เสียงวิสุทธิชนยุคสุดท้าย
รอยยิ้มของชายแปลกหน้า
ปกติดิฉันจะเลี่ยงเขา—ชายแต่งตัวซอมซ่อกำลังเล่นเกมการ์ดอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งบริเวณสนามเด็กเล่นของร้านอาหารจานด่วนแห่งหนึ่ง เขามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนสีหน้าเศร้าสร้อยขณะมองดูเด็กๆ เล่น “เขาคงกำลังทำให้ร่างกายอบอุ่นคลายหนาวแน่เลย” ดิฉันคิดขณะเดินผ่านโต๊ะของเขามาทิ้งอาหารที่ลูกสาวกินได้ครึ่งเดียว ขณะสังเกตโต๊ะของเขา ไม่มีห่ออาหารหรือชามกระดาษ สุรเสียงสงบแผ่วเบากระซิบบอกดิฉันว่า “ซื้ออาหารให้เขา”
ดิฉันกลับมาที่โต๊ะ มีเงินสดในกระเป๋าอยู่บ้าง “ฉันจะทำให้เขาขายหน้าน่ะซี” ดิฉันบอกตัวเอง จากนั้นดิฉันเกิดความรู้สึกสงบ และสุรเสียงกระซิบอ่อนหวานของพระวิญญาณพร่ำบอกดิฉันว่า “ซื้ออาหารให้เขา”
ดิฉันไม่ได้บอกลูกว่าจะทำอะไร ดิฉันแค่หยิบขยะไปทิ้งจะได้เข้าใกล้โต๊ะของชายคนนั้นโดยไม่ทำให้เพื่อนที่กำลังกินอาหารกับดิฉันรู้
ดิฉันชะโงกหน้าไปถามว่า “ดิฉันจะซื้ออาหารกลางวันให้คุณได้ไหมคะ”
เขาทำท่าตกใจและตอบเบาๆ ว่า “ได้ครับถ้าคุณอยากซื้อ”
ดิฉันหยิบเงินสดที่เหลือไม่มากออกมา—แต่พอซื้ออาหารและน้ำดื่ม—ให้ชายคนนั้น ดิฉันกลับมานั่งที่ บรรดาคุณแม่ที่กำลังวุ่นอยู่รอบตัวดิฉันไม่ทราบเรื่องนี้ และดิฉันเห็นชายคนนั้นลุกขึ้นไปซื้ออาหาร
ขณะดิฉันพาลูกขึ้นรถกลับบ้าน ดิฉันมองผ่านกระจกและเห็นเขาถือถาดอาหารกลับไปที่โต๊ะว่างเปล่าตัวนั้น บนใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมของเขามีรอยยิ้ม
ลมหนาวโชยมากระทบใบหน้าดิฉันแต่ดิฉันไม่รู้สึกหนาวสักนิด ดิฉันเบิกบานใจในพระวิญญาณที่อบอุ่นและทำให้ดิฉันเปี่ยมปีติตั้งแต่รองเท้าบูทขึ้นมาจนถึงผมหางม้าที่เย็นเฉียบ ดิฉันจำคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอดได้
“เพราะว่าเมื่อเราหิว พวกท่านก็จัดหาให้เรากิน เรากระหายน้ำ ท่านก็ให้เราดื่ม …
“เวลานั้นบรรดาคนชอบธรรมจะกราบทูลว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ที่พวกข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิวและจัดให้เสวย หรือทรงกระหายน้ำและจัดมาถวายนั้นตั้งแต่เมื่อไร? …
“แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสกับเขาว่า เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ ถึงแม้จะต่ำต้อยเพียงไร ก็เหมือนได้กระทำแก่เราด้วย” (มัทธิว 25:35, 37, 40)
ดิฉันรู้สึกขอบคุณรอยยิ้มของชายแปลกหน้าที่ช่วยให้ดิฉันกล้าทำสิ่งถูกต้อง