คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 23: การฟื้นคืนชีวิต สมอของจิตวิญญาณ


บทที่ 23

การฟื้นคืนชีวิต สมอของจิตวิญญาณ

ประจักษ์พยานถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์และการฟื้นคืนชีวิตที่จะเกิดขึ้นกับเราเองเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เราในการทดลองทางโลกอย่างไร?

บทนำ

ประธานฮาโรลด์ บี. สีมืประจักษ์พยานมั่นคงถึงการฟื้นคืนพระชนม์ชองพระเยซู คริสต์ ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งขึ้นหลังจากท่านได้รับการเรียกสํโควรัมอัครสาวกสิบสองในเดือน เมษายน 1941 ท่านเล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า “อัครสาวกสิบสองท่านหนึ่ง มาหาข้าพเจ้า พร้อมกับพูดว่า ‘เราอยากให้คุณเป็นผู้พูดในการประชุมคืนวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นอาทิตย์อีสเตอร์ ในฐานะอัครสาวกที่ได้รับการวางมือแต่งตั้ง คุณต้องเป็น พยานพิเศษถึงพระภารกิจและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์’ ข้าพเจ้าคิดว่ามั่นเป็นความคาดหวังที่น่าหวาดหวั่น และน่าหนักใจที่ สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น

“ข้าพเจ้าชังตัวเองอยู่ในห้อง ๆ หนึ่งที่อาคารสำนักงานของศาสนาจักร หยิบพระ- คัมภีร์ใบเบิลออกมาและอ่านกิตติคุณทั้งสิเล่ม โดยเฉพาะข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวกับ การสินพระชนม์ การตรึงกางเขน และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเจ้า ขณะที่อ่าน ข้าพเจ้ารูในทันทีว่าสิงแปลกประหลาดกำลังเกิดขึ้น ไม่เพียงเรื่องที่ข้าพเจ้ากำลังอ่าน แต์ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ที่ข้าพเจ้ากำลังอ่านเป็นจริงมากราวกับข้าพเจ้ากำลังอยู่ใน เหตุการณ์เหล่านั้นจริง ๆ คืนวันอาทิตย์ ข้าพเจ้าให้ข่าวสารอันตรต้อยชองข้าพเจ้าโดย พูดว่า ‘และนัดนี้ ข้าพเจ้า อัครสาวกที่ตรด้อยที่สุดคนหนึ่งบนโลกนี้ในบีจจุบัน เป็นพยานต่อท่านว่าข้าพเจ้าทราบด้วยสุดจิตวิญญาณว่าพระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วย ให้รอดของโลก พระองค์ทรงพระชนม์ สินพระชนม์ และพื่นคืนพระชนม์เพื่อเรา’

“ข้าพเจ้าทราบเพราะพยานพิเศษนั้นที่มาถึงข้าพเจ้าในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ มีคน ถามข้าพเจ้าหลังจากนั้นว่า ‘ท่านทราบได้อย่างไร ท่านเห็นหรอครับ ข้าพเจ้าตอบว่า สิงที่ทรงพลังยิ่งกว่าการมองเห็นของคนเรา คือ พยานที่มาจากการแสดงประจักษ์ พยาน โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทขึ้ต่อวิญญาณของเราว่าพระเยซูทรงเป็น พระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของโลก”1

ภาพ
Resurrected Savior appearing to Mary

คำสอนของฮาโรลด์ บี. ลี

ความเป็นจริงของการฟื้นคืนชีวิตเป็น “คำสัญญาอันน่ายินดี” อย่างไร?

