น้ำและพรที่ไหลท่วม

ในฐานะคู่ผู้สอนศาสนา เรานั่งเครื่องบิน 45 นาทีจากเกาะเอฟาเตลงใต้ไปยังเกาะทานนา เรานำแบบฟอร์มบัพติศมาปึกใหญ่และใช้รถกระบะเพื่อเริ่มไปเยี่ยมโบสถ์ทั้งแปดสาขาในเกาะ เมื่อถึงเดือนสิงหาคม จำนวนของผู้ที่พร้อมรับบัพติศมาเพิ่มเป็น 114 คน

ในวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 2022 เราไปที่สาขาในไซด์ซีวี เราไม่มีวิธีติดต่อประธานสาขาเพื่อบอกเขาว่าเรากำลังจะไปเยี่ยม เราแค่ไปและหวังว่าจะได้เจอเขา

เมื่อท่านนึกถึงทานนา ให้นึกถึงถนนในป่า เราขับรถกระบะขึ้นไปบนภูเขาให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นเราก็จอดทิ้งไว้และเริ่มเดิน เราใช้เวลาสามชั่วโมงในการเดินทางไปยังหมู่บ้าน เราได้กินแต่มะพร้าวที่พบกลางทาง

เมื่อไปถึงหมู่บ้าน ประธานสาขาไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่ที่ปรึกษาของเขาอยู่ เราคุยกับเขาเรื่องงานสอนศาสนา จากนั้นฝนก็เริ่มตก เมื่อมีฝนตกในไซด์ซีวี ผู้คนจะพยายามหาพื้นที่ปลอดภัย เรารีบลงภูเขาไปที่รถกระบะของเรา

เราขับรถในทานนาได้อย่างปลอดภัยเมื่อไม่มีฝนตก แต่เมื่อมีฝนตกจะน่ากลัวมาก พอไปถึงรถ เราเริ่มขับออกมา แต่ในไม่ช้าก็ไปติดอยู่ตรงบริเวณที่จะข้ามแม่น้ำ

เราพยายามเข็นรถให้ออกจากบริเวณนั้น แต่ไม่ได้ผล เราจึงโทรหาประธานท้องถิ่นเพื่อขอความช่วยเหลือ เราได้รับความช่วยเหลือและพยายามเคลื่อนย้ายรถอีกครั้งแต่ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ แม่น้ำหลายสายเอ่อล้นและไหลลงมาจากหลายพื้นที่รอบตัวเรา

ภาพ

ผู้สอนศาสนานั่งท้ายรถกระบะ

ภาพถ่ายเอื้อเฟื้อโดยผู้เขียน

“ลงมาจากรถ!”

คนที่ช่วยเหลือเราขึ้นฝั่งกันไปแล้ว แต่เรายังยึดเบาะรถไว้แน่นตอนที่แม่น้ำสูงขึ้น เราไม่ต้องการทิ้งรถกระบะ ตอนนั้นน้ำขึ้นมาถึงที่เปิดประตูรถด้านที่หันหากระแสน้ำแล้ว

เราโทรหาประธานคณะเผยแผ่ มาร์ค เมสซิค และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “ตอนนี้น้ำกำลังท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ ครับ” เราบอก เราถามว่าเราจะเอาชีวิตรอดและทิ้งรถไปได้หรือไม่

“ขอบคุณที่โทรหาผมครับ” ประธานเมสซิคพูดกับเรา “ไม่เป็นไรหรอก! ทิ้งรถกระบะไว้แล้วไปหาที่ปลอดภัยเดี๋ยวนี้เลย!”

เราอยู่ใกล้กับจุดที่แม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน แม่น้ำอีกสายที่อยู่ใกล้ๆ มีน้ำไหลบ่ามาอย่างรวดเร็ว แต่แม่น้ำสายที่เราอยู่ยังมีน้ำไม่มาก ราวกับว่ากำลังรอให้เราออกไป จากนั้น ครืน!

มีคนตะโกนมาจากฝั่งแม่น้ำ เอ็ลเดอร์นาลินจากทานนาเข้าใจคำเตือนนั้น: “น้ำมาแล้ว!”

