คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 18: หลังม่าน: ชีวิตในนิรันดร


บทที่ 18

หลังม่าน: ชีวิตในนิรันดร

“[คนชอบธรรมที่เสียชีวิตแล้ว] จะคืนชีพอีกครั้งเพื่ออยู่ในการเผาไหม้อันเป็นนิจในรัศมีภาพอมตะ ไม่เศร้าโศก ไม่ทุกข์ทรมานหรือไม่ตายอีกเลยแต่พวกเขาจะเป็นทายาทของพระผู้เป็นเจ้าและเป็นทายาทร่วมอับพระเยซูคริสต์”

จากชีวิตฃองโจเซฟ สมิธ

งานของโจเซฟ สมิธในการแปลพระคัมภีร์ไบเบิลน่าไปสู่ภาพปรากฎอันน่าทึ่ง ทึ่สุดของชีวิตในนิรันดร วันทึ่ 16 กุมภาพันธ์ คริสต์คักราช 1832 ศาสดาทํางานอยู่ที่บ้านของจอห์น จอห์นสันในเมืองไฮรัม รัฐโอไฮโอ กับซิดนีย์ ริกดัน ซึ่งเป็นผู้จดของท่าน ท่านกำลังแปลหนังสือกิตติคุณของยอห์น “จากการเปีด เผยต่างๆ ทึ่ไดัรับ” ศาสดากทล่าวในเวลาต่อมา “เห็นได้ชัดว่าประเด็นสำคัญ มากมายเกี่ยวกับความรอดของมนุษย์ถูกน่าไปจากพระคัมภีร์ไบเบิล หรือไม่ก็ สูญหายก่อนจะรวมเล่ม จากความจริงที่เหลืออยู่เห็นได้ชัดว่าบ้าพระผู้เป็นเจ้า ประทานรางวัลทุกคนตามการกระทำที่เขาทำในร่างกาย คำว่า ‘สวรรค์’ ดังที่ หมายถึงบ้านนิรันดร์ของสิทธิชน จะด้องมือาณาจักรมากกว่าหนึ่ง”1

ศาสดาแปลยอห์น 5:29 ซึ่งอธิบายวิธีที่ทุกคน “จะออกมา” ในการฟันคืน ชีวิตว่า—“บรรดาผู้ที่ได้ประพฤติดีก็ฟันขึ้นสู่ชีวิต บรรดาผู้ที่ได้ประพฤติชั่วก็จะ ฟี้นขึ้นสู่การพิพากษา” ขณะที่ท่านกับซิดนีย์ไตร่ตรองพระคัมภีร์ข้อนี้ ภาพปรากฎกันน่าอัศจรรย์ก็เผยต่อพวกท่าน ศาสดาบันทึกไว้ดังนี้ “โดยอำนาจของพระวิญญาณตาของเราถูกเปีดและความเข้าใจของเราถูกทำใบ้สว่าง เพื่อจะเห็นและ เข้าใจเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า แบ้เรื่องเหล่านั้น ซึ่งเปีนมาตั้งแต่การเริ่มด้นก่อน ที่โลกเป็นมา ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากพระบิดาโดยทางพระบุตรองค์เดียวที่ถึอกำเนิด ของพระองค์ผู้ประทับอยู่ในอุระของพระบิดา แบ้ตั้งแต่การเริ่มด้น” (ค.พ. 76:12–13)

ในภาพปรากฎกันรุ่งโรจน์นี้ ศาสดาและซิดนีย์ ริกดัน เห็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ทางขวาพระหัตถ์ของพระบิดาและ “ได้รับจากความบริบูรณ์ของ พระองค์” (ค.พ. 76:20) พวกท่านเห็นอาณาจักรแห่งรัศมีภาพสามอาณาจักร ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงเตรียมไว้ให้ลูกๆ ของพระองค์และผู้มีความรู้ ผู้จะได้รับ อาณาจักรนี้เป็นมรดก พวกท่านเห็นซาตานถูกขับออกจากที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าและความทุกข์ทรมานของผู้ยินยอมให้ซาตานมีชัยชนะเหนือตน

