2017
ประวัติครอบครัวและพรพระวิหาร
กุมภาพันธ์ 2017


ประวัติครอบครัว และพรพระวิหาร

จากการนำเสนอที่การประชุมประวัติครอบครัว RootsTech 2016 ในซอลท์เลคซิตี้ ยูทาห์ สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 รับชมบันทึกเทปการนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษ โปรตุเกส หรือสเปนได้ที่ lds.org/go/217Renlund

ระหว่างการนำเสนอ RootsTech 2016 เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์กับรูธภรรยาและแอชลีย์บุตรสาวเตือนวิสุทธิชนยุคสุดท้ายว่าพลังอำนาจแท้จริงมาจากการรวมประวัติครอบครัวกับพรพระวิหาร

ภาพ
The Renlunds at RootsTech

เอ็ลเดอร์เรนลันด์: ในเดือนธันวาคม ปี 1963 ครอบครัวผมขับรถหกชั่วโมงจากเมืองเฮลซิงกิไปเกาะลาร์สโมแถบชายฝั่งตะวันตกของฟินแลนด์ คุณพ่อของผมเติบโตที่นั่นและลีนา โซเฟียคุณย่าของผมใช้ชีวิตที่นั่น

หลายปีก่อนหน้านี้ ในปี 1912 ลีนา โซเฟียกับลีนเดอร์คุณปู่ของผมฟังผู้สอนศาสนาจากสวีเดนสั่งสอนพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู เวลานั้นมีผู้สอนศาสนาไม่ถึง 800 คนทั่วโลก

ผู้สอนศาสนาเหล่านั้นสอนข่าวสารของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู และลีนา โซเฟียกับลีนเดอร์รับบัพติศมาในวันต่อมา พวกเขากลายเป็นสมาชิกของสาขาเล็กๆ แห่งแรกในฟินแลนด์

ไม่กี่ปีต่อมา คุณแม่ของลีนเดอร์ที่อยู่กับพวกเขาสิ้นชีวิตเพราะวัณโรค ในปี 1917 ลีนเดอร์สิ้นชีวิตเพราะวัณโรคเช่นกัน ทิ้งลีนา โซเฟียให้เป็นม่ายขณะตั้งครรภ์ลูกคนที่ 10 ของพวกเขา เด็กคนนั้น—คุณพ่อของผม—เกิดหลังจากลีนเดอร์สิ้นชีวิตได้สองเดือน กลับกลายเป็นว่าลีนา โซเฟียเป็นผู้ฝังศพลูก 7 ใน 10 คนของเธอ นั่นเป็นความยากลำบากมากสำหรับหญิงชนบทยากไร้อย่างเธอที่ต้องปกปักรักษาสิ่งที่ครอบครัวเธอเหลือไว้

เกือบยี่สิบปีที่เธอนอนหลับไม่เต็มอิ่ม เธอวิ่งรอกทำงานทุกอย่างที่หาได้ช่วงกลางวันเพื่อให้มีเงินพอซื้ออาหารกิน ช่วงกลางคืนเธอพยาบาลสมาชิกครอบครัวที่ใกล้จะสิ้นใจ ความตายอยู่ในความคิดของพวกเขาตลอด ในสมัยนั้นต้องตัดไม้เป็นแผ่นๆ มาผึ่งไว้บนคานค้ำหลังคา แล้วจึงนำแผ่นไม้เหล่านั้นมาทำเป็นโลงศพใส่ร่างผู้ตาย แทบนึกภาพไม่ออกว่าลีนา โซเฟียรู้สึกอย่างไร

ในวันที่ผมพบเธอในปี 1963 ผมเพิ่งอายุครบ 11 ขวบและเธออายุ 87 ปี เธอหลังโกงจากการทำงานหนักมาชั่วชีวิต หลังของเธอค้อมลงด้วยความชราจนเมื่อเธอลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ ความสูงไม่เปลี่ยนเลย ผิวหน้าและมือเธอคล้ำแดดคล้ำฝน—หยาบกร้านและเหี่ยวย่นเหมือนหนังที่ผ่านการใช้งานมานาน

