คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 13: บันทึกส่วนสัว: ‘มีค่ายิ่งกว่าทองคำ’


บทที่ 13

บันทึกส่วนสัว: “มีค่ายิ่งกว่าทองคำ”

บันทึกส่านตัวของเราฝ็ค่าต่อราเปีนส่วนตัว บันทึกนี้จะนำพร มาสู่ครอบครัวและลูกหลานของเราไนรุ่นต่อๆ ไปโดยถ้วนหน้า

จากชีวิตทเองวิลฟอร์ด วดรัฟฟ้

คริสต์ ศักราช 1835 วิลฟอร์ด วูดรัฟฟเริ่มเขียนบันทึกส่วนตัวเป็นครั้งแรก “โดยเชื่อว่าจะเอื้อประโยชน์ต่อการทบทวนชีวิตหนหลังของเรา การจดบันทึก เรื่องราวของเราอย่างถูกต้องไม,เพียงเป็นสิทธิพิเศษของเราเท่านั้นแต่เป็นหน้าที่ ของเราด้วย” ท่านเขียนว่า “ ด้วยเจตนานี้ข้าพเจ้าจึงพยายามจดบันทึกการเดิน ทางของข้าพเจ้านับจากนี้ เผื่อว่าเมื่อถูกเรียกร้องข้าพเจ้าจะสามารถรายงานการ เป็นผู้พิทักษ์ของตนได้” 1 ท่านจดบันทึกส่วนตัวเป็นเวลา 63 ปีติดต่อกัน โดย จดครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1898 สองวันก่อนท่านเสืยชีวิต ข้อ ความในบันทึกส่วนตัวของท่านฝากบันทึกที่แท้จริงและซื่อสัตย์ของชีวิตท่านเอา ไว้ โดยแสดงให้เห็นถึงความรักที่ท่านมีต่อครอบครัว ความสนใจในเหตุการณ์ แวดล้อม ความขยันหมั่นเพียรในการปฏิบัติภาระหน้าที่ประจำวัน ศรัทธาของ ท่านระหว่างการทดลอง ตลอดจนประจักษ์พยานและความเข้าใจของท่านในพระ กิตติคุณ อีกทั้งทำให้เรามองเห็นภาพชีวิตส่วนหนึ่งของชีวิตสมาชิกคนอื่นๆ ใน ศาสนาจักรสมัยนั้นด้วย

นอกจากจะเขียนเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวและการปฏิบัติศาสนกิจของท่านแล้ว วิลฟอร์ด วูดรัฟฟยังจดบันทึกประวัติศาสนาจักรอย่างละเอียดด้วย ท่านอธิบาย ว่า “ ข้าพเจ้าได้รับการดลใจและการกระตุ้นเตือนให้จดบันทึกส่วนตัวและเขียน เหตุการณ์ต่างๆ ของศาสนาจักรนี้เท่าที่จะทำได้ ข้าพเจ้าไม1เข้าใจว่าเหตุใดจึงมี ความรู้สืกแรงกล้ามากขนาดนั้นในช่วงต้นๆ ของศาสนาจักร แต่บัดนี้ข้าพเจ้า เข้าใจแล้ว เกือบทุกครั้งที่ข้าพเจ้าได้ยินบราเดอร์โจเซฟหรืออัครสาวกสิบสอง สั่งสอนหรือสอนหลักธรรมใดก็ตาม ข้าพเจ้าจะรู้สืกอึดอัดไม1สบายจนกว่าจะได้ จดสิ่งนั้นไว้แล้วข้าพเจ้าจะรู้สืกดี ข้าพเจ้าสามารถจดคำสั่งสอนของโจเซฟได้ เกือบทุกคำหลังจากผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ และหลังจากจดไว้แล้วข้าพเจ้าจะจำ ไม,ได้อีกเลย นี่คือของประทานจากพระผู้เป็นเจ้าที่มาถึงข้าพเจ้า” 2

