การ หลั่งเท พระวิญญาณ
สัมภาษณ์โดย ลารีน พอร์เตอร์ กอนท์ จากนิตยสารศาสนจักร ลำดับเหตุการณ์และข้อมูลที่แสดงไว้ด้านข้างโดย เคท ฮอลบรูค จากแผนกประวัติศาสนจักร
ฝายประธานสามัญพูดด้วยความอ่อนโยนและพลังในวันครบรอบ 175 ปีของสมาคมสงเคราะห์ พวกเธอแบ่งปันความรู้สึก ข้อคิด และประจักษ์พยานของพวกเธอกับเราในฐานะพี่น้องสตรีสมาคมสงเคราะห์
เรารักพี่น้องสตรีทั่วศาสนจักร” ลินดา เค. เบอร์ตัน ประธานสมาคมสงเคราะห์สามัญกล่าวเมื่อพูดสำหรับตัวเธอกับที่ปรึกษาของเธอ—แคโรล เอ็ม. สตีเฟนส์ ที่ปรึกษาที่หนึ่ง และลินดา เอส. รีฟส์ ที่ปรึกษาที่สอง “เราจะต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกเล่านอกจากการช่วยเหลือกันตามเส้นทางพันธสัญญาไปจนถึงชีวิตนิรันดร์ พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยจุดประสงค์ของพระองค์ไว้ใน โมเสส 1:39: ‘เพราะดูเถิด, นี่คืองานของเราและรัศมีภาพของเรา—คือการทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของมนุษย์ [และสตรี]’ ในสมาคมสงเคราะห์เราช่วยเตรียมสตรีให้พร้อมรับพรแห่งชีวิตนิรันดร์ เราทำสิ่งนี้ผ่านการเพิ่มพูนศรัทธาในพระบิดาบนสวรรค์ ในพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แต่ละบุคคล ครอบครัว และบ้าน ผ่านศาสน- พิธีและพันธสัญญา ตลอดจนการทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก1
“เมื่อเราจดจำและดำเนินชีวิตตามจุดประสงค์ของสมาคมสงเคราะห์ เราในฐานะสตรีวิสุทธิชนยุคสุดท้ายจะกลายเป็นคน ‘โดดเด่นและแตกต่าง—อย่างมีความสุข’2 ซึ่งจะทำให้เราเป็นอิทธิพลดีทั่วโลก นั่นคือสิ่งที่เราต้องการสำหรับพี่น้องสตรีของเราในสมาคมสงเคราะห์”
ณ ที่นี้ ในการสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่นิตยสารศาสนจักร สมาชิกในฝ่ายประธานสมาคมสงเคราะห์สามัญตอบคำถามเกี่ยวกับข้อกังวลในปัจจุบันและแบ่งปันวิสัยทัศน์ของพวกเธอสำหรับอนาคต
1. สมาคมสงเคราะห์ทำอะไรเพื่อให้สตรีจากต่างวัฒนธรรมและหลากหลายสถานการณ์เป็นหนึ่งเดียวกัน
ซิสเตอร์เบอร์ตัน: การรู้และดำเนินชีวิตตามจุดประสงค์ของเราทำให้พวกเราที่ต่างวัฒนธรรมเป็นหนึ่งเดียวกัน ดิฉันพบสตรีคนหนึ่งในอุรุกวัยเมื่อปีที่แล้ว เธอบอกดิฉันว่าเธอได้รับเรียกเป็นประธานสมาคมสงเคราะห์ในช่วงเวลามืดมิดที่สุดของชีวิตเธอ เธอถูกล่อลวงให้พูดว่า “ตอนนี้ดิฉันยังทำไม่ได้” แต่เพราะเธอทำพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์แล้ว เธอจึงกล่าวว่า “ดิฉันจะทำตามที่ขอให้ทำ ดิฉันมีศรัทธาในพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ ดิฉันรู้ผ่านการชดใช้ของพระองค์ว่าดิฉันทำได้” เธอพูดกับดิฉันต่อจากนั้นว่า “การเรียกของดิฉันนำแสงสว่างเข้ามาในชีวิตเมื่อดิฉันรับใช้พี่น้องสตรี ดิฉันพึ่งพาพระเจ้า และพระองค์ทรงอวยพรดิฉัน”
