2020
ข้าพเจ้าได้รับศรัทธามาทีละขั้น
เมษายน 2020


ข้าพเจ้า ได้รับ ศรัทธา มาทีละขั้น

การได้รับประจักษ์พยานใช้เวลา บ่อยครั้งต้องรวมประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ หลายครั้งเข้าด้วยกัน

ภาพ
1. Legs with bare feet, 200 liter barrel being pushed along dirt road. Scene of Zimbabwe in background. 2. Legs walking off page. Pants and shoes suitable for church. African scene in bkgrd. _Spot: Elder Dube approx 22 yrs old bearing testimony from church benches.

ช่วงเวลาหนึ่งที่มีความหมายในชีวิตข้าพเจ้าเกิดขึ้นเมื่ออายุ 10 ขวบ เมื่อข้าพเจ้าใช้เวลาสองสัปดาห์เรียนรู้หลักคำสอนคาทอลิกที่มิสซังลอเรโต โรมันคาทอลิก ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 20 ไมล์ (32 กม.) จากบ้านชนบทของข้าพเจ้าในซิโลเบลา ซิมบับเว ข้าพเจ้าได้รู้จักและรักพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์และพึ่งพาพระเจ้าผ่านบทเรียนและความประทับใจในวัยเยาว์นั้น

ขณะอยู่ในอาคารนมัสการของคาทอลิก ข้าพเจ้าเห็นภาพระบายสีจากพระชนม์ชีพของพระผู้ช่วยให้รอดติดไว้บนผนัง: ภาพการประสูติ การสอนในพระวิหาร การสวดอ้อนวอนในสวนเกทเสมนี การแบกกางเขนไปคัลวารี การถูกตรึงกางเขนที่กลโกธา และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ การเห็นตะปูและหนามเหล่านั้นทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าใจจริงๆ เมื่อมาถึงภาพการตรึงกางเขน ข้าพเจ้าน้ำตาคลอ และทุกครั้งข้าพเจ้าจะร้องไห้และพูดว่า “โอ พระองค์ทรงผ่านหลายสิ่งจริงๆ เพียงเพื่อตัวฉัน”

ระหว่างพิธียืนยัน บาทหลวงรูปหนึ่งมองเข้าไปในดวงตาข้าพเจ้าและพูดว่า “ลูกเป็นความสว่างของโลก” (ดู มัทธิว 5:14) แล้วชี้เทียนที่จุดไว้ อ้างพระวจนะของพระผู้ช่วยให้รอดว่า “พวกท่านจงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นความดีที่ท่านทำ พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์” (มัทธิว 5:16)

เมื่อข้าพเจ้าเรียนรู้เรื่องของพระเยซูมากขึ้น ข้าพเจ้าเริ่มต้องการรับใช้ผู้อื่น ตัวอย่างเช่น เราจะต้องไปขนน้ำจากแหล่งน้ำที่อยู่ห่างไปจากหมู่บ้านของเราประมาณห้าไมล์ (8 กม.) บ่อยครั้งสตรีในหมู่บ้าน รวมทั้งคุณแม่ข้าพเจ้าด้วย จะใช้ภาชนะขนาด 20 ลิตรที่ใส่น้ำเต็มเทินไว้บนศีรษะ หลังจากได้รับประสบการณ์ที่โรงเรียนสอนศาสนาคาทอลิก ข้าพเจ้ามักจะเข็นภาชนะขนาด 200 ลิตร ช่วยคุณแม่ และข้าพเจ้ายังช่วยหญิงม่ายอีกสองคนที่เป็นเพื่อนบ้านของเราด้วย ข้าพเจ้าจำความรู้สึกดีๆ ที่มีขึ้นทุกครั้งเมื่อช่วยผู้อื่นได้

ประสบการณ์เหล่านี้ช่วยพัฒนาศรัทธาของข้าพเจ้าในพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์และโดยทางอ้อมเตรียมข้าพเจ้าให้พร้อมรับพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เมื่ออายุ 22 ปี

รับพระคัมภีร์มอรมอน

ข้าพเจ้าโตขึ้นในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงในประเทศของข้าพเจ้า ชนกลุ่มน้อยชาวผิวขาวนำโดยเอียน สมิธ ประกาศอิสรภาพจากอังกฤษในปี 1965 เรื่องนั้นกระตุ้นการคว่ำบาตรจากสหประชาชาติและจุดชนวนสงครามกลางเมืองที่นานยืดเยื้อจนถึงปี 1980 ซึ่งเป็นเวลาที่ซิมบับเวได้รับเอกราช เมื่อจบการศึกษาข้าพเจ้าย้ายเข้าไปในเมืองเพื่อทำงานและไม่ได้ไปโบสถ์หลายปี