ความพยายามส่วนหนึ่งของประธานวูดรัฟฟ็ในการบันทึกประวัติศาสตร์ศาส- นาจักรคือ ท่านจะบันทึกรายละเอียดสำคัญๆ จากการประชุมที่ท่านเข้าร่วม ใน การประชุมหนึ่ง ท่านสอนหลักธรรมที่นำไปประยุกต้ใช้ไต้ทั้งกับบันทึกส่วนตัว และบันทึกอย่างเป็นทางการของศาสนาจักรตังนี้ “ ขณะเดินอยู่ในธารนํ้าเชี่ยว เราจะเดินยาที่เดิมสองครั้งไม1ได้ ทั้งเราจะใช้เวลาเดียวกันสองครั้งก็ไม,ได้ด้วย เมื่อเราออกจากประตูนั้นไปแล้ว งานของการประชุมนี้จะปีดตลอดกาล เราจะ ไม1ได้ใช้เวลาของเย็นวันนี้อีก แล้วเราจะไม่จดบันทึกงานของเรา คำสอนและ คำแนะนำที่เราให้ไว้ในการประชุมนี้หรอกหรือ เราควรจดไว้”3

ประธานวูดรัฟฟ็มอบของขวัญอันยั่งยืนให้ลูกหลานและสมาชิกทุกคนของ ศาสนาจักรผ่านบันทึกส่วนตัวของท่าน มัทธีอัส เอฟ. คาวลีย์ผู้เขียนชีวประวัติ ตั้งข้อสังเกตว่า “ ชีวิตของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็เต็มไปด้วยความน่าพิศวง เป็นชีวิต เรียบง่ายที่เผยให้เห็นใจท่านและจุดประสงค์ของท่านโดยไม่ปีดบัง บางทีความ ตรงไปตรงมาของคำพูดและการแสดงออก ความใส่ใจในรายละเอียด และความ เคารพเทิดทูนความจริงอาจจะทำให้ท่านเป็นยอดนักบันทึกเหตุการณในประวัติ ศาสตร์ทั้งหมดของศาสนาจักรก็ได้” 4 เอ็ลเดอร์บี. เอช. โรเบิร์ตส์ สมาชิกสภา ที่หนึ่งแห่งสาวกเจ็ดสิบและนักประวัติศาสตร์เลื่องชื่อของศาสนาจักร เขียนว่า “ ประธานวูดรัฟฟ็ให้การรับใช้ที่สำคัญที่สุดต่อศาสนาจักร บันทึกส่วนตัว ของ ท่านที่จดอย่างสมั่าเสมอ เป็นระเบียบเรียบร้อย และเย็บเล่มแน่นหนา…คือ ขุมทรัพย์ทางประวัติศาสตร์ตามเอกสารด้นฉบับซึ่งประมาณค่ามิได้ ศาสนาจักร เป็นหนี้บุญคุณ บันทึกส่วนตัว ดังกล่าวสำหรับบันทึกที่เชื่อถือได้ซึ่งมีปาฐกถา และคำพูดของศาสดาในสมัยการประทานใหม่—โจเซฟ สมิธ—ซึ่งหากไม,มีท่าน คงสูญหายไปตลอดกาล เป็นเช่นนั้นด้วยกับปาฐกถาและคำพูดของบริคัม ยัง และเอ็ลเดอร์ผู้นำคนอื่นๆ ของศาสนาจักร [และ] สำหรับบันทึกการประชุม สภาครั้งสำคัญๆ การตัดสินใจ การวินิจฉัย นโยบาย และกิจปฏิบัติมากมายที่ เป็นความลับ หาก’ใม,มีสิ่งเหล่านี้ นักเขียนประวัติศาสตร์คงจะมีทัศนะที่ถูกด้อง ในหลายๆ เรื่อง’ใม“ใต้—บันทึกส่’วนตัว ของประธานวูดรัฟฟมีค่าอย่างหาที่เปรืยบ มิได้ในประเด็นดังกล่าวข้างต้น”5

