คลังค้นคว้า
บทที่ 81: กิจการของอัครทูต 1:1–8


บทที่ 81

กิจการของอัครทูต 1:1–8

คำนำ

หลังจากการฟื้นคืนพระชนม์ พระเยซูคริสต์ทรงปฏิบัติต่อสานุศิษย์ของพระองค์ 40 วัน พระองค์ทรงเตรียมพวกเขาเพื่อเป็นพยานถึงพระองค์ทั่วแผ่นดินโลก

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

กิจการของอัครทูต 1:1–8

พระเยซูทรงปฏิบัติต่อสานุศิษย์ของพระองค์ 40 วัน

เชื้อเชิญให้นักเรียนจินตนาการว่าเพื่อนที่นับถือศาสนาอื่นมาหาพวกเขาเพราะต้องการรู้มากขึ้นเกี่ยวกับศาสนจักรของเราและถามว่า “ใครนำศาสนจักรของคุณ”

ขอให้นักเรียนเขียนลงในสมุดจดหรือสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของพวกเขาว่าพวกเขาจะตอบคำถามนี้อย่างไร

เชื้อเชิญให้นักเรียนมองหาความจริงขณะที่พวกเขาศึกษา กิจการของอัครทูต 1:1–8 ที่จะช่วยตอบคำถามได้ว่าใครนำศาสนจักร

เชื้อเชิญให้นักเรียนเปิดไปที่หนังสือกิจการของอัครทูตและระบุชื่อเต็มของหนังสือเล่มนี้ ขอให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ

  • ตามชื่อเต็มของหนังสือ ท่านคิดว่าเราจะเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้

อธิบายว่าหนังสือกิจการของอัครทูตเป็นการเชื่อมต่อที่สำคัญในพันธสัญญาใหม่ หนังสือของมัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์นมีเรื่องราวการปฏิบัติศาสนกิจขณะพระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นมรรตัย รวมถึงการชดใช้และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ หนังสือกิจการของอัครทูตเล่าเรื่องการปฏิบัติศาสนกิจของอัครสาวกหลังจากพระผู้ช่วยให้รอดเสด็จขึ้นสู่สวรรค์

เชื้อเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง กิจการของอัครทูต 1:1–2 ขอให้นักเรียนที่เหลือดูตาม โดยมองหาว่าหนังสือเล่มนี้เขียนถึงใคร

  • หนังสือกิจการของอัครทูตเขียนถึงใคร

อธิบายว่าลูกาเป็นผู้เขียนหนังสือกิจการของอัครทูตและ “หนังสือฉบับแรก” ที่กล่าวถึงใน ข้อ 1 เป็นหนังสือที่ลูกาเขียนถึงเธโอฟีลัสเช่นกัน จุดประสงค์ที่ลูกาเขียนหนังสือนี้คือเพื่อช่วยให้เธโอฟีลัสได้รับประจักษ์พยานของเขาเองถึงพระเยซูคริสต์ (ดู ลูกา 1:1–4)

เชื้อเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง กิจการของอัครทูต 1:2–4 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาว่าพระเยซูคริสต์ทรงปฏิบัติต่อสานุศิษย์ของพระองค์เป็นการส่วนพระองค์หลังการฟื้นคืนพระชนม์นานเพียงไร (ท่านอาจต้องการอธิบายว่าใน ข้อ 3, “ทนทุกข์ทรมาน” หมายถึงการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด และ “หลักฐานหลายอย่าง” หมายถึงหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ซึ่งพระเยซูทรงแสดงให้เห็นว่าพระองค์ฟื้นคืนพระชนม์แล้ว)

  • พระเยซูคริสต์ทรงใช้เวลากับสานุศิษย์ของพระองค์นานเท่าใดหลังจากพระองค์ฟื้นคืนพระชนม์

  • พระเยซูทรงสอนอะไรพวกเขาระหว่าง 40 วันนี้ (เรื่องเกี่ยวกับอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า)

