การประชุมใหญ่สามัญ
ประดับกายด้วยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า
การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2024


ประดับกายด้วยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า

โดยการให้เกียรติพันธสัญญาของเรา เราให้พระผู้เป็นเจ้าทรงหลั่งเทพรที่ทรงสัญญาไว้มากมายเกี่ยวกับพันธสัญญาเหล่านั้น

เมื่อลูกคนเล็กสองคนเติบโตขึ้น ดิฉันเจอหนังสือที่ให้ความบันเทิงและดึงดูดใจแต่ยังใช้สัญลักษณ์ในเรื่องราวอีกด้วย เมื่อเราอ่านด้วยกันตอนเย็น ดิฉันชอบช่วยให้ลูกๆ เข้าใจสัญลักษณ์ที่ผู้เขียนใช้สอนหลักธรรมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แม้หลักธรรมพระกิตติคุณ

ดิฉันรู้ว่าสิ่งนี้หายไปในวันเดียวเมื่อลูกชายคนเล็กเริ่มย่างเข้าสู่วัยรุ่น เขาเริ่มอ่านหนังสือเล่มใหม่และแค่อยากจะเพลิดเพลินไปกับเรื่องราว แต่จิตใจของเขายังคงพยายามค้นหาความหมายที่ลึกซึ้งในทุกเรื่องที่อ่าน เขาหงุดหงิด แต่ดิฉันยิ้มในใจ

พระเยซูทรงสอนผ่านเรื่องราวและสัญลักษณ์1—เมล็ดมัสตาร์ดสอนพลังอำนาจแห่งศรัทธา2 แกะที่หลงหายสอนคุณค่าของจิตวิญญาณ3 บุตรเสเพลสอนพระลักษณะของพระผู้เป็นเจ้า4 อุปมาของพระองค์เป็นสัญลักษณ์ที่ทรงสอนบทเรียนที่ลึกซึ้งแก่ผู้มี “หู [ที่จะได้ยิน]”5 แต่ผู้ที่ไม่แสวงหาความหมายที่ลึกซึ้งนั้นจะไม่เข้าใจ6 เช่นเดียวกับหลายคนที่อ่านหนังสือเดิมๆ ที่ดิฉันอ่านให้ลูกฟัง แต่ไม่เคยรู้ว่ามีความหมายที่ลึกซึ้งกว่าและอื่นๆ อีกมากจากเรื่องราวเหล่านั้น

เมื่อพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงถวายพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดเป็นเครื่องพลีบูชาเพื่อเรา พระเยซูคริสต์ทรงกลายเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของความรักอมตะที่พระบิดาในสวรรค์ทรงมีต่อเราแต่ละคน7 พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า8

เราได้รับสิทธิพิเศษและพรของการเข้าสู่ความสัมพันธ์แห่งพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งชีวิตเราเป็นสัญลักษณ์ของพันธสัญญานั้นได้ พันธสัญญาสร้างความสัมพันธ์แบบที่ช่วยให้พระผู้เป็นเจ้าทรงปั้นและเปลี่ยนแปลงเราเมื่อเวลาผ่านไป และยกเราให้เป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น ดึงเราเข้าใกล้พระองค์และพระบิดาของเรามากขึ้น9 และเตรียมเราเข้าสู่ที่ประทับของพระองค์ในท้ายที่สุด

ทุกคนบนแผ่นดินโลกเป็นบุตรหรือธิดาที่รักของพระผู้เป็นเจ้า10 เมื่อเราเลือกเป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญา นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ลึกซึ้งและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนว่าเมื่อเราเลือกทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า ความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์จะใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าก่อนทำพันธสัญญา และพระองค์สามารถประทานพรเราด้วยพระเมตตาและความรักเพิ่มอีกระดับหนึ่ง ความรักตามพันธสัญญาเรียกว่า hesed ในภาษาฮีบรู11 เส้นทางพันธสัญญาคือทุกสิ่งที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระผู้เป็นเจ้า—ความสัมพันธ์แบบ hesed ระหว่างเรากับพระองค์12