ดิฉันรับรู้จุดประสงค์ของสมาคมสงเคราะห์ในเรื่องราวของเธอ ศรัทธาของเธอในพระบิดาบนสวรรค์ ในพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ช่วยเธอ เธอได้ทำพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์และต้องการรักษาพันธสัญญาเหล่านั้น เมื่อเธอทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับอธิการ การเรียกของเธอเกิดสัมฤทธิผล เวลานี้เธอมีประจักษ์พยานว่าพระเจ้าทรงอวยพรเราเมื่อเราวางใจพระองค์ ดิฉันเพิ่มประจักษ์พยานของดิฉันเข้ากับประจักษ์พยานของเธอว่าพระผู้ช่วยให้รอดของเราพระเยซูคริสต์จะทรงช่วยเราผ่านพ้นปัญหาท้าทายทุกอย่างในความเป็นมรรตัยและทุกอย่างที่ดูเหมือนไม่ยุติธรรมในชีวิตนี้
ซิสเตอร์สตีเฟนส์: ศรัทธาของเราในพลังอำนาจของการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความรักที่เรามีต่อพระบิดาบนสวรรค์และความรู้เรื่องแผนอันสำคัญยิ่งแห่งความสุขของพระองค์ผูกมัดเราไว้ด้วยกันขณะที่เราแสวงหาชีวิตนิรันดร์ พี่น้องสตรีของเราเป็นโสด แต่งงานและมีบุตร หรือแต่งงานและไม่มีบุตร มีสตรีม่ายและผู้ที่หย่าร้าง ความหวังของเราคือ ให้เราทุกคนสามารถทำงานด้วยความสามัคคีและเป็นหนึ่งเดียวกันขณะที่เราเข้าใจอัตลักษณ์ของเรา งานของเรา และจุดประสงค์ของเรา
ซิสเตอร์รีฟส์: ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทำให้เราเกิดความสุขเพราะไม่มีความขัดแย้งและความรักของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ในใจเรา (ดู 4 นีไฟ 1:15) ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเอาชนะความแตกต่างทั้งหมด โอ้ เราต้องการให้พี่น้องสตรีรู้สึกรักพระผู้ช่วยให้รอด โอ้ เราต้องการเป็นหนึ่งเดียวในการช่วยให้บรรลุจุดประสงค์ของพระองค์
2. สตรีจะทำอะไรได้ถ้าพวกเธอไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมสงเคราะห์
ซิสเตอร์สตีเฟนส์: ความปรารถนาของใจเราในฝ่ายประธานคืออยากให้พี่น้องสตรีเข้าใจอัตลักษณ์นิรันดร์ของพวกเธอ เราเป็นส่วนหนึ่งในงานของพระผู้เป็นเจ้าเสมอ พวกเราเหล่าสตรีได้รับการประสาทพรด้วยของประทานพิเศษเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราได้รับการสอนและการฝึกฝนในชีวิตก่อนเกิดว่างานของเราคืออะไร เราอยู่ในสภาใหญ่นั้นในสวรรค์ที่เราเลือกแผนของพระบิดาบนสวรรค์ ซึ่งรวมถึงการชดใช้ของพระเยซูคริสต์เช่นกัน เราโห่ร้องด้วยปีติกับโอกาสที่จะมีร่างกาย
บนแผ่นดินโลก เริ่มจากท่านมารดาเอวา สตรียังคงเป็นส่วนหนึ่งในงานของพระผู้เป็นเจ้า ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธจัดองค์กรสตรีตามแบบแผนของฐานะปุโรหิต—แบบแผนที่ดำรงอยู่เสมอ—เมื่อท่านจัดตั้งสมาคมสงเคราะห์เมื่อปี 1842 ในเมืองนอวู รัฐอิลลินอยส์
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ประธานโควรัมอัครสาวกสิบสอง แนะนำให้เรา “เรียนรู้ ด้วยตนเอง ว่าจริงๆ แล้วท่านเป็นใคร ทูลถามพระบิดาบนสวรรค์ในพระนามของพระเยซูคริสต์ว่าพระองค์ทรงรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับท่านและพันธกิจของท่านบนแผ่นดินโลก ถ้าท่านจะทูลถามด้วยเจตนาแท้จริง เมื่อถึงเวลาพระวิญญาณจะทรงกระซิบบอกความจริงที่เปลี่ยนชีวิตท่าน บันทึกความรู้สึกเหล่านั้น ทบทวนบ่อยๆ และทำตามอย่างเคร่งครัด”
“ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่าเมื่อท่านเริ่มเข้าใจแม้เพียงสักนิดเดียวว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงมองท่านอย่างไรและพระองค์ทรงพึ่งพาให้ท่านทำอะไรเพื่อพระองค์ ชีวิตท่านจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกเลย!”3 จงไปพระวิหารและฟัง! ฟังให้รู้ว่าท่านเป็นใครและท่านจะทำอะไร
3. สตรีที่ชีวิตเธอมีงานมากจนไม่มีเวลาว่างจะยังคงรับพรของสมาคมสงเคราะห์ได้อย่างไร
ซิสเตอร์สตีเฟนส์: นี่เป็นเรื่องของการลำดับความสำคัญ เมื่อไม่นานมานี้ดิฉันใช้เวลาในแอฟริกาตะวันตก และเห็นสตรีตักน้ำจากบ่อเทินบนศีรษะพวกเธอทุกวันจากนั้นจึงไปทำงานช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว หลายครั้งดิฉันตกตะลึงกับความยากไร้ จากนั้นจึงใช้เวลากับสมาชิกศาสนจักรที่การประชุมอบรมซึ่งมีทั้งผู้สวมเสื้อสีขาวสว่างและชุดหลากสีที่พวกเธอตัดเย็บเอง
ดิฉันเรียนรู้ว่าคนเหล่านี้ร่ำรวยในสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ ดิฉันเรียนรู้ว่าพวกเธอให้สิ่งสำคัญที่สุดมาก่อน พระกิตติคุณมีความหมายทุกอย่างต่อพวกเธอ พวกเธอบอกดิฉันว่า “ดิฉันไม่ต้องการอะไร ดิฉันมีทุกอย่างที่ต้องการแล้ว—ดิฉันมีพระกิตติคุณและครอบครัวของดิฉัน” เมื่อเราให้สิ่งสำคัญที่สุดมาก่อน สิ่งอื่นจะสำคัญน้อยลง
4. สมาคมสงเคราะห์ต้องมอบอะไรให้เยาวชนหญิง
ซิสเตอร์เบอร์ตัน: เยาวชนหญิงมีโอกาสช่วยทำให้คำพยากรณ์เกิดสัมฤทธิผลเมื่อพวกเธอก้าวหน้าสู่สมาคมสงเคราะห์ ในปี 1979 ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ (1895–1985) พยากรณ์ว่าสตรีที่ดีของโลก “จะได้รับการชักนำเข้ามาสู่ศาสนจักรมากขึ้น … จนถึงระดับที่มองเห็นว่าสตรีของศาสนจักรโดดเด่นและแตกต่าง—อย่างมีความสุข—จากสตรีของโลก”4 เราต้องการของประทาน ทัศนะ และพรสวรรค์พิเศษที่เยาวชนหญิงนำมาช่วยทำให้คำพยากรณ์นี้เกิดสัมฤทธิผล
เกี่ยวกับคำพยากรณ์ของประธานคิมบัลล์ ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกล่าวในปี 2015 กับสตรีทุกวัย—รวมทั้งเยาวชนหญิงว่า “ท่านเป็นสตรีที่ [ประธานคิมบัลล์] เห็นล่วงหน้า! …
“… เราต้องการสตรีผู้มีความเข้าใจอันมั่นคงในหลักคำสอนของพระคริสต์ เราต้องการสตรีผู้รู้วิธีเข้าถึงพลังที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีให้ผู้รักษาพันธสัญญา … เราต้องการสตรีผู้มีความกล้าหาญและวิสัยทัศน์ของท่านมารดาเอวาของเรา …
“… ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านทำคำพยากรณ์ของประธานคิมบัลล์ให้เกิดสัม-ฤทธิผล … ขณะทำเช่นนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์จะขยายอิทธิพลของท่านอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!”5
