การสื่อสารกับพระบิดาบนสวรรค์ผ่านการสวดอ้อนวอน

ภาพ

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน

“จงสวดอ้อนวอน ทูลขอความเข้มแข็งที่ท่านต้องการจากพระผู้เป็นเจ้าขณะท่านพยายามอย่างขยันหมั่นเพียรเพื่อเป็นตัวท่านในแบบที่ดีกว่าเดิม—สานุศิษย์ที่ดีกว่าเดิมของพระเยซูคริสต์ แสงสว่างที่เจิดจ้ากว่าเดิมในโลก เพราะ ‘​เขา‍ทั้ง‍หลาย​ผู้​รอ‍คอย​พระ‍ยาห์‌เวห์​จะ​ได้​รับ​กำลัง​ใหม่เขา​จะ​บิน​ขึ้น​ด้วย​ปีก​เหมือน​นก‍อิน‌ทรีเขา​จะ​วิ่ง​และ​ไม่​อ่อน‍เปลี้ยเขา​จะ​เดิน​และ​ไม่​เหน็ด‍เหนื่อย’ (อิสยาห์ 40:31)”

ภาพ

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน

“ในวันสวดอ้อนวอนแห่งชาตินี้ ข้าพเจ้าไตร่ตรองความหมายที่เปลี่ยนไปในสังคมของเราสำหรับวลี ‘ความคิดและการสวดอ้อนวอน’ สำหรับหลายๆ คน นี่ยังคงเป็นการแสดงความเสียใจและความห่วงใยอย่างจริงใจ สำหรับคนอื่นๆ จะมองว่าเป็นการไม่ลงมือทำอะไรเมื่อเผชิญกับโศกนาฏกรรม

“ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นว่าการสวดอ้อนวอนให้คนที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นการกระทำที่น่าพอพระทัยต่อพระผู้เป็นเจ้า อันที่จริง พระองค์ทรงบัญชาให้เราหันไปหาพระองค์และสวดอ้อนวอนให้ผู้อื่น! อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ส่วนตัวของข้าพเจ้าเองคือเมื่อข้าพเจ้าทูลขอการนําทางในการสวดอ้อนวอนว่าข้าพเจ้าจะทําอะไรได้บ้างเพื่อช่วยปฏิบัติศาสนกิจ หนุนใจ รัก และสนับสนุนคนขัดสนที่ต้องการความช่วยเหลือ พระองค์ทรงตอบคําสวดอ้อนวอนเหล่านี้ด้วยสิ่งเฉพาะเจาะจงและเรียบง่ายที่ข้าพเจ้าสามารถทําได้จริงเพื่อเป็นพรแก่บุตรธิดาของพระองค์

ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านพิจารณาว่าความคิดและการสวดอ้อนวอนของท่านสามารถกระตุ้นให้พระผู้เป็นเจ้าทรงดลใจและนำท่านไปสู่การกระทำที่เต็มไปด้วยความกรุณา ความเห็นอกเห็นใจ และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ได้อย่างไร ลองนึกภาพว่าท่านจะทำอะไรดีๆ ได้มากมายในโลกนี้—และในครอบครัว โรงเรียน และที่ทำงานของท่านเอง ขณะที่เราพยายามเป็นพระหัตถ์ของพระองค์ที่เยียวยาและช่วยเหลือ เราจะสรรเสริญพระเจ้าอย่างแท้จริง”

ภาพ

ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์

“วันนี้มีผู้คนมากมายอ่านอยู่ ผู้ที่รู้สึกว่าจำเป็นต้องรับพรแห่งการเปิดเผยส่วนตัวอย่างเร่งด่วนจากพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักของเรา

“สำหรับผู้ที่อยู่ในสถานที่ซึ่งถูกทำลายล้างด้วยสงครามในโลก จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้ว่าจะย้ายครอบครัวไปที่ปลอดภัยหรือจะอยู่ที่เดิม สำหรับหลายคน เป็นการสวดอ้อนวอนให้รู้วิธีช่วยพระเจ้าในการช่วยแกะที่หลงหายให้กลับมา

“เราทุกคนรู้ว่าวิจารณญาณของมนุษย์และการคิดตามหลักเหตุผลจะไม่เพียงพอให้ได้คำตอบของคำถามสำคัญที่สุดในชีวิต เราต้องการการเปิดเผยจากพระผู้เป็นเจ้า และเราไม่ต้องการเพียงการเปิดเผยเดียวในภาวะตึงเครียด แต่ต้องการต่อเนื่องไม่ขาดสาย