พระบิดาของเราทรงต้องการความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับบุตรธิดาทุกคนของพระองค์13 แต่นี่เป็นการเลือกของเรา เมื่อเราเลือกที่จะเข้าใกล้พระองค์มากขึ้นผ่านความสัมพันธ์แห่ง พันธสัญญา สิ่งนี้จะทำให้พระองค์เข้าใกล้เรามากขึ้น14 และอวยพรเราได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น

พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดเงื่อนไขและข้อผูกมัดของพันธสัญญาที่เราทำ15 เมื่อเราเลือกเข้าสู่ความสัมพันธ์นั้น เราเป็นพยานต่อพระองค์ผ่านการกระทำเชิงสัญลักษณ์ของแต่ละพันธสัญญาว่าเราเต็มใจปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ทรงกำหนด16 โดยการให้เกียรติพันธสัญญาของเรา เราให้พระผู้เป็นเจ้าทรงหลั่งเทพรที่ทรงสัญญาไว้มากมายเกี่ยวกับพันธสัญญาเหล่านั้น17 รวมถึงพลังอำนาจที่เพิ่มขึ้นในการเปลี่ยนแปลงและเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศูนย์กลางของพันธสัญญาทั้งหมดที่เราทำ และพรแห่งพันธสัญญาเกิดขึ้นได้เพราะการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์18

บัพติศมาโดยการลงไปในน้ำทั้งตัวเป็นประตูสัญลักษณ์ที่เราเข้าสู่ความสัมพันธ์แห่งพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า การจุ่มลงไปในน้ำแล้วขึ้นมาอีกครั้งเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอดและการฟื้นคืนพระชนม์สู่ชีวิตใหม่19 ขณะรับบัพติศมา เราตายและเกิดใหม่ในเชิงสัญลักษณ์ในครอบครัวของพระคริสต์ และแสดงตนว่าเราเต็มใจรับพระนามของพระองค์20 ตัวเราเองใช้สัญลักษณ์แห่งพันธสัญญานั้น ในพันธสัญญาใหม่เราอ่านว่า: “เพราะว่าพวกท่านทุกคนที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระคริสต์แล้วก็ได้สวมชีวิตของพระคริสต์ด้วย”21 ด้วยการบัพติศมา เราประดับกายด้วยพระคริสต์ในเชิงสัญลักษณ์

ศาสนพิธีศีลระลึกชี้ไปที่พระผู้ช่วยให้รอดเช่นกัน ขนมปังและน้ำเป็นสัญลักษณ์ของพระวรกายและพระโลหิตที่พระคริสต์ทรงหลั่งเพื่อเรา22 ทรงมอบของประทานแห่งการชดใช้ให้เราในเชิงสัญลักษณ์ทุกสัปดาห์ เมื่อผู้ดำรงฐานะปุโรหิตซึ่งเป็นตัวแทนของพระผู้ช่วยให้รอดมอบขนมปังและน้ำให้เรา เมื่อเรารับส่วนและดื่มสัญลักษณ์แห่งพระวรกายและพระโลหิต พระคริสต์ทรงกลายเป็นส่วนหนึ่งของเราในเชิงสัญลักษณ์23 เราประดับกายด้วยพระคริสต์อีกครั้งเมื่อเราทำพันธสัญญาใหม่ในแต่ละสัปดาห์24

ขณะที่เราทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าในพระนิเวศน์ของพระเจ้า เรากระชับความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น25 ทุกสิ่งที่เราทำในพระวิหารบ่งชี้แผนของพระบิดาเพื่อเรา ซึ่งหัวใจสำคัญของแผนคือพระผู้ช่วยให้รอดและการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้26 พระเจ้าจะทรงสอนเราบรรทัดมาเติมบรรทัด27 ผ่านสัญลักษณ์ของศาสนพิธีและพันธสัญญาเมื่อเราเปิดใจและพยายามเข้าใจความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้นร่วมกับการสวดอ้อนวอน

ในส่วนหนึ่งของเอ็นดาวเม้นท์พระวิหาร เรา ได้รับมอบอำนาจ ให้สวมการ์เม้นท์ของฐานะปุโรหิตอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นทั้งข้อผูกมัดและสิทธิพิเศษอันศักดิ์สิทธิ์

