เรื่องราวจาก วิสุทธิชน เล่ม 3
การรักษาศรัทธาระหว่างสงคราม
เ นลลี มิดเดิลตันเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายอายุห้าสิบห้าปี อาศัยอยู่ในเชลเต็นแฮมกับเจนนิเฟอร์บุตรสาววัยหกขวบของเธอ เพื่อเตรียมบ้านของเธอให้พร้อมต่อต้านการโจมตีทางอากาศ เธอใช้ค่าจ้างที่ได้มาพอประมาณในฐานะช่างตัดเสื้อเพื่อจัดพื้นที่ในห้องใต้ดินเป็นที่หลบภัย มีอาหาร น้ำ ตะเกียงน้ำมัน และเตียงเหล็กขนาดเล็กสำหรับเจนนิเฟอร์ เนลลีคลุมหน้าต่างของเธอไว้ด้วยตาข่ายเพื่อป้องกันเศษกระจกที่ปลิวมากรณีเกิดการโจมตี โดยเป็นการทำตามคำแนะนำจากรัฐบาล1
เวลานี้ทั่วทั้งเชลเต็นแฮม เสียงหวีดหวิวของระเบิดแทรกผ่านอากาศและกระหน่ำลงสู่พื้นดินด้วยเสียงคำรามกึกก้อง เสียงอันน่ากลัวนั้นใกล้บ้านของเนลลีมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีระเบิดครั้งใหญ่บนถนนใกล้เคียง ทำให้ผนังบ้านของเธอสั่นสะเทือน พังหน้าต่างแตกกระจาย และมีกระจกใสคมกริบเต็มตาข่าย
ในตอนเช้า ถนนในเมืองเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ระเบิดคร่าชีวิตคนยี่สิบสามคนและทำให้คนมากกว่าหกร้อยคนไร้บ้าน2
เนลลีและวิสุทธิชนคนอื่นๆ ในเชลเต็นแฮมทำหน้าที่สุดความสามารถเพื่อทนอยู่รอดหลังการโจมตี เมื่อฮิวจ์ บี. บราวน์ ประธานคณะเผยแผ่สหราชอาณาจักรและคณะเผยแผ่จากอเมริกาเหนือคนอื่นๆ ออกจากประเทศเมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน สาขาเล็กๆ และสาขาอื่นๆ ที่คล้ายกันประสบปัญหาในการหาผู้รับการเรียกและดำเนินโครงการของศาสนจักร จากนั้นชายในท้องที่ก็ออกไปทำสงคราม ทำให้ไม่มีผู้ดำรงฐานะปุโรหิตเพื่อให้พรศีลระลึกหรือดำเนินกิจธุระอย่างเป็นทางการในสาขา ไม่นานสาขาก็ถูกบีบให้ปิดตัวลง
ชายสูงวัยชื่ออาร์เธอร์ เฟลตเชอร์ ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคและอยู่ห่างออกไปประมาณสามสิบกิโลเมตร เขาขี่จักรยานสนิมเขรอะของเขาเพื่อไปเยี่ยมวิสุทธิชนชาวเชลเต็นแฮมเมื่อใดก็ตามที่เขาทำได้ แต่โดยส่วนใหญ่เนลลี ผู้เป็นอดีตประธานสมาคมสงเคราะห์ในสาขาเชลเต็นแฮม เป็นผู้รับผิดชอบต่อสวัสดิภาพทางวิญญาณและทางโลกของวิสุทธิชนในพื้นที่ของเธอ เมื่อสาขาปิดตัวลง สมาชิกศาสนจักรไม่สามารถพบปะกันในห้องโถงที่เช่าไว้ให้พวกเขาใช้ทุกวันอาทิตย์ได้อีกต่อไป ดังนั้นห้องรับแขกของเนลลีจึงกลายเป็นสถานที่ซึ่งสมาคมสงเคราะห์สวดอ้อนวอน ร้องเพลง และศึกษา3