วันหนึ่งข้าพเจ้ากำลังเล่นกับลูกชายวัยเก้าขวบและเจ็ดขวบของเจ้านาย พวกเขาพูดว่า “รู้มั้ยคุณพ่อเราเป็นประธานสาขาในศาสนจักร” พวกเขาอธิบายว่าประธานสาขาคืออะไรและโดยไม่ทันได้คิด ผมพูดว่า “พ่อเธอจะไม่ได้ไปสวรรค์” ข้าพเจ้าตระหนักว่าผิดพลาดครั้งใหญ่ และคิดอย่างลนลานว่าจะพูดอะไรดีเพื่อทำให้พวกเขาลืมคำพูดข้าพเจ้า เย็นวันนั้นเมื่อเด็กๆ เห็นคุณพ่อของพวกเขา พวกเขาก็วิ่งไปหาและพูดซ้ำอย่างที่ข้าพเจ้าพูดไว้เลย ข้าพเจ้าคิดว่าตกงานแน่ๆ

ก่อนหน้านี้นายข้าพเจ้าเคยให้ดูเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาเมื่อเป็นทหารที่แสดงว่าเขาเคยฆ่าคนมา นั่นคือเหตุผลที่ข้าพเจ้าพูดอย่างนั้น ด้วยท่าทีที่ใจเย็นมาก เขาถามข้าพเจ้าว่าทำไมพูดอย่างนั้น ข้าพเจ้าตอบว่า “นายครับ จำได้ไหม นายบอกผมว่านายเคยฆ่าคนในสงคราม ในไบเบิลบอกไว้ว่า ‘ห้ามฆ่าคน’”

เขาถามผมว่าผมเข้าโบสถ์ที่ไหน ข้าพเจ้าบอกว่าเคยเข้าโบสถ์คาทอลิกแต่ไม่ได้เข้ามาเจ็ดปีแล้ว เขาแบ่งปันประสบการณ์ในพันธสัญญาเดิมเกี่ยวกับสงครามและความเกลียดชัง แล้วมอบพระคัมภีร์มอรมอนให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตื่นเต้นมากที่ไม่ตกงาน

เขาให้พระคัมภีร์มอรมอนข้าพเจ้าในปี 1981 แต่ข้าพเจ้าไม่ได้อ่านหรือไม่แม้แต่จะเปิดดูเป็นเวลาสองปี วันอาทิตย์วันหนึ่ง ข้าพเจ้าเบื่อที่เพื่อนๆ ออกไปนอกเมืองกัน จึงหยิบพระคัมภีร์แล้วไปนั่งอ่านที่สถานีรถไฟใกล้ๆ วันนั้นเมื่อข้าพเจ้าอ่าน ข้าพเจ้ารู้สึกได้ถึงแรงจูงใจให้ทำดี แต่เมื่ออ่านต่อไปเรื่อยๆ สิ่งที่เข้าถึงจิตใจข้าพเจ้าจริงๆ คือ 3 นีไฟ 11 ข้าพเจ้าอ่านเรื่องของชาวนีไฟที่รอดชีวิต ผู้ผ่านสงครามและความวุ่นวายสับสน แล้วพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ทรงปรากฏพระองค์ต่อพวกเขา

ประเทศของข้าพเจ้าผ่านสงครามของเราเองมานานถึง 15 ปี บางคนในหมู่บ้านที่โตมากับข้าพเจ้าไปสงครามแล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย ที่เหลือบ้างก็พิการไปตลอดชีวิต

ดังนั้นขณะอ่านเกี่ยวกับชาวนีไฟ ข้าพเจ้ารู้สึกราวกับว่าพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์กำลังทรงเอื้อมมาหาข้าพเจ้าเมื่อตรัสว่า “จงลุกขึ้นและออกมาหาเรา, เพื่อเจ้าจะได้ … สัมผัสรอยตะปูที่มือเราและเท้าเรา, เพื่อเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอล, และพระผู้เป็นเจ้าของทั้งแผ่นดินโลก, และถูกประหารเพื่อบาปของโลก” (3 นีไฟ 11:14)

ข้าพเจ้ารู้สึกราวกับว่าพระองค์ทรงเอื้อมออกมาหาข้าพเจ้าเป็นส่วนตัว ทรงเชื้อเชิญให้ข้าพเจ้ามาหาพระองค์ ความรู้สึกนี้กระตุ้นให้ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าทำได้ ความรู้สึกนี้เปลี่ยนทุกสิ่ง

