคือ ศรัทธาที่มีพลังและพลังงานทางวิญญาณในหมู่สมาชิกชาวแอฟริกา ข้าพเจ้าเคยได้ยินเอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์ แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวว่า “เคิร์ทแลน [ที่ซึ่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายอาศัยอยู่ในทศวรรษที่ 1830] ไม่ได้อยู่ที่โอไฮโอเท่านั้น แต่อยู่ในแอฟริกาด้วย” ผู้คนมากมายเข้าร่วมศาสนจักรในแอฟริกาโดยมีพื้นฐานอยู่บนประสบการณ์ทางวิญญาณส่วนตัวที่ทรงพลังของพวกเขา สมาชิกใหม่เหล่านั้นนำพลังงานทางวิญญาณและความต้องการที่จะเรียนรู้พระกิตติคุณเพิ่มขึ้นมาด้วย สำหรับพวกเขาการฟื้นฟูเป็นความต่อเนื่องในความรู้สึกส่วนตัว ขณะพวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับศาสนจักรมากขึ้นเรื่อยๆ ความจริงของพระกิตติคุณก็เผยสู่ทัศนะของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้เป็นความจริงต่อเราทุกคนเช่นกันเมื่อเราขยายความรู้ในพระกิตติคุณของเราอย่างต่อเนื่อง

สามวิธีช่วยการฟื้นฟูต่อเนื่อง

พระผู้เป็นเจ้าประทานโอกาสประเสริฐให้เรามีบทบาทสำคัญยิ่งในงานนี้ พระเจ้าตรัสว่า “ร่างกาย [ของศาสนจักร] ต้องการ [สมาชิกทุกคน]” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 84:110) สมาชิกทุกคนของศาสนจักรมีพรของการมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูต่อเนื่อง เราจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?

วิธีหนึ่งที่เราจะมีส่วนร่วมคือการทำและรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ ศาสนพิธีต่างๆ รวมถึงศาสนพิธีพระวิหาร ไม่มีจุดประสงค์เว้นแต่ผู้คนจะทำและรักษาพันธสัญญาที่ควบคู่มากับศาสนพิธีเหล่านั้น ซิสเตอร์บอนนี พาร์กิน อดีตประธานสมาคมสงเคราะห์สามัญ สอนไว้ว่า “การทำพันธสัญญาคือการแสดงออกของใจที่เต็มใจ การรักษาพันธสัญญาคือการแสดงออกของใจที่ซื่อสัตย์”6

โดยการทำและรักษาพันธสัญญา เราไม่เพียงเตรียมตนเองเพื่อชีวิตนิรันดร์ แต่เรายังช่วยเตรียมและเสริมความเข้มแข็งให้แก่สิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกว่า “ผู้คนแห่งพันธสัญญาของเรา” ด้วย (หลักคำสอนและพันธสัญญา 42:36) เราทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าและเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระองค์ผ่านบัพติศมา การยืนยัน ศีลระลึก ฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคและศาสนพิธีพระวิหาร

วิธีที่สองที่เราสามารถมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูต่อเนื่องคือทำการเรียกและงานมอบหมายที่เราได้รับให้เกิดสัมฤทธิผล นั่นคือวิธีที่ศาสนจักรก้าวไปข้างหน้า ครูผู้อุทิศตนสอนพระกิตติคุณแก่เด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ ซิสเตอร์และบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจดูแลสมาชิกศาสนจักรแต่ละคน ฝ่ายประธานและฝ่ายอธิการให้แนวทางแก่สเตค ท้องถิ่น วอร์ด สาขา โควรัม องค์การ ชั้นเรียนและกลุ่ม ผู้นำเยาวชนดูแลเยาวชนหญิงและเยาวชนชาย พนักงานและเลขานุการบันทึกข้อมูลสำคัญซึ่งจากนั้นจะบันทึกไว้ในสวรรค์ และเจ้าหน้าที่อื่นๆ อีกมากมายซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเตรียมผู้คนสำหรับชีวิตนิรันดร์และการเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอด

ภาพ
members in Ghana

เยาวชนเข้าแถวเพื่อเข้าพระวิหารอักกรา กานา

วิธีที่สามที่เราสามารถมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูคือการช่วยรวบรวมอิสราเอล จากยุคแรกๆ ของการฟื้นฟู เรื่องนี้เป็นส่วนสำคัญยิ่งของงานนี้ ตามที่ประธานเนลสันสอน เรามีโอกาสและหน้าที่ช่วยเหลือการรวบรวมครั้งนี้ซึ่งเกิดขึ้นทั้งสองด้านของม่าน ในข่าวสารปิดการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกในฐานะประธานของศาสนจักรประธานเนลสันกล่าวอย่างชัดเจนว่า “ข่าวสารของเราต่อโลกเรียบง่ายและจริงใจ นั่นคือ เราเชื้อเชิญให้บุตรธิดาทั้งปวงของพระผู้เป็นเจ้าทั้งสองด้านของม่านมาหาพระผู้ช่วยให้รอด รับพรของพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ มีปีติที่ยั่งยืน และคู่ควรรับชีวิตนิรันดร์”7

การรวบรวมอิสราเอลทางด้านนี้ของม่านหมายถึงงานเผยแผ่ศาสนา เราทุกคนที่สามารถรับใช้ในคณะเผยแผ่แบบเต็มเวลาได้ควรพิจารณาโอกาสนั้นให้ดี ข้าพเจ้าถือว่าเป็นพรอันประเสริฐที่สามารถรับใช้ในคณะเผยแผ่ที่อิตาลีขณะศาสนจักรเพิ่งเริ่มต้นใหม่ที่นั่น สาขาของเราประชุมกันในห้องโถงเช่า และเราหวังว่าสักวันหนึ่งจะมีสเตคและวอร์ดอยู่ที่นั่น ข้าพเจ้าเฝ้าดูผู้บุกเบิกที่กล้าหาญเข้ามาสู่ศาสนจักรและวางรากฐานสำหรับการรวบรวมอิสราเอลในแผ่นดินอันประเสริฐนั้น

คนหนึ่งในผู้คนเหล่านี้คือ อานีส กัลดิโอโล เราทุกคนรู้สึกถึงพระวิญญาณอย่างแรงกล้าขณะเธอเรียนบทเรียนกับผู้สอนศาสนา แม้จะรู้สึกถึงพระวิญญาณเช่นนั้น แต่เธอก็รู้ว่าครอบครัวของเธอต้องคัดค้านการรับบัพติศมาของเธออย่างรุนแรง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เธอเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ เธอตกลงยอมรับบัพติศมา แต่แล้วเมื่อถึงเช้าของวันที่กำหนดไว้ว่าจะรับบัพติศมาเธอกลับเปลี่ยนใจ เธอมาก่อนเวลาที่ห้องโถงเช่าที่เธอจะต้องรับบัพติศมา เพื่อบอกเราว่าเพราะแรงกดดันจากครอบครัว เธอทำไม่ได้

ก่อนออกไป เธอยอมตกลงที่จะคุยกับเราสองสามนาที เราไปที่ห้องเรียนซึ่งที่นั่นเราแนะนำให้สวดอ้อนวอนด้วยกัน หลังจากคุกเข่าลง เราขอให้เธอเป็นผู้สวดอ้อนวอน หลังการสวดอ้อนวอนเธอยืนขึ้นทั้งน้ำตาและพูดว่า “ได้ ดิฉันจะรับบัพติศมา” หลังจากนั้นสองสามนาทีเธอก็รับบัพติศมา ปีต่อมาเธอแต่งงานกับเซบัสเตียโน คะรูโซ และพวกเขาเลี้ยงดูลูกสี่คน ทุกคนรับใช้ในคณะเผยแผ่และนับแต่นั้นมายังคงรับใช้ในศาสนจักร