ในคืนเดือนพฤศจิกายนที่เงียบสงบในปี 1943 เนลลี มิดเดิลตันได้ยินเสียงกริ่งประตูของเธอ ข้างนอกมืดสนิท แต่เธอรู้ดีว่าไม่ควรเปิดไฟเมื่อเธอเปิดประตู เกือบสามปีผ่านไปนับตั้งแต่ระเบิดของกองทัพเยอรมันตกลงมาใกล้บ้านเธอ เนลลียังคงปิดหน้าต่างของเธอให้มืดในตอนกลางคืนเพื่อรักษาตัวเธอและบุตรสาวให้ปลอดภัยจากการโจมตีทางอากาศ
เมื่อดับไฟในบ้านแล้ว เนลลีจึงเปิดประตู ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบันไดของเธอ ใบหน้าของเขาอยู่ในเงามืด เขายื่นมือออกมาและค่อยๆ แนะนำตัวว่าเป็นบราเดอร์เรย์ เฮอร์แมนเซ็น สำเนียงของเขาคือชาวอเมริกันอย่างแน่นอน4
เนลลีรู้สึกจุกอยู่ในลำคอ หลังจากสาขาของพวกเธอปิดตัวลง เธอและสตรีคนอื่นๆ ในเชลเต็นแฮมปรารถนาจะรับศีลระลึกเป็นประจำ เมื่อเร็วๆ นี้สหรัฐส่งกองทหารไปที่อังกฤษเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งรับของกลุ่มสัมพันธมิตรที่จะรบกับกองทัพนาซีเยอรมัน เมื่อเนลลีทราบว่ามีทหารอเมริกันบางคนประจำอยู่ในเมืองของเธอที่อาจเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายซึ่งสามารถให้พรศีลระลึก เธอขอให้มาร์กาเร็ตน้องสาวบุญธรรมของเธอวาดภาพพระวิหารซอลท์เลคและวางไว้ในเมือง ใต้ภาพนั้นมีข้อความว่า “หากทหารคนใดสนใจภาพข้างบน เขาจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่บ้านเลขที่ 13 ถนนเซนต์พอล”5
ชาวอเมริกันคนนี้เห็นโปสเตอร์ของเธอหรือเปล่า? เขามีสิทธิอำนาจในการให้พรศีลระลึกหรือไม่? เนลลีจับมือทักทายเขาและต้อนรับเขาเข้าไปด้านใน
เรย์เป็นทหารวิสุทธิชนยุคสุดท้ายอายุยี่สิบปีจากยูทาห์และเป็นปุโรหิตในฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน แม้ว่าเขาจะประจำการอยู่ห่างออกไปสิบไมล์ แต่เขาก็ได้ยินเกี่ยวกับภาพวาดพระวิหารซอลท์เลคจากสมาชิกศาสนจักรอีกคนหนึ่งและขอลากิจเพื่อมาตามที่อยู่ เขาต้องเดินเท้าไปยังบ้านของเนลลี ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขามาถึงหลังพลบค่ำ ตอนที่เนลลีเล่าให้เขาฟังถึงความปรารถนาของเธอที่จะรับศีลระลึก เขาถามเธอว่าเขาจะปฏิบัติศาสนพิธีให้แก่เธอได้เมื่อใด
ในวันที่ 21 พฤศจิกายน เนลลี ลูกสาว และสตรีอีกสามคนต้อนรับเรย์เข้าสู่การประชุมวันอาทิตย์ของพวกเธอ เนลลีเปิดการประชุมด้วยการสวดอ้อนวอนก่อนที่กลุ่มจะร้องเพลง “ปัญญาและความรักยิ่งใหญ่” จากนั้นเรย์ให้พรและส่งผ่านศีลระลึก สตรีทั้งสี่คนแสดงประจักษ์พยานถึงพระกิตติคุณไม่นานนักทหารวิสุทธิชนยุคสุดท้ายคนอื่นๆ ก็ทราบเรื่องการประชุมที่ถนนเซนต์พอล ในวันอาทิตย์บางสัปดาห์ ห้องรับแขกของเนลลีเต็มไปด้วยผู้คนจนต้องมีคนนั่งอยู่ที่บันได6
เมื่อเล่ม 3 ได้รับการจัดพิมพ์ รายการที่สมบูรณ์ของผลงานที่อ้างอิงไว้จะมีให้ดูที่ saints.ChurchofJesusChrist.org