คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 38: จดหมายเวนท์เวิร์ธ


บทที่ 38

จดหมายเวนท์เวิร์ธ

จดหมายเวนท์เวิร์ธเป็นอรรถาธิบายของใจเซฟ สมิธถึง “ความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้า การข่มเหง และศรัทธาของสิทธิชนยุคสุดน้าย” รวมทั้งก้อยแถลงที่รู้จักกันในนามหลักแห่งความเชื่อ

จากชีวิตฃองโจเซฟ สมิธ

นอกจากจะเป็นประธานศาสนาจักรแล้ว โจเซฟ สมิธมีความรับผิดชอบอีก มากมายในเมืองนอวูด้วย ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1842 ท่านเป็นนายกเทศ มนตรีเบ็องนอวู ซึ่งหมายความว่าท่านเม็นหัวหน้าผู้พิพากษาของเทศบาล เมือง นอวู ท่านเป็นพลโทและผู้บัญชาการกองทหารนอวู และในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1842 ท่านรับบทบาทของบรรณาธิการ Times and Seasons วารสาร ศาสนาจักรซึ่งจัดพิมพ์เดือนละสองฉบับ Times and Seasons เตรียมทางให้ ผู้นำศาสนาจักรได้ติดต่อสื่อสารกับสิทธิชน จัดพิมพ์การเป็ดเผยและคำปราศรัย สำคัญๆ และแจ้งข่าวของศาสนาจักร จอห์น เทย์เลอร์สมาชิกโควรัมอัครสาวก สิบสองได้รับแต่งตั้งให้ดูแลการดีพิมพ์ในหลายแง่หลายมุมภายใด้การคำกับดูแล ของศาสดา

ในฉบับแรกที่จัดพิมพ์ขณะศาสดาเป็นบรรณาธิการ ท่านเขียนว่าวารสารจะจัด เสนอบทความเที่ยวกับ “เหตุการณ์สำคัญๆ ที่อุบัติขึ้นรอบตัวเราในแต่ละวัน ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของความจริง การติดต่อสื่อสารมากมายที่ท่านได้รับ ทุกวันจากเอ็ลเดอร์ทั้งหลายที่อยู่ต่างแดน ทั้งในประเทศนี้ ในประเทศอังกฤษ และจากทวีปยุโรป และภูมิภาคอื่นของโลก สภาพวุ่นวายของประเทศต่างๆ สาส์นและคำสอนของอัครสาวกสิบสอง ตลอดจนการเป็ดเผยซึ่งเราได้รับจาก พระผู้สูงสุด”1

ระหว่างที่ศาสดารับใช้เป็นบรรณาธิการ Times and Seasons ได้จัดพิมพ์ เอกสารต่างๆ ที่มืความสำคัญมาก เนื้อหาของหนังสือเอมราแฮมและสำเนาภาพ สองฉบับจัดพิมพ์ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1842 ส่วนสำเนาภาพฉบับที่สามจัด พิมพ์ไนเดือนพฤษภาคม ในเดือนมีนาคม ศาสดาเริ่มจัดพิมพ์ “ประวัติของ โจเซฟ สมิธ” เรื่องราวที่ต่อมากลายเป็น History of the Church

ใน Times and Seasons ฉบับวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1842 ศาสดาจัดพิมพ์ สิ่งที่รู้จักกันในนามจดหมายเวนท์เวิร์ธ ศาสดาอธิบายเหตุผลของการจัดทำเอก สารดังกล่าวว่า “ตามคำขอของคุณจอห์น เวนห์เวิร์ธบรรณาธิการและเจ้าของ Chicago Democrat ข้าพเจ้าเขียนคำอธิบายพอสังเขปเกี่ยวกับความเจริญ รุ่งเรือง ความก้าวหน้า การข่มเหง และความเชื่อของสิทธิชนยุคสุดทัยซึ่ง ข้าพเจ้าได้รับเกียรติจากพระผู้เป็นเจ้าให้เป็นผู้ก่อตั้ง คุณเวนห์เวิร์ธบอกว่าเขา ประสงค์จะมอบเอกสารฉบับนี้ให้คุณ [จอร์จ] บาร์สโทว์เพื่อนคนหนึ่งของเขาผู้ กำลังเขียนประวัติของนิวแฮมพ์เชียร์ ขณะที่คุณบาร์สโทว์ดำเนินการตามขั้นตอน ที่เหมาะสมเพื่อให์ใด้ข้อมูลที่ถูกด้อง ทั้งหมดที่ข้าพเจ้าจะขอจากเขาคือขอให้ เขาจัดพิมพ์เรื่องราวโดยครบก้วน ไม่ต่เติมเสริมแต่ง และไม่มีการบิดเบือน ใดๆ”2