“แต่เข้ามีดในวันด้นสัปดาห์ ผู้หญิงเหล่านั้น…มาถึงอุโมงค์ เขาเหล่านั้นเห็นก้อน หินกลิ้งออกพ้นจากปากอุโมงค์แล้ว และเมื่อเข้าไป มีได้เห็นพระศพของพระเยซูเจ้า เมื่อเขากำลังคิดฉงนด้วยเหตุการณ์นั้น ดูเถิด มีชายสองคนยืนอยู่ใกล้เขา เครื่องนุ่ง ห่มแพรวพราวจนพร่าตา ฝ่ายผู้หญิงเหล่านั้นกลัวและซบหน้าลงถึงดิน ชายสองคน นั้นจึงพูดกับเขาว่า พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายท่าไมเล่า อย่ากลัวเลย เรารู้แล้วว่า พวกเจ้าทั้งหลายมาหาพระเยซูแห่งนาซาเร็ธ ซึ่งถูกตรึงไว้ที่กางเชน

“พระองค์หาได้ประทับอยู่ที่นี่ไม่ ทรงเป็นขึ้นมาแล้วตามซึ่งพระองค์ได้ตรัสไว้นั้น จงดูที่ที่เซาวางพระศพชองพระองค์เถิด

“และจงริบไปบอกพวกสาวกของพระองค์ทั้งเปโตรเถิดว่า พระองค์เสด็จไปยัง แคว้นกาสิลีก่อนเจ้าทั้งหลาย และเจ้าทั้งหลายจะเห็นพระองค์ที่นั้น จงระลึกถึงคำที่ พระองค์ได้ตรัสกับท่านทั้งหลายเมื่อพระองค์ยังอยู่ในแคว้นกาลึลึว่า บุตรมนุษย์จะ ต้องลูกอายัดไว่ในมือซองคนบาป และต้องถูกตรึงที่กางเขน และวันที่สามจะเป็นขึ้น มาใหม่ นี่แหละเราก็บอกเจ้าแล้ว” [ดู ลูกา 24:1-7; มัทธิว 28:5-7; มาระโก 16:5-7]

ผู้เขียนกิตติคุณชองมัทธิว มาระโก และลูกาบันทึกเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ที่สุดใน ประวัติศาสตร์โลก นั้นคือ การหื๋๒คืนพระชนม์จริง ๆ ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ พระ ผู้ช่วยให้รอดของมนุษยชาติ นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ ที่สุดจากสวรรค์ของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าในเนื้อหนัง พระองค์ทรงประกาศ ต่อมารธาที่กำลังโศกเศร้าเมื่อคราวที่ลาซารัสน้องชายของเธอเสืยชีวิตว่า “เราเป็น เหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่’วาง’ใจ’ในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมี ชีวิตอีก” (ยอห์น 11:25)

สำหรับซาวยืวที่มีเจตนาอันชั่วร้าย คำประกาศของพระองค์ถึงพลังอำนาจแห่ง สวรรค์ชัดเจนและมีความหมายมากขึ้น “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เวลาที่ กำหนดนั้นใกล้จะถึงแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่ตายแล้วจะไต้ยินพระสุรเสียง แห่งพระบุตรของพระเจ้า และบรรดาผู้ที่ไต้ยินจะมีชีวิต

“เพราะว่าพระบิดาทรงมีชีวิตในพระองค์เองฉันใด พระองค์ก็ได้ทรงประทานให้ พระบุตรมีชีวิตในพระองค์ฉันนั้น

“และ…ทรงประทานให้พระบุตรมีสิทธิอำนาจที่จะพิพากษา เพราะพระองค์ทรง เป็นบุตร [ของพระผู้เป็นเจ้า]” [ยอห้น 5:25-27]

ทันทีหลังจากการหึ๋เนคืนพระชนม์ของพระองค์ มีหลักฐานซัดแจ้งถึงพลังอำนาจ อันลํ้าเลิศอย่างที่สองที่จะทำให้ลุกขึ้นจากหลุมศพ ไม่เฉพาะพระองค์เท่านั้น แต่ผู้ “ที่ เสียชีวิตไปแล้ว และเชื่อในพระองค์” มัทธิวเชียนบันทึกที่ซัดเจนและตรงไปตรงมา เกี่ยวกับการหื่เนคืนชีวิตอันน่าอัศจรรย์ของผู้ชื่อสัตย์ จากความตายในชีวิตมตะ “อุโมงค์ฝืงศพก็เปิดออก ศพของธรรมิกซนหลายคนที่ล่วงหลับไปแล้วได้เป็นขึ้นมา และเมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาแล้ว เขาทั้งหลายก็ออกจากอุโมงค์ พากันเข้าไปใน นครบริสุทธ ปรากฏแก่คนเป็นอันมาก” [มัทธิว 27:52-53]