ซิสเตอร์รีฟส์: เราทุกคนเป็น “ธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักเราและเราก็รักพระองค์”6 ในสมาคมสงเคราะห์ ท่านจะพบว่าเราเหมือนกันมากกว่าต่างกัน ตัวอย่างเช่น เราทุกคนอยู่ในโลกที่มีสื่อสังคม ธุรกิจโฆษณา และแบบอย่างทางโลก โลกเป็นผู้กำหนดคุณค่าของสตรี การเปรียบเทียบตัวเรากับสิ่งที่เราเห็นและได้ยินในโลกจะทำให้เรารู้สึกคล้ายกับว่าเราต้องเป็นแบบนี้ เราทุกคนพึงจดจำเวลานี้มากกว่าแต่ก่อนว่าคุณค่าของเรามาจากการเป็นธิดาของพระผู้เป็นเจ้า—ไม่ใช่จากสิ่งที่โลกแสดงให้เห็นว่าเราควรเป็น ความเข้มแข็งของเรามาจากความสัมพันธ์ของเรากับพระบิดาในสวรรค์ กับพระผู้ช่วยให้รอด กับกันและกันในฐานะพี่น้องสตรีในพระกิตติคุณ จงใช้ความเข้มแข็งนั้น
ซิสเตอร์สตีเฟนส์: เยาวชนหญิงทั้งหลาย พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการท่านและเราต้องการท่าน ท่านเป็นอนุชนรุ่นหลังที่เกิดมาพร้อมพลังยืนหยัดต่อต้านความท้าทายในยุคสุดท้ายนี้ จงสมทบกับเราขณะที่เราเป็นสตรีผู้เข้าใจพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ สตรีผู้จะทำและรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ สตรีผู้จะทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและกับผู้นำฐานะปุโรหิต ปัจจุบันการเป็นสตรีในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายไม่ว่าวัยใดคือพร ขอให้เราแบ่งปันประจักษ์พยานว่าเราเป็นใครและเราจะเป็นใคร ขอให้เราแบ่งปันข่าวสารเกี่ยวกับปีติ การชื่นชมยินดีด้วยกัน!
5. เหตุใดจึงสำคัญที่ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตและพี่น้องสตรีสมาคมสงเคราะห์จะทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ซิสเตอร์เบอร์ ตัน: ชายและหญิงมีบทบาทเสริมกัน เราแต่ละคนนำของประทานและพรสวรรค์เฉพาะตัวมากับเราเพื่อเอื้อประโยชน์ต่องานของอาณาจักรและเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กัน สตรีเป็นคลังครึ่งหนึ่งของพระเจ้า สำคัญต่องานของพระองค์ เรานำทัศนคติและความปรารถนามาช่วยสร้างอาณาจักรที่เริ่มจากเอวา ต่อด้วยซาราห์ เรเบคาห์ เอสเธอร์ มารีย์ เอลีซาเบธ เอ็มมา เอไลซา และสตรีที่กล้าหาญคนอื่นๆ ของสมัยการประทานสุดท้ายนี้และสมัยโบราณ
ขณะที่เรานึกถึงพลังและอิทธิพล พลังมักจะเกี่ยวข้องกับอำนาจฐานะปุโรหิตเสมอ แต่อิทธิพลของสตรีที่ชอบธรรมมีพลังมหาศาลเช่นกัน คุณธรรมเดียวกันกับที่กล่าวไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 121:41 ซึ่งเชื้อเชิญพลังฐานะปุโรหิตเป็นคุณธรรมเดียวกันกับที่เชื้อเชิญพลังจากอิทธิพลของสตรี—“การชักชวน” “ความอดกลั้น” “ความสุภาพอ่อนน้อมและความอ่อนโยน” และ “ความรักที่ไม่เสแสร้ง” สิ่งเหล่านี้มีอยู่ในธรรมชาติอันสูงส่งของเรา และในนั้นมีโอกาสให้เราเป็นอิทธิพลดีอย่างมีพลัง
