การประชุมใหญ่สามัญ
เป็นปรีชาญาณในพระเจ้าที่เราควรมีพระคัมภีร์มอรมอน
การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2024


เป็นปรีชาญาณในพระเจ้าที่เราควรมีพระคัมภีร์มอรมอน

ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนทูลขอให้การอ่านพระคัมภีร์มอรมอนในปีนี้จะเป็นปีติและเป็นพรสำหรับเราแต่ละคน

พี่น้องทั้งหลาย เราซาบซึ้งอย่างยิ่งที่ท่านพยายามอ่านพระคัมภีร์ร่วมกับ จงตามเรามา ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ท่านทำ ความสัมพันธ์ของท่านกับพระผู้เป็นเจ้าและพระวจนะของพระองค์ในแต่ละวันจะมีผลอย่างลึกซึ้ง “เจ้ากำลังวางรากฐานของงานอันสำคัญยิ่ง และจากสิ่งเล็กน้อยบังเกิดเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่”1

การอ่านคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอดในพระคัมภีร์ช่วยให้เราเปลี่ยนบ้านเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งศรัทธาและเป็นศูนย์การเรียนรู้พระกิตติคุณ2 การทำเช่นนั้นอัญเชิญพระวิญญาณเข้ามาในบ้านของเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำให้จิตวิญญาณเราเปี่ยมด้วยปีติ3 และเปลี่ยนเราให้เป็นสานุศิษย์ชั่วชีวิตของพระเยซูคริสต์

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ขณะอ่านพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ เราได้สังเกตเห็นภาพรวมคำสอนของพระผู้เป็นเจ้าที่ประทานแก่บุตรธิดาของพระองค์ในสมัยการประทานพระกิตติคุณที่สำคัญๆ ทุกสมัย4

ในทุกสมัยการประทาน เราเห็นรูปแบบที่คุ้นเคย พระผู้เป็นเจ้าทรงฟื้นฟูหรือทรงเปิดเผยพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ผ่านศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ ผู้คนทำตามศาสดาพยากรณ์และได้รับพรอย่างมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป บางคนเลิกเอาใจใส่ถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์และตีตนออกห่างจากพระเจ้าและพระกิตติคุณ นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่าการละทิ้งความเชื่อ พระกิตติคุณเปิดเผยต่ออาดัมก่อน แต่ลูกหลานบางคนของอาดัมและเอวาหันไปจากพระเจ้าในการละทิ้งความเชื่อ5 เราเห็นรูปแบบของการฟื้นฟูและการละทิ้งความเชื่อที่เกิดซ้ำในสมัยการประทานของเอโนค โนอาห์ อับราฮัม โมเสส และคนอื่นๆ

ปัจจุบันนี้ เราอยู่ในสมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลา6 นี่เป็นสมัยการประทานเพียงสมัยเดียวที่จะไม่สิ้นสุดลงด้วยการละทิ้งความเชื่อ7 นี่เป็นสมัยการประทานที่จะนำไปสู่การเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์และการปกครองมิลเลเนียมของพระองค์

ดังนั้น มีอะไรแตกต่างในสมัยการประทานนี้? พระเจ้าประทานอะไรแก่เราในปัจจุบัน โดยเฉพาะในยุคของเรา ที่จะช่วยให้เราเข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอดและไม่มีวันละทิ้งพระองค์?

มีคำตอบหนึ่งที่เข้ามาในความคิดข้าพเจ้าคือพระคัมภีร์—โดยเฉพาะพระคัมภีร์มอรมอน: พยานหลักฐานอีกเล่มหนึ่งของพระเยซูคริสต์

แม้พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาว่าจะไม่มีการละทิ้งความเชื่อใน หมู่มาก แต่เราต้องมีสติและระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการละทิ้งความเชื่อ ส่วนตัว—โดยจดจำคำที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนว่า “เราแต่ละคนต้องรับผิดชอบการเติบโตทางวิญญาณของเราเอง”8 การศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนอย่างที่เราทำในปีนี้ จะนำเราเข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้นเสมอ—และช่วยให้เราใกล้ชิดพระองค์

เราใช้คำว่า “การศึกษา” และนั่นเป็นสิ่งที่ดีเพราะสื่อนัยถึงความพยายาม แต่เราไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ข้อเท็จจริงใหม่เสมอไป บางครั้งการอ่านพระคัมภีร์มอรมอนเป็นเพียงความรู้สึกเชื่อมโยงกับพระผู้เป็นเจ้าในวันนี้—เป็นการบำรุงเลี้ยงจิตวิญญาณ การเสริมสร้างความเข้มแข็งทางวิญญาณก่อนออกไปเผชิญโลก หรือพบการเยียวยา หลังจาก เผชิญความยากลำบากของวัน