นี่ไม่ใช่ที่สุดแห่งอำนาจการไถ่ของพระบุตรผู้เลิศลํ้าฃองพระผู้เป็นเจ้า มีคำสัญญา อันน่ายินดีใหํไวํในทุกสมัยการประทานที่ผ่านมาว่า “เพราะว่าคนทั้งปวงต้องตาย เกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด คนทั้งปวงจะกลับไต่ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น” (1 โครินธ์ 15:22) “…บรรดาผู้ที่ได้ประพฤติดิก็ทั้นขึ้นสู่ชีวิต บรรดาผู้ที่’โต้’ประพฤติ ชั่ว ก็จะฟื้นขึ้นสู่การพิพากษา” (ยอห้น 5:29) เวลากำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็วสู่ ความสำเร็จโดยครบล้วนแห่งพระภารกิจจากสวรรค์ของพระองค์

หากเข้าใจนัยโดยสมบูรณ์ของเหตุการณ์อันน่าระทึกใจเหล่านี้ในวันนี้ ดังที่ศาสดา ทำนายไว้ เมื่อคนชั่วร้ายเตรียมฆ่าคนชั่วร้าย และ “ความกลัวจะมาถึงมนุษย์ทุกคน” (ค.พ. 63:33) ความเข้าใจนี้จะทำให้ความกลัวและความวิตกมากมายที่รุมเร้าผู้คน และประเทศชาติมลายหายไป แห้จริงแล้ว หากเรา “ยำเกรงพระเจ้าและถวายเกียรติ แคู่มหาจักรพรรดิ” [ดู 1 เปโตร 2:17] เมื่อนั้นเราก็มีสิทขึ้ตามคำสัญญาอันรุ่งโรจน์ ของพระอาจารย์ที่ว่า “ตราบที่เจ้าปลดเปลื้องตัวให้พ้นจากความริษยาและความกลัว … เจ้าจะเห็นเรา” [ดู ค.พ. 67:10]2

จุดประสงค์ของชีวิตคือ ที่จะทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร [ดู โมเสส 1:39] ความเป็นอมตะหมายถึงในที่สุดจะมีร่างกายที่ไม่อยู่ภายใต้ความเจ็บปวดของ ชีวิตมตะอีกต่อไป ไม่อยู่ภายใต้ความตายมตะอีกต่อไป และไม่สูญสลายอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นไต้ผ่านพ้นไปแล้ว3

ความรู้เรื่องการหื่เนคืนชีวิตให้กำลังใจเราในยามทุกข์ยาก หรือเสียชีวิตอย่างไร?

ท่านเคยรู้สีกไหมว่าความเศรำโศกเสียใจทำลายตัวท่านทางวิญญาณ?

