คลังค้นคว้า
บทที่ 121: เอเฟซัส 2–3


บทที่ 121

เอเฟซัส 2–3

คำนำ

เปาโลสอนวิสุทธิชนในเอเฟซัสว่าคนบาปทั้งปวงจะรอดได้โดยพระคุณของพระผู้เป็นเจ้าและชาวยิวกับคนต่างชาติเป็นหนึ่งเดียวกันในครอบครัวของพระผู้เป็นเจ้า เปาโลอธิบายด้วยว่าศาสนจักรของพระเยซูคริสต์สร้างอยู่บนรากฐานของอัครสาวกและศาสดาพยากรณ์ เขากล่าวถึงความปรารถนาของเขาที่จะให้วิสุทธิชนประสบกับความรักของพระเยซูคริสต์

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

เอเฟซัส 2

เปาโลสอนว่าโลหิตของพระเยซูคริสต์ช่วยให้ทั้งชาวยิวและคนต่างชาติรอดได้อย่างไร

เมื่อเริ่มชั้นเรียน เชื้อเชิญนักเรียนของท่านหนึ่งคนหรือมากกว่านั้น (ขึ้นอยู่กับขนาดของชั้นเรียน) ให้นั่งอยู่บนพื้นในบริเวณอื่นของชั้นเรียน ให้แบ่งขอบเขตระหว่างนักเรียนเหล่านี้กับนักเรียนที่เหลือด้วยเทปกาวหรือเชือก จากนั้นบอกนักเรียนที่แยกออกมาว่าพวกเขา (ยัง) ไม่สามารถมีส่วนร่วมด้วยการพูดแสดงความคิดเห็นในบทเรียนได้ ถามคำถามนักเรียนที่เหลือในชั้นเรียนว่า

  • สถานการณ์นี้อาจสื่อให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับนักเรียนที่แยกออกไปอย่างไร (สื่อว่ากลุ่มหนึ่งได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง)

  • ท่านคิดว่านักเรียนที่แยกออกไปอาจรู้สึกอย่างไร เพราะเหตุใด

ขอให้นักเรียนพิจารณาว่าพวกเขาเคยรู้สึกแบบนี้กับสภาพการณ์บางอย่างในชีวิตหรือไม่

เขียนคำว่า คนต่างชาติ และ ชาวยิว บนกระดาน โดยแบ่งเป็นสองช่อง

  • ตามที่ท่านได้เรียนรู้เกี่ยวกับเงื่อนไขทางสังคมในบางสาขาของศาสนจักรระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจของเปาโล คนกลุ่มใดน่าจะเหมาะสมกับนักเรียนที่แยกออกไป (คนต่างชาติ) คนกลุ่มใดน่าจะเหมาะสมกับนักเรียนที่เหลือในชั้นเรียน (ชาวยิว)

  • สาเหตุอะไรที่อาจทำให้เกิดการแบ่งแยกนี้ (ชาวยิวบางคนเชื่่อว่าเนื่องจากพวกเขาเป็นชาวอิสราเอลโดยกำเนิดและเข้าสุหนัต พวกเขาได้สิทธิพิเศษจากพระผู้เป็นเจ้ามากกว่าและเหนือกว่าผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสชาวต่างชาติ)

เชื้อเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง เอเฟซัส 2:1–3 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาว่าเปาโลบรรยายสภาพทางวิญญาณของวิสุทธิชนชาวต่างชาติว่าอย่างไร (“ท่าน” และ “พวกท่าน” ใน ข้อ 1–2) และวิสุทธิชนชาวยิว (“เรา” ใน ข้อ 3) ก่อนที่พวกเขาจะเปลี่ยนใจเลื่อมใสมาสู่พระผู้ช่วยให้รอดและศาสนจักรของพระองค์ อธิบายว่าวลี “ผู้ครอบครองที่มีอำนาจในฟ้าอากาศ” ใน ข้อ 2 หมายถึงมารและอิทธิพลอันแพร่หลายของเขาทั่วโลก