เริ่มชั้นเรียนโดยการวาด ภาพ ลายเส้นง่ายๆ เป็นรูปบ้านบนกระดาน (หรือท่านอาจสร้างแบบจำลองบ้านเล็กๆ โดยใช้ตัวต่อหรือดินน้ำมัน)

ภาพ
การวาดลายเส้น ด้านหน้าและด้านข้างของบ้าน

เมื่อท่านวาดได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ให้เชิญนักเรียนคนหนึ่งออกมาที่กระดานและวาดรูปต่อจากที่ท่านวาดไว้จนเสร็จ บอกคำสั่งที่เจาะจงกับนักเรียนถึงวิธีที่จะวาดรูปบ้านให้เสร็จ ท่านอาจขอให้เขาเติมหลังคา หน้าต่าง และภูมิทัศน์ของบ้าน หลังจากวาดด้วยกันสักระยะหนึ่ง ให้เดินไปอยู่อีกด้านของชั้นเรียนและยังคงบอกคำสั่งกับนักเรียนต่อไป เมื่อวาดบ้านเสร็จแล้ว ให้ขอบคุณนักเรียน และขอให้เขานั่งลง

ขอให้นักเรียนจินตนาการว่าภาพบ้านหมายถึงอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก ซึ่งคือศาสนจักรของพระเยซูคริสต์

  • วิธีการวาดภาพบ้านของเราอาจแสดงให้เห็นถึงวิธีที่พระเยซูคริสต์ทรงสถาปนาศาสนจักรของพระองค์ระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจขณะทรงเป็นมรรตัยและหลังการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์อย่างไร (ระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจขณะทรงเป็นมรรตัย พระผู้ช่วยให้รอดทรงเริ่มจัดตั้งศาสนจักรของพระองค์ พระองค์ทรงเรียกคนอื่นๆ ให้ช่วยจัดตั้งศาสนจักร และหลังจากการฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์ทรงกำกับดูแลพวกเขาแม้ว่าพระองค์จะไม่ได้ประทับอยู่ในโลกกับพวกเขาอีกต่อไป)

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 2 พระเยซูคริสต์ทรงกำกับดูแลศาสนจักรของพระองค์อย่างไร (โดยใช้คำพูดของนักเรียน ให้เขียนความจริงต่อไปนี้บนกระดาน พระเยซูคริสต์ทรงกำกับดูแลศาสนจักรโดยการเปิดเผยพระประสงค์แก่อัครสาวกของพระองค์ผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์)

ขอให้นักเรียนอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้โดยเอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง

ภาพ
เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์

“จากข้อแรก [ของหนังสือกิจการของอัครทูต] มีการประกาศว่าศาสนจักรจะดำเนินต่อไปโดยการนำ จากสวรรค์ ไม่ใช่โดยมนุษย์ … โดยแท้แล้ว ชื่อที่สมบูรณ์มากขึ้นของหนังสือกิจการของอัครทูตควรเป็น ‘กิจการของพระคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์ซึ่งทรงทำงานผ่านพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตและการปฏิบัติศาสนกิจของอัครสาวกที่พระองค์ทรงแต่งตั้ง’ …

“การกำกับดูแลศาสนจักรเป็นเหมือนเดิม ที่ประทับของพระผู้ช่วยให้รอดเปลี่ยนไป แต่การกำกับดูแลและการนำศาสนจักรเป็นเหมือนเดิมทุกประการ” (“Therefore, What?” [การประชุมระบบการศึกษาศาสนจักรเกี่ยวกับพันธสัญญาใหม่, 8 ส.ค. 2000], si.lds.org)

  • เหตุใดจึงสำคัญที่จะรู้ว่าพระเยซูคริสต์ยังทรงกำกับดูแลศาสนจักรของพระองค์โดยการเปิดเผยในปัจจุบัน

เชื้อเชิญให้นักเรียนไตร่ตรองประสบการณ์ที่เสริมสร้างประจักษ์พยานของพวกเขาว่าพระเยซูคริสต์ทรงกำกับดูแลศาสนจักรของพระองค์ในปัจจุบันผ่านการเปิดเผย เชื้อเชิญให้นักเรียนหลายๆ คนแบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขา ท่านอาจต้องการแบ่งปันประสบการณ์ของท่านเช่นกัน