ข้าพเจ้าจะพาท่านเข้าสู่ภาพเหตุการณ์อันศักดี้สิทธึ๋ที่บรรยายถึงคน ๆ หนึ่งซึ่งดู เหมือนว่าทุกสิงกำลังจะหลุดลอยไปและขอให้ท่านรู้สีกถึงความเข้มแข็งของเธอใน ช่วงเวลาอันสำคัญยิ่งนี้! ในกลุ่มคนที่เบียดเสียดกันอยู่รอบกางเขน คือภาพนึ่งของ มารดาวัยกลางคนที่งดงาม มืผ้าถักผืนใหญ่คลุมคืรษะและไหล่ไว้อย่างมิดชิด คนที่ ทุกข์ทรมาน อย่างแสนสาหัสบนกางเขนเหนือคืรษะของเธอคือบุตรชายหัวปีของเธอ ไม่มิใครเข้าใจได้ถึงความทุกข์สาหัสของหัวอกแม่อย่างมารีย์ เวลานี้เธอเผชิญหน้า อย่างจังกับนัยแห่งคำทำนายอันน่าเศร้าของผู้เฒ่าสิเมโอนเมื่อเขาอวยพรบุตรซายคน นี้ขณะเป็นทารกน้อยว่า “ท่านจะเป็นหมายสำคัญซึ่งคนปฏิเสธ แท้จริงแล้ว หัวใจของ ท่านเองก็ยังจะถูกดาบแทงทะลุด้วย” [ดู ถูกา 2:34-35]

อะไรหนุนใจเธอระหว่างการทดสอบอันน่าเศร้านี้? เธอรู้ความจริงของการดำรงอยู่ หลังจากชีวิตมตะ เธอเคยสนทนากับเทพซึ่งเป็นทูตของพระผู้เป็นเจ้าไหม? แน่นอน ว่าเธอเคยได้ยินคำสวดอ้อนวอนคเงสุดท้ายที่บันทึกไว้ของบุตรซายก่อนการทรยศ พระองค์ตามที่ยอห์นเขียนไว้ตังนี้ “บัดนี้พระบิดาเจ้าข้า” พระองค์ทรงสวดอ้อนวอน “ขอทรงโปรดให้ข้าพระองคํได้รับเกียรติต่อพระพักตร์ของพระองค์ คือเกียรติซึ่งข้า พระองคํได้มิร่วมกับพระองค์ก่อนที่โลกนี้มิมา” (ยอหัน 17:5) มารดาผู้ประเสริฐซึ่ง กำลังยืนก้มหน้าอยู่นี้ใด้ยินคำสวดอ้อนวอนคเงสุดท้ายที่พระองค์เปล่งลงมาจาก กางเขนด้วยความเจ็บปวดทรมานว่า “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพระองค์ฝากวิญญาณจิต ของข้าพระองค์ใวํในพระหัตถ์ของพระองค์” (ถูกา 23:46) ถ้อยคำนี้เป็นแรง บันดาลใจให้เธอเกิดความเชื่อและมิประจักษ์พยานยืนยันว่าเธอจะได้อยู่กับพระองค์ และกับพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาบนสวรรค์อีกครั้งในไม่ข้า สวรรค์โม่ได้อยู่ไกลจาก พระองค์ผู้ทรงโทมนัสยิ่งและทรงเผืารอวันแห่งการหื่เนคืนชีวิตอันรุ่งโรจน์ด้วยความ เชื่อมั่นในพระท้ย4

จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเราจะได้อยู่ร่วมกันอีกและความฝืนในชีวิตหลังจากนี้จะเป็น จริง? มั่นคือเสียงรํ๋าไห้ของมารดาผู้เศร้าโศกขณะฝืงศพลูกน้อยของเธอ นึ่คือคำถาม อันแผ่วเบาแต่มักจะไม่ได้ยินของคนเจ็บไข้ใต้ป่วยและคนสูงอายุเมื่อเวลาในชีวิตของ เขากำลังผ่านไปอย่างรวดเร็ว กำลังใจและการปลอบโยนจะมาถึงเขาในสภาพการณ์ เหล่านี้ ผู่ไดํยินคำสัญญาอันรุ่งโรจน์ของพระเจ้าที่ว่า

“คนตายของพระองค์จะมิชีวิต ศพของเขาทั้งหลายจะลุกขึ้น โอ ผู้อาศัยอยู่ในผง คลี จงตื่นเถิด และร้องเพลงเพราะความชื่นบาน เพราะนี้าด้างของเจ้าเป็นนี้าด้างของ ความสว่าง และแผ่นดินโลกจะให้ซาวแดนคนตายเป็นขึ้นมา” (อิสยาห้ 26:19)

