ได้รับพรจากการชดใช้ของพระเยซูคริสต์

“เมื่อเร็วๆ นี้สมาชิกที่เป็นเยาวชนคนหนึ่งของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายถามข้าพเจ้าว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงคิดอย่างไรกับเราเมื่อเรายังคงทำบาปแบบเดิมซ้ำต่อไป

“ข้าพเจ้าแบ่งปันว่าข้าพเจ้าเชื่อว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงถือว่าเราเป็นอย่างที่บุตรธิดาทุกคนของพระบิดาบนสวรรค์เป็น และนั่นไม่ได้ทำให้ความรักที่พระองค์และพระบิดาบนสวรรค์ทรงมีต่อเราลดน้อยลง

“เราสามารถได้รับการชำระจากบาปผ่านการกลับใจ และนั่นเป็นปีติ ไม่ใช่ภาระ เมื่อเรากลับใจ พระผู้ช่วยให้รอดผู้เปี่ยมด้วยความรักจะทรงกางพระพาหุเพื่อรับชายและหญิงทุกคนให้ชื่นชมพรยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีสำหรับบุตรธิดาของพระองค์”

“การติดตามพระเยซูคริสต์หมายถึงการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยของเราผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ นั่นคือทางเดียวที่เราจะสร้างบนรากฐานอันแน่นอนของพระองค์และยืนหยัดมั่นคงระหว่างเกิดพายุของการล่อลวงและการทดลองข้างหน้า

“เพื่อที่จะพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงนี้ เราต้องกลายเป็นเหมือนเด็ก—เด็กเล็กๆ

“บางคนจะยอมรับเรื่องนี้ได้ยาก เราส่วนใหญ่อยากเป็นคนเข้มแข็ง เราอาจมองว่าการเป็นเหมือนเด็กคือการเป็นคนอ่อนแอ การเป็นเหมือนเด็กไม่ใช่การทำตัวเป็นเด็ก

“แต่คือการเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอด ผู้ทรงสวดอ้อนวอนพระบิดาขอให้มีพลังที่จะสามารถทำตามพระประสงค์ของพระบิดาและชดใช้บาปของบุตรธิดาทุกคนของพระบิดาแล้วก็ทรงทำอย่างนั้น อุปนิสัยของเราต้องเปลี่ยนมาเป็นเหมือนเด็ก เราจึงจะได้พลังที่เราต้องมีเพื่อจะยืนหยัดอย่างสงบมั่นคงในช่วงเวลาน่ากลัว

“การเปลี่ยนแปลงนั้นจะทำให้เราคู่ควรได้รับของประทานที่มาผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ การมีความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณจะปลอบโยน นำทาง และทำให้เราเข้มแข็งขึ้น”

“อย่าละสายตาจากเกทเสมนี หากท่านมีวันที่ยากลำบาก—และเป็นไปได้ว่าท่านมี—นั่งลงสักครู่แล้วนึกถึงเกทเสมนี นึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดและสิ่งที่พระองค์เต็มพระทัยทำเพื่อท่านและข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อท่านทำเช่นนั้น ภาระของท่านจะถูกยกขึ้น และท่านจะรู้สึกถึงอิทธิพลและพลังอำนาจของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ในชีวิตท่าน พระองค์ทรงสัญญาว่าจะช่วยท่าน”

“นี่คือวิดีโอ ที่เหลนสาวข้าพเจ้ากำลังหัดเดิน พวกเราที่เคยอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเธอบางครั้งก็ต้องสะดุดและล้มลงก่อนที่เราจะเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์

“อย่างไรก็ตาม สำหรับพวกเราหลายคน เมื่อเราล้มลง พ่อแม่ที่รักจะคอยอยู่เคียงข้างเราเพื่อสนับสนุนให้เราเรียนรู้ต่อไป เพราะพวกท่านอยากให้เราเติบโตและเป็นคนที่พวกท่านรู้ว่าเราจะเป็นได้ ในทำนองเดียวกัน พระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมพระเมตตาทรงทราบว่าเราจะล้มเหลวมากกว่าหนึ่งครั้ง