ถ้อยแถลงส่วนใหญไนบทนี้นำมาจากบันทึกโอวาทของประธานวูดรัฟฟ็ที่ท่าน ให้ไว้ในการประชุมฐานะปุโรหิต แม้ถ้อยคำส่วนใหญ่เหล่านี้จะปราศรัยกับเหล่า เอ็ลเดอร์ แต่คำสอนของท่านมีคุณค่าต่อสมาชิกทุกคนของศาสนาจักร

คำลโอนของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้

เมื่อเราบันทึกอัตชีวประวัติ เราได้ทำคุณประโยชน์ต่อตัวเรา ลูกพลานของเรา และศาสนาจักร

บันทึกและประวัติศาสตร์ของศาสนาจักรและอาณาจักรนี้จะเป็นที่ต้องการใน วันข้างหน้า ไม่เคยมีสมัยการประทานใดบนแผ่นดินโลกที่มีเรื่องราวน่าสนใจเท่า สมัยการประทานที่เรามีชีวิตอยู่นี้

เป็นความจริงที่ว่าโจเซฟ สมิธจดประวัติชีวิตของท่านและเรื่องเหล่านั้นที่ เกี่ยวข้องในระดับหนึ่งกับตัวท่าน เวลานี้ท่านสิ้นแล้ว แต่ชีวิตและประจักษ์ พยานของท่านยังคงถูกตีพิมพัให้โลกรู้…ประธานยัง [มี] เจ้าหน้าที่คัดลอกผู้ [บันทึก] การกระทำและชีวิตประจำวันของท่านด้วย ซึ่งถูกต้องและดี แต่บันทึก เหล่านั้นมีชีวประวัติและการติดต่อของพระผู้เป็นเจ้ากับเหล่าอัครสาวกและเอ็ล เดอร์หลายพันคนที่ยังอยู่และจะอยู่ในบรรดาประชาชาติทั้งหลายภายใต้สวรรค์ หรือไม, ไม, ไม,เลย ถ้าอย่างนั้นแล้ว เอ็ลเดอร์แห่งอิสราเอลทั้งหลาย ท่านจะ ต้องเขียนประวัติของท่านและการติดต่อของพระผู้เป็นเจ้ากับท่านเพื่อประโยชน์ ของตัวท่านเองและของลูกหลานของท่าน เพื่อประโยชน์ของเชื้อสายอิสราเอล เพื่อประโยชน์ของชาวยิวและคนต่างชาติ เพื่อประโยชน์ของอนุชนรุ่นหลัง6

บางคนอาจมองว่าการเขียนหรือจดบันทึกงานของเราหรืองานของพระผู้เป็น เจ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าสำคัญ หาไม,แล้วศาสดาคงไม่ได้รับการ กระตุ้นเตือนให้แนะนำเราถึงความซื่อสัตย์ไนเรื่องนี้ พระเจ้าทรงบอกเราว่า สิ่ง ที่เราผนึกบนแผ่นดินโลกจะถูกผนึกไว้ในสวรรค์และสิ่งที่เราบันทึกไว้บนแผ่น ดินโลกจะถูกบันทึกไว้ในสวรรค์ สิ่งที่มิได้ถูกผนึกหรือบันทึกไว้บนแผ่นดินโลก จะไม่ถูกผนึกและบันทึกไว้ในสวรรค์ [ดู ค.พ. 128:7–8] ด้วยเหตุนี้จึงลูเหมือน จะเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราต้องจดบันทึกทุกเรื่องอย่างถูกต้องและซื่อสัตย์7

บางคนอาจพูดว่า [การจดบันทึกส่วนตัว] มืความยุ่งยากมาก แต่เราไม,ควร เรียกสิ่งซึ่งบังเกิดผลดีว่าเป็นความยุ่งยาก ข้าพเจ้าถือว่าส่วนของชีวิตข้าพเจ้าที่ ใช้ไปกับการจดบันทึกส่วนตัวและเขียนประวัติเป็นชีวิตที่ไต้ประโยชน์อย่างยิ่ง8