เราศึกษาพระคัมภีร์เพื่อให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ ครูผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้การเปลี่ยนใจเลื่อมใสของเราในพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ลึกซึ้งขึ้นและช่วยให้เราเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น9

เมื่อนึกถึงความคิดเหล่านี้ เราอาจพิจารณาว่า “สัปดาห์นี้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสอนอะไรเราระหว่างศึกษาพระคัมภีร์มอรมอน?” และ “สิ่งนี้ทำให้เราใกล้ชิดพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้นอย่างไร?”

นี่เป็นคำถามที่ดีสำหรับการศึกษาพระคัมภีร์ที่บ้าน คำถามเหล่านี้ยังเป็นคำถามที่ดีในการเริ่มชั้นเรียนวันอาทิตย์ที่โบสถ์อีกด้วย เราปรับปรุงการสอนที่โบสถ์ในวันอาทิตย์โดยปรับปรุงการเรียนรู้ที่บ้านระหว่างสัปดาห์ ดังนั้นในชั้นเรียนวันอาทิตย์ “คนที่สั่งสอนและคนที่รับ, เข้าใจกัน, และทั้งสองได้รับการจรรโลงใจและชื่นชมยินดีด้วยกัน.”10

ต่อไปนี้เป็นข้อพระคัมภีร์บางข้อที่พระวิญญาณทรงทำให้ข้าพเจ้าประทับใจจากการศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนสัปดาห์นี้:

  • นีไฟแนะนำให้เจคอบ “ปกปักรักษาแผ่นจารึกเหล่านี้และสืบทอดแผ่นจารึกเหล่านี้ … จากรุ่นสู่รุ่น. และหากจะมีการสั่งสอนอันศักดิ์สิทธิ์, หรือการเปิดเผย … , หรือการพยากรณ์,” เจคอบควร “จารึก … ไว้บนแผ่นจารึกเหล่านี้ … เพื่อเห็นแก่ผู้คน [ของพวกเขา].”11

  • ต่อมาเจคอบเป็นพยานว่า “เราค้นหา [พระคัมภีร์], … และโดยการมีพยานทั้งหมดนี้เราจึงได้รับความหวัง, และศรัทธาของเราไม่สั่นคลอน.”12

ข้อเหล่านี้ทำให้ข้าพเจ้าจำสิ่งที่นีไฟกล่าวไว้ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับแผ่นจารึกทองเหลือง:

“เราได้บันทึก … และค้นคว้าบันทึกและพบว่าเป็นสิ่งที่ … มีค่ามากต่อเรา, ถึงขนาดที่เราปกปักรักษาพระบัญญัติของพระเจ้าไว้เพื่อลูกหลานของเราได้.

“ดังนั้น, เป็นปรีชาญาณในพระเจ้าที่เราจะนำบันทึกไปด้วย, ขณะเราเดินทางในแดนทุรกันดารไปถึงแผ่นดินแห่งคำสัญญา.”13

หากเป็นปรีชาญาณสำหรับลีไฮและครอบครัวที่จะมีพระคัมภีร์ ย่อมเป็นปรีชาญาณสำหรับเราเช่นกันในปัจจุบัน คุณค่าอันยิ่งใหญ่และพลังทางวิญญาณของพระคัมภีร์ยังคงไม่จางหายไปในชีวิตเราทุกวันนี้

ไม่เคยมีใครในประวัติศาสตร์ที่เข้าถึงพระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์อื่นๆ ที่เรามีในปัจจุบัน14 ใช่แล้ว ลีไฮและครอบครัวได้รับพรให้นำแผ่นจารึกทองเหลืองติดตัวไปด้วย แต่พวกเขาไม่มีสำเนาไว้ให้ทุกกระโจม! พระคัมภีร์มอรมอนเล่มสำคัญที่สุดคือเล่มส่วนตัวของเรา เล่มที่เราอ่าน

ในนิมิตของลีไฮเกี่ยวกับต้นไม้แห่งชีวิต ลีไฮสอนเราถึงความสำคัญของประสบการณ์ส่วนตัวกับความรักของพระผู้เป็นเจ้า หลังจากรับส่วนผลไม้นั้น ลีไฮเห็นซาไรยาห์ภรรยา และนีไฟกับแซมบุตรชายของเขาอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย

“พวกเขายืนอยู่ประหนึ่งพวกเขาหารู้หนทางที่ควรไปไม่.