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 1–2 เปาโลบรรยายถึงคนต่างชาติก่อนการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของพวกเขาอย่างไร (เขียนรายการคำตอบของนักเรียนไว้บนกระดานใต้ช่องที่เขียนว่า “คนต่างชาติ”)

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 3 เปาโลบรรยายถึงตัวเขาเองและชาวยิวก่อนการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของพวกเขาว่าอย่างไร (เขียนคำตอบของนักเรียนไว้บนกระดานใต้ช่องที่เขียนว่า “ชาวยิว”)

ชี้ให้เห็นว่าคนต่างชาติและชาวยิวตายทางวิญญาณ หรือแยกออกจากพระผู้เป็นเจ้า เนื่องจากบาปของพวกเขา (ดู ข้อ 1)

เชื้อเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง เอเฟซัส 2:4–6 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาสภาพทางวิญญาณของวิสุทธิชนชาวต่างชาติและชาวยิวหลังจากการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของพวกเขา ชี้ให้เห็นว่าคำว่า ทำให้มีชีวิตอยู่ หมายถึงทำให้ชีวิตยังคงอยู่ สวรรคสถาน หมายถึงดินแดนในสวรรค์ที่ผู้คนได้รับมรดก

  • เปาโลบรรยายถึงวิสุทธิชนหลังจากการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของเขาว่าอย่างไร (พระเจ้าทรงทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ หรือทำให้เขายังคงอยู่ จากความตายทางวิญญาณและสภาพบาปของพวกเขา เตือนนักเรียนว่าเราพูดถึงสภาพนี้ว่าเป็นการเกิดใหม่ทางวิญญาณ [ดู โมไซยาห์ 27:24–26])

เชื้อเชิญนักเรียนสองสามคนอ่านออกเสียง เอเฟซัส 2:7–10 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาสิ่งที่ทำให้คนต่างชาติและชาวยิวทำการเปลี่ยนแปลงนี้

  • อะไรทำให้วิสุทธิชนทั้งสองกลุ่มทำการเปลี่ยนแปลงนี้ (พระคุณของพระเยซูคริสต์)

  • เราเรียนรู้ความจริงอะไรจากข้อเหล่านี้เกี่ยวกับว่าพระคุณของพระเยซูคริสต์ทำให้สิ่งใดเป็นไปได้สำหรับบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า (หลังจากนักเรียนตอบ ให้เขียนความจริงต่อไปนี้บนกระดาน เนื่องจากพระคุณของพระเยซูคริสต์ มนุษยชาติทั้งปวงสามารถรอดได้โดยผ่านศรัทธาในพระองค์)

ชี้ให้เห็นว่าเปาโลเน้นว่าเราไม่สามารถรอดได้โดยการกระทำเพียงอย่างเดียวไม่ว่าการกระทำนั้นจะดีเพียงใด (ดู ข้อ 8–9) เพื่อช่วยให้ชั้นเรียนเข้าใจความจริงที่ระบุข้างบน เชื้อเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านคำกล่าวต่อไปนี้โดยประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟแห่งฝ่ายประธานสูงสุด

ภาพ
ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ

“เพราะเราทุกคน ‘ทำบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า’ [โรม 3:23] และเพราะ ‘ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ไม่สะอาดจะเข้าในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าได้’ [1 นีไฟ 15:34] เราแต่ละคนจึงไม่มีค่าควรที่จะกลับไปยังที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า …

“… เราไม่อาจเปิดทางเข้าสู่สวรรค์ ข้อเรียกร้องของความยุติธรรมขวางกั้นอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่มีอำนาจจะเอาชนะได้ด้วยตนเอง

“แต่ยังไม่สิ้นหวัง

“พระคุณของพระผู้เป็นเจ้าคือความหวังที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืนของเรา

“โดยผ่านการพลีพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์ แผนแห่งความเมตตาทำให้เพียงพอแก่ข้อเรียกร้องของความยุติธรรม [ดู แอลมา 42:15] ‘และ [นำ] มาซึ่งหนทางให้มนุษย์เพื่อพวกเขาจะมีศรัทธาสู่การกลับใจ’ [แอลมา 34:15]

“ถึงบาปของเจ้าเป็นเหมือนสีแดงเข้ม ก็จะขาวอย่างหิมะ [ดู อิสยาห์ 1:18] เพราะผู้ช่วยให้รอดอันเป็นที่รักของเรา ‘ประทานพระองค์เองให้เป็นค่าไถ่สำหรับทุกคน’ (1 ทิโมธี 2:6ทางเข้าสู่อาณาจักรนิรันดร์ของพระองค์เตรียมไว้สำหรับเรา [ดู 2 เปโตร 1:11]

“ประตูถอดสลักแล้ว! …

“เพื่อสืบทอดรัศมีภาพนี้เป็นมรดก เราต้องมีมากกว่าประตูที่ถอดสลักแล้ว เราต้องผ่านเข้าประตูด้วยความปรารถนาของใจที่จะเปลี่ยน —การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากจนพระคัมภีร์บรรยายว่าเป็นการ ‘เกิดใหม่; แท้จริงแล้ว, เกิดจากพระผู้เป็นเจ้า, เปลี่ยนจากสภาพ [ทางโลก] และสภาพที่ตก [ของเรา], มาสู่สภาพแห่งความชอบธรรม, โดยได้รับการไถ่จากพระผู้เป็นเจ้า, กลายเป็นบุตรและธิดาของพระองค์’ [โมไซยาห์ 27:25] …

“พระคุณคือของประทานจากพระผู้เป็นเจ้า และความปรารถนาที่จะเชื่อฟังพระบัญญัติแต่ละข้อของพระผู้เป็นเจ้าคือการเอื้อมมือมรรตัยของเราออกไปรับของประทานศักดิ์สิทธิ์นี้จากพระบิดาบนสวรรค์” (“ของประทานแห่งพระคุณ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2015, 107, 109)

  • การใช้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์และการกลับใจจากบาปของเราช่วยให้เราได้รับของประทานแห่งพระคุณอย่างไร

ภาพ
รายละเอียด แบบพระวิหารเยรูซาเล็ม

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจ บริบท ทางประวัติศาสตร์ของความสัมพันธ์ระหว่างชาวยิวกับคนต่างชาติก่อนที่จะสั่งสอนพระกิตติคุณแก่บุตรธิดาทุกคนพระผู้เป็นเจ้า ให้แสดง ภาพ ประกอบ “กำแพงที่แยกสองฝ่าย” (เอเฟซัส 2:14) ในบริเวณด้านนอกของพระวิหารในเยรูซาเล็ม (หรือเชื้อเชิญให้นักเรียนเปิดไปที่ภาพถ่ายในพระคัมภีร์ไบเบิล, ภาพถ่าย 9, “พระวิหารของเฮโรด”) อธิบายว่าคนต่างชาติที่ไม่ได้ทำพันธสัญญากับพระเจ้า ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเกินกำแพงนี้สู่บริเวณที่ศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นของพระวิหาร พวกเขาได้รับการปฏิบัติในฐานะ “คนนอกและคนต่างด้าว” (เอเฟซัส 2:19) กำแพงกั้นของจริงเป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งแยกทางวิญญาณที่เกิดขึ้นระหว่างชาวยิวกับคนต่างชาติก่อนการเปิดเผยของเปโตรว่าพระกิตติคุณต้องสั่งสอนให้แก่คนต่างชาติ

เชื้อเชิญนักเรียนสองสามคนที่แยกออกจากชั้นเรียนให้ผลัดกันอ่านออกเสียงจาก เอเฟซัส 2:12–15 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงทำอะไรกับสิ่งขวางกั้นระหว่างชาวยิวกับคนต่างชาติ ชี้ให้เห็นว่าคำว่า ศัตรู หมายถึง “การเป็นปฏิปักษ์ ความเป็นอริ และความเกลียดชัง” (คู่มือพระคัมภีร์, “อริ (ความเป็น)” scriptures.lds.org)

  • อะไรที่ทำให้คนต่างชาติและชาวยิวมารวมกัน (โดยผ่านพระโลหิตของพระคริสต์ กำแพงซึ่งแบ่งแยกชาวยิวกับคนต่างชาติทางวิญญาณได้ถูกขจัด และกลายเป็น “คนใหม่คนเดียวกัน” [เอเฟซัส 2:15] หรือร่างที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์ เขียนความจริงต่อไปนี้บนกระดาน เมื่อเรามาหาพระเยซูคริสต์และได้รับส่วนพระคุณของพระองค์ เราเป็นหนึ่งเดียวกันกับวิสุทธิชนของพระผู้เป็นเจ้า)

ให้ดึงเทปกาวหรือเชือกที่แยกนักเรียนออก จากนั้นเชื้อเชิญนักเรียนที่แยกออกไปให้เข้ามารวมกับนักเรียนที่เหลือในชั้นเรียน กระตุ้นให้นักเรียนที่เป็นตัวแทนของชาวยิวเชื้อเชิญนักเรียนที่แยกออกไปให้มานั่งข้างพวกเขา

เชื้อเชิญนักเรียนสองสามคนผลัดกันอ่านออกเสียงจาก เอเฟซัส 2:16–19 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาวลีที่เน้นย้ำความจริงเพิ่มขึ้นว่าเมื่อเรามาหาพระเยซูคริสต์และรับส่วนพระคุณของพระองค์ เราจะเป็นหนึ่งเดียวกันกับวิสุทธิชนของพระผู้เป็นเจ้า

  • ท่านพบว่าวลีใดที่เน้นย้ำความจริงมากขึ้นว่าเมื่อเรามาหาพระเยซูคริสต์และรับส่วนพระคุณของพระองค์ เราจะเป็นหนึ่งเดียวกันกับวิสุทธิชนของพระผู้เป็นเจ้า

  • ท่านคิดว่าเหตุใดความจริงนี้จึงสำคัญสำหรับเราที่จะเข้าใจและประยุกต์ใช้ในศาสนจักรในปัจจุบัน

  • เราจะช่วยผู้อื่นให้เป็นหรือรู้สึกเหมือนเป็น “พลเมืองเดียว” (ข้อ 19) ในศาสนจักรอีกครั้งแทนที่จะเป็นคนนอกได้อย่างไร

  • บางคนเคยช่วยท่านให้รู้สึกเหมือนเป็นพลเมืองเดียวกับวิสุทธิชนแทนที่จะเป็นคนนอกเมื่อใด ท่านเคยพยายามช่วยให้บางคนรู้สึกแบบนี้เมื่อใด

เชื้อเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง เอเฟซัส 2:20–22 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาสิ่งที่เปาโลสอนว่าเป็นรากฐานของศาสนจักร

  • เปาโลสอนความจริงอะไรในข้อเหล่านี้เกี่ยวกับโครงสร้างของศาสนจักรของพระเจ้า (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่พวกเขาควรระบุว่า ศาสนจักรของพระเจ้าสร้างขึ้นบนรากฐานของอัครสาวกและศาสดาพยากรณ์ โดยมีพระเยซูคริสต์เป็นศิลามุมเอก)

  • ศิลามุมเอกคืออะไร (ศิลาขนาดใหญ่ที่วางไว้ตรงหัวมุมของฐานเพื่อให้ความเข้มแข็งและความมั่นคงแก่โครงสร้างทั้งหมด)

ภาพ
ศิลาหัวมุม

วาด ภาพ ศิลาหัวมุมที่เชื่อมผนังสองข้าง

  • พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอกที่สำคัญที่สุดของศาสนจักรในทางใดบ้าง ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 21 เกิดอะไรขึ้นกับส่วนที่เหลือของศาสนจักรเนื่องจากศิลามุมเอกนี้

  • อัครสาวกและศาสดาพยากรณ์สร้างส่วนที่เหลือของรากฐานศาสนจักรในทางใดบ้าง

  • รากฐานนี้ก่อให้เกิดความมั่นคงแก่ศาสนจักรและป้องกันศาสนจักรจากการจู่โจมของมารอย่างไร

เอเฟซัส 3

เปาโลแสดงความปรารถนาของเขาที่มีต่อวิสุทธิชนของเอเฟซัส

สรุป เอเฟซัส 3:1–16 โดยอธิบายว่าเปาโลสั่งสอนเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และสอนว่าผ่านทางพระองค์ คนต่างชาติสามารถเป็น “ผู้ร่วมรับมรดก” (ข้อ 6) กับอิสราเอลและผู้รับส่วนคำสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า

เชื้อเชิญนักเรียนสองสามคนผลัดกันอ่านออกเสียงจาก เอเฟซัส 3:14–19 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาว่าเปาโลปรารถนาจะช่วยให้วิสุทธิชนรู้และรู้สึกอะไรอีก

  • ตามที่กล่าวไว้ในข้อเหล่านี้ เปาโลต้องการให้วิสุทธิชนรู้และรู้สึกอย่างไร

เขียนความจริงต่อไปนี้บนกระดาน อัครสาวกและศาสดาพยากรณ์พยายามช่วยให้บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้ารู้และรู้สึกถึงความรักของพระเยซูคริสต์

ให้นักเรียนดูภาพฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองจากนิตยสาร เลียโฮนา ฉบับการประชุมใหญ่ครั้งล่าสุด

  • อัครสาวกและศาสดาพยากรณ์พยายามช่วยให้บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้ารู้และรู้สึกถึงความรักของพระเยซูคริสต์ในสมัยของเราอย่างไร

  • คำสอนของอัครสาวกและศาสดาพยากรณ์เคยช่วยให้ท่านรู้และรู้สึกถึงความรักของพระเยซูคริสต์มากขึ้นเมื่อใด

สรุปโดยแบ่งปันประจักษ์พยานของท่านถึงความจริงที่สนทนาในบทนี้ และเชื้อเชิญให้นักเรียนทำตามความจริงเหล่านี้

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

เอเฟซัส 2:8–10 “เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความรอดแล้วด้วยพระคุณโดยทางความเชื่อ … เพื่อให้ทำการดี”

“ใน เอเฟซัส 2:8–10เปาโลสนทนาถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระคุณ ศรัทธา และงานดี ในที่สุดแล้ว ความรอดมาโดยผ่านคุณความดีจากการกระทำของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่จากการกระทำของเรา เปาโลเรียกผู้ติดตามของพระเยซูคริสต์ว่า ‘ฝีพระหัตถ์ [ของพระผู้เป็นเจ้า] ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ทำการดี’ (เอเฟซัส 2:10) สิ่งนี้ยิ่งเน้นการกระทำของพระเจ้ามากกว่าการกระทำของเราเองและสอนว่าความสามารถของเราในการทำงานดีเกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่พระคุณของพระเยซูคริสต์ทำให้เกิดขึ้นภายในเราเมื่อเราหันไปหาพระองค์ด้วยศรัทธา (ดู 1 โครินธ์ 15:10 และ ฟีลิปปี 2:13ด้วย)” (คู่มือนักเรียน พันธสัญญาใหม่ [คู่มือของระบบการศึกษาของศาสนจักร, 2014], 425)

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายว่า

“ความรอดในทุกรูปแบบ ทุกประเภท และทุกระดับมาจากพระคุณของพระผู้เป็นเจ้า กล่าวคือ เนื่องจากความรัก พระเมตตา และพระจริยวัตรอันอ่อนน้อมของพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาของเราทรงแต่งตั้งแผนและระบบแห่งความรอดซึ่งจะ ‘ทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของมนุษย์’ (โมเสส 1:39) ตามแผนนี้พระองค์ทรงส่งพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดของพระองค์มาในโลกนี้เพื่อทำให้การพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้อันไม่มีขอบเขตและเป็นนิรันดร์เกิดขึ้น …