“พระบิดาบนสวรรค์ทรงได้ยินคำสวดอ้อนวอนของท่าน พระองค์ทรงรักท่าน พระองค์ทรงรู้จักชื่อของท่าน พระเยซูคือพระคริสต์ พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า และพระผู้ไถ่ของเรา ข้าพเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะทรงเทการเปิดเผยมาสู่เราทุกคนผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ขณะที่เราแสวงหาการนำทางจากพระองค์”

ภาพ

เอ็ลเดอร์ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ

“ไม่ว่าเราจะอยู่แห่งใด วันนี้ท่านและข้าพเจ้าสามารถเดินในเส้นทางของการเป็นสานุศิษย์ ขอให้เราอ่อนน้อมถ่อมตน ขอให้เราสวดอ้อนวอนพระบิดาในสวรรค์ด้วยสุดใจของเรา และแสดงความปรารถนาว่าเราต้องการใกล้ชิดพระองค์และเรียนรู้จากพระองค์”

ภาพ

เอ็ลเดอร์ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ

“การประชุมครั้งแรกของเราในอินเดียเป็นการให้ข้อคิดทางวิญญาณที่สเตคนิวเดลีซึ่งระหว่างนั้นคำสวดอ้อนวอนเปิดสัมผัสใจข้าพเจ้า—และใจของแฮเรียต—อย่างลึกซึ้ง

“คำสวดอ้อนวอนของซิสเตอร์โดโรธี เอลิซาเบธ เมห์รา เป็นคำวิงวอนอย่างจริงจังของธิดาผู้บริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าต่อพระบิดาในสวรรค์ซึ่งเป็นการปูทางด้านวิญญาณอย่างลึกซึ้งให้กับข่าวสารของค่ำคืนนั้น

“เธอเริ่มด้วยการทูลวิงวอนพระบิดาบนสวรรค์ให้เสริมสร้างความเข้มแข็งให้เธอเพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอสวดอ้อนวอนในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ‘โปรดทรงช่วยข้าพระองค์เพื่อจะไม่มีปัญหาใดๆ ในการกล่าวคำสวดอ้อนวอนสั้นๆ ถึงพระองค์’ เธอกล่าวออกเสียงเผยความในใจ

“ซิสเตอร์เมห์ราเล่าประสบการณ์ว่าเธอเพียงต้องการ ‘พูดคุยกับพระผู้เป็นเจ้า’ เพราะเธอ ‘ตัวสั่นด้วยความกลัว’ เธอรู้สึกถึงพระวิญญาณขณะความช่วยเหลือจากสวรรค์สื่อสารคำตอบให้แก่คำสวดอ้อนวอนของเธอ เมื่อเธอหายตื่นเต้น คําสวดอ้อนวอนของเธออัญเชิญพระวิญญาณอย่างแรงกล้า และทำให้ห้องประชุมเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ

“คำสวดอ้อนวอนที่เรียบง่ายและจริงใจของเธอทำให้หลายคนซาบซึ้งใจ ข้าพเจ้าตระหนักว่าสิ่งที่เราได้ยินคือการสนทนาอย่างจริงใจกับพระบิดาบนสวรรค์ การสวดอ้อนวอนเป็นเช่นนี้มิใช่หรือ?

“ข้าพเจ้าทราบในเวลาต่อมาว่าคำสวดอ้อนวอนของซิสเตอร์เมห์ราเป็นผลมาจากประจักษ์พยานที่เติบโตตั้งแต่ปี 2011 เมื่อเธอพบผู้สอนศาสนาครั้งแรกที่บ้านเพื่อนในนิวเดลี วิธีที่ผู้สอนศาสนาพูดถึงพระเยซูคริสต์ทำให้เธอซาบซึ้งใจ ในปี 2012 เธอรับบัพติศมาพร้อมลูกสาวสองคนและลูกชายที่พิการหนึ่งคน

“ในการสนทนาอย่างอ่อนโยนหลังการประชุม ซิสเตอร์เมห์ราขอให้ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนให้ลูกชายของเธอ และข้าพเจ้าสัญญาด้วยความยินดีว่าจะทำ ศรัทธาและความเชื่อของเธอในคำสวดอ้อนวอนคือตราสัญลักษณ์ของสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในอินเดีย”