เมื่อเราทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพี่น้องฐานะปุโรหิต เราจะเป็นผู้คนเหมือนไซอันมากขึ้นทีละน้อย (ดู โมเสส 7:18)
ซิสเตอร์รีฟส์: เมื่อเราอ่าน “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” เราเห็นว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงใช้ความเข้มแข็งของชายหญิงตามบทบาทและความรับผิดชอบที่จะนำบุตรธิดาของพระองค์กลับมาหาพระองค์มากที่สุด7 จุดประสงค์ของสมาคมสงเคราะห์ช่วยให้เราทำเช่นนั้น
6. ฝ่ายประธานของท่านทำงานกับศาสดาพยากรณ์อย่างไร
ซิสเตอร์เบอร์ตัน: เฉกเช่นพระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้ปกป้องสตรีในสมัยของพระองค์ อัครสาวกของพระองค์เป็นผู้ปกป้องสตรีในสมัยของเราเช่นกัน ศาสดาพยากรณ์ของเราละเอียดรอบคอบในการตัดสินใจของพวกท่าน โดยมักจะขอข้อมูลและทัศนะจากพี่น้องสตรีในศาสนจักรเสมอ ดิฉันประสงค์จะให้สตรีทุกคนในศาสนจักรเห็น ได้ยิน และรู้สึกอย่างที่เราประสบขณะทำงานเป็นประจำกับศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ และผู้เปิดเผย พวกท่านเป็นสานุศิษย์ที่แท้จริง ถวายชีวิตของพวกท่านแด่พระเจ้าอย่างยินดีและไม่เห็นแก่ตัวขณะพวกท่านหมายมั่นทำตามพระประสงค์ของพระองค์และวางใจในจังหวะเวลาของพระองค์ พวกท่านป็นพยานบ่อยครั้งว่าศาสนจักรเป็นของพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงนำและนำทางศาสนจักร
ซิสเตอร์รีฟส์: เมื่อเราปฏิสัมพันธ์กับผู้นำของเรา ซึ่งเราทำบ่อยครั้ง พวกท่านจะขอความเห็นของเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พี่น้องชายในสภาเหล่านี้ฟังและเห็นค่าสิ่งที่เราพูด พวกท่านทำงานกับเราจนบรรลุเป้าหมายที่เรามีร่วมกัน
ซิสเตอร์สตีเฟนส์: ฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองเป็นพยานพิเศษของพระเยซูคริสต์ พวกท่านรู้จักพระองค์ พวกท่านกำลังเป็นเหมือนพระองค์ ดังนั้นถ้าท่านต้องการเข้าใจความสัมพันธ์ที่ผู้นำสตรีมีกับพยานเหล่านี้ของพระเยซูคริสต์ ให้ดูแบบอย่างของพระองค์ในพระคัมภีร์ พระเยซูคริสต์ทรงปกป้องสตรี ทรงรวมสตรีเข้ามาในกลุ่ม และทรงให้เกียรติสตรี ในการประชุมสภากับพี่น้องชายเหล่านั้น ดิฉันมองดูพวกท่านบ่อยๆ และคิดว่า “อย่างน้อยนี่น่าจะเป็นความรู้สึกเหมือนอยู่เบื้องพระพักตร์พระผู้ช่วยให้รอด”
7. อะไรคือความสัมพันธ์ระหว่างพลังทางวิญญาณกับพันธสัญญาของเรา
ซิสเตอร์สตีเฟนส์: พลังทางวิญญาณมาถึงเราผ่านศาสน- พิธีที่เราได้รับและพันธสัญญาที่เราทำ มีพลังทางวิญญาณที่เกิดจากการรักษาพันธสัญญาของเราเช่นกัน
พลังทางวิญญาณเกิดขึ้นเมื่อเรารับส่วนศีลระลึกในวันอาทิตย์อย่างมีค่าควร นั่นคือเวลาที่เราสามารถต่อพันธสัญญาทั้งหมดที่ทำไว้กับพระเจ้า เรารับพระนามของพระองค์ “ระลึกถึงพระองค์” รักษาพระบัญญัติของพระองค์ และพยายามให้ “มีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับ [เรา]” ตลอดเวลา (คพ. 20:77, 79)