ในประเพณีต่างๆ ทางศาสนา เสื้อผ้าชั้นนอกแบบพิเศษจะสวมใส่เป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อและการอุทิศตนต่อพระผู้เป็นเจ้า28 และเสื้อผ้าที่ใช้ในพิธีการมักจะสวมใส่โดยผู้ประกอบพิธีบูชาที่ดำเนินศาสนพิธีเหล่านั้น เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นมีความหมายลึกซึ้งสําหรับผู้ที่สวมใส่ เราอ่านในพระคัมภีร์ว่าในสมัยโบราณ ผู้คนสวมชุดพิธีอันศักดิ์สิทธิ์สําหรับพิธีกรรมในพระวิหารเช่นกัน29

ในฐานะสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ผู้ที่เลือกทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าในพระนิเวศน์ของพระเจ้าสวมเสื้อผ้าชั้นนอกในพิธีศักดิ์สิทธิ์ระหว่างการนมัสการในพระวิหาร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชุดที่สวมใส่ในพิธีกรรมโบราณของพระวิหาร นอกจากนี้เรายังสวมการ์เม้นท์ของฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์ ทั้งในระหว่างการนมัสการในพระวิหาร และ ในชีวิตประจำวันของเรา30

การ์เม้นท์ของฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์เป็นสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้ง และ ชี้ไปที่พระผู้ช่วยให้รอด เมื่ออาดัมและเอวารับส่วนผลจากต้นไม้และต้องออกจากสวนเอเดน พวกเขาปกปิดกายด้วยเสื้อหนังสัตว์ที่พระเจ้าทรงมอบให้31 ซึ่งเป็นไปได้ว่ามีสัตว์ถวายเป็นเครื่องพลีบูชาเพื่อทำเสื้อหนัง—เป็นสัญลักษณ์ของการเสียสละของพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อเรา Kaphar เป็นคำภาษาฮีบรูพื้นฐานสำหรับการชดใช้ และหนึ่งในความหมายคือ “ปกปิด”32 การ์เม้นท์พระวิหารเตือนเราว่าพระผู้ช่วยให้รอดและพรแห่งการชดใช้ของพระองค์ปกปิดเราตลอดชีวิต เมื่อเราสวมการ์เม้นท์ของฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์ในแต่ละวัน สัญลักษณ์ที่สวยงามนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของเรา

หนังสือโรมในพันธสัญญาใหม่อ่านว่า “กลาง‍คืนล่วงไปมากแล้ว และรุ่ง‍เช้าก็ใกล้เข้า‍มา ให้เราเลิกบรร‌ดากิจ‍การแห่งความมืด และสวมเครื่อง‍อาวุธแห่งความสว่าง … จงประดับกายด้วยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า”33

ดิฉันสำนึกคุณอย่างยิ่งต่อสิทธิพิเศษที่ได้สวมการ์เม้นท์ของฐานะปุโรหิตอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตือนดิฉันว่าพระผู้ช่วยให้รอดและพรของการชดใช้อันไม่มีขอบเขตปกปิดดิฉันอยู่ตลอดเวลาตลอดการเดินทางในชีวิตมรรตัย นอกจากนี้เป็นการยํ้าเตือนว่าเมื่อดิฉันรักษาพันธสัญญาที่ทำกับพระผู้เป็นเจ้าในพระนิเวศน์ของพระเจ้า ดิฉันได้ประดับกายด้วยพระคริสต์เชิงสัญลักษณ์ ผู้ทรงเป็นเกราะแห่งแสงสว่าง พระองค์จะทรงปกป้องดิฉันจากความชั่วร้าย34 ให้พลังอำนาจและศักยภาพที่เพิ่มขึ้น35 และเป็นแสงสว่างนำทางให้ดิฉัน36 ผ่านความมืดมิดและความยากลำบากของโลกนี้