ขอให้นักเรียนหลายคนผลัดกันอ่านออกเสียงจาก กิจการของอัครทูต 1:4–8 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาว่าพระเยซูทรงบัญชาให้อัครสาวกทำอะไร

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 4 พระเยซูทรงบัญชาให้อัครสาวกทำอะไร

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 5 พระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญาว่าอัครสาวกจะได้รับอะไรหากพวกเขายังคงอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 8 พระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานพลังอำนาจให้อัครสาวกทำอะไร

  • เราสามารถเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับอัครสาวกจากสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนใน ข้อ 8 (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่ให้แน่ใจว่าพวกเขาระบุความจริงต่อไปนี้ อัครสาวกเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์และเป็นพยานถึงพระองค์ทั่วโลก)

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจความจริงนี้ ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้โดยประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์

ภาพ
ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์

“ในสมัยของเรา พระเจ้าทรงเรียกพยานพิเศษสิบห้าท่านเพื่อเป็นพยานถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์ต่อชาวโลก การเรียกของท่านเหล่านั้นไม่เหมือนใคร พวกท่านเป็นอัครสาวกของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ ที่ได้รับเลือกและได้รับมอบหมายจากพระองค์ พวกท่านได้รับบัญชาให้เป็นพยานถึงการทรงพระชนม์อยู่จริงของพระองค์ โดยพลังอำนาจและสิทธิอำนาจของการเป็นอัครสาวกศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านได้รับ” (“พยานพิเศษของพระคริสต์,” เลียโฮนา, เม.ย. 2001, 5)

เขียนข้อความที่ไม่ครบถ้วนต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: อัครสาวกในสมัยของเราเป็นพยานว่าพระเยซูคริสต์ …

ภาพ
พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์

หากเป็นไปได้ ให้แจก สำเนา ของ “พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์: ประจักษ์พยานของอัครสาวก” (เลียโฮนา, เม.ย. 2000, 2–3) ให้นักเรียนแต่ละคนในชั้นเรียนของท่าน ท่านอาจพิจารณานำเอาสำเนาหนึ่งมาตัดเป็นส่วนๆ และแจกแต่ละส่วนให้นักเรียนได้เช่นกัน ขอให้นักเรียนอ่านเอกสารหรือส่วนนั้นในใจ โดยมองหาว่าพวกเขาจะเติมข้อความบนกระดานให้สมบูรณ์ได้อย่างไร เมื่อนักเรียนอ่านจบ ขอให้นักเรียนคนหนึ่งออกมาที่กระดานและเป็นคนเขียนคำตอบ เชื้อเชิญให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ และขอให้นักเรียนซึ่งอยู่ที่กระดานเขียนคำตอบของพวกเขาบนกระดาน

  • คำประกาศเหล่านี้ข้อใดสำคัญต่อท่านมากที่สุด

  • พยานของอัครสาวกสมัยปัจจุบันส่งผลต่อพยานส่วนตัวของท่านหรือประจักษ์พยานของท่านเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์อย่างไร

อธิบายว่าถึงแม้ กิจการของอัครทูต 1:8 กล่าวเจาะจงถึงบทบาทของอัครสาวกในฐานะพยานพิเศษของพระผู้ช่วยให้รอด แต่หนังสือนี้สอนเราเกี่ยวกับสิ่งที่จะช่วยให้เราเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ทั่วโลกด้วย

  • ตามคำสัญญาของพระเจ้าต่ออัครสาวกใน กิจการของอัครทูต 1:8 อะไรที่ทำให้เราเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ได้ (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่ให้แน่ใจว่าพวกเขาระบุความจริงต่อไปนี้ ผ่านทางพลังอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราสามารถเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ได้)

  • พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยให้เราเป็นพยานถึงพระผู้ช่วยให้รอดในทางใดบ้าง