ซิสเตอร์เบอร์ตัน: เกี่ยวกับพลังทางวิญญาณ นีไฟกล่าวว่า “ข้าพเจ้า, นีไฟ, เห็นเดชานุภาพของพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า, ว่าลงมาบนวิสุทธิชนของศาสนจักรของพระเมษโปดก” (1 นีไฟ 14:14) คำว่า วิสุทธิชน ไม่ครอบคลุมหรอกหรือ
นีไฟกล่าวต่อไปในข้อเดิมว่าเดชานุภาพของพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้าลงมา “บนผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า, ซึ่งกระจัดกระจายอยู่บนทั่วพื้นพิภพ; และพวกเขามีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในรัศมีภาพอันยิ่งใหญ่” เราในฐานะ “ผู้คนแห่งพันธสัญญา”—ทั้งชายและหญิง—สามารถ “มีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในรัศมีภาพอันยิ่งใหญ่” นี่เป็นจุดหมายอันสูงส่งสำหรับบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้าผู้รักษาพันธสัญญา
ซิสเตอร์สตีเฟนส์: ความเข้าใจเรื่องการบรรลุจุดหมายอันสูงส่งของเรามีอยู่ในคำตอบของคำถามสองข้อนี้ (1) ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านเป็นใคร (2) ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านมีอะไร หากเราเข้าใจว่าเรามีอะไร เราจะเข้าใจว่าเรามีทั้งหมดที่เราต้องมี โดยผ่านศาสน- พิธีและพันธสัญญาที่เราทำในพระวิหาร เรามีพร พลัง และสิทธิอำนาจของทุกสิ่งเกี่ยวกับฐานะปุโรหิต เราไม่ได้รับการวางมือแต่งตั้ง เราไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด การแต่งตั้งฐานะปุโรหิตจากบิดาถึงบุตรเป็นระเบียบของพระผู้เป็นเจ้าตั้งแต่สมัยของอาดัมและเอวา
ซิสเตอร์รีฟส์: ดิฉันมีประจักษ์พยานว่าสตรีที่รักษาพันธสัญญารับรู้ว่าพระบิดาได้ประทานทั้งหมดที่เราต้องมีเพื่อกลับไปที่ประทับของพระองค์ผ่านการทำและรักษาพันธสัญญา
8. สิ่งสำคัญที่สุดที่ท่านต้องการให้พี่น้องสตรีสมาคมสงเคราะห์จดจำคืออะไร
ซิสเตอร์เบอร์ตัน: ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:3 กล่าวว่า “จงฟังพระองค์ซึ่งทรงเป็นผู้วิงวอนพระบิดาแทนเจ้า, ผู้กำลังวิงวอนแก้ต่างให้เจ้าต่อพระพักตร์พระองค์”
“ดังนั้น, พระบิดา, ขอทรงละเว้นพี่น้องเหล่านี้ของข้าพระองค์ที่เชื่อในนามของข้าพระองค์, เพื่อพวกเขาจะมาหาข้าพระองค์และมีชีวิตอันเป็นนิจ” (ข้อ 5) ดิฉันรักความอ่อนโยนที่พระคริสต์ทรงมีต่อเรา พระองค์ทรงวิงวอนแก้ต่างให้เราเพราะทรงรักเรา พระองค์ทรงต้องการให้เรามาหาพระองค์! ขอให้เรารักและเพิ่มพูนศรัทธาของเราในพระเยซูคริสต์และในพระบิดาบนสวรรค์
ในฐานะธิดาแห่งพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นพิภพเวลานี้ เรามีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในรัศมีภาพอันยิ่งใหญ่ เมื่อเราจดจำจุดประสงค์ของเรา ชื่นชมยินดีและรักษาพันธสัญญาของเรา คนอื่นจะเห็นเรา “โดดเด่นและแตกต่าง—อย่างมีความสุข—จากสตรีของโลก” เราสามารถช่วยเตรียมโลกให้พร้อมรับการเสด็จกลับมาของพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ของเรา