หากไม่มีจุดประสงค์อื่นในการจดบันทึกส่วนตัว [นอกจาก] จดไว้อ่านและให้ ลูกหลานของเราได้อ่าน เพียงเท่านี้ก็คุ้มแล้วกับเวลาที่เสืย’ไป9

เราควรบันทึกพรที่พระผู้!ปีน!จ้าประทานแก,เรา และกิจปฏิบัติของ!ราในศาสนาจักร

มนุษย์ทุกคนควรเขียนประวัติพอสังเขปของชีวิตตน อาทิ วงศ์ตระกูล การ เกิด ศาสนา รับบัพติศมาเมื่อใดและโดยใคร รับการวางมือแต่งตั้งเมื่อใด ส่ตำ แหน่งใด และโดยใคร—ให้รายละเอียดพอสังเขปเกี่ยวกับภารกิจทั้งหมดของ เขา กิจปฏิบัติทั้งหมดของเขาและการติดต่อของพระผู้เป็นเจ้ากับเขา หลังจาก นั้นหากเขาสิ้นชีวิต และนักประวัติศาสตร์ประสงค์จะตีพิมพ์ประวัติของเขา คนเหล่านั้นจะได้มีข้อมูลไว้ใช้ คนจำนวนมากอาจคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าสนใจและ ไม,สำคัญ แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้วไม่เป็นเช่นนั้น10

ข้าพเจ้าใคร่ขอแนะนำท่านให้จดพรทั้งหมดของท่านและเก็บรักษาไว้…ข้าพ เจ้ารู้สืกว่าต้องกำชับท่านให้ทำบันทึกกิจปฏิบัติทุกอย่างของชีวิตท่าน หากท่าน ให้บัพติศมา ยืนยัน วางมือแต่งตั้ง ให้พรคนใดคนหนึ่ง หรือปฏิบัติต่อผู้ป่วย จง จดบันทึกไว้ หากทุกคนทำเช่นนี้ ศาสนาจักรจะสามารถลงบันทึกได้ถูกต้อง… หากพลังอำนาจและพรของพระผู้เป็นเจ้าประจักษ์ชัดในการคุ้มครองท่านให้พ้น จากอันตราย…ท่านควรบันทึกไว้ จดเรื่องราวการติดต่อของพระผู้เป็นเจ้ากับท่าน ในแต่ละวัน ข้าพเจ้าจดพรทั้งหมดที่ไต้รับ และจะไม่นำไปแลกกับทอง11

เราจะไม,มืความเคารพพระผู้เป็นเจ้ามากพอจะบันทึกพรเหล่านั้นซึ่งพระองค์ ทรงหลั่งรินมาให้เราและกิจปฏิบัติของเราซึ่งเราทำในพระนามของพระองค์บน ผืนแผ่นดินโลกหรอกหรือ ข้าพเจ้าคิดว่าเราน่าจะทำ12