เชื้อเชิญให้นักเรียนไตร่ตรองเวลาที่พวกเขารู้สึกถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อคนอื่นแบ่งปันประจักษ์พยานของพวกเขาถึงพระเยซูคริสต์ หลังจากผ่านไปสองสามนาที เชื้อเชิญให้นักเรียนแบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขา เตือนนักเรียนว่าพวกเขาไม่ควรแบ่งปันประสบการณ์ที่เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์หรือส่วนตัวเกินไป

  • ท่านรู้สึกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยท่านเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ต่อผู้อื่นเมื่อใด

กระตุ้นให้นักเรียนมองหาโอกาสแบ่งปันประจักษ์พยานของพวกเขากับผู้อื่นและวางใจว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงยืนยันความจริงถึงสิ่งที่พวกเขาเป็นพยาน

กิจการของอัครทูต–วิวรณ์

คำอธิบายพอสังเขปสำหรับครึ่งหลังของพันธสัญญาใหม่

อธิบายว่า กิจการของอัครทูต 1:8 ไม่เพียงสอนความจริงเท่านั้นแต่ให้คำอธิบายพอสังเขปถึงครึ่งหลังของพันธสัญญาใหม่ด้วย

  • ตามที่กล่าวใน กิจการของอัครทูต 1:8 พระผู้ช่วยให้รอดทรงพยากรณ์ว่าสานุศิษย์ของพระองค์จะเป็นพยานถึงพระองค์ที่ใด

เขียนสิ่งต่อไปบนกระดาน: กิจการของอัครทูต 1–5 = กรุงเยรูซาเล็ม; กิจการของอัครทูต 6–9 = แคว้นยูเดียและแคว้นสะมาเรีย; กิจการของอัครทูต 10–28 = จนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก (ดู Bible Dictionary, “Acts of the Apostles”)

อธิบายว่าสานุศิษย์เริ่มเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ดังที่ได้รับการกำกับดูแล ในเบื้องต้น อัครสาวกสั่งสอนในกรุงเยรูซาเล็ม จากนั้นไปแคว้นยูเดียและแคว้นสะมาเรีย ต่อจากนั้นไปจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก

ขอให้นักเรียนเปิดไปที่หน้าสารบัญของพระคัมภีร์ไบเบิล เชื้อเชิญให้นักเรียนดูหนังสือพันธสัญญาใหม่ที่อยู่ต่อจากหนังสือกิจการของอัครทูต อธิบายว่าหนังสือโรมจนถึงฮีบรูเป็นสาส์น (จดหมาย) ที่เขียนโดยอัครสาวกเปาโล นักเรียนจะเรียนรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนใจเลื่อมใสและการปฏิบัติศาสนกิจของเปาโลขณะที่พวกเขาศึกษา กิจการของอัครทูต 9, 13–28

ขอให้นักเรียนหาว่า 1 เธสะโลนิกาอยู่ที่ไหน อธิบายว่าชาวเธสะโลนิกาเป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเธสะโลนิกา เชื้อเชิญให้นักเรียนเปิดดูแผนที่ในพระคัมภีร์ไบเบิล แผนที่ 13 “เส้นทางในการเผยแผ่ศาสนาของอัครสาวกเปาโล” และดูว่าเธสะโลนิกาอยู่ที่ไหน อธิบายว่าสาส์นหลายฉบับในพันธสัญญาใหม่เขียนไปถึงที่ประชุมของศาสนจักรในเมืองต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เจาะจงของพวกเขา ท่านอาจต้องการอธิบายด้วยว่าสาส์นเหล่านี้ไม่ได้เรียงตามลำดับการเขียนในพันธสัญญาใหม่ เชื่อกันว่าหนังสือ 1 เธสะโลนิกา เป็นสาส์นฉบับแรกที่เปาโลเขียน

ขอให้นักเรียนดูหน้าสารบัญและระบุหนังสือเล่มอื่นๆ บางเล่มที่เขียนเป็นสาส์นถึงที่ประชุมของวิสุทธิชน