ในที่สุดจอร์จ บาร์สโทว์ก็ไม่ได้ลงเรื่องราวของศาสดาไวัในประวัติของเขา เพราะเขาตัดสินใจใทํครอบคลุมเหตุการณ์จนถึงป็ ค.ศ. 1819 ไวัในหนังสือของ เขาเท่านั้น3 แต่จดหมายเวนห์เวิร์ธมีคุณค่าอย่างหาที่สุดมิได้ต่อสิทธิชนยุคสุด ทำย เป็นเรื่องราวด้นฉบับที่โจเซฟ สมิธเป็นพยานถึงการเรียกอ้นศักดี้สิทธี้ของ ท่านจากพระผู้เบ็นเจ้า ภาพปรากฎ การปฏิบัติศาสนกิจและการสอนของท่าน อีกทั้งพูดถึงความเจริญรุ่งเรืองตลอดจนการเติบโตของศาสนาจักรและการข่มเหง สิทธิชน จดหมายดังกล่าวประกอบด้วยคำประกาศอันเป็นการพยากรณ์ถึงความ สำเร็จในอนาคตของศาสนาจักรบนแผ่นดินโลกภายใด้พระหัตถ์คุ้มครองของ พระเยโฮวาห์ผู้ยิ่งใหญ่และยังมีรายละเอียดสำคัญๆ อีกหลายเรื่องที่ไม่พบในคำ สอนเรื่องใดของศาสดา ตลอดจนคำอธิบายเกี่ยวกับแผ่นจารึกทองคำและเนื้อหา พอสังเขปของพระคัมภีร์มอรมอน ที่สำคัญคือนี่เป็นครั้งแรกที่โจเซฟ สมิธจัด พิมพ์เรื่องราวของภาพปรากฎครั้งแรกด้วยตัวท่านเอง

โดยที้งทัยด้วยการประกาศหลักคำสอนของศาสนาจักร 13 ข้อซึ่งป้จจุบัน เรียกว่าหลักแห่งความเชื่อ จดหมายฉบับนื้จึงเป็นพยานอันทรงพลังถึงการเรียก อันสูงล่งของศาสดาโจเซฟ สมิธ

คํำสโอนฃองโจเซฟ สมิธ

พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์ทรงปรากฏต่อโจเซฟ สมิธ เพื่อตอบคำสวดอ้อนวอนของท่าน

“ข้าพเจ้าเกิดในเมืองชารอน วินด์เซอร์เคาน์ตี้ รัฐเวอร์มอนท์วันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1805 เมื่อ [ข้าพเจ้า] อายุสิบขวบ บิดามารดาของข้าพเจ้าย้ายไป อยู่เมืองพอลไมรา รัฐนิวยอร์ก เราอาศัยอยู่ที่นั่นสี่ป็ และจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ เมืองแมนเชสเตอร์ บิดาของข้าพเจ้าเบ็นเกษตรกรและสอนศิลปะการทำไร่ไถนา ให้ข้าพเจ้า เมื่ออายุประมาณสิบสี่ป็ ข้าพเจ้าเริ่มเห็นความสำคัญของการเตรียม รับสถานการณ์ในอนาคต และสนใจใคร่รู้ [เกี่ยวกับ] แผนแห่งความรอด ข้าพ เจ้าพบว่ามืความขัดแย้งอย่างมากในความศิตเห็นทางศาสนา หากข้าพเจ้าเข้าไป ในสังคมหนึ่งเขาจะอ้างแผนหนึ่ง อีกแห่งหนึ่งก็อ้างอีกแผนหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างชี้ ให้เห็นว่าข้อบัญญัติทางศาสนาของตนสมบูรณ์แบบ เมื่อพิจารณาแล้วว่าไม่ น่าจะมืแห่งใดถูกต้อง และพระผู้เบ็นเจ้าบิทรงเบ็นผู้ก่อให้เกิดความขัดแย้ง มากมายเช่นนั้น ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจศึกษาล้นคว้าเรื่องนี้มากขึ้น โดยเชื่อว่าหาก พระผู้เป็นเจ้ามีศาสนาจักร ศาสนาจักรนั้นจะไม่แยกออกเป็นหลายฝ่าย และหาก พระองค์ทรงสอนสังคมหนึ่งให้นมัสการอย่างหนึ่งและปฏิบัติพิธีการอย่างหนึ่ง พระองค์คงไม่สอนหลักธรรมที่ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิงให้อีกสังคมหนึ่ง

“โดยที่เชื่อพระคำของพระผู้เบ็นเจ้า ข้าพเจ้าจึงนั่นใจในคำประกาศของยา กอบที่ว่า ‘ล้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญาก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ทรง โปรดประทานให้แก่คนทั้งปวงต้วยพระกรุณาและบิไต้ทรงตำหนิ แล้วผู้นั้นก็จะ ไต้รับสิ่งที่ทูลขอ’ ข้าพเจ้าปลีกตัวเข้าไปในที่ลับตาคนในปา และเริ่มเรียกหา พระเจ้า ขณะกำลังวิงวอนต้วยสุดจิตสุดใจอยู่นั้น ความคิดของข้าพเจ้าถูกนําไป จากสิ่งที่อยู่รอบตัว ข้าพเจ้าถูกห่อหุ้มต้วยภาพปรากฎจากสวรรค์ และเห็นสอง พระองค์ผู้ทรงเป็่ยมต้วยพระสิรี ทรงเหมือนกันทูกประการ ทั้งพระลักษณะและ พระวรกาย ห้อมล้อมต้วยแสงอันเจิดจ้าซึ่งตับรัศมีของดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน พระองค์ทรงบอกข้าพเจ้าว่านิกายทั้งหมดเชื่อในหลักคำสอนที่ไม่ถูกต้อง และ ว่าพระผู้เป็นเจ้าบิทรงยอมรับนิกายใดเป็นศาสนาจักรและอาณาจักรของพระองค์ ข้าพเจ้าไต้รับบัญชาอย่างแน่ชัดว่า ‘อย่าตามเขา’ และไต้รับสัญญาในเวลา เดียวกันนั้นว่าความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณจะเป็นที่รู้แก่ข้าพเจ้าในอนาคตอัน ใกล้มี้