มืออันหนักหน่วงซองความตายจะเบาขึ้น ม่านแห่งความมืดครึ้มถูกแทงทะลุ และ ความเจ็บปวดรวดร้าวเมื่อคนรักจากไปได้รับการบรรเทา ขณะที่ศรัทธายกเราขึ้นจาก การทดลองที่หนักหนาสาหัสและความเศร้าโศกซองชีวิตมตะ อีกทั้งทำให้เรามอง เห็นวันที่สดใสกว่าและมืความหวังอันน่ายินดีมากกว่าเดิมด้งที่เป็ดเผยไว้เมื่อ “พระ เจ้าจะทรงเช็ดนํ้าตาทุกๆ หยดจากตาซองเซา ความตายจะไม่มือีกต่อไป การ ครํ๋าครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มือีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้น ไปแล้ว” (วิวรณ์ 21:4) โดยทางการซดใช้ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ พร้อมด้วย ศรัทธาและความเช้าใจเซ่นนั้น ท่านที่รู้สิกโศกเศรำจะสามารถร้องเพลงได้ด้งที่เขียน ไว้ “ความตายก็ถูกกลืนถึงปราชัยแล้ว โอ มัจจุราชเอ๋ย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน โล้ มัจจุราชเอ๋ย เหล็กไนของเจ้าอยู่ที่ไหน” (1 โครินธ์ 15:54-55)5

ท่านจะรู้ว่าพระผู่ไถ่ซองทำนทรงพระชนม์ เซ่นเดียวกับที่โยบรู้เมื่ออยู่ท่ามกลาง การล่อลวงให้ “แช่งพระเจ้าและตายเลืยเถอะ” [ดู โยบ 2:9; 19:25] และรู้ด้วยว่า ท่านสามารถเป็ดประตูและเชื้อเชิญพระองคํให้ “รับประทานอาหารร่วมกับท่าน” [ดู วิวรณ์ 3:20] วันหนึ่ง ท่านจะเห็นตัวเองในสภาพของบุคคลที่พื่นคืนชีวิตขณะกำลัง อ้างสิทขึ้ความสัมพันธ์ฉันญาติกับพระองค์ผู้สละพระชนม์ชีพซองพระองค์ เพื่อว่า รางวัลที่ให้กับมนุษย์มตะสำหรับการต่อล้และประสบการณ์ทางโลกจะเป็นผลของ ชีวิตนิรันดร แม้ดูเหมือนว่าการทำงานในชีวิตของคนๆ นั้นจะล้มเหลวเมื่อวัดตาม มาตรฐานซองมนุษย์6

ความเข้าใจเรื่องการขึ้เนคืนชีวิตเป็นสมอของจิตวิญญาณของเราอย่างไร?

ขอให้เราดูตัวอย่างซองเปโตร [ผู้]…ปฏิเสธพระอาจารย์ถึงสามครั้งในคืนแห่งการ ทรยศ เปรียบเทียบเปโตรผู้มืแต่ความกลัวคนนี้กับความกล้าหาญซึ่งปรากฏในตัวเซา ไม่นานหลังจากนั้นต่อหน้าคนดื้อรั้นทางศาสนากลุ่มเดียวกับที่ด้องการให้พระเยซูสิน พระชนม์ ท่านประณามว่าเขาเป็นฆาตกรและป่าวร้องให้เขากลับใจ ท่านถูกซังคุก และพลีชีวิตเป็นมรฌสักชีด้วยความกล้าหาญในเวลาต่อมา