“ความผิดพลาดและข้อบกพร่องของเราจะทำให้เราเสียใจหรือเจ็บปวดในบางครั้ง นี่เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์มรรตัยของเรา—โดยมักจะเป็นผลจากการเลือกของเราเอง แต่ถ้าเราปฏิเสธไม่ให้ข้อบกพร่องของเรามาบั่นทอนกำลังใจ ข้อผิดพลาดเหล่านี้สามารถเป็นครูที่ดีได้ การล้มเหลวในการดำเนินชีวิตตามมาตรฐานที่ดีที่สุดของตัวเองอยู่เสมอไม่ใช่สัญญาณของความบกพร่อง แต่เป็นสัญญาณของการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมนุษย์ต่างหาก ความล้มเหลวคือราคาที่เราต้องจ่ายเพื่อให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น

“ใช่ เราจะทำผิดพลาด แต่เมื่อเราล้ม เราก็ลุกขึ้นอีกครั้งได้ เพราะเรารู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เคียงข้างเพื่อช่วยเรา ทุกที่และทุกเวลา พระองค์ทรงเป็นที่ปรึกษาของเรา ครูของเรา ผู้รักษาของเรา ความเข้มแข็งของเรา พระผู้ช่วยให้รอดของเรา

“ดังนั้นไม่ว่าท่านจะเจอสถานการณ์ใดอยู่ จงอย่ายอมแพ้ อย่าสิ้นหวัง! จงมั่นใจว่าท่านไม่มีวันโดดเดี่ยว พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่กับท่าน พระเยซูคริสต์ทรงเป็นความเข้มแข็งของท่าน ข้าพเจ้าเรียนรู้ในชีวิตว่ามีการเริ่มต้นใหม่มากมาย แม้กระทั่งการเริ่มต้นใหม่ทุกวัน พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ การเสียสละของพระเยซูคริสต์ และความเต็มใจของเราที่จะเริ่มการกลับใจและการให้อภัยจะเปิดประตูสู่การเริ่มต้นใหม่เหล่านี้

“เพราะการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ ความผิดพลาดของเราจะช่วยให้เราเรียนรู้และเติบโตเป็นตัวเราในแบบที่ดีขึ้น”

“ในฐานะสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า พระองค์ทรงเอาชนะบาปและความตายแล้ว เราแต่ละคนสามารถทำเช่นเดียวกันได้โดยผ่านพระองค์

“วันนี้ความรู้สึกสำนึกคุณต่อพระผู้ช่วยให้รอดท่วมท้นขณะที่เราพิจารณาการเสียสละของพระองค์ในสถานที่พิเศษสองแห่ง เราไปเยี่ยมชมอุโมงค์ในสวน—อุโมงค์โบราณเทียบได้กับสถานที่ซึ่งพระศพของพระคริสต์จะถูกนำไปวางหลังจากการตรึงกางเขนของพระองค์

“เรายังไปเยี่ยมชมบริเวณที่บางคนถือว่าเป็นสวนเกทเสมนีด้วย ขณะที่เราเดินท่ามกลางต้นมะกอกอายุหลายศตวรรษ เราฟังข้อพระคัมภีร์ที่บรรยายถึงการพลีพระชนม์ชีพอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้ช่วยให้รอดแทนเราในสวนและบนไม้กางเขนไปด้วย

“ประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดของพระเยซูคริสต์ในสวนเกทเสมนีและบนไม้กางเขนสมควรได้รับความเคารพและความคารวะอย่างยิ่งจากเรา ในทำนองเดียวกัน เหตุการณ์อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในวันที่สามหลังการตรึงกางเขนของพระองค์สมควรได้รับความยำเกรงและความสำนึกคุณชั่วนิรันดร์ในจิตใจและความคิดของเรา

“ในฐานะสานุศิษย์ของพระคริสต์ ข้าพเจ้าได้รับพรที่จะประกาศประจักษ์พยานว่าพระองค์ทรงพระชนม์!

“การเยือนเกทเสมนีครั้งล่าสุดทำให้ข้าพเจ้าไตร่ตรองเรื่องการเสียสละของพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อเราแต่ละคน ท่านอาจรู้แล้วว่าในภาษาฮีบรู ‘geth’ แปลว่า ‘สกัด’ และ ‘shemen’ แปลว่า ‘น้ำมัน’ เกทเสมนีเป็นสถานที่สกัดน้ำมันอย่างแท้จริง

“คำอธิบายนี้เป็นจริงสำหรับข้าพเจ้าอย่างยิ่งเนื่องจากข้าพเจ้ามีโอกาสเป็นพยานและใช้เครื่องสกัดมะกอกโบราณที่ศูนย์เยรูซาเล็มบีวายยู

