1 โครินธ์ 10:13

ภาพ

เอ็ลเดอร์โรเบิร์ต ดี. เฮลส์

“ปฏิปักษ์ … รู้ว่าจะล่อลวงเราที่ไหน เมื่อไร และ อย่างไร ถ้าเราเชื่อฟังการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะมองการชักจูงของปฏิปักษ์ออก …

“ความสำเร็จของเราไม่ได้วัดตรงที่เราถูกล่อลวงรุนแรงเพียงใดแต่วัดตรงที่เราตอบสนองอย่างซื่อสัตย์เพียงใด เราต้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระบิดาบนสวรรค์และแสวงหาความเข้มแข็งผ่านการชดใช้ของพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์”

เราทุกคนอาจมีการล่อลวงต่างกัน แต่ทุกคนถูกล่อลวง การล่อลวงจำเป็น เพราะ “จึงจำเป็นว่ามารจะล่อลวงลูกหลานมนุษย์, มิฉะนั้นพวกเขาจะเป็นผู้มีสิทธิ์เสรีของตนเองไม่ได้” (คพ. 29:39)

ซื่อสัตย์—ไว้วางใจได้ ภักดี เราวางใจคำสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าที่ว่าพระองค์จะทรงช่วยให้เราทนและหลุดพ้นการล่อลวง

เราควรพยายามหลีกเลี่ยงการล่อลวง บางครั้งเราทำให้ตัวเราหลีกเลี่ยงยากขึ้นโดยไม่ปฏิเสธการล่อลวงทันทีที่มาถึง ดังที่เอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์ (1926–2004) แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนไว้ดังนี้ “แน่นอนว่าพระเยซูทรงสังเกตเห็นการล่อลวงมากมายที่มาถึงพระองค์ แต่พระองค์ไม่ทรงคิดและหมกมุ่นกับมัน พระองค์ทรงปฏิเสธการล่อลวงทันที หากเรารับการล่อลวง ไม่นานการล่อลวงจะเริ่มรับเรา!” (การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 1987)

มีทางออกเสมอ—ทางเลือกอื่น สถานที่อื่นให้ไป สิ่งอื่นให้ทำ เมื่อทำทั้งหมดแล้วไม่ได้ผล จงทำตามแบบอย่างของโยเซฟแห่งอียิปต์และแค่วิ่งหนี (ดู ปฐมกาล 39:7–12)

พระคัมภีร์ให้กุญแจบางดอกที่จะช่วยเราทำหน้าที่หลีกเลี่ยงการล่อลวงเพื่อเราจะทนได้

• เฝ้าดูและสวดอ้นอวอนเสมอ (ดู มัทธิว 26:41; แอลมา 13:28; 31:10; 34:39; 3 นีไฟ 18:18; คพ. 31:12)

• พึ่งพาพระเยซูคริสต์ (ดู แอลมา 37:33) เพราะ “พระองค์เองได้ทรงทนทุกข์และถูกทดลอง พระองค์จึงทรงสามารถช่วยผู้ที่ถูกทดลองได้” (ฮีบรู 2:18; ดู แอลมา 7:11 ด้วย)

• “นอบน้อมถ่อมตนต่อพระพักตร์พระเจ้า” (แอลมา 13:28) และ “จงระวังความหยิ่งจองหอง” (คพ. 23:1)

• “สดับฟังพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า, และยึดมั่นในพระวจนะนั้น” (1 นีไฟ 15:24)