ภาพ

เอ็ลเดอร์โรนัลด์ เอ. ราสแบนด์

“ข้าพเจ้ากับเมลานีเพิ่งฉลองวันครบรอบแต่งงาน 50 ปีกับครอบครัวเรา โดยเดินบนเส้นทางของแผ่นดินที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงทำให้ศักดิ์สิทธิ์

“เพราะนี่เป็นการเดินทางไปกับครอบครัว—ไม่ใช่งานมอบหมายอย่างเป็นทางการของศาสนจักร—ข้าพเจ้าจึงต้องการทำหน้าที่เป็นบิดาและสามีแต่ยังทําการเรียกในฐานะอัครสาวกให้เกิดสัมฤทธิผลด้วยเพื่อเป็นพยานพิเศษของพระเจ้าไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอให้พระผู้เป็นเจ้านำประสบการณ์และผู้คนมาไว้ในเส้นทางเพื่อข้าพเจ้าจะได้เป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระองค์—และพระองค์ทรงได้ยินคำสวดอ้อนวอนของข้าพเจ้า

“ตัวอย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับกลุ่มอาสาสมัครรุ่นเยาว์ที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เราบังเอิญไปพบกับสมาชิกส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ที่ซีซาเรีย ฟิลิปปี ข้าพเจ้าเป็นพยานต่อพวกเขาว่าดังที่อัครสาวกสมัยโบราณประกาศ ณ ที่นั้นว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์และพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่จริง ข้าพเจ้าสามารถเป็นพยานอย่างจริงจังในเรื่องเดียวกันนี้เช่นกัน และข้าพเจ้าขอทําเช่นนั้นอย่างนอบน้อมถ่อมตน!

“วันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าเริ่มต้นในตอนเช้าด้วยการสวดอ้อนวอนว่าหากตนเองได้อยู่ในเส้นทางของใครก็ตามที่ต้องการความรักหรือประจักษ์พยานจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะได้รับการนำทางอย่างถูกต้อง สถานที่ซึ่งเราวางแผนจะไปรับประทานอาหารกลางวันปิดดังนั้นเราจึงต้องไปที่อื่น ไม่นานหลังจากที่เรานั่งลง อาสาสมัครรุ่นเยาว์ที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่เจอเมื่อวันก่อนก็เข้ามาทั้งกลุ่มเช่นกัน แผนการรับประทานอาหารกลางวันของพวกเขาถูกปรับใหม่เช่นกัน เราทราบว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งร้องไห้เมื่อคืนก่อนเพราะเขาพลาดโอกาสพบอัครสาวก พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยินคำสวดอ้อนวอนของเราทั้งคู่ และพระองค์ทรงจัดเตรียมให้เส้นทางของเราโคจรมาพบกัน—เพื่อคนคนเดียว

“พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยินคำสวดอ้อนวอนของเรา พระองค์ทรงตอบคนคนนั้น ด้วยแบบแผนของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงกำกับดูแลรายละเอียดของชีวิตเรา พระองค์ทรงรักเราทุกคนมาก เช่นเดียวกับที่พระเยซูคริสต์ทรงปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้คนในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์เมื่อ 2,000 ปีก่อน พระองค์ทรงทำเช่นเดียวกันเพื่อเราทุกวันนี้ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใด

“ข้าพเจ้าสำนึกคุณที่เป็นพยานถึงเดชานุภาพและความรักของพระองค์ ที่ทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับผู้ที่เชื่อ ขอให้เป็นเช่นนั้นกับเราแต่ละคนเมื่อเรามอบชีวิตและความหวังไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์”

ภาพ

เอ็ลเดอร์ยูลิซีส ซวาเรส

“ในโลกที่มีเสียงดังรอบตัวเรา อาจเป็นเรื่องยากที่จะได้ยินคำตอบของคำถามที่เราถามพระเจ้า เมื่อเร็วๆ นี้ข้าพเจ้ากับโรซานาเพิ่งพูดคุยกับคนหนุ่มสาวในเซนต์ จอร์จ [ยูทาห์ สหรัฐ] เกี่ยวกับคําถามบางข้อของพวกเขา