ภาพ
Caruso family

เอ็ลเดอร์และซิสเตอร์เคอร์ติสกับสมาชิกบางคนของครอบครัวคะรูโซ

อานีสและเซบัสเตียโนรับใช้ในคณะเผยแผ่ด้วย โดยเซบัสเตียโนเป็นประธานคณะเผยแผ่ 25 ปีหลังจากคณะเผยแผ่แรก ข้าพเจ้ารับใช้ในคณะเผยแผ่ที่สองในอิตาลี ข้าพเจ้าได้เห็นสิ่งที่ครอบครัวคะรูโซและผู้บุกเบิกคนอื่นๆ ทำไว้เพื่อขยายอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าที่นั่น ข้าพเจ้ากับผู้สอนศาสนาของข้าพเจ้าทำงานเพื่อเสริมสร้างศาสนจักร ฝันว่าวันหนึ่งจะมีการสร้างพระวิหารในอิตาลี ลองนึกถึงปีติที่ข้าพเจ้ามีต่อความจริงที่ว่าขณะนี้เรามีพระวิหารโรม อิตาลีแล้ว

มีปีติไม่กี่อย่างที่สามารถเทียบได้กับปีติของผู้สอนศาสนา เป็นพรอันประเสริฐเพียงใดที่ได้เกิดมาในช่วงเวลาที่เราสามารถมีส่วนร่วมอย่างปีติในการฟื้นฟูต่อเนื่องโดยการช่วยรวบรวมอิสราเอล!

แน่นอนว่าปีติของผู้สอนศาสนา ใช่ว่าจะรู้สึกได้เฉพาะผู้สอนศาสนาเต็มเวลา เราแต่ละคนสามารถช่วยเหลือพี่น้องของเราได้ในการเปลี่ยนใจเลื่อมใสหรือการทำให้แข็งขันโดยทำงานไปด้วยกันกับผู้สอนศาสนาเต็มเวลา เรามีโอกาสในการรวบรวมอิสราเอลโดยเชื้อเชิญผู้อื่นให้มาดูและโดยการผูกมิตรกับผู้ที่กำลังเรียน

เราช่วยรวบรวมอิสราเอลอีกด้านหนึ่งของม่านด้วยการทำงานพระวิหารและประวัติครอบครัว งานนี้เป็นความรับผิดชอบอันศักดิ์สิทธิ์ที่เราทำมาหลายปีแล้ว ก่อนที่โจเซฟ สมิธจะสิ้นชีวิต วิสุทธิชนประกอบศาสนพิธีบัพติศมาแทนคนตายและบางคนได้รับเอ็นดาวเม้นท์และการผนึก เมื่อพระวิหารนอวูเสร็จสมบูรณ์ เอ็นดาวเม้นท์สำหรับคนเป็นเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง เอ็นดาวเม้นท์และการผนึกสำหรับบรรพชนเริ่มขึ้นในพระวิหารที่ยูทาห์ด้วย

เอไลซา อาร์. สโนว์ ผู้มีส่วนร่วมคนสำคัญในขั้นตอนนั้นของการฟื้นฟู เข้าใจความสำคัญของการฟื้นฟูส่วนนั้น เธอใช้เวลามากมายในอาคารเอ็นดาวเม้นท์ เพื่อช่วยเหลือการทำศาสนพิธีที่นั่น8 ระหว่างการเยี่ยมสมาคมสงเคราะห์ครั้งหนึ่งในปี 1869 เธอสอนพี่น้องสตรีของเธอว่า “ดิฉันครุ่นคิดถึงงานยิ่งใหญ่ที่เราต้องทำ แม้ในการช่วยเหลือเพื่อความรอดของคนเป็นและคนตาย เราต้องการเป็น … สหายที่เหมาะสมของบรรดาพระผู้เป็นเจ้าและพระผู้บริสุทธิ์”9