ฝ่ายประธานของศาสนาจักรผู้นำเราอยู่เวลานี้…ต่างบันทึกประวัติการติดต่อ ทั้งของพระผู้เป็นเจ้าและมนุษย์กับพวกท่าน…ซึ่งจะเป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับ อนุชนรุ่นหลังหลายล้านคน แต่เหล่าเอ็ลเดอร์ มหาปุโรหิต และอัครสาวกหลาย พันคนผู้เดินทางเป็นเวลาหลายปี และเสริมสร้างศาสนาจักรและอาณาจักรนี้ และมีของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ้อยู่ด้วยเพื่อพวกท่านจะมีพลังอำนาจ ในการรักษาคนป่วย ขับผีปีศาจ ทำให้คนตาบอดมองเห็น คนหูหนวกได้ยินคน ง่อยเดินได้…และสั่งผืร้ายและพวกมันเชื่อฟ้งท่าน และมีเทพผู้พิทักษ์คอยคุ้ม ครองท่านจากอันตรายและความตาย คนเหล่านี้ได้รับการยกเว้นหรือ ข้าพเจ้า ถามว่า เหล่าเอ็ลเดอร์จะรับพรเหล่านี้และไม่เห็นคุณค่าของการจดบันทึกอย่าง นั้นหรือ เขาจะไม,จดจารจารึกเพื่อฝากเรื่องราวไว้ในบันทึกให้ลูกหลานและอนุ- ชนรุ่นหลังได้อ่านหรอกหรือ ข้าพเจ้ากล่าวว่าเขาควรทำ ข้าพเจ้าคิดว่าพระเจ้า ทรงเรียกร้องสิ่งนี้จากมือเรา และนี่จะเป็นมรดกลํ้าค่าและศักดึ๋สทธซึ่งสมควร มอบให้ลูกหลานของเรา13

เราควรบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ตามที่เกิดขึ้น

เราคือผู้ได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้าให้สถาปนาอาณาจักรของพระองค์บน แผ่นดินโลก เสริมสร้างไซอัน และเตรียมทางสำหรับการเสด็จมาของพระเยซู คริสต์ เราจะไม่จดบันทึกส่วนตัว บันทึก และประวัติการติดต่อของผู้เป็นเจ้ากับ [เรา] ตามที่เกิดขึ้นต่อหน้าเราวันแล้ววันเล่าอย่างนั้นหรือ เราน่าจะทำ–

–แทนที่จะละเลยงานของเราในด้านนี้ ขอให้ทุกคนที่ทำได้จดบันทึกส่วนตัว และบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ตามที่เกิดขึ้นต่อหน้าเราวันแล้ววันเล่า สิ่งนี้จะสร้าง มรดกลํ้าค่าให้ลูกหลานของเราและเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงต่ออนุชนรุ่นหลัง โดยให้ประวัติแท้จริงแก’เขาเกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองและความก้าวหน้าของ ศาสนาจักรและอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลกในสมัยการประทาน สุดท้ายนี้ แทนที่จะปล่อยให้ศัตรูของเราเขียนประวัติเท็จของศาสนาจักรที่แท้จริง ของพระคริสต์14

เรามักไม่คิดถึงความสำคัญของเหตุการณ์ต่างๆ ขณะที่เกิดกับเรา แต่จะร้สืก ถึงความสำคัญของเหตุการณ์เหล่านั้นในภายหลัง เรามีชีวิตอยู่ในยุคสมัยหนึ่งซึ่ง สำคัญที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยอยู่บนแผ่นดินโลก และเราควรจดบันทึกเหตุการณ์ สำคัญๆ เหล่านั้นซึ่งกำลังเกิดขึ้นต่อหน้าเราอันเป็นไปตามสัมฤทธิผลของคำ พยากรณ์และการเปีดเผยของพระผู้เป็นเจ้า มีการเปีดเผยมากมายบังเกิดสัมฤทธิ ผลในสมัยของเรา และขณะที่เกิดต่อหน้าเรา เราต้องบันทึกไว้15

เด็กควรเริ่มจดบันทึกส่วนตัวตั้งแต่อายุยังน้อย

ข้าพเจ้าประสงค์จะพูดกับเพื่อนวัยเยาว์ว่า พรอันลํ้าเลิศจะเป็นของเขาและลูก หลานต่อจากเขา หากเขาจะจดบันทึกประจำวันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาและรอบ ตัวเขา ขอให้เด็กชายหญิงทุกคนมีสมุดเล่มเล็กๆ และเขียนสักเล็กน้อยเกือบทุก วันในสมุดเล่มนั้น