“คำเชื้อเชิญที่ข้าพเจ้าให้พวกเขาและคำเชื้อเชิญที่ให้แก่ท่านคือทูลถามคำถามที่จริงใจกับพระบิดาบนสวรรค์ในการสวดอ้อนวอนเสมอ การทูลถาม ค้นหา และเคาะ จะว่าเป็นของประทานอันน่าอัศจรรย์อย่างหนึ่งที่มอบให้แก่เราเมื่อเราถูกส่งมายังแผ่นดินโลกก็ว่าได้ ขณะที่เราให้ชีวิตมุ่งเน้นที่พระเยซูคริสต์ เราจะพบคําตอบสำหรับข้อกังวลอันลึกซึ้งและจําเป็นของจิตวิญญาณเรา

“คําถามบางข้อที่เราได้รับจากการให้ข้อคิดทางวิญญาณมุ่งเน้นวิธีที่เรารับมือกับการทดลอง เราควรทําอย่างไรเพื่ออยู่บนเส้นทางพันธสัญญาต่อไป และเราจะรู้สึกถึงความรักที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงมีต่อเราได้อย่างไร?

“ข้าพเจ้าขอบอกว่าการทําตามพระผู้ช่วยให้รอดเป็นคําตอบให้กับคําถามของชีวิตเสมอ พระทัยของพระผู้ช่วยให้รอดเปี่ยมด้วยพระเมตตา พระองค์ทรงพร้อมช่วยและสนับสนุนเราเสมอ เมื่อเราเข้าใกล้พระองค์มากขึ้นและยอมจำนนทางวิญญาณต่อการดูแลของพระองค์ พระองค์จะทรงทำให้ภาระของเราเบาลง ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอให้ท่านสามารถเห็นการทดลองของท่านผ่านดวงตาแห่งศรัทธา และไม่ยอมแพ้

“ไม่ว่าคําถามของท่านจะเป็นอะไร ขอให้รู้ไว้ว่าพระเจ้าทรงได้ยินท่านและทรงดำเนินกับท่าน เมื่อท่านเดินกับพระองค์ พระองค์ทรงอวยพรท่านด้วยพระวิญญาณของพระองค์ ทรงช่วยให้ท่านมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจน และทรงทําให้ท่านเปี่ยมด้วยความรักของพระองค์”

ภาพ

ซิสเตอร์เทรซี วาย. บราวนิงก์

“เพลงปฐมวัยวันนี้ที่ดิฉันนึกถึงบ่อยมากมีอยู่ใน หนังสือเพลงสําหรับเด็ก หน้า 25 เพลงนั้นคือ ‘I Love to Pray (ฉันชอบสวดอ้อนวอน)’ ชื่อนั้นท่านชอบมากจริงไหม? เนื้อร้องมีอยู่ว่า

“ดิฉันชอบเพลงนี้มากเพราะเพลงนี้สนุกสนานและย้ำเตือนดิฉันว่าตนเองชอบสวดอ้อนวอน และการสวดอ้อนวอนไม่ใช่งานน่าเบื่อที่ต้องทำ การสวดอ้อนวอนไม่ใช่สิ่งที่ดิฉันแค่พยายามทำเครื่องหมายเพื่อแสดงว่าทำเสร็จแล้วในตอนเช้าและค่ำของแต่ละคืน แต่ดิฉันสามารถพบปีติในการพูดคุยกับพระบิดาบนสวรรค์เพราะพระองค์ทรงต้องการได้ยินจากดิฉันทุกวัน

“และพระคัมภีร์ที่เราพบคําแนะนํานั้นเกี่ยวกับเหตุผลที่เราควรชอบสวดอ้อนวอนอยู่ใน แอลมา 37:37 ที่สอนเราว่าควร ‘ปรึกษาพระเจ้าในการกระทำทั้งหมดของลูก, และพระองค์จะทรงชี้ทางให้ลูกเพื่อความดี; แท้จริงแล้ว, เมื่อลูกลงนอนตอนกลางคืนจงลงนอนอยู่กับพระเจ้า, เพื่อพระองค์จะทรงดูแลลูกในการหลับของลูก; และเมื่อลูกลุกขึ้นตอนเช้าขอให้ใจลูกเต็มไปด้วยความขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้า’

“พระผู้เป็นเจ้าทรงหมายมั่นจะอวยพรเราทุกวันขณะเรามาหาพระองค์ผ่านการสวดอ้อนวอน วันนี้ดิฉันเชื้อเชิญให้ท่านพูดกับพระบิดาบนสวรรค์ในพระนามของพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์ และดูว่าพระองค์จะทรงชี้ทางท่านเพื่อความดีอย่างไร”