เธอยืนตรงเท่าที่จะทำได้ ชี้ไปที่ภาพถ่ายของลีนเดอร์บนผนัง และพูดกับผมเป็นภาษาสวีเดนว่า “Det här är min gubbe” (คนนี้เป็นสามีของย่า)

ผมสมัครเรียนโรงเรียนที่พูดภาษาสเปนเมื่อต้นฤดูใบไม้ร่วงปีนั้นและเพิ่งเรียนภาษาสวีเดนซ้ำ ผมคิดว่าคุณย่าใช้กาลปัจจุบันของคำกริยาไม่ถูกต้องเมื่อท่านพูดว่า “คนนี้ เป็น สามีของย่า” เพราะลีนเดอร์สิ้นชีวิตได้ 46 ปีแล้ว ผมชี้ให้คุณแม่ของผมเห็นว่าลีนา โซเฟียควรพูดว่า “คนนี้ เคยเป็น สามีของย่า” คุณแม่บอกผมแต่เพียงว่า “ลูกไม่เข้าใจ”

ท่านพูดถูก ผมไม่เข้าใจ—ไม่เข้าใจเหมือนตอนนี้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมใคร่ครวญความหมายของประสบการณ์นั้นหลายครั้งและสิ่งที่คุณย่าเคยสอนผม

ลองนึกถึงพลังและความอบอุ่นใจที่คุณย่าได้จากการรู้เรื่องอำนาจการผนึกสิครับ! อำนาจดังกล่าวเป็นทิศทางที่แน่นอนเมื่อเราค้นหาและเรียนรู้เกี่ยวกับบรรพชนของเรา ทั้งประวัติครอบครัวและพรของพระวิหารมีความหมายในชีวิตเรา แต่อำนาจแท้จริงเกิดขึ้นเมื่อเรารวมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน นี่ไม่ใช่แค่การผสมสองสิ่งเข้าด้วยกันตามใจชอบ แต่สิ่งหนึ่งช่วยนำทางอีกสิ่งหนึ่ง ความรู้ที่ว่าสักวันจะมีการประกอบศาสนพิธีเหล่านี้ให้เธอกับลีนเดอร์นำความอบอุ่นใจและสันติสุขมาให้ลีนา โซเฟียในช่วงหลายปีของการเป็นม่าย

คุณค่าแท้จริงของประวัติครอบครัว

แอชลีย์: หากไม่มีประวัติครอบครัว เราจะไม่ได้สิทธิอำนาจการผนึกที่จำเป็นต้องใช้ และเราจะรู้ซึ้งถึงคุณค่าแท้จริงของประวัติครอบครัวเพียงเพราะสิทธิอำนาจการผนึกเท่านั้น อำนาจ แท้จริง อยู่ในการรวมกัน

ซิสเตอร์เรนลันด์: ดิฉันชอบแนวคิดนี้ เราเรียนรู้เกี่ยวกับพรทั้งสองประการนี้ทุกที่ในพระคัมภีร์ การวมกันของทั้งสองนำพรและพลังเข้ามาในชีวิตเรามากขึ้น ขอให้เราดูสองตัวอย่างนี้

ในพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญา พระเจ้ารับสั่งกับเราว่าพระองค์ทรงส่งเอลียาห์มา “ปลูกสัญญาที่ทำกับบรรพบุรุษไว้ในใจของลูกหลาน” และนี่จะหันใจลูกหลานไปหาบรรพบุรุษ ดิฉันคิดว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่คุณย่าของคุณปลูกไว้ในคุณ จากนั้นพระเจ้ารับสั่งกับเราว่า “ทั้งแผ่นดินโลกจะร้างลงสิ้น ณ การเสด็จมา [ครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอด]” หากการหันนี้ไม่เกิดขึ้น (ดู คพ. 2:2–3) นั่นเป็นข่าวสารที่มีพลังมาก