มีความหมายเชิงสัญลักษณ์อันลึกซึ้งและสวยงามในการ์เม้นท์ของฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์และความสัมพันธ์ที่มีกับพระคริสต์ ดิฉันเชื่อว่าความเต็มใจของดิฉัน37ที่จะสวมการ์เม้นท์ศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นสัญลักษณ์ ของดิฉัน ต่อพระองค์38 เป็นเครื่องหมายส่วนตัวของดิฉันต่อพระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ต่อผู้อื่น39

ดิฉันสำนึกคุณอย่างยิ่งต่อพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์40 การพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้เป็นสัญลักษณ์ของความรักอันไม่มีขอบเขตที่พระองค์และพระบิดาในสวรรค์ทรงมีต่อเรา41 พร้อมด้วยสัญลักษณ์ที่จับต้องได้ของความรักและการเสียสละนั้น—เครื่องหมายในพระหัตถ์ พระบาท และพระปรัศว์ของพระผู้ช่วยให้รอด—ยังคงอยู่แม้หลังการฟื้นคืนพระชนม์42

เมื่อดิฉันรักษาพันธสัญญาและข้อผูกมัดกับพระผู้เป็นเจ้า รวมถึงการสวมการ์เม้นท์ของฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์ ชีวิตดิฉันกลายเป็นสัญลักษณ์ส่วนตัวของความรักและความสำนึกคุณอย่างสุดซึ้งต่อพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ และความปรารถนาที่จะมีพระองค์อยู่ด้วยเสมอ

หากท่านยังไม่ได้ทำ ดิฉันเชื้อเชิญให้ท่านเลือกความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับพระผู้เป็นเจ้าโดยทำพันธสัญญากับพระองค์ในพระนิเวศน์ของพระเจ้า จงศึกษาคำปราศรัยของศาสดาพยากรณ์ (รวมถึงคําสอนงดงามในเชิงอรรถของคำปราศรัย ซึ่งคำปราศรัยการประชุมใหญ่เกือบทั้งหมดมี) ท่านได้พูดซ้ำหลายครั้งเกี่ยวกับพันธสัญญามาหลายปีและโดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ท่านเป็นประธานศาสนจักร จงเรียนรู้จากคำสอนของท่านเกี่ยวกับพรอันสวยงามและพลังอำนาจกับศักยภาพที่เพิ่มขึ้นที่สามารถเป็นของท่านผ่านการทำและรักษาพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า43

คู่มือทั่วไป ระบุว่าไม่มีข้อกำหนดว่าต้องได้รับเรียกเป็นผู้สอนศาสนาหรือหมั้นเพื่อแต่งงานก่อนถึงจะทำพันธสัญญาพระวิหารได้44 บุคคลต้องมีอายุอย่างน้อย 18 ปี ไม่ได้กำลังเรียนมัธยมปลายหรือเทียบเท่า และเป็นสมาชิกศาสนจักรอย่างน้อยหนึ่งปี และยังมีมาตรฐานของความบริสุทธิ์ส่วนตัวที่เรียกร้องด้วย45 ถ้าท่านปรารถนาจะทำให้ความสัมพันธ์ของท่านกับพระบิดาในสวรรค์และพระเยซูคริสต์ลึกซึ้งยิ่งขึ้นโดยการทำพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ในพระนิเวศน์ของพระเจ้า ดิฉันเชื้อเชิญให้ท่านพูดคุยกับอธิการหรือประธานสาขาของท่านและบอกให้เขาทราบถึงความปรารถนาของท่าน เขาจะช่วยให้ท่านรู้วิธีเตรียมตัวที่จะได้รับและให้เกียรติพันธสัญญาเหล่านั้น

โดยผ่านความสัมพันธ์แห่งพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า ชีวิตเราสามารถกลายเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและความรักอันลึกซึ้งต่อพระบิดาในสวรรค์ hesed ของเราต่อพระองค์46 และความปรารถนาของเราที่จะก้าวหน้าและเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดในท้ายที่สุด โดยเตรียมเข้าสู่ที่ประทับของพระองค์สักวันหนึ่ง ดิฉันเป็นพยานว่าพรอันยิ่งใหญ่ของความสัมพันธ์แห่งพันธสัญญานั้นคุ้มค่ามาก ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน