เซมินารี
บทที่ 101: หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:1–22


บทที่ 101

หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:1–22

คำนำ

วันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1833 ชาวมิสซูรีกลุ่มหนึ่ง 400–500 คนไม่ต้องการให้วิสุทธิชนย้ายเข้ามาอยู่เทศมณฑลแจ็คสันอีก ส่วนคนที่อยู่ที่นั่นแล้วต้องออกไป วิสุทธิชนในมิสซูรียังไม่ทันตอบโต้ กลุ่มคนร้ายก็เริ่มทำลายทรัพย์สินและขู่จะเอาชีวิตพวกเขา วันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1833 ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธได้รับการเปิดเผยที่บันทึกไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 98ซึ่งพระเจ้าทรงแนะนำวิสุทธิชนเกี่ยวกับวิธีตอบโต้การข่มเหง แม้จะมีข่าวความเดือดร้อนในมิสซูรีมาเข้าหูท่านศาสดาพยากรณ์ในเคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ ห่างออกไปราว 900 ไมล์ (1,450 กิโลเมตร) อยู่บ้าง แต่ท่านสามารถเข้าใจความรุนแรงของสถานการณ์ผ่านการเปิดเผยเท่านั้น ในการเปิดเผยนี้พระเจ้าทรงรับทราบความทุกข์ของวิสุทธิชนในมิสซูรีและโอไฮโอ พระองค์ทรงแนะนำให้พวกเขาทำตามกฎรัฐธรรมนูญของแผ่นดินและรักษาพันธสัญญาของพวกเขา

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:1–3

พระเจ้าทรงปลอบใจวิสุทธิชนขณะพวกเขามีความทุกข์

ก่อนเริ่มชั้นเรียน ให้เขียนคำถามต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: ท่านจะรู้สึกอย่างไร

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงย่อหน้าต่อไปนี้ ขอให้ชั้นเรียน คิดว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไร หากพวกเขาอยู่ในสถานการณ์นี้

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1833 ชาวเมืองมิสซูรีที่โกรธแค้นราว 400 ถึง 500 คนประชุมกันที่อาคารศาลในอินดิเพนเดนซ์ มิสซูรี พวกเขาเลือกคณะกรรมการชุดหนึ่งให้ร่างเอกสารสรุปสิ่งที่พวกเขาเรียกร้องจากชาวมอรมอน พวกเขาเรียกร้องไม่ให้วิสุทธิชนยุคสุดท้ายย้ายเข้ามาเทศมณฑลแจ็คสันอีกและกล่าวว่าคนที่เข้ามาอยู่ที่นั่นแล้วต้องสัญญาว่าจะออกไปให้เร็วที่สุด นอกจากนี้พวกเขายังเรียกร้องให้หนังสือพิมพ์ของศาสนจักรหยุดตีพิมพ์ด้วย เมื่อเสนอข้อเรียกร้องเหล่านี้ต่อผู้นำศาสนจักรในมิสซูรี ผู้นำศาสนจักรตกใจและขอเวลาสามเดือนพิจารณาข้อเสนอและหารือกับผู้นำศาสนจักรในโอไฮโอ กลุ่มพลเมืองมิสซูรีที่เสนอข้อเรียกร้องปฏิเสธคำขอของผู้นำศาสนจักร ต่อจากนั้นวิสุทธิชนขอเวลา 10 วัน แต่พวกเขาได้รับอนุญาตให้ตอบภายใน 15 นาที (ดู ประวัติศาสนาจักรในความสมบูรณ์แห่งเวลา คู่มือนักเรียน, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 [คู่มือระบบการศึกษาของศาสนจักร, 2003], 134–135)

ให้นักเรียนดูคำถามบนกระดาน และถามคำถามต่อไปนี้

  • ท่านจะรู้สึกอย่างไรหากท่านเป็นวิสุทธิชนคนหนึ่งที่อยู่ในอินดิเพนเดนซ์ มิสซูรีเวลานั้น