ฉะนั้นถึงแม้เราจะมีบันทึกประวัติครอบครัวทั้งหมดที่โลกให้ได้และทั้งหมดที่เรารวบรวมได้ หากไม่มีสิทธิอำนาจการผนึกที่ศาสดาพยากรณ์เอลียาห์นำกลับมา จุดประสงค์ของการสร้างคงถูกขัดขวางและ “เสียเปล่า” นี่เป็นข่าวสารแรกๆ เรื่องหนึ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยต่อศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธในสมัยการประทานของเรา

เอ็ลเดอร์เรนลันด์: คุณพูดถูก รูธ ผมไม่รู้เลยว่าผมรู้สึกถึงพลังและอำนาจของเรื่องราวและแบบอย่างจากคุณย่าตลอดจนบรรพชนคนอื่นๆ มาตลอดชีวิตผม

มีคำพยากรณ์ในหลักคำสอนและพันธสัญญาภาค 128 ที่โจเซฟ สมิธอ้าง มาลาคี 4:5–6 ท่านอธิบายคำว่า “จิตใจของลูกหันไปหาพ่อ” ในบริบทของอำนาจการผนึกและบัพติศมาแทนคนตาย ท่านกล่าวต่อจากนั้นว่า “และไม่เพียงเท่านี้, แต่สิ่งเหล่านั้นซึ่งไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาตั้งแต่การวางรากฐานของโลก, แต่เก็บซ่อนไว้ให้พ้นจากผู้มีปัญญาและวิญญูชน, ก็จะได้รับการเปิดเผยแก่เด็กและทารกที่ยังไม่หย่านมในยุคนี้, สมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลา” (ดู คพ. 128:17–18)

ลองคิดดู! โจเซฟ สมิธเห็นล่วงหน้าว่าแม้แต่เด็กๆ ก็เข้าใจและรู้สิ่งที่ชายหญิงผู้มีการศึกษาของโลกไม่สามารถอธิบายได้ เด็กและเยาวชนทั่วโลกมีส่วนร่วมในพรเหล่านี้ทุกวัน ผมเรียนรู้เมื่ออายุ 11 ขวบเกี่ยวกับแนวคิดเหล่านี้จากคุณย่าและคุณแม่ของผม คนที่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดขณะมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลกจะมีโอกาสได้รับพรเหมือนคนที่มีโอกาสในชีวิตนี้ โอกาสรับพรนี้ไม่ตัดใครออกไป

ศาสนพิธีพระวิหารและพลังส่วนตัว

ซิสเตอร์เรนลันด์: ศาสนพิธีพระวิหารเป็นหลักธรรมสำคัญของพลังส่วนตัว อันที่จริง พระเจ้าประทานแบบอย่างแก่เราในเรื่องพลังส่วนตัวนี้ วิสุทธิชนสมัยแรกได้รับการสอนว่าพวกเขาต้องได้รับเอ็นดาวเม้นท์ก่อนจึงจะสามารถทำงานแห่งความรอดได้

“เราเห็นสมควรว่าเอ็ลเดอร์ของเราจะรอชั่วระยะเวลาไม่นาน, เพื่อการไถ่ไซอัน—

“เพื่อตัวพวกเขาจะพร้อม, และเพื่อผู้คนของเราจะได้รับการสอนอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น, และมีประสบการณ์, และรู้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเกี่ยวกับหน้าที่ของพวกเขา, และสิ่งซึ่งเราเรียกร้องจากมือพวกเขา.

“และนี่จะเกิดขึ้นไม่ได้จนกว่าเอ็ลเดอร์ของเราจะได้รับการประสาทพรด้วยอำนาจจากเบื้องบน” (คพ. 105:9–11)

พระเจ้าทรงกำลังสอนเกี่ยวกับความสำคัญของการเตรียมรับเอ็นดาวเม้นท์พระวิหารทั้งนี้เพื่อเหล่าเอ็ลเดอร์จะได้รับพรด้วยอำนาจจากเบื้องบน พรนี้เปิดทางให้วิสุทธิชนยังคงได้รับการสอนอย่างสมบูรณ์มากขึ้นให้ใช้อำนาจนั้นอย่างดี