“ในช่วงพระชนม์ชีพของพระผู้ช่วยให้รอด น้ำมันเกิดขึ้นจากการกลิ้งหินก้อนใหญ่บนมะกอกก่อน จากนั้นมะกอกที่บดแล้วจะถูกทับด้วยคานหนักๆ เพื่อผลิตน้ำมันบริสุทธิ์ เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำมันทุกหยดจะถูกสกัดออกมา ก้อนหินขนาดใหญ่จึงถูกวางไว้บนคานเพื่อทับเอาน้ำมันส่วนที่เหลือออกมา

“พิจารณาสัญลักษณ์ของกระบวนการนี้เมื่อท่านพิจารณาประสบการณ์ของพระเยซูคริสต์ในเกทเสมนี ที่ซึ่ง ‘พระโลหิต [มา] จากทุกขุมขน’ (โมไซยาห์ 3:7) เนื่องจากพระผู้ช่วยให้รอดทรงทนทุกข์ในวิธีที่ไม่อาจเข้าใจได้ในขณะที่พระองค์ทรงคุกเข่าสวดอ้อนวอนอย่างแข็งขันและทรงอุทิศพระองค์เป็นค่าไถ่บาปของเรา

“ด้วยความรักที่สมบูรณ์ พระองค์ประทานทุกสิ่งที่เราจะได้รับทั้งหมด การเสียสละอันสูงส่งของพระองค์เตือนเราให้นึกถึงหนี้ทั้งหมดแห่งความสำนึกคุณที่เราติดค้างพระคริสต์สำหรับของประทานจากสวรรค์ของพระองค์”

“บางทีท่านอาจพลาดเป้าหมายและปณิธานที่ท่านตั้งไว้สำหรับปีใหม่ไปแล้ว โปรดจำไว้ว่าท่านไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวันที่ 1 มกราคม [ของปีหน้า] เพื่อลองอีกครั้ง ท่านสามารถเริ่มต้นใหม่ได้วันนี้และทุกวันเพราะพระเยซูคริสต์

“ข้าพเจ้าสำนึกคุณอย่างยิ่งสำหรับของประทานแห่งการกลับใจที่มอบให้เราผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์

“ลำดับของการเป็นสานุศิษย์เรียบง่ายและตรงไปตรงมา ได้แก่ ใช้ศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอด กลับใจ รับพันธสัญญาและศาสนพิธีที่จำเป็น เปลี่ยนแปลง พยายามรักษาการปลดบาปอยู่เสมอ และมุ่งหน้าอย่างซื่อสัตย์บนเส้นทางพันธสัญญา”

“การกลับใจเรียกร้องพระผู้ไถ่ การหันหลังให้กับความชั่วร้ายไม่ได้นำมาซึ่งการรักษาทางวิญญาณโดยไม่หันกลับมาหาพระองค์

“เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน (1899–1994) ประธานศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายสอนว่าการกลับใจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเจตคติและพฤติกรรมได้จริง แต่การเปลี่ยนเจตคติและพฤติกรรมเพียงอย่างเดียวไม่ใช่การกลับใจ

“ประธานเบ็นสันกล่าวว่า ‘ศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์เป็นรากฐานซึ่งต้องสร้างการกลับใจที่จริงใจและมีความหมายบนนั้น ถ้าเราพยายามขจัดบาปอย่างแท้จริง เราต้องมองไปที่พระองค์ผู้ทรงเป็นพระผู้ทรงลิขิตความรอดของเราเสียก่อน’”

“พระคัมภีร์มอรมอน: พยานหลักฐานอีกเล่มหนึ่งของพระเยซูคริสต์สอนว่า ‘จงเชื่อว่าท่านต้องกลับใจจากบาปของท่านและทิ้งมัน, และนอบน้อมถ่อมตนต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า; และทูลขอด้วยใจจริงให้พระองค์ทรงอภัยท่าน; และบัดนี้, หากท่านเชื่อสิ่งทั้งหมดนี้จงดูว่าท่านทำตามนั้น’ (โมไซยาห์ 4:10)

“จากพระคัมภีร์ข้อนี้และข้ออื่นๆ เราเรียนรู้ว่าคำว่า ‘เจตนา’ และ ‘ใจ’ เชื่อมโยงกับกระบวนการกลับใจ เมื่อเราพึ่งพาและหันไปหาพระเจ้า เราต้องซื่อสัตย์กับตนเอง และเราต้องมีเจตนาแสวงหาการให้อภัยที่แท้จริงและซื่อสัตย์ต่อพระองค์ การสารภาพต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง และเมื่อจำเป็นต่อผู้นำฐานะปุโรหิต จะต้องสมบูรณ์และครบถ้วน”