ภาพปรากฎนี้ต่อมาคือคำสอนและพันธสัญญาภาคที่ 76 ศาสดาอธิบายว่า “ไบ่มีสิ่งใดำให้สิทธิชนพอใจระเบียบแห่งอาณาจักรของพระเจ้ามากไปกว่า ความสว่างซึ่งเจิดจำรัสต่อโลกผ่านภาพปรากฎที่อยู่ตรงหนืา กฎทุกข์อ พระบัญญัติทุกข์อ คำสัญญาทุกข์อ ความจริงทุกข์อ และประเด็นทุกประเด็นเกี่ยวทับ จุดหมายของมนุษย์ ตั้งแต่ปฐมกาลถึงวิวรณ์ ซึ่งความบริสุทธี้ของพระคัมภีร์ยัง ไบ่มีความโง่เขลาของมนุษย์เจือปน…ห้วนเป็นพยานถึงข์อเท็จจริงที่ว่าเอกสารฉบับนั้นเป็นสำเนาที่คัดจากบันทึกของโลกนิรันดร์ ความลํ้าเลิศของความคิด ความบริสุทธี้ของภาษา ขอบเขตของการกระทำ ความต่อเนื่องของความสำเร็จ ทั้งนี้เพื่อทายาทของความรอดจะยอมรับพระเจ้าและย่อเข่า รางวัลสำหรับความ ซื่อสัตย์ และการลงโทษสำหรับบาป ห้วนอยู่นอกเหนือความคิดอันคับแคบของ มนุษย์จนคนซื่อสัตย์ทุกคนจำด้องร้องออกมาว่า ‘สิ่งนี้นาจากพระผู้เป็นเจ้ว่’”2

คำสอนฃองโจเซฟ สมิธ

พระผู้เป็นเจ้าทรงเตรียมอาณาจักรแห่งรัศมีภาพสามแห่งไว้ให้ลูกๆ ของพระองค์

“บัวข์อของข์าพเจ้าเปีนเรื่องเกี่ยวกับการฟี้นคืนชีวิตของคนตาย ซึ่งท่านจะ พบในยอห์นบทที่ 14—‘ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่เป็นอันมาก’ [ยอห์น 14:2] ข์อนี้ควรจะเปีนว่า—‘ในอาณาจักรของพระบิดาของเรามีอาณาจักรมาก มาย’ ทั้งนี้เพื่อท่านจะเป็นทายาทของพระผู้เป็นเจ้าและเป็นทายาทร่วมทับ ข้าพเจ้า… มีที่อยู่สำหรับผู้เชื่อฟ้งกฎชั้นสูง และมีที่อื่นอีกสำหรับผู้ไบ่เชื่อฟ้ง กฎ ทุกคนอยู่ตามลำดับของตน”3

“‘แต่’ มีคนพูดว่า ‘ผมเชื่อว่ามีสวรรค์และนรกแห่งเดียว ทุกคนจะไปที่นั่น และเหมือนทันหมด ทุกข์เท่าทันหรือสุขเท่าทัน’

“อะไรนะ! ทุกคนเบียดเสียดกัน—คนมีเกียรติ คนมีคุณธรรม ฆาตกร และ คนล่วงประเวณี ทั้งที่เขียนไว้ว่าพวกเขาจะถูกพิพากษาตามการกระทำของเขา ในร่างกายอย่างนั้นหรือ แต่นักบุญเปาโลมอกเราว่ามีรัศมีภาพสามระดับและ สวรรค์สามชั้น เขารู้จักคนหนึ่งที่ถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นที่สาม [ดู 1 โครินธ์ 15:40–41; 2 โครินธ์ 12:2–4]… พระเยซูตรัสกับสานุศิษย์ของพระองค์ว่า ‘ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่เปีนอันมาก ถ้าไบ่มีเราคงได้บอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับ ท่านแล้ว เราจะกลับมาอีก รับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้ง หลายจะได้อยู่ที่นั่นด้วย’ [ดู ยอห์น 14:2–3]”4

“จงไปอ่านภาพปรากฎใน [คำสอนและพันธสัญญาภาคที่ 76] ภาคนี้อธิบาย รัศมีภาพระดับต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน—รัศมีภาพของดวงอาทิตย์ รัศมีภาพของ ดวงจันทร์ และรัศมีภาพของดวงดาว และดาวดวงหนึ่งมีรัศมีภาพต่างจากดาว อีกดวงหนึ่ง แม้เป็นเช่นนั้นด้วยกับรัศมีภาพที่ต่างกันของโลกชั้นด้น และ มนุษย์ทุกคนที่อยู่ในรัศมีภาพชั้นสูงเป็นพระผู้เป็นเจ้าในการครอบครองของเขา…