เอ็ลเดอร์เรนลันด์: คุณขยายความเข้าใจนี้ได้ถ้าคุณอ่านต่อในภาค 109 ซึ่งเป็นคำสวดอ้อนวอนอุทิศพระวิหารเคิร์ทแลนด์ โจเซฟ สมิธสวดอ้อนวอนว่า “และเพื่อผู้คนทั้งปวงซึ่งจะเข้าสู่ธรณีประตูพระนิเวศน์ของพระเจ้าจะรู้สึกถึงเดชานุภาพของพระองค์, และรู้สึกจำนนต่อการยอมรับว่า พระองค์ทรงชำระให้ที่นี่บริสุทธิ์, และว่าที่นี่เป็นพระนิเวศน์ของพระองค์, สถานที่แห่งความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์” (คพ. 109:13)

แอชลีย์: ใช่ค่ะ ศาสนพิธีพระวิหารบริสุทธิ์และมีพลัง แต่ดิฉันเห็นว่าเมื่อคุณเพิ่มพระวิหารเข้ากับงานของการศึกษาและการเรียนรู้เกี่ยวกับบรรพชนของคุณ พลังจะมากขึ้นและนำพรของเราขึ้นไปอีกระดับ

ซิสเตอร์เรนลันด์: เดลคะ คุณคิดว่าลีนา โซเฟียเข้าใจเช่นนั้นไหมคะเวลาที่เธอแสดงความเห็นเกี่ยวกับลีนเดอร์ ความเข้าใจของเธอมีพลังมากขึ้นเพราะเธอยอมรับพลังของพระวิหารพร้อมด้วยความรักที่เธอมีต่อเขาและครอบครัวเธอใช่ไหมคะ

เอ็ลเดอร์เรนลันด์: ใช่ นี่ตรงกับสิ่งที่เธอสอน ลีนา โซเฟียรู้ว่าสามีที่ล่วงลับไปนานแล้วเคยเป็นและจะยังเป็นของเธอตลอดนิรันดร หลักคำสอนเรื่องครอบครัวนิรันดร์ทำให้ลีนเดอร์ยังอยู่ในชีวิตเธอและเป็นส่วนหนึ่งของความหวังอันยิ่งใหญ่ส่วนหนึ่งของเธอสำหรับอนาคต ลีนาก็เหมือนคนอื่นๆ ที่ “ตายในขณะที่ยังมีความเชื่ออยู่ และยังไม่ได้รับสิ่งต่างๆ ที่ทรงสัญญาไว้ แต่พวกเขาก็สังเกตเห็นแต่ไกลและรอรับด้วยใจยินดี และยอมรับว่าพวกเขาเป็นคนแปลกถิ่นที่ท่องเที่ยวไปในโลก” (ฮีบรู 11:13)

เพื่อยืนยันศรัทธาของเธอในสิทธิอำนาจการผนึก ในปี 1938 ลีนา โซเฟียส่งบันทึกครอบครัวไปทำงานพระวิหารให้ลูกที่อายุเกินแปดขวบเมื่อพวกเขาสิ้นชีวิต เธอทำงานพระวิหารให้พวกเขาในวิธีนั้นแม้ตัวเธอจะเข้าพระวิหารไม่ได้ในช่วงชีวิตของเธอ บันทึกเหล่านี้อยู่ในกลุ่มบันทึกแรกสุดที่ส่งจากฟินแลนด์มาทำศาสนพิธีพระวิหาร

จำคำท้าของเอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็นแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองที่ RootsTech ในปี 2014 ได้ไหมครับ