“ระหว่างที่เราไปเยือนเขตแปซิฟิก ข้าพเจ้ากับเคธีใช้เวลาอยู่ในรัฐแทสเมเนียของออสเตรเลีย ขณะอยู่ที่นั่น เราได้ไปเยี่ยมชมอดีตเรือนจำในพอร์ตอาร์เธอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เคยกักขังนักโทษในศตวรรษที่ 19 (หลายคนมาจากสหราชอาณาจักร) ปัจจุบัน พอร์ตอาร์เธอร์เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก อดีตเรือนจำแห่งนี้มีสวนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ป่าเขียวชอุ่ม และสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งบางส่วน

“มีการลงโทษและการฟื้นฟูรูปแบบต่างๆ ที่พอร์ตอาร์เธอร์ โดยประสบความสำเร็จไม่มากก็น้อยตลอดประวัติศาสตร์เกือบ 50 ปี ในทางตรงกันข้าม ข้าพเจ้าอดไม่ได้ที่จะนึกถึงการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ที่ครอบคลุมและไร้ขอบเขต พระคุณของพระคริสต์สามารถเปลี่ยนเราได้ ด้วยความช่วยเหลือของพระองค์ เราสามารถเอาชนะอุปสรรคหรือความผิดพลาดได้ เราไม่จำเป็นต้องเป็นนักโทษแห่งความตายหรือบาป—แต่เราสามารถเป็นคนดีพร้อมในพระองค์ได้”

“ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระเยซูคริสต์ทรงพระชนม์ ความรักอันสมบูรณ์แบบของพระองค์ที่แสดงผ่านการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ เผื่อแผ่มาถึงทุกคนที่ปรารถนาจะเดินกับพระองค์และชื่นชมในสันติสุขของพระองค์ในโลกนี้และโลกหน้า”

“เราทุกคนประสบภาระของความเป็นมรรตัย เราประสบความเจ็บป่วย การสูญเสีย ปวดใจ ความผิดหวัง และความยากลำบาก—แต่เมื่อเราปรับจิตใจและความคิดของเราให้สอดคล้องกับพระเยซูคริสต์ พระองค์จะทรงสนับสนุนเรา พระองค์จะทรงมอบการบรรเทาทุกข์”

“พระคัมภีร์เรื่องหนึ่งที่ดิฉันชอบคือผู้หญิงที่บ่อน้ำ ในยอห์น 4:5–30 เราอ่านเรื่องราวที่พระเยซูทรงประกาศต่อสาธารณชนซึ่งมีการบันทึกไว้เป็นครั้งแรกเกี่ยวกับความเป็นพระเมสสิยาห์ของพระองค์แก่หญิงชาวสะมาเรียที่ … ดำเนินชีวิตอยู่ในบาป แต่พระเยซูเสด็จไปที่บ่อน้ำแห่งหนึ่งในสะมาเรียและพบกับหญิงคนนี้ พระองค์ทรงทราบทุกสิ่งเกี่ยวกับเธอ และยังคงประกาศความเป็นพระคริสต์ของพระองค์แก่เธอ โดยทรงเชื้อเชิญให้เธอดื่มน้ำดำรงชีวิตของพระองค์ หญิงคนนี้มีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระผู้ช่วยให้รอดและเป็นพยานถึงพระองค์ขณะเธอวิ่งเข้าไปในเมือง โดยบอกทุกคนที่จะฟังให้มาพบพระคริสต์ ซึ่งหลายคนทำ

“พระผู้ช่วยให้รอดจะเสด็จมาหาเราเช่นกัน โดยทรงทราบทุกอย่างเกี่ยวกับเรา บางครั้งเราคิดว่าเราต้อง ‘มีค่าควร’ ในการสวดอ้อนวอนหรือได้รับความรักจากพระผู้ช่วยให้รอด แต่เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าพระองค์เต็มพระทัยที่จะมาหาเราอย่างที่เราเป็น พระองค์ทรงต้องการให้เรามีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระองค์และรู้สึกถึงความรักของพระองค์ เพราะความรักนั้นเป็นพลังอันแรงกล้าที่สามารถเปลี่ยนใจเราเพื่อให้เราหันไปหาพระองค์ได้อย่างเต็มที่มากขึ้น เราสามารถเป็นพยานถึงเดชานุภาพการเปลี่ยนแปลงของพระองค์ในชีวิตเราและเชื้อเชิญผู้อื่นให้ ‘มาพบ’ พระคริสต์ได้ เช่นเดียวกับหญิงชาวสะมาเรีย