อะไรหรีอที่เปลี่ยนแปลงท่าน? ท่านเป็นพยานด้วยตัวท่านเองถึงการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นกับพระวรกายที่ถูกทุบดีและเจ็บปวดสาหัส ซึ่งถูกน่าลงมาจากกางเขน และ ถึงพระวรกายอันทรงรัศมีภาพที่พื่นคืนพระชนม์แล้ว คำตอบที่ซัดเจนและเรียบง่าย คือ เปโดรเป็นคนใหม่แล้วเพราะท่านรู้ถึงอำนาจซองพระเจ้าผู้ทรงเป็นขึ้น ท่านไม่ ต้องอยู่เพียงลำพังอีกต่อไปบนฝืงกาลืลื หรือในคุก หรือในความตาย พระเจ้าของ ท่านจะอยู่ใกล้ท่าน7

ข้าพเจ้าทราบ…ว่าความบอบซํ้าฃองความอ้างว้างโดดเดี่ยวเนื่องด้วยการเสียชีวิต อย่างฉับพลันของคนที่เรารักหมายถึงอะไร หลายปีมานี้ ข้าพเจ้าได้ขอร้องและพยา- ยามปลอบโยนคนที่โศกเศร้า แคู่จนกระ ทั่งข้าพเจ้าได้นำสิงที่พูดกับผู้อื่นมาพูดกับตัว เองถึงได้รู้ว่ามีบางสิงไม่อาจจะกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้ ข้าพเจ้าต้องประสบด้วยตน เองก่อนจึงจะให้การปลอบโยนที่แท้จริงได้ ท่านต้องเห็นคนที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตท่าน ถูกฝืงอยู่ในหลุมศพ ท่านต้องเห็นคนที่ท่านรักเสียชีวิต แล้วจากนั้นต้องถามตัวเอง ว่า—ท่านเชื่อสิงที่ท่านสอนผู้อื่นมาดลอดหรือไม่? ท่านแน่ใจและมั่นใจไหมว่าพระผู้ เป็นเจ้าทรงพระชนม์? ท่านเชื่อในการซดใช้ของพระเจ้าและพระอาจารยํไหม-ว่า พระองค์ทรงเจดประตูสู่การที่๒คืนชีวิตในชีวิตที่มีรัศมีภาพมากขึ้น? บางครั้งเมื่อเรา ยืนอย่างโดดเดี่ยวไม่มีอะไรเลยในชีวิต ในขณะนั้นประจักษ์พยานของเราต้องฝังแน่น หากเราไม่อยากถูกท่าลายและตกไปสู่ความไม่เชื่อ

เมื่อภรรยาของโยบกล่าวว่า “ทำไมท่านไม่แข่งพระผู้เป็นเจ้าและตายเสีย” [ตู โยบ 2:9] แต่ในความทุกข์ทรมานอันใหญ่หลวงของโยบ ท่านกล่าวบางสิงที่ข้าพเจ้า คิดว่าไม่มีงานศพใดสมบูรณ์แบบหากไม่ได้พูดถึงสิงนี้ โยบกล่าวว่า “ข้าทราบว่าพระ ผู่ไถ่ของข้าทรงพระชนม์อยู่ และในที่สุดพระองค์จะทรงปรากฏบนแผ่นดินโลก และหลังจากผิวหนังของข้าถูกท่าลายไปอย่างนี้ แล้วในเนื้อหนังของข้า ข้าจะเห็น พระเจ้าผู่ชื่งข้าจะได้เห็นเอง…ไม่ใช่คนอื่น จิตใจในตัวข้าก็อ่อนโหย” [โยบ 19:25-27] ท่านทั่งหลาย หากท่านทราบว่าจิตวิญญาณของท่านตรึงแน่นอยู่ในประจักษ์พยาน อันศักดี่สิทขึ้นั้น ที่ว่าพระองค์ทรงพระชนม์ และว่าในวันเวลาสุดท้าย พระองค์จะ เสด็จมาปรากฏในโลกนี้ และท่านจะพบพระองค์หน้าต่อหน้า-หากท่านทราบเข่นนั้น ไม่ว่าจะมีอันตราย มีความรับผิดชอบ และมีดวามทุกข์โศกเพียงใดก็ตาม—หากท่าน สร้างบ้านบนคืลา ท่านจะไม่หวั่นไหว แน่นอนว่าท่านต้องได้รับประสบการณ์อันน่า หวาดกลัวของความเศร้าโศก เนื่องด้วยการสูญเสียคนรัก แต่ท่านจะไม่หวั่นไหว ในที่สุดท่านจะผ่านพ้นมาได้โดยมีศรัทธามากกว่าแต่ก่อน8