แอชลีย์: ท่านบอกว่า “เตรียมชื่อไปพระวิหารให้มากเท่าบัพติศมาที่ท่านทำในพระวิหาร”1

ซิสเตอร์เรนลันด์: และในปี 2015 ท่านเพิ่มแปดคำ “และช่วยให้คนอื่นทำเหมือนกัน”2

การเพิ่มพลังทางวิญญาณ

เอ็ลเดอร์เรนลันด์: ถูกต้อง ผมนึกถึงคำท้าของอัครสาวกท่านนี้และผมจะทำมากขึ้นได้อย่างไร ตามการสนทนาของเรา ผมเชื่อว่าเราสามารถเพิ่มองค์ประกอบหนึ่งของพลังทางวิญญาณเข้ากับคำสัญญานี้ เราจะอ่านในเอเสเคียลบทที่ 47

“แล้วท่าน [เทพ] ก็นำข้าพเจ้า [เอเสเคียล] มาที่ทางเข้าพระนิเวศ [ของพระเจ้า] และดูสิ มีน้ำไหลออกมาจากใต้ธรณีประตูพระนิเวศตรงไปทางทิศตะวันออก (เพราะพระนิเวศหันหน้าไปทางทิศตะวันออก) และน้ำไหลลงมาจากข้างล่างทางด้านทิศใต้ของพระนิเวศ คือทิศใต้ของแท่นบูชา

“แล้วท่านนำข้าพเจ้าออกมาทางประตูเหนือ และนำข้าพเจ้าอ้อมไปภายนอกถึงประตูชั้นนอกที่หันหน้าไปทางตะวันออก และน้ำนั้นไหลออกมาจากด้านใต้

“ชายผู้นั้นเดินไปทางตะวันออกมีเชือกวัดอยู่ในมือ ท่านวัดระยะออกไป 500 เมตร แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป และน้ำลึกเพียงตาตุ่ม

“แล้วท่านก็วัดอีก 500 เมตร แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไปและน้ำลึกถึงเข่า แล้วท่านก็วัดอีก 500 เมตร แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป น้ำนั้นลึกเพียงเอว

“แล้วท่านก็วัดอีก 500 เมตร และกลายเป็นแม่น้ำที่ข้าพเจ้าลุยข้ามไม่ได้ เพราะน้ำขึ้นแล้วลึกพอที่จะว่ายได้ เป็นแม่น้ำที่ลุยข้ามไม่ได้ …

“และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘น้ำนี้ไหลตรงไปในบริเวณตะวันออก และไหลลงไปถึงอารบาห์ และเมื่อน้ำไหลไปถึงทะเล น้ำที่ลงทะเลก็จะทำน้ำให้จืด

“แม่น้ำนั้นไปถึงที่ไหน สัตว์ทุกชนิดที่อยู่กันเป็นฝูงก็จะมีชีวิตอยู่ได้ และที่นั่นจะมีปลามากมาย เพราะว่าแม่น้ำนี้ไปถึงที่ไหนก็จะทำน้ำให้จืด แม่น้ำไปถึงไหน ทุกสิ่งก็มีชีวิตอยู่ได้” (เอเสเคียล 47:1–5, 8–9)

เอเสเคียลเห็นน้ำในแม่น้ำเพิ่มขึ้นขณะไหลมาจากพระนิเวศ น้ำที่กำลังไหลออกมาจากพระวิหารหมายถึงพรที่ไหลมาจากพระวิหารเพื่อเยียวยาครอบครัวและให้ชีวิตแก่พวกเขา

แอชลีย์: แต่น้ำลึกลง เมื่อไหลไปไกลขึ้น หนูไม่เข้าใจตรงนี้

เอ็ลเดอร์เรนลันด์: นึกถึงผม (หนึ่งคน) พ่อแม่ของผม (สองคน) ปู่ย่าตายาย (สี่คน)—ย้อนกลับไป และไปข้างหน้าด้วย การขยายตัวของแม่น้ำคล้ายกับการขยายตัวแบบยกกำลังของครอบครัวเราหลายรุ่น

พรของพระวิหารมีให้ทุกสิ่งและทุกคน และนั่นเป็นพรอย่างยิ่ง! “แม่น้ำไปถึงไหนทุกสิ่งก็มีชีวิตอยู่ได้”

“เธอรอมานานพอแล้ว”