“เปาโลกล่าวว่า ‘ศักดิ้ศรีของดวงอาทิตย์ก็อย่างหนึ่ง ศักดิ้ศรีของดวงจันทร์ ก็อย่างหนึ่ง ศักดิ้ศรีของดวงดาวก็อย่างหนึ่ง แท้ที่จริงดักดิ้ดรีของดาวดวงหนึ่งก็ ต่างกันกับศักดิ้ศรีของดาวดวงอื่นๆ การซึ่งจะเปีนขึ้นมาจากความตายนั้นก็ เหมือนกัน’ [1 โครินธ์ 15:41–42]”5

คนที่ได้รับประจักษ์พยานของพระเยซูได้รับพิธีการแห่งพระกิตติคณและเอาชนะโดยศรัทธาจะได้รับอาณาจักรชั้นสูงเป็นมรดก

ศาสดาโจเซฟ สป็ธเห็นสิ่งต่อไปนี้ในภาพปรากฏ ซึ่งต่อมาบบัทึกไ้ว้ในคำสอนและพันธสัญญา 76:50-59, 62, 68-70 “และเราเปีนพยานอีก—เพราะ เราเห็นและได้ยิน และนึ่คือประจักษ์พยานของกิตติคุณของพระคริสต์เกี่ยวกับ คนที่จะออกมาในการฟี้นคืนชีวิตของคนเที่ยงธรรม—เขาคือคนที่ได้รับประจักษ์พยานของพระเยซู และเชื่อในพระนามของพระองค์ และรับบัพติศมาตามวิธี การฝังของพระองค์ โดยฝังในนี้าในพระนาบของพระองค์ และนี่ตามบัญญัติซึ่ง พระองค์ประทานไว้—คือโดยรักษาพระบัญญัติ เขาจะได้รับการล้างและชำระ จากบาปทั้งหมดของเขา และได้รับพระวิญญาณอันศักดิ้สิทธิ้ โดยการปรกมือ ของคนที่ได้รับแต่งตั้ง และผนึกไว้กับอำนาจนี้ และผู้ที่ชนะโดยศรัทธาและถูก ผนึกโดยพระวิญญาณอันศักดิ้สิทธิ้แห่งคำสัญญา ซึ่งพระบิดาทรงหลั่งลงบนคน ทั้งหมดนั้นที่เที่ยงธรรมและจริง

“เขาคือคนที่เปีนของศาสนาจักรของพระบุตรหัวปี เขาคือคนที่พระบิดาประทานสิ่งทั้งปวงไว้ในมือของเขา— เขาคือคนที่เปีนปุโรหิตและกษัตริย์ ผู้ได้รับ จากความบริบูรณ์ของพระองค์ และจากรัศมีภาพของพระองค์ และเป็นปุโรหิต ของพระผู้สูงสุด ตามฐานะของเมืลกิเซเด็กซึ่งเป็นตามฐานะของอีนิค ซึ่งเป็น ตามฐานะของพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดมา

“ดังนั้น ดังที่มืเขียนพไว้ พวกเขาเป็นพระผู้เป็นเจ้า แม้พวกบุตรของพระผู้เป็นเจ้า—ดังนั้น สิ่งทั้งปวงเป็นของเขา ไบ่ว่าชีวิตหรือความตาย หรือสิ่งปัจจุบัน หรือสิ่งที่จะมาถึง ทั้งหมดเป็นของเขา และเขาเป็นของพระคริสต์และพระคริสต์ เป็นของพระผู้เป็นเจ้…