และแน่นอนว่าโอกาสในการประกอบศาสนพิธีพระวิหารขยายออกไปอย่างรวดเร็วด้วยการก่อสร้างพระวิหารมากมายทั่วโลก โดยจะมีมากกว่านี้

ด้วยเครื่องมือที่เรามีอยู่ขณะนี้ งานพระวิหารและประวัติครอบครัวสามารถเป็นส่วนที่เราทำอยู่เป็นประจำของการมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูต่อเนื่องได้ ข้าพเจ้าสนใจและเกี่ยวข้องกับงานประวัติครอบครัวหลายปี และเครื่องมือออนไลน์ช่วยให้ข้าพเจ้านำรายชื่อครอบครัวไปพระวิหารได้สำเร็จอย่างดียิ่งขึ้น ข้าพเจ้ามีความทรงจำอันศักดิ์สิทธิ์ของการนั่งที่โต๊ะในอพาร์ตเมนต์ของเราในกานาและค้นหารายชื่อบรรพชนชาวยุโรปของข้าพเจ้าที่ภรรยาและข้าพเจ้าสามารถนำไปที่พระวิหารอักกรา กานาได้ โอกาสอันแสนปีตินั้นติดตามเราไปยังที่อื่นๆ ที่เราถูกส่งไป

ผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ พระผู้เป็นเจ้าทรงเริ่มกระบวนการที่ “ทำให้เกิดการฟื้นฟูของสิ่งทั้งปวงที่พูดไว้จากปากของศาสดาพยากรณ์ผู้บริสุทธิ์ทุกคน นับแต่โลกเริ่มต้น” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 27:6) การฟื้นฟูนั้นต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเมื่อพระผู้เป็นเจ้า “ทรงเปิดเผยขณะนี้” และ “จะยังทรงเปิดเผยเรื่องสำคัญและยิ่งใหญ่อีกหลายเรื่องเกี่ยวกับอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า” (หลักแห่งความเชื่อ 1:9) ข้าพเจ้าสำนึกคุณอย่างสุดซึ้งที่เราได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูต่อเนื่องนี้

อ้างอิง

  1. ดู เอเฟซัส 1:10; หลักคำสอนและพันธสัญญา 27:13

  2. ดู ดาเนียล 2:35-45; หลักคำสอนและพันธสัญญา 65.

  3. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, ใน “Latter-day Saint Prophet, Wife and Apostle Share Insights of Global Ministry,” Oct. 30, 2018, newsroom.ChurchofJesusChrist.org

  4. ดู “ทิศทางที่ได้รับการดลใจ” เลียโฮนา พ.ค. 2019, 121.

  5. คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ (2007), 147.

  6. บอนนี่ ดี. พาร์คิน, “With Holiness of Heart,” Liahona, Nov. 2002, 103.

  7. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ขอให้เรารุดไป,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 118. เพื่อตอกย้ำความคิดนี้ ประธานเนลสันพูดในการประชุมใหญ่สามัญเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมาว่า “ขอให้เราอุทิศชีวิตรับใช้พระผู้เป็นเจ้าและบุตรธิดาของพระองค์—ทั้งสองด้านของม่าน” (“คำปราศรัยปิดการประชุม,” เลียโฮนา, พ.ค. 2019, 112).

  8. อาคารเอ็นดาวเม้นท์สร้างอยู่บนเท็มเปิลสแควร์ขณะกำลังสร้างพระวิหารซอลท์เลค อาคารเอ็นดาวเม้นท์ได้รับการอุทิศในปี 1855 ใช้สำหรับศาสนพิธีพระวิหารจนถึงปี 1889

  9. เอไลซา อาร์. สโนว์ปราศรัยแก่สมาคมสงเคราะห์วอร์ดลีไฮ 27 ต.ค. 1869. Relief Society Minute Book, 1868–79, Church History Library, 26–27.