ภาพ
Renlunds at RootsTech

เอ็ลเดอร์เรนลันด์: พระเจ้าทรงมีแผนจะเอาชนะความยากแค้นลำเค็ญของลีนา โซเฟีย การสูญเสียของเรา เรื่องเศร้าของคุณ—อันที่จริง เหตุการณ์เลวร้ายของทุกคน พระองค์ทรงฟื้นฟูฐานะปุโรหิตและสิทธิอำนาจการผนึกของพระองค์บนแผ่นดินโลก ลีนา โซเฟียรู้เช่นนั้น มาเรียนาคุณแม่ของผมก็รู้

ซิสเตอร์เรนลันด์: คุณหมายความว่าเธอส่งชื่อของลีนา โซเฟียไปทำงานพระวิหารอย่างนั้นหรือคะ

แอชลีย์: หนูชอบเรื่องนี้ ไม่นานหลังจากลีนา โซเฟียสิ้นชีวิตในปี 1966 คุณย่ามาเรียนานำชื่อของเธอไปแผนกสืบลำดับเชื้อสายด้วยตนเอง3 ชายที่อยู่เคาน์เตอร์บอกเธอว่านโยบายศาสนจักรระบุว่าคนนั้นต้องเสียชีวิตอย่างน้อยหนึ่งปีก่อนจึงจะทำงานพระวิหารให้ได้ คุณย่ามาเรียนาตอบว่า “ดิฉันไม่ชอบคำตอบนั้น ดิฉันขอคุยกับคนที่สามารถให้คำตอบต่างจากนี้ เธอรอมานานพอแล้ว”

คุณปู่อเคบอกว่าเขาพยายามเกลี้ยกล่อมเธอให้ทำตามนโยบาย แต่เธอมองท่านด้วยสายตาที่ท่านรู้ดี—ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดเกลี้ยกล่อม คุณปู่เขียนในบันทึกส่วนตัวว่า “ผมรู้สึกสงสารชายคนนั้นที่บอกว่ายังทำอะไรไม่ได้เพราะยังไม่ถึงปี ชายคนนั้นแค่ไม่รู้ว่าเขากำลังเจออะไร ผมน่าจะบอกเขา แต่เขาไม่ถาม”4

เอ็ลเดอร์เรนลันด์: ไม่ถึงสองเดือนต่อมา โดยได้รับอนุญาตจากประธานศาสนจักร งานพระวิหารของลีนา โซเฟียกับลีนเดอร์ก็เสร็จสมบูรณ์ คุณย่ามาเรียนากับคุณปู่อเคเป็นตัวแทนของลีนา โซเฟียกับลีนเดอร์ผู้ได้รับการผนึกเพื่อกาลเวลาและนิรันดรในพระวิหารซอลท์เลค คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ศาสนจักรมีนโยบายว่าคนที่ไม่สามารถมารับพรของพระวิหารได้เพราะอยู่ไกลไม่ต้องรอให้ครบปี วิธีนั้นทำให้คนอื่นๆ ที่เหมือนลีนา โซเฟียสามารถรับพรเหล่านั้นได้เร็วที่สุด เหมือนที่คุณย่ามาเรียนาบอกชายในแผนกสืบลำดับเชื้อสายว่า “พวกเขารอมานานพอแล้ว”

ซิสเตอร์เรนลันด์: นั่นเป็นวันสำคัญยิ่งสำหรับครอบครัวของคุณ! ลองนึกถึงปีติที่ลีนเดอร์กับลีนา โซเฟียรู้สึกสิคะ ยังไม่ต้องพูดถึงปีติที่ลูกๆ ของพวกเขารู้สึก พรเหล่านี้เป็นจุดสูงสุดของการทำงานงานพระวิหารและประวัติครอบครัวด้วยกัน จุดพลังที่เราพูดถึงวันนี้

เมื่อเร็วๆ นี้ดิฉันนึกถึงสิ่งเอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองพูดเกี่ยวกับพลังนี้ หลายปีก่อนท่านเริ่มพยายามกระตุ้นให้ผู้คนตระหนักถึงพรของการรวมสองด้านของพระวิหารและประวัติครอบครัว

