พันธสัญญาเชื่อมต่อเรากับพระผู้เป็นเจ้า

เราทำพันธสัญญาระหว่างศาสนพิธีบางอย่าง เราจำเป็นต้องได้รับศาสนพิธีเหล่านั้นและเชื่อฟังพันธสัญญาเหล่านั้นเพื่อกลับไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า ศาสนพิธีจะกระทำโดยสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิต ศาสนพิธีเหล่านั้นรวมถึงบัพติศมาและการยืนยัน การได้รับฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค (สำหรับผู้ชาย) และศาสนพิธีที่เราได้รับในพระวิหาร ระหว่างศีลระลึก สมาชิกศาสนจักรจะต่อสัญญาที่ตนทำไว้กับพระผู้เป็นเจ้า (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:77, 79)

ภาพ

young man being baptized in a baptismal font

ระหว่างบัพติศมา เราสัญญาที่จะติดตามพระเยซูคริสต์ ระลึกถึงพระองค์เสมอ และรักษาพระบัญญัติ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:37) พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงอยู่กับเราเสมอ

เมื่อผู้ชายได้รับฐานะปุโรหิต พวกเขาสัญญาว่าจะดำเนินชีวิตอย่างคู่ควรกับอำนาจฐานะปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาจะประทานพรแก่พวกเขา (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 84:33–40)

ภาพ

rendering of Recife Brazil Temple

ภาพประกอบของพระวิหารเรซีฟี บราซิล โดย เจมส์ พอร์เตอร์

เมื่อสมาชิกศาสนจักรรับเอ็นดาวเม้นท์ของตนในพระวิหาร พวกเขาสัญญาว่าจะใช้ชีวิตอย่างชอบธรรมและเสียสละเพื่อพระกิตติคุณ พวกเขาได้รับสัญญาว่าจะได้รับอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้า (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 38:32; 109:22)

ระหว่างการผนึกที่พระวิหาร สามีภรรยาจะแต่งงานเพื่อนิรันดรและสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อกันและต่อพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาว่าพวกเขาสามารถกลับไปอยู่กับพระองค์ในฐานะครอบครัวได้ตลอดกาล (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:19–20)

ผู้ที่เข้าร่วมศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายจะกลายเป็นผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขายังได้รับพรและความรับผิดชอบที่สืบต่อกันมาจากพันธสัญญาแห่งอับราฮัมด้วย (ดู กาลาเทีย 3:27–29) การเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าหมายความว่า เราจะช่วยเหลือกันขณะที่เราเข้าใกล้พระคริสต์มากขึ้น และยังหมายความว่าเราทำงานเพื่อเสริมสร้างศาสนจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลกอีกด้วย เมื่อเรารักษาพันธสัญญาของเรา เราจะพบกับอำนาจและความเข้มแข็งจากพระผู้เป็นเจ้าได้