“ฉันจะเขียนอะไร” ท่านถาม เขียนอะไรก็ได้ที่มีค่าควรแก,การเก็บรักษา หรือ ดีที่สุดที่ท่านมี และหากท่านเริ่มเขียนขณะอายุยังน้อย ท่านจะเขียนได้ง่ายที เดียวเมื่อเป็นผู้ใหญ่ สามสิบปี ห้าสิบปี หรือแปดสิบปีนับจากนี้ ท่านและลูก หลานของท่านจะพึงพอใจอย่างมากเมื่อได้นั่งอ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัวท่าน ทั้งในวัยเด็กและวัยเยาว์ ท่านไม่อยากอ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบิดามารดา และ ป๋ย่าตายายของเราขณะที่พวกท่านยังเยาว์วัยและในช่วงชีวิตของพวกท่านหรอก หรือ แต่วัตถุประสงค์คือ ไม่เพียงให้ท่านจดบันทึกส่วนตัวขณะยังเยาว์เท่านั้น แต่ไห้ท่านจดต่อไปหลังจากท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว แม้จนตลอดชีวิตท่าน สิ่งนี้จำ เป็นอย่างยิ่งในชั่วอายุที่ท่านมีชีวิตอยู่ เพราะท่านมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยซึ่งสำคัญ เท่าที่ลูกหลานมนุษย์เคยเห็น และที่สำคัญยิ่งกว่ายุคสมัยใดควรทำคือท่านควร เริ่มจดบันทึกส่วนตัวตั้งแต่อายุยังน้อยและถือปฏิบัติเช่นนั้นขณะยังมีชีวิตอยู่

ท่านเป็นลูกหลานของไซอันและบิดามารดาของท่านได้รับเรียกจากพระผู้ เป็นเจ้าให้เสริมสร้างศาสนาจักรของพระคริสต์และอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า บนแผ่นดินโลกในวันเวลาสุดท้าย และอีกไม่นานบิดามารดาของท่านจะสิ้นชีวิต และท่านจะด้องเข้ามาแทนที่ ท่านจะเป็นบิดาและมารดา และเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ [อย่างท่าน]…จะกลายเป็นศาสดา อัครสาวกและเอ็ลเดอร์ และจะต้องเดินทาง ไปสั่งสอนพระกิตติคุณ และจะมีชีวิตเพื่อรับพระคำของพระเจ้า เพราะเหตุนี้จึง จำเป็นอย่างยิ่งที่ท่านจะจดบันทึกส่วนตัวและเขียนเรื่องราวการติดต่อของพระเจ้า กับท่าน…

… บัดนี้ ข้าพเจ้ากับครอบครัวมีความสุขใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้นั่งอ่านเรื่องราว การเดินทางของเรา ที่ที่เราเคยไป สิ่งที่เราเคยทำ การติดต่อของพระผู้เป็นเจ้า กับเรา และช่วงเวลามากมายที่ได้อยู่กับเพื่อนๆ อย่างมีความสุข ในบันทึกส่วน ตัวของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสามารถอ่านคำสอนที่ดีซึ่งเคยได้ยินเมื่อหลายปีก่อนจาก ประธานโจเซฟ สมิธ ประธานบริคัม ยัง ประธานฮีเบอร์ ชี. คิมบัลล์ อัคร สาวกสิบสอง และเอ็ลเดอร์ที่ดีอีกหลายท่าน และช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน อย่างมีความสุข หากเพื่อนวัยเยาว์ของข้าพเจ้าจะเริ่มทำเช่นนี้และทำต่อไป ใน วันข้างหน้าสิ่งนี้จะมีค่าต่อเขายิ่งกว่าทองคำ16

ข้อ!ลโนอแนะสำหรับศึกษาและสอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะสืกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่ หน้า ⅴ-ⅸ