“… พ่อกวักมือเรียกพวกเขา,” ลีไฮกล่าว “พลางกล่าวแก่พวกเขาด้วย เสียงอันดัง ว่าพวกเขาควรมาหาพ่อ, และรับส่วนผลนั้น, ซึ่งเป็นที่พึงปรารถนาเหนือผลอื่นใดทั้งหมด.

“และ … พวกเขามาหาพ่อและรับส่วนผลนั้นด้วย.”15

ข้าพเจ้าชอบแบบอย่างของลีไฮในการเลี้ยงดูลูกอย่างตั้งใจ ซาไรยาห์ นีไฟ และแซมดำเนินชีวิตที่ดีและชอบธรรม แต่พระเจ้าทรงมีสิ่งที่ดีกว่าและหอมหวานกว่าให้กับพวกเขา พวกเขาไม่รู้ว่าจะหาได้จากที่ไหน แต่ลีไฮรู้ ลีไฮจึงเรียกพวกเขา “ด้วยเสียงอันดัง” ให้มาที่ต้นไม้แห่งชีวิตและรับส่วนผลนั้นด้วยตนเอง ลีไฮบอกทางชัดเจน ไม่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

ข้าพเจ้าเองก็เป็นผลผลิตของการเลี้ยงดูอย่างตั้งใจคล้ายๆ กัน16 สมัยเป็นเด็กราว 11 หรือ 12 ขวบ คุณแม่ถามข้าพเจ้าว่า “มาร์ค ลูกรู้ด้วยตนเองโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าพระกิตติคุณเป็นความจริงไหม?”

คำถามของเธอทำให้ข้าพเจ้าแปลกใจ ข้าพเจ้าพยายามเป็น “เด็กดี” มาโดยตลอด และคิดว่านั่นก็เพียงพอแล้ว แต่เช่นเดียวกับลีไฮ คุณแม่รู้ว่าจำเป็นต้องมีบางสิ่งที่มากกว่านี้ ข้าพเจ้าต้องลงมือทำและรู้ด้วยตัวเอง

ข้าพเจ้าตอบว่ายังไม่มีประสบการณ์นั้น และเธอดูไม่แปลกใจกับคำตอบ

จากนั้นเธอพูดบางอย่างที่ข้าพเจ้าไม่เคยลืม ข้าพเจ้าจำคำพูดของเธอได้จนถึงวันนี้: “พระบิดาบนสวรรค์ทรงต้องการให้ลูกรู้ด้วยตนเอง แต่ลูกต้องพยายามไขว่คว้า ลูกต้องอ่านพระคัมภีร์มอรมอนและสวดอ้อนวอนเพื่อให้รู้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระบิดาบนสวรรค์จะทรงตอบคำสวดอ้อนวอนของลูก”

ข้าพเจ้าไม่เคยอ่านพระคัมภีร์มอรมอนมาก่อน ทั้งไม่คิดด้วยว่าข้าพเจ้าโตพอจะทำเช่นนั้น แต่คุณแม่รู้ดีกว่า

คำถามของเธอจุดประกายความปรารถนาของข้าพเจ้าที่อยากจะรู้ด้วยตนเอง

ดังนั้นแต่ละคืนในห้องนอนที่ข้าพเจ้าใช้ร่วมกับพี่ชายและน้องชาย ข้าพเจ้าจะเปิดไฟเหนือเตียงและอ่านหนึ่งบทในพระคัมภีร์มอรมอน เมื่อปิดไฟแล้ว ข้าพเจ้าจะค่อยๆ ลงจากเตียงแล้วคุกเข่าสวดอ้อนวอน ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนอย่างจริงใจมากขึ้นและมีความปรารถนามากขึ้นกว่าที่เคยมี ข้าพเจ้าทูลขอให้พระบิดาบนสวรรค์ทรงโปรดให้ข้าพเจ้ารู้ความจริงของพระคัมภีร์มอรมอน

ตั้งแต่วันที่เริ่มอ่านพระคัมภีร์มอรมอน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรับรู้ถึงความพยายามของข้าพเจ้า และรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญต่อพระองค์ ขณะที่อ่านและสวดอ้อนวอน ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความสบายใจและสันติสุข ทีละบท แสงแห่งศรัทธาส่องสว่างขึ้นภายในจิตวิญญาณข้าพเจ้า ในเวลาต่อมา ข้าพเจ้าตระหนักว่าความรู้สึกเหล่านี้เป็นการยืนยันความจริงจากพระวิญญาณบริสุทธิ์17 ข้าพเจ้ารู้ด้วยตนเองว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริง และรู้ว่าพระเยซูคริสต์คือพระผู้ช่วยให้รอดของโลก ข้าพเจ้าสำนึกคุณสำหรับคำเชิญที่ได้รับการดลใจของคุณแม่