“ดิฉันคิดว่าการที่พระวิหารมีภาพวาดเกี่ยวกับเรื่องราวของผู้หญิงที่บ่อน้ำในพระวิหารนั้นเป็นการสอนที่ดีมาก เนื่องจากพระผู้ช่วยให้รอดและการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ จึงไม่มีใครอยู่เหนือเดชานุภาพการไถ่ของพระองค์ เราไม่ควรจำกัดว่าเราคิดว่าพระองค์ทรงสามารถช่วยใครได้หรือเราควรเอื้อมมือไปหาใครในพระนามของพระองค์ ครั้งต่อไปที่ท่านเห็นภาพวาดของผู้หญิงที่บ่อน้ำ โปรดจำไว้ว่าเพราะพระองค์ เราทุกคนจึงมีความหวัง”

“เราแต่ละคนเคยผ่านหรือกำลังเผชิญกับประสบการณ์ชีวิตที่ยากลำบาก ท่านอาจสงสัยว่าพระเยซูคริสต์ทรงสามารถบรรเทาทุกข์ในสถานการณ์เฉพาะของท่านได้อย่างไร

“… พระเยซูคริสต์ประทานการบรรเทาทุกข์แก่จิตวิญญาณเราจริงๆ การพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ครอบคลุมและแผ่ซ่านไปทั่วทุกส่วนของชีวิตเรา พระองค์ทรงทราบรายละเอียดความรู้สึก ความกังวล ความเสียใจ และความสุขทั้งหมดของเรา และพระองค์ทรงรู้วิธีช่วยเหลือและรักษาอย่างใกล้ชิด

“พระองค์มักจะทรงบรรเทาทุกข์ผ่านแต่ละคนในวิธีที่ยอดเยี่ยม! นั่นคือเหตุผลที่พระองค์ทรงขอให้เราดูแลกัน ‘โศกเศร้ากับคนที่โศกเศร้า’ และ ‘ปลอบโยนคนที่ต้องการการปลอบโยน’ (โมไซยาห์ 18:9)

“เมื่อเราพูดว่า ‘สมาคมสงเคราะห์’ เราหวังว่าท่านจะรู้สึกและเห็นพระผู้ช่วยให้รอดใน ‘การบรรเทาทุกข์’—เพราะในสมาคมสงเคราะห์เราต่างชี้ไปที่พระผู้ช่วยให้รอด มอบความรักของพระองค์ และปรารถนาจะเป็นพระหัตถ์ของพระองค์ในการนำการบรรเทาทุกข์ทางวิญญาณและทางโลกที่จำเป็นมากมาสู่บุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า”

“หลังจากที่แยกกันอยู่คนละแผ่นดินเกือบสามชั่วอายุคน ชาวนีไฟก็กลับมาเป็นกลุ่มเดียวอีกครั้ง ผู้คนของลิมไฮ ผู้คนของแอลมา และผู้คนของโมไซยาห์—แม้แต่ผู้คนของเซราเฮ็มลา สิ่งแรกที่พวกเขาทำเมื่อมารวมตัวกันคือแบ่งปันเรื่องราวการปลดปล่อยของตนเอง โดยเฉพาะการสอนและเป็นพยานถึงพระผู้ทรงปลดปล่อยพระองค์เองพระเยซูคริสต์ เราเรียนรู้จากเรื่องราวเหล่านี้ว่าการปลดปล่อยไม่ได้เกิดขึ้นทันทีเสมอไป แต่พระคุณความดีของพระผู้เป็นเจ้านั้นเกิดขึ้นทันที! (ดู โมไซยาห์ 25:10)

“ดิฉันรู้จากประสบการณ์ว่าเมื่อดิฉันหันไปหาพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงกลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวของดิฉันทันที ดังนั้น ดิฉันควรให้ความสำคัญกับวิธีที่ดิฉันถูกปลดปล่อยจากความท้าทายในยุคของเราให้น้อยลง และให้ความสำคัญกับพระผู้ทรงปลดปล่อยพระองค์เองให้มากขึ้น พระผู้เป็นเจ้าคือความดีทันที! ดังนั้น ดิฉันไม่เพียงวางใจในพระประสงค์ของพระองค์เท่านั้น แต่ยังวางใจในจังหวะเวลาของพระองค์ด้วย”