พระคัมภีร์มอรมอนเขียนไว้บนแผ่นจารึกทองคำแต่ครั้งโบราณกาล และผู้ส่งข่าวจากสวรรค์มอบให้ใจเซฟ สมิธ

“ค์าของวันที่ 21 กันยายน ค.ศ.1823 ขณะอำลังสวดอ้อนวอนพระผู้เป็น เจ้าและพยายามใช้ศรัทธาตามคำสัญญาอันลํ้าค่าในพระคัมภีร์ ทันใดนั้น ความ สว่างประหนึ่งความสว่างตอนกลางวัน ทว่าการปรากฎและความสว่างของการ ปรากฎนั้นเจิดจ้าและบริสุทธี้กว่า เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในห้อง ครั้งแรกที่เห็นดู ราวกับบัานเต็มไปด้วยไฟลุกโชน การปรากฎทัาให้ตื่นตระหนกซึ่งส่งผลกระทบ ต่อร่างทั้งร่างของข้าพเจ้า ในทันใดนั้น บุคคลหนึ่งมายืนอยู่ตรงหมัาข้าพเจ้า ห้อมจัอมด้วยรัศมีภาพ แต่สว่างกว่ารัศมีภาพที่จัอมรอบตัวข้าพเจ้า ผู้ส่งข่าวท่าน นี้ประกาศว่าท่านเป็นเทพของพระผู้เป็นเจ้า ถูกส่งมาแจ้งข่าวอันน่าชื่นชมยินดี ว่าพันธสัญญาที่พระผู้เป็นเจ้าทรงทํากับอิสราเอลสมัยโบราณจวนจะบังเกิดลัม ฤทธิผล ว่างานแห่งการเตรียมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระมาไซยาจะด้อง เริ่มโดยเร็วว่าเวลาจะมาถึงในไม่ข้าเมื่อจะมีการสั่งสอนพระกิตติคุณโดยครบ ด้วนสมบูรณ์ด้วยอำนาจแก่ ประชาชาติทั้งหลายเพื่อผู้คนจะพร้อมรับยุคบิลเล เนียม ท่านบอกว่าข้าพเจ้าได้รับเลือกให้เป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระผู้ เป็นเจ้าเพื่อให้จุดประสงค์บางประการของพระองค์ในสมัยการประทานอันรุ่งโรจน์นี้บังเกิดสัมฤทธิผล

“ท่านบอกข้าพเจ้าเกี่ยวกับผู้อยู่อาศัยดั้งเติมของประเทศนี้ด้วยและแสดงให้ เห็นว่าพวกเขาเป็นใครและมาจากไหน เรื่องราวพอสังเขปเกี่ยวกับที่มา ความ ด้าวหน์า อารยธรรม กฎหมาย การปกครอง เกี่ยวกับความชอบธรรมและความ ชั่วร้ายของพวกเขา และพรของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งในที่สุดถูกถอนไปจากพวกเขา ท่านทําให้เป็นที่รู้แก่ข้าพเจ้า ท่านบอกด้วยว่าแผ่นโลหะซึ่งจารึกความย่อใน บันทึกของศาสดาสมัยโบราณที่เคยมีชีวิตบนทวีปนี้ถูกฝืงไว้ที่ไหน เทพปรากฎ ต่อข้าพเจ้าสามครั้งในคืนเดียวกันและเป็ดเผยเรื่องเดียวกัน หลังจากได้รับการ มาเยือนหลายครั้งจากเทพของพระผู้เป็นเจ้าโดยเป็ดเผยถึงความน่าเกรงขาม และความรุ่งโรจน์ของเหตุการณ์ที่จะอุบัติขึ้นในวันเวลาสุดห้าย เข้าวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1827 เทพของพระเจ้าก็มอบบันทึกไว้ในมือข้าพเจ้า

“บันทึกเหล่านี้ถูกจารึกไว้บนแผ่นโลหะซึ่งมีลักษณะเหมือนทองคำ แต่ละ แผ่นกว้างหกนิ้วและยาวแปดนิ้ว หนาไม่เท่าแผ่นดีบุกธรรมดา เต็มไปด้วย อักขระเป็นตัวอักษรอียิปต์ และรวมเข้าด้วยกันเหมือนเล่มหนังสือ โดยมีห่วง สามห่วงคล้องอยู่ แผ่นจารึกชุดนี้มีความหนาประมาณหกนิ้ว ส่วนหนึ่งของ บันทึกถูกผนึกไล้ ตัวอักษรบนส่วนที่ถูกผนึกมีขนาดเล็กและจารึกไล้อย่างสวย งาม ทั้งชุดมีร่องรอยมากมายที่แสดงถึงความเก่าแกในโครงสร้างและความเขี่ยวชาญอย่างมากในศิลปะการจารึก มีเครื่องมือแปลกอย่างหนึ่งพบอยู่กับบันทึก ซึ่งคนโบราณเรียกว่า ‘ยูรับและธัมบัม่ ประกอบด้วยหินโปร่งใสสองก้อนวาง อยู่ในกรอบกันโล้งที่ผูกติดอยู่กับแผ่นทับทรวง ข้าพเจ้าแปลบันทึกโดยของ ประทาน และอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าโดยมียูรัมและธัมบัมเป็นสื่อกลาง