“ดังนั้น มนุษย์จึงรอดโดยพระคุณเท่านั้นในเรื่องการฟื้นคืนชีวิต พวกเขารอดโดยพระคุณประกอบกับการเชื่อฟังในความหมายของการได้รับชีวิตนิรันดร์ แผนพระกิตติคุณคือเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดในอาณาจักรซีเลสเชียล ดังนั้นเปาโลจึงสอนความรอดโดยพระคุณผ่านทางศรัทธา การเชื่อฟัง ผ่านการยอมรับพระคริสต์ และผ่านการรักษาพระบัญญัติ นีไฟจึงเขียนว่า ‘ให้คืนดีกับพระผู้เป็นเจ้า; เพราะเรารู้ว่าโดยพระคุณนั่นเองที่เราได้รับการช่วยให้รอด, หลังจากเราทำทุกสิ่งจนสุดความสามารถแล้ว’ (2 นีไฟ 25:23) และโมไรไนบันทึกว่า ‘จงมาหาพระคริสต์, และได้รับการทำให้ดีพร้อมในพระองค์, และปฏิเสธตนจากความไม่เป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าทุกอย่าง; และหากท่านจะปฏิเสธตนจากความไม่เป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าทุกอย่าง, และรักพระผู้เป็นเจ้าด้วยสุดพลัง, ความนึกคิด, และพละกำลังของท่าน, เมื่อนั้นพระคุณของพระองค์จึงเพียงพอสำหรับท่าน, เพื่อโดยพระคุณของพระองค์ท่านจะดีพร้อมในพระคริสต์’ (โมโรไน 10:32)” (Doctrinal New Testament Commentary, 3 vols. [1965–73], 2:498–99)

เอเฟซัส 2:20–22 รากฐานและศิลาหัวมุมของศาสนจักร

เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวถึงโครงสร้างของศาสนจักรดังนี้

“ในสมัยพันธสัญญาใหม่ ในสมัยพระคัมภีร์มอรมอน และในสมัยปัจจุบัน เจ้าหน้าที่เหล่านี้ก่อศิลารากฐานของศาสนจักรที่แท้จริง ซึ่งอยู่รายรอบและได้ความแข็งแกร่งจากศิลามุมเอก ‘ศิลาของพระผู้ไถ่ของเรา, ผู้ทรงเป็นพระ [เยซู] คริสต์, พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า’ [ฮีลามัน 5:12] … รากฐานในพระคริสต์เช่นนี้เคยเป็นและจะเป็นเครื่องคุ้มครองตลอดไปในวันเวลา ‘เมื่อมารจะส่งลมอันมีกำลังแรงของเขามา, แท้จริงแล้ว, ลูกศรของเขาในลมหมุน, แท้จริงแล้ว, เมื่อลูกเห็บของเขาและพายุอันมีกำลังแรงของเขาทั้งหมดจะกระหน่ำมาบนลูก’” (“ศาสดา ผู้พยากรณ์ และผู้รับการเปิดเผย,” เลียโฮนา, พ.ย. 2004, 8)

วลี “ถูกเชื่อมต่อกัน” ใน เอเฟซัส 2:21 แนะนำบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในศาสนจักร ไม่มีศิลาสองก้อนที่จะมีโครงสร้างเหมือนกัน และมีหลายก้อนที่มีขนาดและรูปร่างต่างกัน กระนั้นแต่ละก้อน “เชื่อมต่อกัน” เพื่อทำให้เกิดโครงสร้าง เช่นเดียวกัน ไม่มีสมาชิกของศาสนจักรสองคนที่เหมือนกันทุกอย่าง แต่ทุกคน“เชื่อมต่อ” เข้าด้วยกันเพื่อสร้างศาสนจักรของพระเจ้า