อธิบายว่านอกจากจะเขียนถึงที่ประชุมของวิสุทธิชนแล้ว เปาโลยังเขียนถึงบุคคลต่างๆ เช่น ทิโมธี ทิตัส และฟีเลโมน

ขอให้นักเรียนมองหาหนังสือที่อยู่ต่อจาก ฮีบรู ในสารบัญ

อธิบายว่านอกจากเปาโล อัครสาวกและผู้นำศาสนจักรท่านอื่นๆ เขียนถึงสมาชิกของศาสนจักรเช่นกัน เรายังคงมีสาส์นเหล่านี้บางฉบับ ซึ่งได้แก่หนังสือของยากอบจนถึงยูดาห์ หนังสือวิวรณ์บันทึกนิมิตที่อัครสาวกยอห์นเห็น

เชื้อเชิญให้นักเรียน อ่าน ครึ่งหลังของพันธสัญญาใหม่ต่อไปด้วยตนเอง กระตุ้นให้พวกเขาสวดอ้อนวอนขณะศึกษาเพื่อว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะให้ความสว่างแก่พวกเขาและช่วยให้พวกเขามีความเข้าใจมากขึ้นเมื่อพวกเขาศึกษาคำสอนของอัครสาวกในพันธสัญญาใหม่

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

กิจการของอัครทูต สาระโดยสังเขป

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวถึงหนังสือกิจการของอัครทูตไว้ดังนี้

“กิจการของอัครทูตแสดงให้เห็นถึงการทำงานของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในศาสนจักรที่แท้จริง

“ในบรรดาหนังสือพระคัมภีร์ไบเบิลหนังสือเล่มนี้มีข้อมูลมากที่สุดที่บอกว่าศาสนจักรและอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลกดำเนินงานอย่างไรเมื่อพระเยซูพระมหากษัตริย์ไม่ได้ประทับอยู่บนแผ่นดินโลกด้วยพระองค์เอง …

“กิจการของอัครทูตบอกว่าของประทานฝ่ายวิญญาณเพิ่มพูนขึ้นจนเป็นที่ชื่นชมจากอัครสาวกและที่ประชุมทั้งมวลของผู้ซื่อสัตย์ได้อย่างไร …

“… กิจการของอัครทูตเล่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับองค์กรศาสนจักร การเดินทางของผู้สอนศาสนา และการเผยแพร่ความจริงโดยทั่วไปในโลกของคนนอกศาสนา หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวของการข่มเหง การโดนหินขว้าง การทดลอง และการลงโทษซึ่งถาโถมมาสู่ผู้คนที่มีพระคริสต์อยู่กลางใจพวกเขาและพยายามเอาชนะโลก …

“แต่กิจการของอัครทูตเป็นมากกว่าหนังสือทางวิญญาณขั้นสูง หนังสือนี้เป็นเรื่องราวของบุรุษชอบธรรมและความอ่อนแอตลอดจนการโต้เถียงของพวกเขา ความริษยาและจุดอ่อนของพวกเขา ความล้มเหลวและความสำเร็จของพวกเขา

“วิสุทธิชนยุคกลางไม่ใช่คนดีพร้อม เปาโลทะเลาะกับสิลาส ตำหนิเปโตร และปฏิเสธมาระโกไม่ให้เป็นคู่ผู้สอนศาสนา …

“ดังนั้นกิจการของอัครทูตเป็นหนังสือของมนุษย์ที่อ่อนแอ หนังสือนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไปได้สูงเพียงใดในเรื่องทางวิญญาณ – แต่พวกเขาก็อาจไม่ดีพร้อม ริษยา และดื้อรั้น …

“ในความเป็นจริง กิจการของอัครทูตบันทึกว่าพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทำงานในศาสนจักรที่แท้จริงอย่างไร แท้จริงแล้ว นี่เป็นหนังสือที่บอกว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงกำกับดูแลอาณาจักรบนแผ่นดินโลกของพระองค์อย่างไร” (Doctrinal New Testament Commentary, 3 vols. [1965–73], 2:19–20)