“…หนังสือเล่มนี้…บอกเราว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงปรากฎองค์ที่ทวีปนี้ หลังจากฟืนคืนพระชนม์ พระองค์ทรงหว่านพระกิตติคุณที่นี่ในความสมบูรณ์ ความลํ้าค่า อำนาจ และพรทั้งหมดของมัน พวกเขามีอัครสาวก ศาสดา ศิษยากีบาล ผู้สอน และผู้ประสาทพร ในระเบียบ ฐานะปุโรหิต พิธีการ ของประทาน อำนาจ และพรเดียวกันกับที่ได้รับในทวีปทางตะวันออก หนังสือเล่มนี้บอกเรา ว่าผู้คนจะถูกทอดทั้งเพราะการล่วงละเมิดของพวกเขา ศาสดาคนสุดห้ายที่อยู่ ในบรรดาพวกเขาได้รับบัญชาให้เขียนความย่อเกี่ยวกับอำพยากรณ์ ประวัติ ศาสตร์ และเรื่องราวอื่นๆ ของพวกเขา และซ่อนไวัในพื้นดิน และมันจะออก มาและเป็นหนึ่งเดียวกับพระคัมภีร์ไบเบิลเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของพระผู้ เป็นเจ้าในวันเวลาสุดห้าย สำหรับเรื่องราวพิเศษเพิ่มเติมข้าพเจ้าจะให้ไว้ ใน พระคัมภีร์มอรมอน ซึ่งหาซื้อได้ที่นอวู หรือจากเอ็ลเดอร์ที่เดินทางของเรา

“ทันทีที่ข่าวการด้นพบนี้แพร่ออกไป รายงานเท็จ ข่าวลือ และการใส่ร้าย ป้ายสืก็แพร่สะพัดไปทั่วสารทิศอย่างรวดเร็ว บัานเรือนถูกกลุ่มคนร้ายและคนที่ มีแผนชั่วด้อมบ่อยครั้ง หลายครั้งที่ข้าพเจ้าถูกโยนออกนอกบ้านและหมีรอดมา ได้อย่างหวุดหวิด แผนร้ายทุกอย่างถูกคิดขึ้นเพื่อเอาแผ่นจารึกไปจากข้าพเจ้า แต่ อำนาจและพรของพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับข้าพเจ้า และหลายคนเริ่มเชื่อประจักษ์ พยานของข้าพเจ้า

แม้จะเกิดการข่มเหงต่อต้านศาสนาจักร แต่ไม่มีสิ่งใดหยุดยั้ง ความก้าวหน้าของความจริงไต้

“วันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1830 ‘ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชน ยุดห้าย’ ได้รับการจัดตั้งครั้งแรกในเมืองเฟเยทท์ เซเนกาเคาม์ตี้ รัฐนิวยอร์ก บางคนได้รับเรียกและรับการวางมือแต่งตั้งโดยพระวิญญาณแห่งการเป็ดเผยและ การพยากรณ์ และเริ่มสั่งสอนตามที่พระวิญญาณประทานการเอ่ยปากแก่เขา ถึงแห้จะอ่อนแอ แต่เขาก็ได้รับการเสริมกำลังโดยอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า คน เป็นอันมากถูกนำมาสู่การกกับใจ ถูกจุ่มลงไปในนํ้า และเป็ยมด้วยพระวิญญาณ บริสุทธี้โดยการวางมือ พวกเขาเห็นนิมิตและพยากรณ์ ผีป็ศาจถูกขับออก และ คนป่วยได้รับการรักษาด้วยการวางมือ นับจากทั้นเป็นด้นมางานก็กลิ้งออกไป ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าประหลาด ไม่นานศาสนาจักรได้รับการก่อตั้งในรัฐนิว ยอร์ก เพนม์ซิลเวเมีย โอไฮโอ อินเดียนา อิลลินอยส์ และมิสซูรี ในรัฐสุด ห้ายที่เอ่ยมา อาณานิคมใหญ่ก่อตั้งขึ้นในแจ็คสันเคาม์ตี้ คนมากมายเข้าร่วม ศาสนาจักร และเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว เรากว้านซื้อที่ดินไว้มาก ไร่นาของ เราให้ผลผลิตมากมาย ความสงบสุขและความสุขมีอยู่ในแวดวงครอบครัว และ ในละแวกใกล้เคียง แต่เนื่องด้วยเราไม่อาจสมาคมกับเพื่อนบ้านของเราไล้ (ซึ่ง หลายคนตํ่าช้าที่สุดและได้หมีหห้าจากสังคมที่เจริญแล้วไปอยู่แถบชายแดนเพื่อ ให้พันเงื้อมมือของความยุติธรรม) ในการหาความสำราญยามดึก การละเมิดวัน แซบ้ธ แข่งห้าและเล่นการพนัน พวกเขาจึงเริ่มเยาะเย้ยถากถางเรา จากนั้นก็ พากันข่มเหง และสุดท้าย กลุ่มคนร้ายรวมตัวกันเผาบ้านของเรา ป้ายยางมะ ดอยกับขนนก เฆี่ยนดึพื่น้องชายจำนวนมากของเรา และท้ายที่สุด เขากระ ทำตรงกันช้ามกับกฎหมาย ความยุติธรรม และมนุษยธรรม โดยขับไล่คนเหล่า นั้นออกจากที่อยู่อาศัย กลายเป็นคนไม่มีห้าน ด้องระเหเร่ร่อนไปตามทุ่งหญ้า เตียนโล่งจนเด็กๆ ทิ้งรอยเลือดไว้ตามทุ่งหญ้า สิ่งนี้เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน พวกเขาไม่มีเครื่องนุ่งห่มในฤดูหนาวจัดของป็นอกจากท้องฟ้า เจ้าหม้าที่ห้าน เมืองไม่เหลียวแลแม้เราจะสว้างคุณงามความดึไว้มากมายเพื่อแผ่นดินของเรา และไม่เคยทำผิดกฎหมายบ้านเมือง แต่เราก็ไม่ได้รับการชดเชยใดๆ

“ผู้ถูกขับไล่ออกจากบ้านอย่างไร้มนุษยธรรม มีหลายพันคนล้มป่วย ด้อง อดทนต่อการทารุณท้้งหมดนี้ และด้องหาห้านพักเผื่อจะมีคนหาพวกเขาพบ ผลก็คีอ คนจำนวนมากสูญเสียความสุขสบายของชีวิตและไม่ได้รับการดูแลเอา ใจใส่ที่จำเป็น เด็กจำนวนมากถูกทิ้งให้เป็นเด็กกัาพร้า ภรรยา [ถูกทิ้งให้] เป็น ม่าย สามีกลายเป็นฟ่อม่าย ไร่นาของเราถูกกลุ่มคนร้ายยึดครอง วัว แกะ ม้า และหมูหลายพันตัวถูกจับไป ช้าวของในห้าน ของที่สะสมไว้ รวมทิ้งเครื่อง พิมพ์และแบบพิมพ์ถูกทุบแตกหักเสียหาย ถูกริบ หรือไม่ก็ถูกทำลาย

“พี่ม้องของเราจำนวนมากย้ายไปอยู่ที่เคลย์เคาน์ตี้นานสามป็จนถึงป็ ค.ศ. 1836 ไม่มีการทำว้าย แต่มีการข่มขู่จะทำว้าย แต่ในฤดูว้อนของป็ ค.ศ. 1836 การข่มขู่เหล่านี้เริ่มแสดงออกในรูปแบบที่รุนแรงมากขึ้น จากการข่มขู่ ก็มีการ ชุมนุม มีการลงมติ มีการขู่จะแล้แล้นและทำลาย สถานการณ์ทำท่ว่าจะเลว ร้ายอีกครั้ง แจ็คสันเคาห้ตี้เป็นตัวอย่างมาแล้ว และเมื่อผู้มีอำนาจในเคาห้ตี้แห่ง นั้นไม่เช้ามาขัดขวาง พวกเขา[ผู้มีอำนาจในเคลย์เคาน์ตี้] ออกตัวว่าจะไม่ล้าวก่ายในเรื่องนี้ ซึ่งเมื่อว้องเรียนต่อผู้มีอำนาจเราพบว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ และถึง จะยากจนแสนสาหัสและสูญเสียทรัพย์สิน แต่เราก็ถูกไล่ออกจากบ้านอีกครั้ง

“เราตั้งรกรากแห่งต่อไปในคาลด์เวลล์เคาน์ตี้และเดวีส์เคาน์ตี้ สร้างอาณานิ คมขนาดใหญ่ขึ้นที่นั่น และคิดจะทำให้ตนเองเป็นอิสระจากอำนาจของการกดขี่ โดยตั้งรกรากในเคาน์ตี้ใหม่หลายแห่งและให้มีผู้อยู่อาศัยเพียงไม่กี่คน แต่ที่นี่ เราไม่ได้อยู่อย่างสงบ เพราะในป็ ค.ศ. 1838 เราถูกกลุ่มคนร้ายโจมตีอีกครั้ง โดยคำสั่งให้กำจัดของผู้ว่าการบ็อกส์ และภายใด้การยินยอมของกฎหมาย คน ร้ายขยายองค์กรไปทั่วประเทศ ปล้นวัวของเรา แกะ หมู และอื่นๆ คนของเรา จำนวนมากถูกฆ่าอย่างเลือดเย็น สตรีของเราด้องสูญเสียความบริสุทธี้ และ พวกเขาใช้ดาบบังคับเราให้ลงนามโอนทรัพย์สินและหลังจากอดทนต่อการสบ ประมาทเหยียดหยามทุกอย่างที่พวกโจรไร้มนุษยธรรมและหยาบช้าจะสามารถทำ กับเราได้ ชายหญิงและเด็กประมาณหนึ่งหมื่นสองพันคนถึงหนึ่งหมื่นห้าพันคน ถูกไล่ออกจากป้านจากแผ่นดินมื่พวกเขาประกอบคุณงามความตีไว้มากมาย ไม่มีห้านอยู่ ไร้ญาติขาดมิตร (ในความหนาวยะเยือก) ซัดเซพเนจรเหมือนคนถูก เนรเทศ หรือไม่ก็หามื่หลบภัยในดินแดนมื่เป็นมิตรมากกว่า และในบรรดาคนมื่ ป่าเถื่อนม้อยกว่า หลายคนล้มป่วยและเสียชีวิตเพราะความหนาวเย็นและความ ยากลำบากมื่ด้องประสบ ภรรยาจำนวนมากถูกทิ้งให้เป็นม่าย เด็กหลายคน [ถูก ทิ้ง] ให้เป็นลูกกำพร้า และอัตคัดขัดสน คงด้องใช้เวลามากกว่านี้หากจะให้ ช้าพเจ้าสาธยายความอยุติธรรม ความไม่ถูกด้อง ฆาตกรรม การหลั่งเลือด การ คักขโมย ความทุกข์ยาก และวิบัติอันมีสาเหตุมาจากพฤติการณ์มื่ป็าเถื่อน ไร้ นนุษยธรรม และผิดกฎหมายของรัฐมิสซูรี

“ในสถานการณ์ที่พูดถึงก่อนหม้านี้ เรามาถึงรัฐอิลลินอยส์ในป็ ค.ศ. 1839 เราพบผู้คนที่มีอัธยาศัยตีและครอบครัวที่เป็ นมิตร ผู้คนที่ยอมอยู่ใด้หคักการ ของกฎหมายและมนุษยธรรม เราเริ่มสร้างเมืองชื่อ ‘นอวู’ ในแฮนค็อคเคาน์ตี้ เรามีคนจำนวนหกพันถึงแปดพันคนที่ม้่น นอกจากนี้ยังมีอีกเป็ นจำนวนมากใน เคามัตี้โดยรอบ และในเคาน์ตี้เกือบทุกแห่งของรัฐ เรามีกฎบัตรประจำเมืองของ เรา และกฎบัตรลำหรับกองทหาร ซึ่งเวลานี้มีจำนวน 1,500 นาย ทั้งยังมีกฎ บัตรสํหรับมหาวิทยาลัย สํหรับสมาคมการเกษตรและการผลิตด้วยมีกฎหมาย และผู้บริหารของเราเอง และมีสีทธี้ทัดเทียมพลเมืองคนอื่นๆ ที่เป็นอิสระและ ล้าวหห้า

“การข่มเหงมิได้หยุดยั้งความจริงให้ล้าวห้ก้า แต่กลับเพิ่มเชื้อไฟให้เปลว เพลิง ทำให้ความจริงแผ่ขยายด้วยความเร็วที่เพิ่มชื้น ความภาคภูมิใจในอุดม การณ์ซึ่งพวกเขาห้อมรับ ลำนึกในความบริสูทธี้ของเรา ในความจริงทางศาสนา ของเขา ทำมกลางการใส่ร้ายป้ายสีและการประณาม ทำให้เหล่าเอ็ลเดอร์ของ ศาสนาจักรนี้ออกไปหว่านพระกิตติคุณในเกือบจะทุกรัฐของสหรัฐอเมริกา พระ กิตติคุณเข้าไปในเมืองต่างๆ ของเรา กระจายไปทั่วหมู่บ้านของเรา ทำใบ้พล เมืองหลายพันคนที่เฉลียวฉลาด มีจิตใจสูงส่ง และรักชาติเชื่อฟ้งบัญชาจาก สวรรค์และใบ้ความจริงอันศักดสิทธี้ปกครองพวกเขา พระกิตติคุณแผ่ขยายเข้า ไปในประเทศอังกฤษ ไอร์แลนด์ สก็อตแลนด์ และเวลส์ด้วย และในป็ ค.ศ. 1840 ผู้สอนศาสนาจำนวนหนึ่งของเราถูกส่งไปที่ทั่น และคนกว่าบ้าพันคน เข้าร่วมอับมาตรฐานแห่งความจริง ปัจจุบันทุกประเทศมืคนเข้าร่วมจำนวนมาก

“ผู้สอนศาสนาของเรากำลังออกไปในประเทศต่างๆ และในเยอรมนี ปาเลสไตน์ นิวฮอลแลนด์ [ออสเตรเลีย] อินดีสตะวันออก และที่อื่นๆ มาตร ฐานแห่งความจริงได้รับการสถาปนา มือที่ไม่สะอาดไม่ สามารถหยุดยั้งความบ้าว หบ้าของงานนี้ได้ การข่มเหงอาจทวีความรุนแรง ฝูงชนอาจชุมนุมอันต่อด้าน กองทัพอาจรวมตัวอันคุกคาม การสบประมาทอาจทำให้เสื่อมเลียเสียรกียศชื่อ เสียงแต่ความจริงของพระผู้เป็นเจ้าจะดำเนินต่อไปอย่างองอาจ มีเกียรติ และ เป็นอิสระ จนกว่าจะเข้าไปสู่ทุกทวีป ทุกประชาชาติ ทุกภาษา และก้องอยู่ใน ทุกหู จนกว่าจุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าจะสำเร็จ และพระเยโฮวาห์ผู้ทรง ฤทธานุภาพจะตรัสว่างานสำเร็จแล้ว

หลักแห่งความเชื่อพูดถีํังหลักคำสอนและ หลักธรรมพื้นฐานของศาสนาของเรา

“เราเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า พระบิดาผู้สถิตนิรันดร์ และในพระบุตรของ พระองค์ พระเยซูคริสต์ และในพระวิญญาณบริสุทธี้

“เราเชื่อว่ามนุษย์จะได้รับโทษเพราะบาปของตนและมิใช่เพราะการล่วงละ เมิดของแอตับ

“เราเชื่อว่าโดยทางการชดใช้ของพระคริสต์ มนุษยชาติทั้งมวลจะรอดโดย การปฏิบัติตามกฎและพิธีการแห่งพระกิตติคุณ

“เราเชื่อว่าหลักธรรมและพิธีการเบื้องด้นแห่งพระกิตติคุณคือ (1) ศรัทธา ในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ (2) การกลับใจ (3) บัพติศมาโดยลงไปในนํ้าทั้งตัว เพื่อการปลดบาป (4) การปรกมือเพื่อของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธี้

“เราเชื่อว่ามนุษย์ด้องได้รับการเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า โดยการพยากรณ์ และ โดยการปรกมือโดยผู้มือำนาจ เพื่อใบ้สอนพระกิตติคุณและปฏิบัติพิธีการตาม นั้น

“เราเชื่อในการจัดวางระเบียบงานอย่างเดียวกับที่มีอยู่ในศาสนาจักรสมัยโบ ราณ นั่นคือ อัครสาวก ศาสดา ศิษยาภิบาล ผู้สอน ผู้ประสาทพร และอื่นๆ

“เราเชื่อในของประทานแห่งการพูดภาษา การพยากรณ์ การเป็ดเผย ภาพ ที่มาให้เห็น การรักษา การแปลภาษา และอื่นๆ

“เราเชื่อว่าพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นคำของพระผู้เป็นเจ้าตราบที่แปลมันถูกต้อง เราเชื่อต้วยว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นคำของพระผู้เป็นเจ้า

“เราเชื่อทั้งหมดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็ดเผยมา ทั้งหมดที่พระองค์ทรงเป็ด เผยขณะนี้ และเราเชื่อว่าพระองค์จะยังทรงเป็ดเผยเรื่องสำคัญและยิ่งใหญ่อีก หลายเรื่องเกี่ยวกับอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า

“เราเชื่อในการรวมกันจริงๆ ของเชื้อสายอิสราเอล และในการกลับคืนมา ของคนสิบเผ่า และว่าไซอันจะถูกสร้างบนทวีป [อเมริกา] นี้ ว่าพระคริสต์จะ ทรงครองแผ่นดินโลกเอง และว่าแผ่นดินโลกจะถูกทำใหม่และไต้รับรัศมีภาพ แห่งรมดีของมัน

“เราถือสิทธี้แห่งการนมัสการพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพตามการบอก ของความรู้สึกผิดชอบของเราเอง และยอมให้คนทั้งปวงบีสิทธี้เช่นเดียวกัน ให้เขานมัสการอย่างใด ที่ใด หรือสิ่งใดที่เขาจะนมัสการ

“เราเชื่อในการขึ้นอยู่กับกษัตริย์ ประธานาธิบดี ผู้ปกครอง และผู้พิพากษา ในการทำตาม การยกย่อง และการสนับสนุนกฎหมาย

“เราเชื่อในการเป็นคนซื่อสัตย์ จริง บริสุทธี้ บีเมตตา บีคุณธรรม และใน การทำความดีต่อมนุษย์ทั้งปวง โดยแห้แห้ว เราจะกล่าวว่าเราดำเนินตามคำแนะ นำของพอล——เราเชื่อทุกสิ่ง เราหวังทุกสิ่ง เราอดทนมาแล้วหลายสิ่ง และหวัง ที่จะสามารถอดทนไต้ทุกสิ่งหากบีสิ่งใดที่เป็นคุณธรรม งดงาม หรือจากรายงาน ดี หรือควรสรรเสริญ เราแสวงหาสิ่งเหล่านี้ [ดูหลักแห่งความเชื่อข้อ 1–13]

“ต้วยความเคารพ

“ใจเซฟ สมิธ”4

ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเดิมไต้ที่หน้า ⅶ–ⅹⅱ

  • โจเซฟ สมิธเขียนจดหมายเวนท์เวิร์ธตามคำขอของจอห์น เวนห์เวิร์ธและ จอร์จ บาร์สโทว์ (หน้า 471) มีคนสอบถามท่านเกี่ยวกับประวัตีศาสตร์หรือ ความเชื่อของศาสนาจักรเมื่อใด ขณะศึกษาหรือสนทนาบทนี้ ให้คิดว่าอนา คตท่านจะตอบคำถามทํานองนั้นอย่างไร จากถ้อยคำของใจเซฟ สมิธในจด หมายเวนห์เวิร์ธเราเรียนรู้อะไรห้างเกี่ยวกับการตอบคำถามเช่นนั้น

  • อ่านสิ่งที่ศาสดาพูดไว้เกี่ยวกับภาพปรากฎครั้งแรก (หน้า 472) ครั้งต่อไปเมื่อ ท่านจะบอกใครสักคนเกี่ยวกับภาพปรากฎครั้งแรก ท่านจะช่วยให้บุคคลนั้น เข้าใจภาพปรากฎครั้งแรกได้อย่างไรและภาพดังกล่าวมีความหมายต่อท่าน อย่างไร

  • อ่านอรรถาธิบายของศาสดาเกี่ยวกับการออกมาของพระคัมภีร์มอรมอน (หน้า 473–475) พระคัมภีร์มอรมอนเปลี่ยนชีวิตท่านอย่างไรป้าง เราจะ แบ่งปันประจักษ์พยานที่เรามีต่อพระคัมภีร์มอรมอนได้อย่างไรห้าง

  • ในหน้า 475–478 ใจเซฟ สมิธให้ประวัติพอสังเขปของการเริ่มด้นศาสนา จักรแถ้วจึงเป็นพยานถึงจุดหมายปลายทางของศาสนาจักร ท่านมีความรู้สึก อย่างไรห้างขณะศึกษาย่อหน้าที่หนึ่งในหน้า 478 ท่านคิดว่าเหตุใดการข่ม เหงจึงไม่สามารถหยุดยั้งความก้าวหน้าของศาสนาจักรได้ มีตัวอย่างอะไรห้าง ของผู้คนที่ก้าวหน้าแห้จะถูกต่อด้าน (พิจารณาตัวอย่างจากพระคัมภีร์ ประวัตี ศาลนาจักร และชีวิตท่านเอง)

  • อ่านทวนหลักแห่งความเชื่อ (หน้า 478–479) หลักแห่งความเชื่อช่วยท่าน ในทางใดป้าง ท่านคิดว่าเหตุใดเราจึงขอให้เด็กปฐมวัยท่องจำหลักแห่งความ เชื่อ ขอให้ท่านจัดเวลาไว้ศึกษาหรือท่องจำหลักแห่งความเชื่อ

ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: โจเซฟ สมิธ–ประว้ติ 1:1–75

อ้างอิง

  1. “To Subscribers,” บทบรรณธิการที่ จัดพิมฟ่ไน Times and Seasons, Feb. 15, 1842, p. 696; โจเซฟ สมิธ เป็นบรรณาธิการวารสาร

  2. History of the Church, 4:535–36; จากจดหมายที่โจเซฟ สมิธเขียนตาม คำขอของจอห์น เวนท์เวิร์ธ และจอร์จ บาร์สโทว์ นอวู อิลลินอยส์ จัดพิมฟ่ไน Times and Seasons, Mar. 1, 1842, p. 706. นามสกุลของนายบาร์สโทว์ (Barstow) ใน History of the Church และ Times and Seasons สะกดว่า “Bastow” ซึ่งไม่ถูกต้อง

  3. แม้จอห์น เวนท์เวิร์ธหรือจอร์จ บาร้ สโทว์จะไม่จัดพิมพ์จดหมายแต่ดาเป็ยล รัพพ์ไต้จัดพิมพ์เรื่องราวเดียวกันนี้กับ บางส่วนที่เพิ่มเข้ามาและแก้ไขไว้ในป็ ค.ศ. 1844 ใน “Latter Day Saints” He Pasa Ekklesia [The Whole Church]: An Original History of the Religious Denominations at Present Existing in the United States, pp. 404–10.

  4. History of the Church, 4:536–41; คำว่า “เกี่ยวกับ” ที่วงเล็บไว้ในย่อหน้า แรกหน้า 472 มือยู’ ในต้นฉบับ; คำใน วงเล็บในย่อหน้าที่แปดหน้า 479 มือยู’ ในต้นฉบับ; เปลี่ยนตัวสะกดและเครื่อง หมายวรรคตอนให้ทันสมัย; จากจดหมาย ที่โจเซฟ สมิธเขียนตามคำขอของจอห์น เวนท์เวิร์ธและจอร์จ บาร์สโทว์ นอวู อิลลินอยส์ จัดพิมพ์ไน Times and Seasons 1 มี.ค. 1842 หน้า 706–710 หลายครั้งที่ศาสดาโจเซฟ สมิธ เขียน หรือบอกให้เขียนเรื่องราวโดยละเอียด ของภาพปรากฎครั้งแรก เรื่องราวในจด หมาย เวนท์เวิร์ธเป็นหนึ่งในนั้น เรื่อง ราวเป็นทางการอยู่ในโจเซฟ สมิธ—ประว้ติในพระคัมภีร์ไข่มุกอันลํ้าคำมืการ เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพิ่อเตรียมตีพิมพ์ หลักแห่งความเชื่อในพระคัมภีร์ไข่มุก อันลํ้าค่าฉบับป็ 1981 ด้วยเหตุนี้จึงมื ความแตกต่างอยู่ม้างเล็กน้อยระหว่าง หลักแห่งความเชื่อฉบับป้จจุบันกับฉบับ ที่จัดพิมพ์ในบทนี้

ภาพ
Prophet Joseph writing

“ตามคำขอของคุฌจอห์น เวนห์เวิร็ร…ข้าพเจ้าเขียนคำอธิบายพอสังเขปเกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้า การข่มเหง และความเชื่อของสิทธิชนยุคสุดน้ายซึ่งข้าพเจ้า ไก้รับเกียรติจากพระผู้เป็นเจ้าโน้เป็นผู้กีอตัง”

ภาพ
Joseph receiving gold plates

“เช้าวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1827 เทพของพระเจ้าก็มอบบันทึกไว้ในมือช้าพเช้า”