หลังจากนักเรียนตอบ ให้เชิญนักเรียนอีกคนหนึ่งอ่านออกเสียงย่อหน้าต่อไปนี้

ชาวมิสซูรีที่ประชุมกันในอาคารศาลอินดิเพนเดนซ์กลายเป็นคนร้ายทันที พวกเขาตัดสินใจทำลายสำนักพิมพ์และแท่นพิมพ์ คนเหล่านั้นบุกเข้าไปในสำนักพิมพ์ โยนเฟอร์นิเจอร์ไปที่ถนนและสวน พังแท่นพิมพ์ ทำให้ตัวพิมพ์กระจายเกลื่อนกลาด และทำลายงานพิมพ์เกือบทั้งหมด รวมทั้งแผ่นหนังสือพระบัญญัติส่วนใหญ่ที่ยังไม่ได้เย็บเล่ม จากนั้นกลุ่มคนร้ายก็ไปพังร้านกิลเบิร์ตและวิทนีย์ แต่ซิดนีย์ กิลเบิร์ตพบกลุ่มคนร้ายก่อนพวกเขาจะลงมือตามแผนและสัญญาว่าเขาจะเก็บข้าวของออกไปภายในสามวัน (ดู ประวัติศาสนาจักรในความสมบูรณ์แห่งเวลา, 135)

ขอให้นักเรียนแบ่งปันคำตอบของคำถามบนกระดานเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากนักเรียนแบ่งปันความคิดแล้ว ให้เชิญนักเรียนคนที่สามอ่านย่อหน้าต่อไปนี้

สามวันต่อมา วันที่ 23 กรกฎาคม กลุ่มคนร้ายปรากฏตัวอีกครั้งในเทศมณฑลแจ็คสัน มิสซูรี คราวนี้พกปืนยาว ปืนสั้น แส้ และไม้พลองมาด้วย พวกเขาจุดไฟเผากองฟางและนาข้าว ทำลายบ้านเรือนหลายหลัง ยุ้งฉาง และธุรกิจต่างๆ ในที่สุดพวกเขาประจันหน้ากับผู้นำศาสนจักรหกคนที่เสนอชีวิตเป็นค่าไถ่เมื่อเห็นว่าทรัพย์สินและชีวิตของวิสุทธิชนตกอยู่ในอันตราย หัวหน้ากลุ่มคนร้ายไม่ยอมรับข้อเสนอและขู่จะเฆี่ยนชายหญิงและเด็กทุกคนหากพวกเขาไม่ยอมออกจากเทศมณฑล เมื่อถูกกดดันพี่น้องชายจึงเซ็นยินยอมออกจากเทศมณฑลแจ็คสัน ครึ่งหนึ่งของสมาชิกศาสนจักรและผู้นำส่วนใหญ่จะออกวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1834 และที่เหลือจะออกวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1834 กลุ่มคนร้ายยอมให้จอห์น คอร์ริลล์และซิดนีย์ กิลเบิร์ตอยู่ขายทรัพย์สินของวิสุทธิชนที่ถูกไล่ออกไป (ดู ประวัติศาสนาจักรในความสมบูรณ์แห่งเวลา, 136)

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำนำภาคของ หลักคำสอนและพันธสัญญา 98 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่กระตุ้นการเปิดเผยนี้ เชื้อเชิญให้นักเรียนรายงานคำตอบของพวกเขา

  • ตามที่กล่าวไว้ในคำนำภาค มีอะไรที่น่าสังเกตเกี่ยวกับจังหวะเวลาของการเปิดเผยนี้

อธิบายว่าวิสุทธิชนในโอไฮโอกำลังประสบการข่มเหงระหว่างนี้เช่นกัน หลักธรรมในการเปิดเผยนี้ประยุกต์ใช้กับพวกเขา และประยุกต์ใช้กับเราได้เช่นกัน เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:1–2 ขอให้ชั้นเรียนมองหาคำแนะนำที่พระเจ้าประทานแก่วิสุทธิชน (อาจเป็นประโยชน์ถ้าอธิบายว่า ซาบาโอธ ใน ข้อ 2เป็นคำภาษาฮีบรูหมายถึง “ไพร่พล” หรือ “กองทัพ” การใช้คำนี้บอกเป็นนัยว่าพระเจ้าทรงบัญชากองทัพหรือไพร่พลของเหล่าเทพ และกองทัพของอิสราเอล หรือวิสุทธิชน [ดู Bible Dictionary, “Sabaoth”])