กิจการของอัครทูต 1:2 พระเยซูคริสต์ทรงกำกับดูแลศาสนจักรของพระองค์

ประธาน กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์เป็นพยานว่าพระเจ้าทรงกำกับดูแลศาสนจักรของพระองค์—ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย

“ขอให้เราทุกคนเข้าใจว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นประมุขของศาสนจักรนี้ซึ่งมีพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงดูแลศาสนจักร พระองค์ทรงนำทาง พระองค์ทรงกำกับดูแลงานนี้ ทรงยืนเบื้องพระหัตถ์ขวาของพระบิดา” (God Is at the Helm, May 1994, 59)

กิจการของอัครทูต 1:4–8 การรอคำสัญญาของพระวิญญาณบริสุทธิ์

คำสัญญาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระเจ้าประทานแก่อัครสาวกดังที่บันทึกใน กิจการของอัครทูต 1:4–8 อาจดูสับสนจากคำอธิบายของ ยอห์น 20:22 ซึ่งบอกว่าพระเยซูจะ “ทรงระบายลมหายใจเหนือ [อัครสาวก] และตรัสกับพวกเขาว่า จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์” เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายว่า “พระเยซู ‘ทรงระบายลมหายใจเหนือพวกเขา’ ซึ่งน่าจะหมายถึงว่าพระองค์ทรงวางพระหัตถ์บนพวกเขาขณะพระองค์ทรงมีพระดำรัสประกาศิตว่า ‘จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด’” (Doctrinal New Testament Commentary, 3 vols. [1965–73], 1:857)

เอ็ลเดอร์แมคคองกีใช้ประสบการณ์ของอัครสาวกเพื่อแสดงว่ามีความแตกต่างระหว่างการประสาทของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์กับการชื่นชมของประทานนั้น

“พวกเขาจึง ได้รับ แต่ไม่ได้ ชื่นชม ของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ในเวลานั้นจริงๆ … ของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็น สิทธิ ที่มีพื้นฐานอยู่บนความชื่อสัตย์ เพื่อได้รับสมาชิกองค์นี้ของพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์เป็นเพื่อนที่ยั่งยืนของเรา และของประทานนี้ประสาทโดยการวางมือหลังจากบัพติศมา ของประทานนี้มอบพรบางประการโดยกำหนดว่าต้องยอมทำตามกฎโดยสมบูรณ์ ทุกคนที่ได้รับการประสาทของประทานนี้ไม่ได้ ชื่นชม หรือ ครอบครอง ของประทานที่มอบให้นั้นโดยแท้จริง ในกรณีของเหล่าอัครสาวกการชื่นชมของประทานที่แท้จริงไม่ได้เกิดขึ้นจนถึงวันเพ็นเทคอสต์ (กิจการของอัครทูต 2)” (Doctrinal New Testament Commentary, 1:857)

เอ็ลเดอร์ ดัลลินเอช. โอ๊คส์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายสาเหตุที่อัครสาวกรับรู้ว่าต้องรอให้มีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเพื่อนก่อนจะทำงานมอบหมายให้เกิดสัมฤทธิผลในการเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ทั่วโลก ดังนี้

“การเห็นด้วยตาไม่เพียงพอ แม้แต่พยานของอัครสาวกดั้งเดิมยังต้องมีรากฐานอยู่ในประจักษ์พยานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ [ประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ] บอกเราว่าพยานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำให้เกิดความประทับใจในจิตวิญญาณของเรามีความสำคัญยิ่งกว่า ‘การเยือนจากเทพ’ (โจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ Doctrines of Salvation, comp. บรูซ อาร์. แมคคองกี, Salt Lake City: Bookcraft, 1954, 1:44.) และพระคัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นว่าเมื่อเราเป็นพยานโดยมีพื้นฐานของพยานนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงเป็นพยานแก่คนที่ฟังคำของเรา” (Witnesses of Christ, Nov. 1990, 30)