“คนเหล่านี้จะอยู่ในที่ประหับของพระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์ของพระองค์ ตลอดกาลและตลอดไป…คนเหล่านี้คือคนที่ชื่อของเขามีเขียนไว้ในสวรรค์ ที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์ทรงเป็นผู้พิพากษาของทุกคน คนเหล่านี้คือ คนที่เป็นคนเที่ยงธรรม ที่ถูกทำใหัดีพร้อมโดยทางพระเยซู พระผู้เป็นกลางแห่ง พันธสัญญาใหม่ ผู้ทรงกระทำการชดใช้ที่สมบูรณ์นี้โดยการหลั่งโลหิตของพระองค์เอง คนเหล่านี้คือคนที่ร่างกายของเขาเป็นของชั้นสูง ซึ่งรัศมีภาพของเขา เป็นรัศมีภาพของดวงอาทิตย์ แม้รัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าผู้สูงสูดของทุกสิ่ง ผู้ที่รัศมีภาพของพระองค์ ดวงอาทิตย์แห่งเวหามีเขียนไว้เป็นแบบนั้น”6

ศาสดาโจเซฟ สมิธสอนในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1843 ซึ่งต่อมาบนทึกไว้ ในคำสอนและพันธสัญญา 131:1–4 ดังนั้ “ในรัศมีภาพชั้นสูงมีสวรรค์หรือระดับ สามชั้น และเพื่อจะใม้บรรลุถึงชั้นสูงสูด มนุษย์ด้องเช้าสู่ฐานะนี้ของฐานะปุโรหิต [หมายถึงพันธสัญญาใหม่และเป็นนิจของการแต่งงาน] และหากเขาไบ่ทำ เขาจะบรรลุไบ่ได้ เขาจะเช้าไปที่อื่น แด่นั่นคือที่สูตุของอาณาจักรของเขา เขาจะมีการเพิ่มไบ่ได้”7

“นี่แหละคือชีวิตนิรันดร์—รู้จักพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงปรีชาญาณและแม้จริง เพียงพระองค์เดียว และท่านต้องเรียนรู้ว่าตัวท่านจะเป็นพระผู้เป็นเจ้า เป็น กษัตริย์ และปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร…โดยเริ่มจากระดับเล็กๆ ไปสู่ อีกระดับหนึ่ง และจากความสามารถเล็กๆ ไปสู่ความสามารถที่ยิ่งใหญ่ จาก พระคุณสู่พระคุณ จากความสูงส่งสู่ความสูงส่ง จนท่านบรรลุถึงการฟี้นคืนชีวิต ของคนตาย และสามารถอยู่ในการเผาไหม้อันเป็นนิจได้ และนั่งในรัศมีภาพ เฉกเช่นคนที่นั่งครองบัลลังก์อยู่ในพลังอำนาจอันเป็นนิ… .

“… [คนชอบธรรมที่เสียชีวิต] จะคืนชีพอีกครั้งเพื่ออยู่ในการเผาไหม้อันเปีน นิจในรัศมีภาพอมตะ ไม่เศร้าโศก ไบ่ทุกข์ทรมาน หรือไบ่ตายอีก แต่พวกเขาจะ เป็นทายาทของพระผู้เป็นเจ้าและเปีนทายาทร่วมกับพระเยซูคริสต์ นี่คืออะไร คือการได้รับพลังอำนาจเดียวกัน รัศมีภาพเดียวกัน และความสูงส่งเดียวกัน จน กว่าท่านจะบรรลุถึงสถานะของพระผู้เป็นเจ้า ขึ้นครองบัลลังก์แห่งพลังอำนาจ นิรันดร เหมือนกับคนที่ล่วงลับไปก่อนท่าน”8

“เขาผู้ได้รับการปันคืนชีวิตอันรุ่งโรจน์จากความตาย จะได้รับการเชิดชูใม้อยู่ เหนือเขตปกครอง อำนาจ บัลลังก์ การครอบครอง และเหล่าเทพ และจะ ประกาศอย่างชัดเจนว่าเขาเป็นทายาทของพระผู้เป็นเจ้าและเป็นทายาทร่วมกับ พระเยซูคริสต์ โดยมีพลังอำนาจนิรันดร์ทั้งหมด [ดู โรม 8:17]”9

“คนมีเกียรติของแผ่นดินโลก” คนที่ไม่เป็นอัศวินในประจักษ์พยานของพระเยซู จะได้รับอาณาจักรชั้นกลางเป็นมรดก