ยิ่งชีวิตและโลกของเราสลับซับซ้อนมากขึ้นเท่าใด ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเข้า ใจจุดประสงค์และหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์มากขึ้นเท่านั้น ศาสนาไม่ได้มีหน้าที่ตอบคำถามทุกข้อเกี่ยวกับการปกครองจักรวาลของพระผู้เป็น เจ้าทางด้านคืลธรรม แต่มีหน้าที่ให้ความกล้าหาญโดยผ่านศรัทธา เพื่อเผชิญหน้าต่อ ไปกับคำถามที่เขาไม่มีวันพบคำตอบในสถานภาพป้จจุบันของเขา9

วันนี้ เพื่อระลึกถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก (การที่เนคืนพระชนม์ของพระ คริสต์ และการเอาชนะความตายทางร่างกายและทางวิญญาณ) ข้าพเจ้าขอเชื้อเชิญผู้ มีความสุจริตใจทุกหนแห่งด้วยความนอบน้อมอย่างที่สุด ขอให้ท่านอยู่เหนอความกล้ว และความล้มเหลวของมนุษย์ และขอให้ปลื้มปีติเซ่นเดียวกับที่อัครสาวกปลื้มปีติต่อ คนต่างชาติ “สาธุการแคู่พระเจ้าผู้ทรงประทานชัยชนะแก่เราทั้งหลายโดยพระเยซู คริสต์เจ้าของเรา” (1 โครินธ์ 15:57)10

ข้อแนะน่าสำหรับการสืกษๆและการสนทนา

  • พระผู้ช่วยให้รอดทรงหมายถึงอะไรเมื่อพระองต์ตรัสว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้ง ปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต”? (ยอห”’น 11:25) ท่านมีความรู้สิกอย่างไรเมื่อใคร่ครวญ ถึงการพื่นคืนพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอด?

  • การเข้าใจความเป็นจริงของการพื่นคืนชีวิตส่งผลต่อชีวิตประจำวันของท่าน อย่างไร?

  • ประจักษ์พยานถึงการพื่นคืนชีวิตหนุนใจเราอย่างไรเมื่อคนที่เรารักเสืยชีวิต? ประ จักษ์พยานถึงการฟื้นคืนชีวิตให้การปลอบโยนและช่วยให้เราเอาชนะความกลัว ในสถานการณ์ใดอีกบ้าง?

  • เราทำอะไรได้บ้างเพื่อให้เข้าใจและมีประจักษ์พยานมากขึ้นถึงการพื่นคืนชีวิต?

อ้างอิง

  1. Ye Are the Light of the World (1974), 26-27.

  2. CBS “Church of the Air” broadcast, in Conference Report, Apr. 1958, 133-34.

  3. The Teachings of Harold B. Lee, ed. Clyde J. Williams (1996), 30.

  4. CBS “Church of the Air” broadcast, 134–35.

  5. Decisions for Successful Living (1973), 179-80.

  6. In Conference Report, Apr. 1958, 136.

  7. The Teachings of Harold B. Lee, 63.

  8. คำปราศรัยที่งานศพของเดวิดแห่งแคนนอน วันที่ 29 มกราคม 1968 เอกสารสำคัญ ของแผนกประวัติศาสตร์ศาสนาจักรของ พระเยซูคริสต์แห่งสิทธิซนยุคสุดท้าย หน้า 5-6

  9. In Conference Report, Oct. 1963, 108; or Improvement Era, Dec. 1963, 1103.

  10. In Conference Report, Apr. 1958, 136.