ประสบการณ์นี้ในการอ่านพระคัมภีร์มอรมอนสมัยเด็กเริ่มต้นรูปแบบการศึกษาพระคัมภีร์ที่ยังคงเป็นพรแก่ข้าพเจ้ามาจนถึงทุกวันนี้ ข้าพเจ้ายังคงอ่านพระคัมภีร์มอรมอนและคุกเข่าสวดอ้อนวอน และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงยืนยันความจริงครั้งแล้วครั้งเล่า

นีไฟพูดถูก เป็นปรีชาญาณในพระเจ้าที่เราควรนำพระคัมภีร์ไปกับเราด้วยตลอดชีวิต พระคัมภีร์มอรมอนเป็น “ศิลาหลัก” ที่ทำให้สมัยการประทานนี้แตกต่างจากสมัยการประทานก่อนหน้านี้ทั้งหมด เมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนและทำตามศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิต จะไม่มีการละทิ้งความเชื่อส่วนตัวในชีวิตเรา18

คำเชื้อเชิญให้มาที่ต้นไม้แห่งชีวิตโดยยึดมั่นพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้เป็นเพียงคำเชื้อเชิญที่ลีไฮมีให้ครอบครัว และไม่ได้เป็นเพียงคำเชื้อเชิญจากคุณแม่ที่ให้ข้าพเจ้าอ่านและสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน นี่เป็นคำเชื้อเชิญจากศาสดาพยากรณ์ ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ถึงเราแต่ละคนด้วย

“ข้าพเจ้าสัญญา” ท่านกล่าว “ว่าเมื่อท่านศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนร่วมกับการสวดอ้อนวอน ทุกวัน ท่านจะตัดสินใจได้ดีขึ้น—ทุกวัน ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อท่านไตร่ตรองสิ่งที่ศึกษา หน้าต่างฟ้าสวรรค์จะเปิด และท่านจะได้รับคำตอบให้คำถามของท่านและการนำทางในชีวิตท่าน”19

ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนทูลขอให้การอ่านพระคัมภีร์มอรมอนในปีนี้เป็นปีติและเป็นพรสำหรับเราแต่ละคน และทำให้เราเข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น

พระบิดาบนสวรรค์ทรงพระชนม์ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา พระคัมภีร์มอรมอนมีพระวจนะของพระองค์และสื่อถึงความรักของพระองค์ ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเป็นศาสดาพยากรณ์ที่ยังมีชีวิตของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกทุกวันนี้ ข้าพเจ้ารู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นจริงเพราะพยานยืนยันของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นพยานที่ข้าพเจ้าได้รับครั้งแรกขณะอ่านพระคัมภีร์มอรมอนสมัยเด็ก ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. หลักคำสอนและพันธสัญญา 64:33

  2. “หลักสูตรใหม่ที่ผสมผสานการมีบ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุนมีศักยภาพที่จะปล่อยพลังของครอบครัวขณะที่แต่ละครอบครัวตั้งใจทำตามอย่างจริงจังเพื่อเปลี่ยนบ้านของพวกเขาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งศรัทธา ข้าพเจ้าสัญญาว่าขณะที่ท่านทำงานอย่างขยันหมั่นเพียรเพื่อปรับเปลี่ยนบ้านของท่านให้เป็นศูนย์การเรียนรู้พระกิตติคุณ เมื่อเวลาผ่านไป วันสะบาโต ของท่าน จะเป็นวันปีติยินดีอย่างแท้จริง ลูกๆ ของท่าน จะตื่นเต้นที่ได้เรียนรู้และดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอด อิทธิพลของปฏิปักษ์ในชีวิต ของท่าน และในบ้าน ของท่าน จะลดลง ครอบครัวท่านจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดและต่อเนื่อง” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่เป็นแบบอย่าง,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 113)

  3. “ตามจริงแล้ว, ตามจริงแล้ว, เรากล่าวแก่เจ้า, เราจะเผยพระวิญญาณของเราส่วนหนึ่งให้เจ้า, ซึ่งจะให้ความสว่างแก่ความคิดเจ้า, ซึ่งจะทำให้จิตวิญญาณเจ้าเปี่ยมด้วยปีติ” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 11:13)