ศาสดาโจเซฟ สป็ธเห็นสิ่งต่อไปนี้ในภาพ ซึ่งต่อมาบนทึกไว้ในคำสอนและพันธสัญญา 76:71–79 “และอนึ่ง เราเห็นโลกชั้นกลาง และดูเถิดและนี่แน่ะ คนเหล่านี้คือคนที่เป็นของชั้นกลาง ซึ่งรัศมีภาพของเขาแตกต่างจากรัศมีภาพ ของศาสนาจักรของพระบุตรหัวปี ผู้ได้รับความบริบูรณ์ของพระบิดา แม้ดังรัศมี ภาพของดวงจันทร์แตกต่างจากดวงอาทิตย์ในเวหา

“ดูเถิด คนเหล่านี้คือคนที่ตายโดยปราศจากกฎ และพวกที่เปีนวิญญาณของ คนที่ถูกขังอยู่ในคุกด้วย ผู้ที่พระบุตรเสด็จไปเยือน และทรงสั่งสอนพระกิตติคุณ แก่เขา เพื่อเขาจะได้รับการพิพากษาตามมนุษย์ในเนื้อหนัง ผู้’หารับประจักษ์พยานของพระคริสต้ในเนื้อหนังไบ่ แต่ภายหลังรับมัน

“คนเหล่านื้คือคนมีเกียรติของแผ่นดินโลก ผู้ที่ตาบอดโดยกลโกงของคน คนเหล่านื้คือคนที่ได้รับจากรัศมีภาพของพระองค์ แต่บิใช่จากความบริบูรณ์ของ พระองค์ คนเหล่านื้คือคนที่ได้รับจากการประทับอยู่ของพระบุตร แต่บิใช่จาก ความบริบูรณ์ของพระบิดา

“ดังนั้น เขาจึงเปีนร่างกายของชั้นกลางและบิใช่ร่างกายของชั้นสูง และแตก ต่างในรัศมีภาพดังที่ดวงจันทร์แตกต่างจากดวงอาทิตย์ คนเหล่านื้คือคนที่ไม่เปีน อัศวินในประจักษ์พยานของพระเยซู ดังนั้น เขาจึงหาได้มงกุฎครอบครอง อาณาจักรของพระผู้เปีนเจ้าของเราไม่”10

คนที่ชั่วร้ายและไม่รับพระกิตติคุณหรือประจักษ์พยานของพระเยซูจะได้อาณาจักรชั้นต้นเป็นมรดก

ศาสดาโจเซฟ สป็ธเห็นสิ่งต่อไปนี้ในภาพปรากฏ ซึ่งต่อมาบันทึกไปีนคำสอนและพันธสัญญา 76:81–85, 100–106, 110–112 “และอนึ่ง เราเห็นรัศมี ภาพของชั้นด้น ซึ่งรัศมีภาพนั้นเปีนรัศมีภาพของชั้นที่ตํ่ากว่า แม้ดังที่รัศมีภาพ ของดวงดาวแตกต่างจากรัศมีภาพที่เปีนของดวงจันทร์ในเวหา

“คนเหล่านื้คือคนที่หารับกิตติคุณของพระคริสต์ไบ่ ทั้งประจักษ์พยานของ พระเยซู คนเหล่านื้คือคนที่หาปฏิเสธพระวิญญาณอันศักดิ้สิทธิ้ไบ่ คนเหล่านี้ คือคนที่ถูกผลักลงนรก คนเหล่านื้คือคนที่จะไบ่ถูกไถ่จากมาร จนกว่าการฟี้น คืนชีวิตสูดท้าย จนกว่าพระเจ้าแม้พระคริสต์ลูกแกะจะทรงทํางานของพระองค์ เสร็…

“คนเหล่านื้คือคนที่กล่าวว่า ม้างเปีนของคนหนึ่งและม้างของอีกคนหนึ่ง—ม้างของพระคริสต์และม้างของจอห์น และม้างของโมเสส และม้างของอิไลอัส และม้างของอิไซอัส และม้างของไอเซยา และม้างของอีนิค แต่หารับพระกิตติคุณไบ่ ไบ่ทั้งประจักษ์พยานของพระเยซู ไบ่ทั้งศาสดา ไม่ทั้งพันธสัญญา อันเปีนนิจ

“สุดท้ายของทั้งหมด คนทั้งหมดนี้คือคนที่จะไบ่ถูกรวมกับสิทธิชนเพื่อถูก รับขึ้นไปสู่ศาสนาจักรของพระบุตรหัวปี แต่ะรับเข้าในเมฆ