“การกลับใจไม่ใช่เพียงการกระทำของการหยุดทำสิ่งผิด แต่เป็นการหันกลับหรือกลับไปสู่สิ่งดี ยุติธรรม เป็นประโยชน์ และสอดคล้องกับคำสอนของพระเยซูคริสต์

“Bible Dictionary อธิบายว่า ‘การกลับใจหมายถึงการหันใจและความต้องการไปหาพระผู้เป็นเจ้า [ตลอดจน] การละทิ้งบาปซึ่งเรามีแนวโน้มจะทำโดยนิสัย’”

“เมื่อไม่นานมานี้ดิฉันมีโอกาสเดินทางไปกับซิสเตอร์เบคกี้ คราเวนและอยู่กับวิสุทธิชนในสาธารณรัฐกาโบเวร์เด ซึ่งเป็นหมู่เกาะและประเทศหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ระหว่างแอฟริกากับโปรตุเกส หลังจากพบกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งรัฐกาโบเวร์เด เราเดินผ่านลานภายในบริเวณทำเนียบประธานาธิบดี และพบดอกไม้อันงดงามตระการตานี้ เจ้าหน้าที่คุ้มกันที่รัฐกาโบเวร์เดของเราแจ้งให้กลุ่มของเราทราบว่าต้นไม้ชนิดนี้เป็นที่รู้จักทั่วไปในชื่อ ‘มงกุฎของพระคริสต์’ บนเกาะ ช่างเป็นสัญลักษณ์ที่ยอดเยี่ยม ลำต้นที่เต็มไปด้วยหนามของพืชชนิดนี้ชวนให้นึกถึงมงกุฎหนามถักที่สวมไว้บนพระเศียรของพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อพยายามเยาะเย้ยพระองค์ อันนำไปสู่การตรึงกางเขนของพระองค์ที่คัลวารี แต่เช่นเดียวกับทุกสิ่ง พระเยซูคริสต์ทรงสามารถเปลี่ยนหนามให้เป็นรัศมีภาพได้ เช่นเดียวกับยอดลำต้นที่มีหนามมีดอกบานสะพรั่งสีแดงสวยงาม

“พระคริสต์ทรงสอนเราในพระคัมภีร์มอรมอนว่า ‘และ​พระ​บิดา​ของ​เรา​ทรง​ส่ง​เรา​มา​เพื่อ​เรา​จะ​ได้​ถูก​ยกขึ้น​บน​กางเขน; และ​หลังจาก​ที่​เรา​ถูก​ยก​ขึ้น​บน​กางเขน​แล้ว, เพื่อ​เรา​จะดึง​มนุษย์​ทั้งปวง​มา​หา​เรา’ (3 นีไฟ 27:14)

“การตรึงกางเขนของพระผู้ช่วยให้รอด ซึ่งศัตรูทำเพื่อหมายจะยุติคำสอนของพระองค์ การปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์ และผู้ติดตามของพระองค์ เป็นส่วนหนึ่งของการชดใช้นิรันดร์ของพระองค์ ราคาอันมหาศาลที่พระเยซูคริสต์ทรงจ่ายค่าบาปของเราเพื่อที่เราจะได้รับชีวิตนิรันดร์เป็นมงกุฎหากเราจะมาหาพระองค์

“ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธประกาศว่า ‘และบัดนี้ หลังจากประจักษ์พยานจำนวนมากที่ให้ไว้ถึงพระองค์ นี่คือประจักษ์พยาน สุดท้ายของทั้งหมด ซึ่งเราให้ไว้ถึงพระองค์: ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่!’ (หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:22)

“พี่น้องทั้งหลาย ดิฉันขอกล่าวประจักษ์พยานเพิ่มเติมจากศาสดาพยากรณ์ผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้า ว่าโดยผ่านการฟื้นคืนพระชนม์ พระเยซูคริสต์ทรงพระชนม์! ในเทศกาลอีสเตอร์และทุกวัน พระองค์ทรงพระชนม์และทรงเรียกเราให้มาผูกพันกับพระองค์เพื่อเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เพื่อหนามแห่งชีวิตเราจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของรัศมีภาพของพระองค์ผ่านการชดใช้ของพระองค์ได้”