  • พระเจ้าประทานคำแนะนำอะไรแก่วิสุทธิชน (เขียนคำตอบของนักเรียนไว้บนกระดาน)

  • เหตุใดจึงสำคัญที่วิสุทธิชนต้องขอบพระทัยในยามยากลำบาก

  • ท่านคิดว่ารอคอยพระเจ้าอย่างอดทนหมายความว่าอย่างไร

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์โรเบิร์ต ดี. เฮลส์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง ขอให้ชั้นเรียนฟังว่าการรอคอยพระเจ้าอย่างอดทนหมายความว่าอย่างไร

ภาพ
เอ็ลเดอร์โรเบิร์ต ดี. เฮลส์

“แล้วการรอคอยพระเจ้าหมายความว่าอย่างไร ในพระคัมภีร์ คำว่า รอ หมายถึงหวัง คาดหวัง และวางใจ การหวังและวางใจในพระเจ้าเรียกร้องศรัทธา ความอดทน ความอ่อนน้อม ความอ่อนโยน ความอดกลั้น การรักษาพระบัญญัติ และการอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่” (“การรอคอยพระเจ้า: ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์,” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, 92)

  • เหตุใดคำแนะนำให้รอคอยพระเจ้าอย่างอดทนจึงสำคัญสำหรับวิสุทธิชนในมิสซูรี

  • ท่านเห็นคำปลอบโยนอะไรใน ข้อ 2

เขียนข้อความที่ไม่ครบถ้วนต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: หากเราน้อมขอบพระทัยในทุกสิ่งและรอคอยพระเจ้าอย่างอดทน เมื่อนั้น …

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:3 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญากับวิสุทธิชนหากพวกเขาจะเชื่อฟังคำแนะนำของพระองค์

  • ท่านจะเติมหลักธรรมบนกระดานให้ครบถ้วนโดยใช้ ข้อ 3เป็นหลักว่าอย่างไร (ต่อไปนี้เป็นวิธีหนึ่งที่นักเรียนจะเติมหลักธรรมให้ครบถ้วน: หากเราน้อมขอบพระทัยในทุกสิ่งและรอคอยพระเจ้าอย่างอดทน เมื่อนั้นพระเจ้าจะทรงทำให้ความทุกข์ของเราส่งผลเพื่อความดีของเรา)

เชื้อเชิญให้นักเรียนนึกถึงคนบางคนที่พวกเขารู้จักผู้รอคอยพระเจ้าอย่างอดทนในยามยากลำบากและพบเหตุผลให้สำนึกคุณ

  • ความทุกข์ทำให้เกิดผลดีในชีวิตบุคคลนั้นอย่างไร

หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:4–10

พระเจ้าทรงแนะนำวิสุทธิชนให้เกื้อกูลกฎของแผ่นดิน

อธิบายว่านอกจากจะทรงแนะนำให้วิสุทธิชนรอคอยอย่างอดทนแล้ว พระเจ้ารับสั่งให้พวกเขาเชื่อฟังพระบัญญัติทั้งหมดด้วย (ดู คพ. 98:4) และตรัสว่าพระองค์ทรงรับรองพวกเขา “ในการเกื้อกูล [หรือสนับสนุน] กฎนั้นซึ่งเป็นกฎรัฐธรรมนูญของแผ่นดิน” (คพ. 98:6) พระองค์ทรงอธิบายว่ากฎรัฐธรรมนูญของแผ่นดินสนับสนุน “หลักธรรมแห่งเสรีภาพข้อนั้นในการธำรงรักษาสิทธิ์และเอกสิทธิ์” และเป็นของ “มนุษยชาติทั้งปวง” (คพ. 98:5)

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:9–10 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่พระเจ้าตรัสเกี่ยวกับหัวหน้าฝ่ายปกครอง เชื้อเชิญให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ

หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:11–18

พระเจ้าทรงแนะนำให้วิสุทธิชนรักษาพันธสัญญาของพวกเขา แม้ในยามยาก

ขอให้นักเรียนไตร่ตรองคำถามต่อไปนี้

  • รางวัลอะไรมาถึงคนเหล่านั้นที่พลีชีพเพื่ออุดมการณ์ของพระเยซูคริสต์และพระนามของพระองค์