รถของเราติดอยู่ข้างทางโดยที่กระแสน้ำกำลังไหลเชี่ยวและโถมเข้าหาประตูฝั่งเอ็ลเดอร์โทอา เอ็ลเดอร์นาลินออกไปได้ก่อน เอ็ลเดอร์โทอาต้องปีนไปที่เบาะหลังและออกทางประตูอีกฝั่ง เขารีบมองไปที่เบาะหลังเพื่อหาแบบฟอร์มบัพติศมาและพระคัมภีร์ แต่ไม่เห็น เขาจึงคิดว่าเอ็ลเดอร์นาลินถือไปด้วยแล้ว ทันทีที่เอ็ลเดอร์โทอาออกไปได้ แม่น้ำก็กลืนรถกระบะคันนั้นไป

หากแม่น้ำทำลายแบบฟอร์ม เราต้องกลับไปยังที่ต่างๆ ที่เคยไปแล้วและสัมภาษณ์ใหม่ เรายังต้องบินกลับไปที่สำนักงานคณะเผยแผ่ในเอฟาเตเพื่อเอาแบบฟอร์มบัพติศมาเพิ่มแล้วกลับไปที่ทานนา

ภาพ

ผู้สอนศาสนาชาย

ภาพถ่ายโดย คริสตีน แฮร์

ภาพ

ผู้สอนศาสนาชาย

ภาพถ่ายโดย คริสตีน แฮร์

ศรัทธาในเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า

ขณะที่กำลังมองรถกระบะถูกน้ำซัดไป สุดท้ายเอ็ลเดอร์โทอามองเห็นพระคัมภีร์และแบบฟอร์มบัพติศมาอยู่ที่เบาะหลัง “นี่เป็นไปได้อย่างไร?” เขาสงสัยว่าทำไมก่อนหน้านี้จึงไม่เห็นของเหล่านั้น

ขณะที่ยังอยู่ในแม่น้ำ เราเรียกหาเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าให้ปกป้องพระคัมภีร์และแบบฟอร์มบัพติศมา เรามีศรัทธาว่าพระองค์จะทรงรักษาสิ่งของเหล่านั้นไว้ได้ตามพระประสงค์

เราขึ้นจากแม่น้ำแล้วคุกเข่าลงสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับรถกระบะ แบบฟอร์มบัพติศมาและพระคัมภีร์ เรามองไม่เห็นรถกระบะอีกต่อไป แต่เรารู้ว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย

ผู้คนจากไซด์ซีวีพบรถกระบะต่อมาในวันนั้นและโทรแจ้งประธานท้องถิ่น รถกระบะถูกซัดไปตามกระแสน้ำราว 820 ฟุต (250 ม.) ทุกอย่างในรถเปียกหมดยกเว้นแบบฟอร์มบัพติศมาและพระคัมภีร์ของเรา! ทั้งสองสิ่งนั้นแห้งสนิท วางอยู่ด้านบนใบปลิวบางส่วน สมุด และคู่มือ

เรารวบรวมกลุ่มคนเพื่อช่วยนำรถกระบะขึ้นจากแม่น้ำ เราปล่อยให้รถกระบะแห้งก่อน และรีบนำไปซ่อมแซม ไม่มีรอยบุบหรือขีดข่วน

หลังพายุเข้า เราใช้เวลาส่วนใหญ่เดินไปยังสาขาต่างๆ ในทานนา ในยามที่ขาเหนื่อยล้าจากการเดิน ท่านต้องเดินด้วยใจ

สองสามวันต่อมา เราสัมภาษณ์บัพติศมาจนครบและให้บัพติศมา 114 คน หลายคนเป็นครอบครัวเดียวกัน สาขาหนึ่งมี 48 คนที่พร้อมจะรับบัพติศมา เราเริ่มสัมภาษณ์พวกเขาตอน 7 โมงเช้า เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ เราเห็นตะวันตกดิน

สายน้ำแห่งการทดลองอาจท่วมท้นเข้ามาในชีวิตเรา แต่เราเป็นพยานว่าศรัทธาในเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นพรแก่เรา แม้แต่น้ำท่วมในทานนาก็ไม่สามารถเอาชนะพรของพระบิดาบนสวรรค์ของเราได้