  4. “สมัยการประทานคือช่วงระยะเวลาหนึ่งซึ่งพระเจ้าทรงมีผู้รับใช้ที่มีสิทธิอำนาจอย่างน้อยหนึ่งคนบนแผ่นดินโลก ที่ถือกุญแจทั้งหลายของฐานะปุโรหิตอันศักดิ์สิทธิ์และมีภาระหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ในการเผยแพร่พระกิตติคุณให้แก่ผู้อยู่อาศัยของแผ่นดินโลก” (Topics and Questions, “Dispensations,” คลังค้นคว้าพระกิตติคุณ)

  5. ดู โมเสส 5:12–16

  6. ศาสดาพยากรณ์ดาเนียลมองเห็นยุคของเรา ซึ่งคือสมัยการประทานของเรา เมื่อแปลความฝันของเนบูคัดเนสซาร์ ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเป็นหินก้อนหนึ่งในความฝันนั้นที่ถูกตัดออกจากภูเขาโดยไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์ กลิ้งไปข้างหน้าจนเต็มแผ่นดินโลก (ดู ดาเนียล 2:34–35, 44–45; หลักคำสอนและพันธสัญญา 65:2)

  7. “พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์ทรงเรียกท่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ของสมัยการประทานนี้ อำนาจจากสวรรค์ทั้งหมดของสมัยการประทานก่อนๆ ได้รับการฟื้นฟูผ่านท่าน สมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลานี้จะไม่ถูกจำกัดด้วยเวลาหรือสถานที่ จะไม่สิ้นสุดด้วยการละทิ้งความเชื่อ และจะเต็มโลก” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การรวบรวมอิสราเอลที่กระจัดกระจาย,” เลียโฮนา, พ.ย. 2006, 99–103)

  8. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “คำกล่าวเปิดการประชุม,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 8.

  9. ดู “การเปลี่ยนใจเลื่อมใสเป็นเป้าหมายของเราจงตามเรามา—สำหรับบ้านและศาสนจักร: พระคัมภีร์มอรมอน 2024, v.

  10. หลักคำสอนและพันธสัญญา 50:22; ดู ข้อ 17–21 ด้วย

  11. เจคอบ 1:3–4

  12. เจคอบ 4:6

  13. 1 นีไฟ 5:21–22

  14. มีการประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่ามีการแจกจ่ายพระคัมภีร์มอรมอน 200 ล้านเล่มในสมัยการประทานนี้ ช่างน่าทึ่งจริงๆ เวลานี้มีการแปลพระคัมภีร์มอรมอนออกมา 113 ภาษา และมีอีก 17 ภาษาที่อยู่ระหว่างดำเนินการแปล นับเป็นพรอย่างยิ่งที่มีพระคัมภีร์มอรมอนในรูปแบบสิ่งพิมพ์ ดิจิทัล เสียง วีดิทัศน์ และรูปแบบอื่นๆ (ดู Ryan Jensen, “Church Distributes 200 Millionth Copy of the Book of Mormon,” Church News, Dec. 29, 2023, thechurchnews.com.)

  15. 1 นีไฟ 8:14–16; เน้นตัวเอน

  16. “อิทธิพลอันทรงพลังที่สุดทางวิญญาณในชีวิตเด็กคือแบบอย่างอันชอบธรรมของพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่รักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของตนอย่างซื่อสัตย์ พ่อแม่ที่รอบคอบจะสอนลูกๆ ให้มีศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ เพื่อให้ลูกๆ ‘รู้ว่าพวกเขาจะมองหาแหล่งใดเพื่อการปลดบาปของพวกเขา’ [2 นีไฟ 25:26]. การรักษาพันธสัญญาเพียงผิวเผินและไม่สม่ำเสมอนำไปสู่มหันตภัยทางวิญญาณ ความเสียหายทางวิญญาณมักเกิดกับลูกหลานของเรามากที่สุด” (เควิน ดับเบิลยู. เพียร์สัน, “ท่านยังเต็มใจหรือไม่?,” เลียโฮนา, พ.ย. 2022, 69)

  17. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:22–24

  18. ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธกล่าวว่า “ข้าพเจ้าบอกบรรดาพี่น้องชายว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นหนังสือที่ถูกต้องยิ่งกว่าหนังสือใดๆ บนแผ่นดินโลก, และเป็นศิลาหลักแห่งศาสนาของเรา, และมนุษย์จะเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากขึ้นโดยการยึดมั่นกับหลักการของหนังสือเล่มนี้, ยิ่งกว่าหนังสือเล่มอื่นใด” (ใน คำนำพระคัมภีร์มอรมอน)

  19. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พระคัมภีร์มอรมอน: ชีวิตท่านจะเป็นอย่างไรหากปราศจากพระคัมภีร์เล่มนี้,” เลียโฮนา, พ.ย. 2017, 62–63.