“คนเหล่านี้คือคนที่เปีนคนพูดเท็จ และหมอเวทย์มนต์และคนเปีนชู้ และ คนท้าโสเภณี และใครก็ตามที่รักและทำเรื่องเท็จ คนเหล่านี้คือคนที่ทนรับพระพิโรธของพระผู้เปีนเจ้าบนแผ่นดินโลก คนเหล่านี้คือคนที่ทนรับด้วยการแท้แท้น ของไฟนิรันดร คนเหล่านี้คือคนที่ถูกโยนลงนรกและทนรับพระพิโรธของพระผู้เปีนเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ จนถึงความสมบูรณ์แห่งเวลาเมื่อพระคริสต์จะทรง ปราบศัตรูทั้งหมดไว้ใด้พระบาทของพระองค์ และจะทำไท้งานของพระองค์บริบูรณ… .

“และ [เรา] ได้ยินสุรเสียงของพระเจ้ามีความว่า: คนทั้งหมดนี้จะย่อเข่า และทุกลิ้นจะสารภาพต่อพระองค์ผู้ประหับอยู่บนพระที่นั่งตลอดกาลและตลอด ไป เพราะเขาจะถูกพิพากษาตามงานของเขา และทุกคนจะได้รับตามงานของ เขาเอง การครอบครองของเขาเองในปราสาทซึ่งถูกเตรียมไท้ และเขาจะเปีนผู้ รับใช้ของพระผู้สูงสุด แต่ที่ที่พระผู้เปีนเจ้า และพระคริสต์ประหับอยู่ เขาจะมา ไบ่ได้ บรรดาโลกที่ปราศจากที่สุด”11

ความทรมานของคนชั่วร้ายคือรู้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รัศมีภาพที่น่าจะได้รับ

“พระผู้เป็นเจ้าประกาศิตว่าทุกคนที่จะไบ่เชื่อฟ้งสุรเสียงของพระองค์ย่อมหมี ไบ่พ้นโทษของนรก โทษของนรกคืออะไร คือการไปอยู่กับสังคมที่ไม่เชื่อพิง พระบัญชาของพระองค์…ข้าพเจ้าทราบว่ามนุษย์ทั้งปวงจะถูกลงโทษท้าเขา ไบ่เข้ามาในทางซึ่งพระองค์ทรงเปีดไว้ และนี่คือทางที่พระคำของพระเจ้าขีด เส้นแบ่งไท้”12

“ความทุกขีใหญ่หลวงของวิญญาณผู้จากไปในโลกแห่งวิญญาณ ที่ซึ่งพวกเขา ไปอยู่หลังความตายคือการรู้ว่าพวกเขาจะไบ่ได้รับรัศมีภาพที่คนอื่นได้รับและที่ พวกเขาน่าจะได้รับ และพวกเขาเปีนผู้กล่าวหาตนเอง”13

“ไบ่มีความเจ็บปวดใดน่ากลัวเท่าความเจ็บปวดจากความไบ่แน่ใจ นี่คือบท ลงโทษสำหรับคนชั่ว ความสงสัย ความกังวล และความไบ่แน่ใจของพวกเขา ทำใท้พวกเขาร้องไท้ รำพัน และขบเขี้ยวเคี้ยวพิน”14

“คนคือผู้ทรมานตนเองและผู้ติเตียนตนเอง มีคำกล่าวว่า พวกเขาจะไปที่บึง ไฟและกำมะถันที่คำลังไหม้ [ดู วิวรณ์ 21:8]. ในความคิดของมนุษย์แล้ว ความ ทรมานที่เกิดจากความผิดหวังเท่าลับการเผาไหม้ด้วยไฟและกำมะถัน ข้าพเจ้า กล่าวว่าความทรมานของมนุษย์เปีนเช่นนั้นจริง… .

“…เคยมีคำกล่าวที่ว่ามนุษย์ทุกคนจะได้รับการไถ่จากนรก แต่ข้าพเจ้า กล่าวว่าคนที่ทําบาปต่อด้านพระวิญญาณบริสุทธี้จะไบ่ได้รับยกโทษในโลกนี้หรือ ในโลกที่จะมาถึง เขาจะตายในความตายที่สอง ผู้ทําบาปที่ยกใม้ไบ่ได้ถูกชี้ชะตา ว่าจะด้องอยู่ในนรก ชั่วนิรันดร์ ตลอดกาล พวกเขาก่อเหตุนองเลือดในชีวิตนี้ ฉันใด พวกเขาจะลุกชี้นสู่การฟันคืนชีวิตที่เปีนเหมือนบึงไฟและกำมะถันฉัน นั้น บางคนจะลุกขึ้นสู่การเผาไหม้อันเปีนนิจของพระผู้เปีนเจ้า เพราะพระผู้เปีน เจ้าทรงอยู่ในการเผาไหม้อันเปีนนิจ และบางคนจะลุกขึ้นสู่โทษแห่งความ สกปรกของตนเอง ซึ่งรุนแรงเท่ากับความทรมานของบึงไฟและกำมะถัน”15

ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅶ–ⅹⅱ

  • โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันตรึกตรองพระคัมภีร์ข้อหนึ่งอยู่เมื่อพวกท่าน ได้รับการเปีดเผยที่บันทึกไวัในคำสอนและพันธสัญญาภาคที่ 76 (หม้า 233-235; ดู ค.พ. 76:15–19 ด้วย) ประสบการณ์ส่วนตัวอะไรม้างที่ช่วยไม้ ท่านเข้าใจว่าการตรึกตรองช่วยใม้บึความเข้าใจเพิ่มขึ้น ขณะศึกษาหรือ สนทนาบทนี้และบทอื่นๆ จงใช้เวลาตรึกตรองความจริงที่ท่านอ่าน

  • อ่านยอห์น 14:2–3 และ 1 โครินธ์ 15:40–41 คำสอนในบทนี้ช่วยใม้ท่าน เข้าใจข้อพระคัมภีร์เหล่านี้อย่างไร

  • คำจำกัดความของผู้ที่จะได้รับรัศมีภาพชั้นสูง ชั้นกลาง และชั้นด้นเปีนมรดก วลืที่ว่า “ประจักษ์พยานของพระเยซู” ใช้ถึงม้าครั้ง (หม้า 236-240) บุคคลที่เปีน “อัศวินในประจักษ์พยานของพระเยซู” มีคุณสมบัติพิเศษอะไร ม้าง มีคำสัญญาอะไรม้างสำหรับคนที่เปีนอัศวินในประจักษ์พยานของพระเยซู

  • อ่านย่อหม้าสูดม้ายในหม้า 236 โดยเอาใจใส่วลี “ชนะโดยศรัทธา” เปีน พิเศษ เราอาจด้องเอาชนะอะไรม้าง ศรัทธาในพระเยซูคริสต์ช่วยใหัเราเอาชนะปัญหาในชีวิตนี้อย่างไร

  • อ่านย่อหน้าสุดท้ายในหน้า 237 ในความท้าวหน้านิร์นดร์ของเรา ท่านคิดว่า เหตุใดเราจึงท้องปรับปรุง “จากระดับเล็กๆ ไปสู่อีกระดับหนึ่ง” ท่านเคยมี ประสบการณใดท้างที่แสดงใท้เห็นว่าท่านท้องเรียนรู้และเติบโตในวิธีดังกล่าว

  • อ่านทวนย่อหน้าที่สองในหน้า 239 ซึ่งพูดถึงบางคนที่จะไท้รับอาณาจักรชั้น กลางเปีนมรดก เราจะหลีกเลี่ยงไม่ไท้ตนเอง “ตาบอดโดยกลโกงของคน” ไท้อย่างไร เราทําอะไรไท้ท้างเพื่อช่วยไม่ไท้ผู้อื่นตาบอด

  • ในหน้า 240-241 ให้หาคำและวลีที่โจเซฟ สมิธใช้อธิบายสภาพของคนชั่ว ในชีวิตหน้า คำและวลีเหล่านี้สื่ออะไรถึงท่าน มนุษย์จะเปีน “ผู้ทรมานตนเองและผ้ประณามตนเอง” ไท้อย่างไร

ข้อพระคัมภีร์พี่กี่ยวข้อง: แอลมา 41:2–8; ค.พ. 14:7; 76:20–49; 88:15–39

อ้างอิง

  1. History of the Church, 1:245; ปรับ เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; จาก “History of the Church” (ต้นฉบับ), book A-l, p. 183 หอ จดหมายเหตุของศาสนาจักร ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุอสุดท้าย ซอลท์เลคซิตี้ ยูทาห้

  2. History of the Church, 1:252-53; จาก “History of the Church” (ต้นฉบับ), book A-l, p. 192 หอ จดหมายเหตุของศาสนาจักร

  3. History of the Church, 6:365; ปรับ เปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า; จากคำปราศรัย ของโจเซฟ สมิธเมื่อ 12 พ.ค. 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย โธบัส บัลล็อค

  4. History of the Church, 5:425–26; ปรับเปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; จากคำปราศรัยของใจเซฟ สมิธ เมื่อ 11 มิ.ย. 1843 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ และวิลลาร์ด ริชาร์ดส์; ดู ภาคผนวก หน้า 604 ข้อ 3 ด้วย

  5. History of the Church, 6:477-78; จากคำปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่อ 16 มิ.ย. 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย โธบัส บัลล็อค; ดู ภาคผนวก หน้า 604 ข้อ 3 ด้วย

  6. คำสอนและพันธสัญญา 76:50-59, 62, 68-70; ภาพปรากฎที่ประทานแก่โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันเมื่อ 16 ก.พ. 1832 ในไฮรัม โอไฮโอ

  7. คำสอนและพันธสัญญา 131:1–4; คำ ในวงเล็บอยู่ในต้นฉบับเดิม!; คำแนะนำ ที่โจเซฟ สมิธิให้เมื่อ 16 และ 17 พ.ค. 1843 ในเรบัส อิลลินอยส์

  8. History of the Church, 6:306; จาก คำปราศรัยของใจเซฟ สมิธเมื่อ 7 เม.ย. 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ วิลลาร์ด ริชาร์ดส์ โธมัส บัลล็อค และวิลเลียม เคลย์ตัน

  9. History of the Church, 6:478; จาก คำปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่อ 16 มิ.ย. 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย โธบัส บัลล็อค; ดู ภาคผนวก หน้า 604 ข้อ 3 ด้วย

  10. คำสอนและพันธสัญญา 76:71–79; ภาพ ปรากฎที่ประทานแก’ใจเซฟ สมิธ และ ซิดนีย์ ริกดันเมื่อ 16 ก. พ. 1832 ใน ไฮรัม โอไฮโอ

  11. คำสอนและพันธสัญญา 76:81-85, 100-106, 110-12; ภาพปรากฎที่ประทา นแก่ใจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดัน เมื่อ 16 ก.พ. 1832 ในไฮรัม โอไฮโอ

  12. History of the Church, 4:554-55; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า; จากคำ ปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่อ 20 มี.ค. 1842 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ; ดู ภาคผนวก หน้า 604 ข้อ 3 ด้วย

  13. History of the Church, 5:425; จาก คำปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่อ 11 มิ.ย. 1843 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็และวิลลาร์ด ริชาร์ดส์; ดู ภาคผนวก หน้า 604 ข้อ 3 ด้วย

  14. History of the Church, 6:314; จาก คำปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่…ม.ย. 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ วิลลาร์ด ริชาร์ดส์ โธบัส บัลล็อค และวิลเลียม เคลย์ดัน

  15. History of the Church, 6:314, 317; ปรับเปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; จากคำปราศรัยของโจเซฟ สมิธ เมื่…ม.ย. 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ วิลลาร์ด ริชาร์ดส์ โธบัส บัลล็อค และวิลเลียม เคลย์ดัน

ภาพ
John Johnson home

บ้านของจอห์น จอห์นสันที่บูรฌะใหม่ในไฮรัม โอไฮโอ ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1832 ที่บ้านครอบครัวจอห์นสัน ศาสดาโจเซฟ สมิธเห็นภาพปรากฏ ของระดับแห่งรัศมีภาพสามระดับของพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงเตรีบมไว้เพี่อลูกๆ ของพระองค์

ภาพ
clouds

ผู้ได้รับอาฌาจ้กรชั้นสูงเป็นมรดกคือ “คนที่ร่างกายของเขาเป็นของชั้นสูง ซึ่งรัศมีภาพของเขา เป็นรัศมีภาพของดวงอาทิตย์ แม้รัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าผู้สูงสูดของทุกสิ่ง”