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:11–15 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาคำตอบของคำถามนั้นและสิ่งที่พระเจ้ารับสั่งกับวิสุทธิชนเกี่ยวกับการทดสอบหรือพิสูจน์พวกเขา

  • พระเจ้าประทานพระบัญญัติอะไรแก่วิสุทธิชน (ดู คพ. 98:11–12)

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 13–15อะไรคือหนึ่งเหตุผลที่พระเจ้าทรงทดสอบเรา (หลังจากนักเรียนตอบแล้วให้เขียนหลักธรรมต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: พระเจ้าทรงทดสอบเราเพื่อดูว่าเราจะรักษาพันธสัญญาของเราแม้เมื่อเราทำได้ยากหรือไม่)

  • เหตุใดจึงอาจจะสำคัญที่วิสุทธิชนผู้อยู่ในมิสซูรีปี 1833 ต้องรู้ความจริงนี้ เหตุใดจึงอาจจะสำคัญที่เราต้องจดจำความจริงนี้ในปัจจุบัน

ขอให้นักเรียนนึกถึงคนบางคนที่พวกเขารู้จักผู้เป็นแบบอย่างที่ดีของการรักษาพันธสัญญาในยามยากลำบาก เชิญนักเรียนสองสามคนแบ่งปันคำตอบของพวกเขากับชั้นเรียน

เชื้อเชิญให้นักเรียนพิจารณาสิ่งที่พวกเขาจะทำเพื่อจะอยู่อย่างเข้มแข็งและรักษาพันธสัญญาของพวกเขาแม้เมื่อทำได้ยาก

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:16–18 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาสิ่งที่พระเจ้าทรงแนะนำให้ผู้คนของพระองค์ทำ ขอให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ

หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:19–22

พระเจ้ารับสั่งให้วิสุทธิชนในเคิร์ทแลนด์กลับใจ

อธิบายว่า ณ เวลาที่พระเจ้าประทานการเปิดเผยนี้ วิสุทธิชนในเคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ กำลังประสบความยุ่งยากเช่นกัน ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:19–22เราอ่านข่าวสารของพระเจ้าสำหรับพวกเขา

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:19–22 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่พระเจ้าตรัสเกี่ยวกับวิสุทธิชนในเคิร์ทแลนด์ เชื้อเชิญให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ

  • พระดำรัสของพระเจ้าเกี่ยวกับวิสุทธิชนในเคิร์ทแลนด์เกี่ยวข้องอย่างไรกับสิ่งที่พระองค์รับสั่งกับวิสุทธิชนในมิสซูรี (ดู ค.พ. 98:11)

  • ข่าวสารของพระเจ้าใน ข้อ 11 จะประยุกต์ใช้กับเราได้อย่างไร (ช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่า “แนบสนิท” กับความดีคือตั้งใจทำความดีโดยไม่หวั่นไหว)

สรุปโดยแสดงประจักษ์พยานของท่านเกี่ยวกับหลักคำสอนและหลักธรรมที่สนทนาวันนี้ กระตุ้นให้นักเรียนละทิ้งบาปและแนบสนิทกับความดี

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

หลักคำสอนและพันธสัญญา 98 สาเหตุของความขัดแย้งในเทศมณฑลแจ็คสัน

“ผู้อาศัยอยู่เดิมในพื้นที่นั้นหวาดระแวงมากขึ้นเมื่อจำนวนสมาชิกศาสนจักรในเทศมณฑลแจ็คสันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายคนกลัวว่าอีกไม่นานผู้อพยพมาใหม่จากตะวันออกเพราะมีศาสนาเป็นแรงผลักดันจะมีจำนวนมากกว่านี้ ‘ผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่เดิม’ มีพื้นเพต่างจากวิสุทธิชนที่เข้ามา และเป็นธรรมดาที่จะเกิดความต่างทางวัฒนธรรม การเมือง ศาสนา และเศรษฐกิจ

“ผู้อาศัยอยู่ในเทศมณฑลแจ็คสันเป็นกลุ่มคนที่ทำงานหยาบแต่กระฉับกระเฉง มาจากแถบภูเขาหลายรัฐทางภาคใต้จนถึงชายแดนตะวันตกของสหรัฐเพื่อหาเสรีภาพจากการควบคุมทางสังคม พวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีการศึกษาและขาดความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรมซึ่งพบเห็นได้มากในนิวอิงแลนด์และภาคตะวันออก หลายคนปล่อยตัวทำสิ่งหยาบคาย ละเมิดวันสะบาโต แข่งม้า ชนไก่ เกียจคร้าน เมาสุรา เล่นการพนัน และใช้ความรุนแรง …

“ผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่เดิมมองว่ากลุ่มวิสุทธิชนที่กำลังเพิ่มขึ้นเป็นภัยคุกคามทางการเมืองทั้งที่สมาชิกศาสนจักรไม่ได้ชิงตำแหน่งหรือลงคะแนนเสียงให้กลุ่มใดระหว่างพวกเขาอยู่ช่วงสั้นๆ ในเทศมณฑลแจ็คสัน ราวเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1833 ประชากรมอรมอนในเทศมณฑลมีเกือบหนึ่งพันสองร้อยคน และมาเพิ่มขึ้นทุกเดือน สมาชิกบางคนคุยว่าจะมีอีกหลายพันคนมาอยู่ในเทศมณฑลนี้ … คนในท้องที่หวั่นเรื่องความคลั่งศาสนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วซึ่งทำนายไว้ว่า ‘คนต่างชาติ’ ทั้งหมด (ไม่ใช่มอรมอน) จะถูกทำลายเมื่อสถาปนาอาณาจักรพันปีในเทศมณฑลแจ็คสัน

“บาทหลวงนิกายโปรเตสแตนต์ไม่พอใจมอรมอนที่รุกล้ำเข้ามาในเทศมณฑลเช่นกัน วิสุทธิชนยุคสุดท้ายถูกตราหน้าว่าเป็นพวกคลั่งศาสนา เป็นวายร้าย ถูกประณามว่าหลอกง่ายและโง่เขลาเบาปัญญาเพราะพวกเขาเชื่อและประสบสิ่งอัศจรรย์ คำพยากรณ์ การรักษา การเปิดเผย และการพูดภาษาต่างๆ บ่อยครั้ง ความอิจฉาริษยาและกลัวจะสูญเสียบางคนจากกลุ่มทำให้บาทหลวงเหล่านี้ต่อต้านมากขึ้น …

“นอกจากนี้ พ่อค้าพ่อขายที่เป็นมอรมอนยังได้รับช่วงกิจการค้ากำไรส่วนหนึ่งของแซนตาเฟเทรลที่ชาวมิสซูรีเคยครองตลาดมาก่อนด้วย ผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่เดิมบางคนกลัวว่าสมาชิกศาสนจักรจะเข้ามารับช่วงที่ดินและธุรกิจของพวกเขา ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือวิสุทธิชน ‘ไม่ได้ซื้อสินค้าจากพ่อค้าท้องถิ่นเพราะพวกเขาไม่มีเงิน แต่แลกเปลี่ยนกันเองที่คลังศาสนจักร … ผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่เดิมบางคนขายที่ดินให้พวกมอรมอนและย้ายไปอยู่ที่อื่น นี่ทำให้ลูกค้าในร้านต่างๆ ลดลงเรื่อยๆ และผู้ตั้งถิ่นฐานที่เหลือจะล่มจมทางการเงินในอนาคตแน่นอน [T. Edgar Lyon, “Independence, Missouri, and the Mormons, 1827–1833,” BYU Studies, autumn 1972, 17–18]

“สถานการณ์ซับซ้อนขึ้นไปอีกเมื่อมิสซูรีเกิดอุทกภัยในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1833 ทำให้ท่าเรือที่อินดิเพนเดนซ์พัง และแม่น้ำเปลี่ยนเส้นทางไหลออกจากชุมชน การตั้งเมืองใหม่ชื่อเวสต์พอร์ตที่มีท่าเรือดีกว่าและอยู่เลยต้นน้ำไปอีกทำให้ธุรกิจในอินดิเพนเดนซ์ตกต่ำ ผู้ประกอบการในอินดิเพนเดนซ์จึงกล่าวโทษวิสุทธิชนว่าทำให้เกิดสถานการณ์นี้ โดยที่เห็นล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่เดิมบางคนจึงเสนอขายทรัพย์สินให้วิสุทธิชน สมาชิกของศาสนจักรต้องการซื้อเรือกสวนไร่นาและกรรมสิทธิ์ทั้งหลาย แต่มีทุนทรัพย์ไม่พอ นี่ทำให้ชาวมิสซูรีโมโห และไม่นานพวกเขาก็แพร่ข่าวลือว่าพวกมอรมอนยากจนมาก