  • เหตุใดบันทึกส่วนตัวของประธานวูดรัฟฟ็จึงสำคัญต่อศาสนาจักร (ดูหน้า 130, 132) ประธานวูดรัฟฟ็จะพูดอะไรกับคนที่คิดว่าบันทึกส่วนตัวของเขาจะ ไม่ส่งผลต่อผู้ใด

  • ศาสนาจักรในช่วงชีวิตของท่านมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง บันทึกของท่าน เกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านี้จะช่วยลูกหลานของท่านได้อย่างไร

  • ทบทวนย่อหน้าแรกในหน้า 132 คำกล่าวของประธานวูดรัฟฟ็ในย่อหน้านี้ นำมาใช้ได้อย่างไรกับการจดบันทึกส่วนตัว ไตร่ตรองผลกระทบของการที่คน รุ่นปัจจุบันและอนาคตมิได้รับรู้เหตุการณ์สำคัญๆ

  • อ่านบทนี้อย่างถี่ถ้วนเพื่อหาข้อมูลรูปแบบต่างๆ ที่ควรอยู่ในบันทึกส่วนตัว ของเรา บันทึกเช่นนั้นเป็นประโยชน์ต่อเราอย่างไร และเป็นประโยชน์ต่อ ครอบครัวเราในทางใด

  • ท่านอยากทราบอะไรเกี่ยวคับชีวิตบรรพชนของท่าน สิ่งนี้บอกอะไรเกี่ยวกับ เรื่องที่ท่านจะจดลงในบันทึกส่วนตัวได้

  • เหตุใดการจดบันทึกเหตุการณ์หลังจากเกิดขึ้นได้ไม่นานจึงเป็นเรื่องสำคัญ (ดู หน้า 135) เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อเจียดเวลามาจดบันทึกส่วนตัว

  • พลิกไปที่หน้า 135-137 และทบทวนคำแนะนำที่ประธานวูดรัฟฟกล่าวกับ เด็กและเยาวชน บิดามารดาและ’ป๋ย่าตายายจะแบ่งป้นแนวคิดเหล่านี้กับลูก หลานของเขาได้อย่างไร ท่านจะใช้แนวคิดเหล่านี้ที่การสังสรรค์ไนครอบครัว หรือสภาครอบครัวได้อย่างไร

ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: 1 นีไฟ 1:1; ออมไน 1:17; โมไซยา 1:1–6; แอลมา 37:1–9; โมเสส 6:5–6

อ้างอิง

  1. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ ไม่ลง วันที่ หอจดหมายเหตุศาสนาจักรของ พระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย

  2. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ 17 มีนาคม 1857

  3. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรฟฟ้ 17 มีนาคม 1857

  4. Wilford Woodruff: History of His Life and Labors As Recorded in His Daily Journals (1964), v.

  5. A Comprehensive History of the Church, 6:354-55.

  6. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรัฟ่ฟ็ 15 กุมภาพันธ์ 1853

  7. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดร้ฟฟ็17 มีนาคม 1857

  8. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ 12 กุมภาพันธ์ 1862

  9. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ 6 กันยายน 1856

  10. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็17 มีนาคม 1857

  11. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ 6 กันยายน 1856

  12. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ 12 กุมภาพันธ์ 1862

  13. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดร้ฟ่ฟ็18 พฤศจิกายน 1855

  14. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรฟฟ็ 12 กุมภาพันธ์ 1862

  15. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้ 6 กันยายน 1856

  16. “Keep a Journal,” Juvenile Instructor, January 1, 1867, 5-6.

ภาพ
Wilford Woodruff’s journal

ในบันทึกส่วนตัวหน้านี้ วิลฟอร์ด วูดรัฟฟืบันทึกความรู้สัก‘บองท่าน เกี่ยวกับการแต่งงานของท่านกับโฟปึ วิทท์มอร์ คาร์เตอร์

ภาพ
mother and daughter with journal

“เด็กชายหญิงทุกคนมีสมุดเล่มเล็กๆ และเปียนสักเล็กน้อยเกือบทุกวันไนสมุดเล่มนั้น”