เอ็ลเดอร์เบดนาร์กล่าวว่า “ประวัติครอบครัวไม่ใช่โปรแกรม—และเรานมัสการในพระวิหารต่อจากนั้นด้วย ทั้งหมดรวมกันเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์ และมีพลังในการหาบรรพชน [ของท่าน] นำชื่อของครอบครัวท่านเองไปพระนิเวศของพระเจ้า ข้าพเจ้าทำแล้ว ข้าพเจ้าทำมาแล้วและพูดคุยกับหลายร้อยหลายพันคนที่ได้ทำงานนั้น ดีที่เราอยู่ในพระวิหาร แต่ดีกว่านั้นคือเมื่อเราได้ทำงานที่จะสามารถประกอบศาสนพิธีเหล่านั้นแทนผู้วายชนม์ที่เป็นญาติของเรา”5

แอชลีย์: ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองสัญญาเช่นกันว่าเราจะเห็นพลังนี้ในชีวิตเรา ท่านกล่าวว่า “แม้งานพระวิหารและประวัติครอบครัวจะมีพลังเป็นพรแก่ผู้อยู่หลังม่าน แต่ก็มีพลังเป็นพรแก่คนเป็นเช่นเดียวกัน และมีอิทธิพลขัดเกลาผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยแท้แล้วพวกเขากำลังช่วยให้ครอบครัวได้รับความสูงส่ง”6

สัญญาเรื่องความคุ้มครอง

เอ็ลเดอร์เรนลันด์: ผมรู้สึกซาบซึ้งใจจนต้องเพิ่มประจักษ์พยานของผมเข้ากับท่านเหล่านั้น—เป็นเสียงอัครสาวกอีกหนึ่งเสียงในการสนับสนุนคำท้าเรื่องพระวิหาร ผมให้สัญญาถึงความคุ้มครองที่มีให้ในอดีต พี่น้องทั้งหลาย ผมสัญญาความคุ้มครองสำหรับท่านและครอบครัวท่านเมื่อท่านรับคำท้าให้หาชื่อไปพระวิหารมากเท่าศาสนพิธีที่ท่านประกอบในพระวิหารและสอนคนอื่นๆ ให้ทำเหมือนกัน

ถ้าท่านยอมรับคำท้านี้ พรจะเริ่มไหลมาหาท่านและครอบครัวเหมือนพลังของแม่น้ำที่เอเสเคียลพูดถึง และแม่น้ำจะขยายตัวเมื่อท่านยังคงทำงานนี้และสอนคนอื่นๆ ให้ทำเหมือนกัน ท่านจะพบไม่เพียงความคุ้มครองจากการล่อลวงและความชั่วร้ายของโลกเท่านั้น แต่ท่านจะพบพลังส่วนตัวเช่นกัน—พลังที่จะเปลี่ยน พลังที่จะกลับใจ พลังที่จะเรียนรู้ พลังที่จะรับการชำระให้บริสุทธิ์ และพลังที่จะหันใจสมาชิกครอบครัวของท่านเข้าหากันและเยียวยาสิ่งที่ต้องเยียวยา

อ้างอิง

  1. นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น, “‘วันเวลาของฉัน’ แห่งพระวิหารและเทคโนโลยี,” เลียโฮนา, ก.พ. 2015, 31.

  2. นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น, ใน Ryan Morgenegg, “RootsTech 2015: Elder Andersen Adds to Temple Challenge,” lds.org/church/news/rootstech-2015-elder-andersen-adds-to-temple-challenge.

  3. ปัจจุบันเรียกว่าแผนกประวัติครอบครัว

  4. Mats Åke Renlund, “Reflections,” personal journal, 119.

  5. เดวิด เอ. เบดนาร์, ใน “The Turning of Our Hearts” (video), lds.org/topics/family-history/turn-our-hearts.

  6. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “เชื่อมโยงคนหลายรุ่นด้วยความรัก,” เลียโฮนา พ.ค. 2010, 116.