“ชาวมิสซูรีที่อยู่ตามแนวชายแดนกลัวและเกลียดพวกอินเดียนแดง ความเกลียดชังของพวกเขาเพิ่มขึ้นในทศวรรษ 1830 เมื่อรัฐบาลเริ่มให้ชนเผ่าทางตะวันออกย้ายไปอยู่ทางตะวันตกของอินดิเพนเดนซ์ หลังจากสงครามแบล็กฮ็อคในปี 1832 พลเมืองทางตะวันตกของมิสซูรียื่นคำร้องขอให้รัฐสภากำหนดแนวที่มั่นทางทหารเพื่อคุ้มกันพวกเขา ผู้สอนศาสนามอรมอนกลุ่มแรกเข้ามาประกาศจุดหมายของชนพื้นเมืองอเมริกันท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดนี้ ผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่เดิมเกรงว่าวิสุทธิชนจะใช้พวกอินเดียนแดงช่วยพวกเขายึดครองบริเวณเยรูซาเล็มใหม่ สถานการณ์ซับซ้อนขึ้นไปอีกเมื่อบาทหลวงนิกายโปรเตสแตนต์อิจฉาวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่กำลังเผยแผ่ศาสนาในหมู่ชาวอินเดียนแดง

“ความขัดแย้งระหว่างวิสุทธิชนกับผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่เดิมกลายเป็นวิกฤติเรื่องทาส มิสซูรีกลายเป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐที่มีทาสได้ตามกฎหมายภายใต้กฎหมายประนีประนอมปี 1820 แต่ก็ยังจำกัดการครอบครองทาส ผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่เดิมถือว่าตนมีสิทธิ์ครอบครองทาสและเหยียดหยามการเลิกทาส วิสุทธิชนบางคนรับเอาทัศนะของผู้รณรงค์ให้เลิกทาสมาจากภาคเหนือและภาคตะวันออก ทำให้ทั่วภาคใต้เวลานั้นกลัวว่าทาสคนผิวดำจะก่อกบฎ ในปี 1831 ทาสของแนท เทอร์เนอร์ลุกฮือในเวอร์จิเนีย ส่งผลให้คนผิวขาวเจ็ดสิบกว่าคนและทาสหนึ่งร้อยคนเสียชีวิต รัฐที่มีทาสต่างหวั่นกลัวการก่อจลาจลโดยไม่มีเหตุผล ด้วยเหตุนี้ตอนต้นปี 1832 ชาวมิสซูรีจึงระส่ำระสายหนักเมื่อมีข่าวลือว่าวิสุทธิชนกำลังพยายามเกลี้ยกล่อมให้ทาสไม่เชื่อฟังนายหรือหลบหนี

“เพื่อยุติข่าวลือนี้ Evening and Morning Star เดือนกรกฎาคม ปี 1833 จึงลงบทความเตือนผู้สอนศาสนาเรื่องการเผยแผ่ศาสนาในหมู่ทาสและอดีตทาส ที่เรียกว่า ‘อิสรชนคนผิวสี’ น่าเสียดายที่ผู้สอนศาสนาในท้องที่ตีความคำแนะนำนี้ผิดคิดว่าบราเดอร์เฟลพ์สกำลังเชิญชวนให้คนผิวดำที่เป็นอิสรชนมาสมทบกับมอรมอนในเทศมณฑลแจ็คสัน บทความนี้เป็นเหตุให้เกิดความโกรธเกรี้ยวโกลาหลจนเฟลพ์สต้องออกบทความ ‘พิเศษ’ อธิบายว่าศาสนจักรไม่มีเจตนาจะชวนคนผิวดำที่เป็นอิสรชนมามิสซูรี แต่คำชี้แจงไม่มีผลใดๆ (ดู ประวัติศาสนาจักรในความสมบูรณ์แห่งเวลา คู่มือนักเรียน, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 [คู่มือระบบการศึกษาของศาสนจักร, 2003], 133–134)