ข้าพเจ้าได้รับประจักษ์พยาน

กว่าจะกล้าไปโบสถ์ต้องใช้เวลาหลายเดือน ข้าพเจ้ารู้ว่าโบสถ์อยู่ที่ไหน แต่ไม่มีผู้สอนศาสนาในสาขาเล็กๆ ของเรา กุมภาพันธ์ปี 1984 ข้าพเจ้าเดินเข้าอาคารนมัสการเกวเกว ข้าพเจ้าอยากเดินกลับออกมา ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่านั่นเป็นที่ของข้าพเจ้าและนั่งอยู่ด้านหลัง พร้อมที่จะหนีออกมา หลังพิธีเปิด ประธานสาขา ไมค์ แอลเลน แสดงประจักษ์พยานเรื่องพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์และพระคัมภีร์มอรมอน ข้าพเจ้ารู้สึกเชื่อมโยงได้ คนต่อไปก็แสดงประจักษ์พยานเรื่องพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์และพระคัมภีร์มอรมอน และคนที่สามก็เช่นเดียวกัน ข้าพเจ้าเบิกบานใจมาก ข้าพเจ้าไม่กล้าขึ้นไปที่แท่นพูด จึงยืนขึ้นตรงนั้นและพูดว่า “ผมรักพระเยซู ผมกำลังอ่านพระคัมภีร์มอรมอน” แล้วข้าพเจ้าก็นั่งลง นั่นคือจุดเริ่มต้นของประจักษ์พยานข้าพเจ้า

ภาพ
1. Legs with bare feet, 200 liter barrel being pushed along dirt road. Scene of Zimbabwe in background. 2. Legs walking off page. Pants and shoes suitable for church. African scene in bkgrd. _Spot: Elder Dube approx 22 yrs old bearing testimony from church benches.

ประจักษ์พยานเหล่านั้นคือวิธีของพระเจ้าที่เอื้อมออกมาหาข้าพเจ้าเพราะสิ่งนั้นช่วยให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่น ข้าพเจ้ารู้สึกว่าคนเหล่านี้คือพี่น้องของข้าพเจ้า หลายวันหลังจากวันนั้น ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนให้พวกเขาและให้ได้รับการยอมรับ ที่นั่น ข้าพเจ้าพบสมาชิกที่มีน้ำใจมาก พวกเขาช่วยเหลือข้าพเจ้า

หลายสิ่งเกิดขึ้นในวันที่ข้าพเจ้าเดินเข้าไปในอาคารนมัสการหลังนั้น ข้าพเจ้าสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสมาชิกเหล่านั้นไม่ได้แสดงประจักษ์พยาน ท่านไม่มีวันรู้ว่ามีใครกำลังอยู่ในความลำบากบ้างหรือไม่ เมื่อท่านยืนขึ้นพูดว่าท่านรู้สึกอย่างไร นั่นอาจตรงกับสิ่งที่ใครบางคนต้องการได้ยินพอดี

จงแสดงประจักษ์พยานของท่านบ่อยๆ เมื่อท่านทำ ท่านเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ตนเองและผู้อื่นที่อยู่รอบข้าง ยืนหยัดในสิ่งที่ท่านรู้ ขณะท่านทำตามคำแนะนำในพระคัมภีร์มอรมอน ท่านจะเข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น

เข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอด

ช่วงเวลาที่ข้าพเจ้าใช้ไปที่มิสซังลอเรโต โรมันคาทอลิกทำให้ข้าพเจ้าเริ่มเดินบนถนนสู่การเป็นสานุศิษย์ของพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ นับจากเวลานั้นข้าพเจ้าได้เรียนรู้ว่าการเป็นสานุศิษย์เป็นกระบวนการและเราต้องก้าวไปข้างหน้าเสมอแม้เราจะมีความอ่อนแอและข้อจำกัด เมื่อเราน้อมรับคำเชิญ “เพราะฉะนั้นพวกท่านจงเป็นคนดีพร้อม เหมือนอย่างที่พระบิดาของท่าน ผู้สถิตในสวรรค์ทรงดีพร้อม” (มัทธิว 5:48) เราจะก้าวหน้าไปสู่ชีวิตนิรันดร์ “บรรทัดมาเติมบรรทัด กฎเกณฑ์มาเติมกฎเกณฑ์” (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:12)

เรารู้ว่าถนนไม่ได้ราบรื่นตลอดเวลา และเราจะประสบความยากลำบากและเรื่องปวดใจบ้างในกระบวนการนี้ แต่การพึ่งพาพระเจ้าเป็นทางเดียวที่จะพบสันติสุขในชีวิตเรา

การชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์เป็นทุกสิ่งของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้ว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงเอื้อมออกมาหาเรา เราต้องพึ่งพาพระองค์ ทำตามพระองค์ และเอื้อมออกไปหนุนใจผู้อื่นดังที่พระองค์ทรงเอื้อมออกมาหนุนใจเรา

ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ว่าการเป็นสานุศิษย์เป็นกระบวนการและเราต้องก้าวไปข้างหน้าเสมอ

ภาพประกอบ โดย เกรก นิวโบลด์